“มองตาละห้อยเลยนะ เนี่ยไม่ใช่แค่หมามองเครื่องบินหรือหมาเห็นปลากระป๋องนะโว้ย! แต่เอ็งอะเหมือนหมาที่มองปลากระป๋องอยู่บนเครื่องบินเลยว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“หลบไปเลย เอ็งก็ไม่ต่างกันหรอก” ปราณรต์ปัดใบหน้ายียวนหัวเราะร่าของแทนคุณให้พ้นไปจากเลนส์กล้องของเขา เพราะแม้แต่ภาพเบื้องหลังของเธอ เขาก็อยากจะบันทึกไว้ให้ครบ ทุกความประทับใจของเขาที่มีต่อเธอคนนี้ แม้ว่ามันจะรางเลือน แต่เขาก็มีความสุขที่ได้ทำ
“ไม่ต่างกันยังไงวะ ไหนพูดมาดิ๊” คิ้วเข้มของแทนคุณขมวดเข้าหากัน สังหรณ์ใจว่าความลับคงจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
“ไอ้แทน ข้าเพื่อนเอ็งนะโว้ย! เอ็งคิดว่าข้าไม่รู้รึไงว่าเอ็งน่ะชอบแม่ม่าย หึหึ...ม่ายเรือพ่วงสองลำซะด้วย”
“ไอ้ปราณรต์ ไอ้เพื่อนบ้า เดี๋ยวเถอะ รอบหน้าข้าจะไม่ให้เอ็งถ่าย”
“ไอ้แทน”
ปราณรต์หุบยิ้มเยาะเย้ยในทันทีที่สายตารู้ทันปนรอยยิ้มเป็นต่อของแทนคุณตอบกลับมา จึงตอบโต้ได้เพียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน และยืนมองแทนคุณเดินล้อเลียนจากไป
.
.
หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าสะสวยในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนที่กำลังนั่งดูตาชั่งพร้อมจดบันทึกน้ำหนักของทุเรียนซึ่งคนงานกำลังทยอยลำเลียงออกมาจากสวนอยู่นั้น คือเป้าหมายที่ผู้มาใหม่ต้องการมาพบ
‘รัชนี’ ผู้จัดการบัญชีสาวโสดวัย 35 ปีได้หยุดยืนดูขั้นตอนการทำงานในสวนพร้อมกับลอบสำรวจน้องสาวของตนเองไปด้วย ในเดือนนี้ซึ่งกำลังอยู่ในหน้าเก็บเกี่ยวผลทุเรียน มังคุดและเงาะ ที่จะให้ผลผลิตออกมาพร้อมๆ กัน ซึ่งจะส่งผลในด้านกลไกราคา เพราะยิ่งผลผลิตออกมามากเท่าไร ราคาก็จะยิ่งลดต่ำลงเท่านั้น ดังนั้นหากผลไม้ของสวนใดออกก่อนหรือออกล่าช้า สวนนั้นย่อมได้เปรียบในด้านราคาขายที่อาจเพิ่มมากขึ้น ชนิดที่ว่าเก็บก่อนย่อมขายได้ราคาก่อน และก็เป็นเหตุผลที่น้องสาวของเธอต้องมาคุมคนงานเองในวันนี้
รัชนีมองน้องสาวพร้อมกับมองเด็กชายตัวน้อยวัยประมาณห้าขวบที่วิ่งเล่นอยู่ไม่ไกลจากผู้เป็นแม่อย่าง ‘รัญชนา’ น้องสาวคนเล็กของเธอคงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ หากไม่คิดชิงสุกก่อนห่ามและต้องกลายมาเป็นคุณแม่ยังสาว ที่วันๆ ต้องเอาแต่หมกตัวอยู่ในสวน เพราะความรู้สึกผิดที่ว่าตนเองทำให้ครอบครัวต้องอับอายขายหน้า...ตั้งท้องทั้งที่ยังเรียนไม่จบ ทั้งแฟนหนุ่มของรัญชนานั้นก็ไม่ได้มีฐานะพอที่จะช่วยกู้หน้าตาให้ครอบครัวเธอได้ เพราะเขาเองก็เป็นเพียงนักศึกษาที่ต้องทำงานไปเรียนไป
เมื่อรัญชนาเลือกที่จะดรอปเรียนและกลับมาคลอดลูกที่เมืองจันท์ เขาจึงเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับครอบครัวเธอ เพราะแม่เธอรับไม่ได้ที่จะต้องยอมรับคนซึ่งทำลายอนาคตของลูกสาวตนเองเข้ามาอยู่ร่วมชายคาบ้าน และที่แม่เธอเกลียดที่สุดเลยก็คือผู้ชายที่มักมาก
“รัญ”
รัญชนาละสายตาจากบัญชีจดบันทึกน้ำหนักทุเรียน หันหน้ามาตามเสียงเรียกคุ้นเคยนั้น รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเธอ ก่อนจะเรียกลูกชายให้เข้ามาหา พร้อมชี้ชวนให้ดูผู้ที่มาใหม่
“ป้านีคร้าบ!”
“คร้าบลูก โห! ไม่เจอกันแป๊บเดียวน้องลมของป้าโตเป็นหนุ่มแล้ว” รัชนีโอบกอดหลานชายคนเดียว หอมแก้มซ้ายขวาด้วยความรัก ก่อนจะพยักหน้ารับไหว้จากน้องสาว
“จริงครับป้า แม่บอกว่าลมโตเป็นหนุ่มแล้ว แม่อุ้มไม่ไหว” เด็กชายตัวน้อยจีบปากจีบคอพูดตามประสาเด็กพูดเก่ง ที่มักมีน้ำลายสออยู่ริมฝีปากตลอดเวลา
“เหรอลูก ไหนป้าลองอุ้มซิ จะอุ้มไหวมั้ย อึ๊บ!” รัชนีอุ้มหลานชาย ก่อนจะทำสีหน้าเหยเกว่าหนักจริง ทำให้เด็กชายหัวเราะขบขันกับใบหน้าของผู้เป็นป้า
“พี่นีมีอะไรหรือเปล่าคะ มาหาถึงในสวนเลย” รัญชนาถามเมื่อปล่อยให้รัชนีหยอกล้อกับหลานชายจนชุ่มปอด ก่อนผู้เป็นป้าจะปล่อยให้น้องลมลงไปวิ่งเล่นนับลูกทุเรียนต่อ
“แหม...ไม่มีธุระพี่มาไม่ได้เหรอ พี่ก็อยากเห็นสวนเห็นไร่บ้างสิ อยู่กรุงเทพฯ มีแต่ตึก จะหาต้นไม้สักต้น โน่น สวนลุมฯ มาบ้านทั้งทีพี่ก็อยากหายใจเอาโอโซนเข้าปอดให้เต็มที่ เวลากลับไปสู้กับควันพิษมันจะได้ดันๆ กันไว้ไง” รัชนีจีบปากจีบคอพูดด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ ก่อนจะทำท่าสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เรียกเสียงหัวเราะอย่างขบขันพลางส่ายใบหน้าไปมาจากคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“เชื่อจ้า ว่าแต่รอบนี้จะเอาทุเรียนกี่ลูกล่ะ มังคุดกับเงาะอย่างละกี่เข่ง คุณน้องจะได้จัดเตรียมใส่รถคุณพี่ให้พอดิบพอดีไม่ขาดตกสักลูก” รัญชนาเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวานแบบประชด แต่พี่น้องก็รู้กันดีว่านั่นคือการแสดงความรักของพวกเธอ
“รักที่สุดเลยคนรู้ทัน”
“รักที่สุดเลยคนขี้งกเหมือนกันค่ะ”
“ใครกันยะขี้งก”
“ก็คนนี้ไง” รัญชนาพูด ก่อนจะโผเข้าไปกอดพี่สาวแล้วซบหน้าลงกับอกเมื่อทางนั้นอ้าแขนออกจนสุด
“คิดถึงพี่นีที่สุด!” เสียงหวานนั้นสั่นไหวคล้ายกลั้วสะอื้น
“แล้วใครใช้ให้เก็บตัวอยู่แต่ในสวนล่ะจ๊ะ โลกภายนอกเขาไปไหนๆ กันแล้ว คุณน้องก็ยังนั่งจดน้ำหนักทุเรียนอยู่เลย”
“ก็ใครใช้ให้ทุเรียนแพงล่ะคะ และใครใช้ให้พี่นีอยากเป็นสาวโสดวัยแซ่บอยู่กรุงเทพฯ กันล่ะ ไม่กลับมาดูแลแม่ดูแลน้อง”
“จ้า...ยอมแพ้ นี่เพราะต้องมาขอทุเรียนเขากินหรอกนะก็เลยต้องยอม ถ้าได้ซื้อละไม่ยอมแน่ ปะ ไปในสวนกัน พี่อยากเห็นความสำเร็จของรัญ”
เสียงคลื่นที่ครวญตามแรงลมสาดซัดเข้าหาชายฝั่ง สลับกับเสียงนกทะเลกู่ร้องแว่วมาให้ได้ยิน เป็นสัญญาณเตือนว่าวันใหม่กำลังจะเริ่มต้น ส่งผลให้คนซึ่งนั่งนิ่งซบใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาลงกับหัวเข่า ต้องพยายามแหงนขึ้นมองความเปลี่ยนแปลงรอบตัว ยามเมื่อฝ่าเท้าก้าวลงจากรถ ก่อนจะเหยียบย่ำลงบนผืนทรายแห่งนี้ ความมืดดำยังคงอยู่รอบกาย แต่ว่าในขณะนี้กลับกลายเป็นว่ามีแสงสว่างจางๆ ปรากฏขึ้นอยู่ ณ เส้นขอบฟ้า ทำให้สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้มากขึ้น คราบน้ำตาที่ทอดตัวลงเป็นสายขนาบสองข้างแก้ม เธอจำต้องปล่อยให้มันไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อความทุกข์ระทมนั้นเข้าโหมกระหน่ำซัดเข้าใส่ จนไม่อาจต้านทานหยาดน้ำแห่งความเจ็บช้ำไว้ได้ไหว เพื่อช่วยชะล้างหัวใจที่กลัดทุกข์ให้ผ่อนคลายลงบ้าง หัวใจที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่ามันแหลกสลายจนไม่มีชิ้นดี น่าแปลกที่มันก็ยังคงเต้นอยู่ทุกขณะ แม้ในขณะนี้ก็เช่นกัน ทว่าค่ำคืนที่ผ่านมา ความทุกข์นั้นไม่เพียงยังคงอยู่ แต่มันกลับทำให้เธอยิ่งตอกย้ำถึงความผิดพลาดและความล้มเหลวในชีวิตมากขึ้น และมีบ้างบางเสี้ยวเวลาที่เธอแอบคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เสียงปรบมือจากแขกผู้มีเกียรติดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับผู้ที่กำลังถูกจับตามองอยู่ในขณะนี้เป็นบุคคลสำคัญ และเหมาะสมแล้วสำหรับรางวัลอันทรงเกียรติที่ได้รับ ตลอดทั่วทั้งงานประดับประดาไปด้วยไฟและแสงสีเสียงอันยิ่งใหญ่อลังการ ภายในงานประกอบไปด้วย ดารานักร้อง ดีเจ วีเจ พิธีกร ผู้จัดละคร ผู้กำกับ ผู้จัดรายการโทรทัศน์ ผู้จัดรายการวิทยุ เจ้าของสถานี นักประพันธ์ดนตรี นักประพันธ์เพลง บรรดาแขกผู้มีเกียรติที่มีรายชื่อเสนอเข้าชิงรางวัล ตลอดจนทีมงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากนี่คืองานมอบรางวัลอันทรงเกียรติแก่ผู้ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนให้วงการวิทยุและโทรทัศน์ไทยได้ก้าวไกลและผลิตผลงานดีที่มีคุณค่าออกมาให้ประชาชนคนไทยได้ชื่นชมอย่างต่อเนื่อง ได้รับความเพลิดเพลินเจริญใจ และให้ประโยชน์แก่สังคมไทยอย่างไม่ขาดสาย แสงไฟที่สาดส่องมา รวมทั้งตากล้องและช่างภาพของงานเหมือนจะพุ่งความสนใจมายังเธอเป็นจุดเดียว รวมทั้งเสียงประกาศจากพิธีกรหญิงชายที่ดังซ้ำบนเวทีพร้อมเอ่ยแซวที่เธอมัวแต่ดูจินตลีลาประกอบเพลงจนเพลิน จึงไม่ได้ยินประกาศว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลประเภทเพลงประกอบละครยอดเยี่ยมแห่ง
“ก่อนอื่นดิฉันต้องขอบคุณคณะกรรมการทุกท่านที่กรุณามอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้ให้แก่ดิฉันนะคะ ดิฉันรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างสูงสุดค่ะ และดิฉันก็ต้องขอขอบคุณคณะผู้จัดละครและทีมงานทุกท่าน ที่กรุณาให้ดิฉันได้มีโอกาสเขียนเพลงให้ละครเรื่องนี้ ขอบคุณพี่นกยูงที่ช่วยขับร้องเพลงนี้ได้อย่างไพเราะและงดงาม รางวัลนี้ไม่ได้เป็นของดิฉันเพียงคนเดียว แต่เป็นของทีมงานทุกๆ ท่านด้วยนะคะ เพราะถ้าไม่มีทุกท่านให้โอกาส ดิฉันก็คงไม่มีวันนี้ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากที่สุด” เสียงปรบมือกึกก้องอีกครั้ง เพราะทุกคำพูดที่เธอถ่ายทอดได้สร้างความประทับใจให้แก่คนฟังได้ดีจริงๆ ใบหน้ายิ้มละไมทอดสายตามองลงไปเบื้องล่าง ก่อนเรือนร่างงามระหงดุจนางพญาเยื้องย่างจะเดินมาจนถึงโต๊ะรับรอง ท่ามกลางเสียงแสดงความยินดี การพูดคุยทักทาย และสายตาชื่นชมอย่างเปิดเผยของเหล่าบรรดาชายหนุ่ม ณ ที่นี้ พิธีการอันทรงเกียรติเทียบชั้นงานพรมแดงของต่างประเทศทำให้ในค่ำคืนนี้เป็นเสมือนสถานที่รวมของเหล่าดารานักร้อง ไฮโซ เซเลบ ผู้จัด ผู้กำกับ ตลอดจนผู้มั่งคั่งทางฐานะและชื่อเสียงของเมืองไทย แขกผู้มีเกียรติทุกท่านต่างแต่งกายกันด้วยช
“ไงจ๊ะ หรือว่าเธอจะจีบเพื่อนพี่อีกคน” มยุเรศเข้ามาร่วมวงในทันทีที่ผละจากนักข่าวซึ่งตามสัมภาษณ์งานเพลงมาได้ สาวสวยวัย 38 ปีที่วันนี้แต่งดวงตาสวยเฉี่ยว ใบหน้าสวยเก๋รับกับผมซอยสั้นตามสไตล์สาวเปรี้ยวเชิดหน้าขึ้นรอฟังคำตอบ “ผมมิบังอาจหรอกครับพี่นกยูง แค่มาขอสัมภาษณ์เฉยๆ” ‘แทนคุณ’ เอ่ยตอบ แต่กลับรู้สึกร้อนวูบวาบที่แก้มขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่ใช่ร้อนเพราะเขินอายเพราโพยม แต่ที่ร้อนผ่าวขึ้นมาก็เป็นเพราะดวงตาจิกกัดของสาวใหญ่วัยร้อนแรงผู้นี้ต่างหาก เขาเชื่อแล้วว่ารสนิยมคนเราไม่เหมือนกัน เพราะดูท่าเขาจะชื่นชอบอาหารรสชาติจัดจ้านที่กำลังยืนท้าทายอยู่ใกล้ตัวมากกว่าอาหารที่เลิศหรู และดูดีมีรสนิยม “แหม...อะไรจ๊ะนายแทน พี่แซวแค่นี้ก็อายเหรอ อายพี่อายเชื้อมันไม่ดีนะจ๊ะ เพราะพี่อาจคิดเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาได้” มยุเรศลอยหน้าลอยตาพูด พร้อมอมยิ้มที่ได้แกล้งนักข่าวหนุ่มสำเร็จ เพราะความคุ้นเคยเนื่องจากเจอกันตามงานหลายครั้ง บวกกับอัธยาศัยที่สุภาพของแทนคุณ ทำให้เธอเลือกที่จะให้สัมภาษณ์นิตยสารของเขามากกว่าที่อื่น และยิ่งเมื่อได้เห็นแววอายๆ จากดวงตาคมเข้มคู่นั้น
“มองตาละห้อยเลยนะ เนี่ยไม่ใช่แค่หมามองเครื่องบินหรือหมาเห็นปลากระป๋องนะโว้ย! แต่เอ็งอะเหมือนหมาที่มองปลากระป๋องอยู่บนเครื่องบินเลยว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” “หลบไปเลย เอ็งก็ไม่ต่างกันหรอก” ปราณรต์ปัดใบหน้ายียวนหัวเราะร่าของแทนคุณให้พ้นไปจากเลนส์กล้องของเขา เพราะแม้แต่ภาพเบื้องหลังของเธอ เขาก็อยากจะบันทึกไว้ให้ครบ ทุกความประทับใจของเขาที่มีต่อเธอคนนี้ แม้ว่ามันจะรางเลือน แต่เขาก็มีความสุขที่ได้ทำ “ไม่ต่างกันยังไงวะ ไหนพูดมาดิ๊” คิ้วเข้มของแทนคุณขมวดเข้าหากัน สังหรณ์ใจว่าความลับคงจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป “ไอ้แทน ข้าเพื่อนเอ็งนะโว้ย! เอ็งคิดว่าข้าไม่รู้รึไงว่าเอ็งน่ะชอบแม่ม่าย หึหึ...ม่ายเรือพ่วงสองลำซะด้วย” “ไอ้ปราณรต์ ไอ้เพื่อนบ้า เดี๋ยวเถอะ รอบหน้าข้าจะไม่ให้เอ็งถ่าย” “ไอ้แทน” ปราณรต์หุบยิ้มเยาะเย้ยในทันทีที่สายตารู้ทันปนรอยยิ้มเป็นต่อของแทนคุณตอบกลับมา จึงตอบโต้ได้เพียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน และยืนมองแทนคุณเดินล้อเลียนจากไป.. หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าสะสวยในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนที่กำลังนั่งดูตาชั่งพร้อมจดบันทึกน้ำหนักของท
“ไงจ๊ะ หรือว่าเธอจะจีบเพื่อนพี่อีกคน” มยุเรศเข้ามาร่วมวงในทันทีที่ผละจากนักข่าวซึ่งตามสัมภาษณ์งานเพลงมาได้ สาวสวยวัย 38 ปีที่วันนี้แต่งดวงตาสวยเฉี่ยว ใบหน้าสวยเก๋รับกับผมซอยสั้นตามสไตล์สาวเปรี้ยวเชิดหน้าขึ้นรอฟังคำตอบ “ผมมิบังอาจหรอกครับพี่นกยูง แค่มาขอสัมภาษณ์เฉยๆ” ‘แทนคุณ’ เอ่ยตอบ แต่กลับรู้สึกร้อนวูบวาบที่แก้มขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่ใช่ร้อนเพราะเขินอายเพราโพยม แต่ที่ร้อนผ่าวขึ้นมาก็เป็นเพราะดวงตาจิกกัดของสาวใหญ่วัยร้อนแรงผู้นี้ต่างหาก เขาเชื่อแล้วว่ารสนิยมคนเราไม่เหมือนกัน เพราะดูท่าเขาจะชื่นชอบอาหารรสชาติจัดจ้านที่กำลังยืนท้าทายอยู่ใกล้ตัวมากกว่าอาหารที่เลิศหรู และดูดีมีรสนิยม “แหม...อะไรจ๊ะนายแทน พี่แซวแค่นี้ก็อายเหรอ อายพี่อายเชื้อมันไม่ดีนะจ๊ะ เพราะพี่อาจคิดเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาได้” มยุเรศลอยหน้าลอยตาพูด พร้อมอมยิ้มที่ได้แกล้งนักข่าวหนุ่มสำเร็จ เพราะความคุ้นเคยเนื่องจากเจอกันตามงานหลายครั้ง บวกกับอัธยาศัยที่สุภาพของแทนคุณ ทำให้เธอเลือกที่จะให้สัมภาษณ์นิตยสารของเขามากกว่าที่อื่น และยิ่งเมื่อได้เห็นแววอายๆ จากดวงตาคมเข้มคู่นั้น
“ก่อนอื่นดิฉันต้องขอบคุณคณะกรรมการทุกท่านที่กรุณามอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้ให้แก่ดิฉันนะคะ ดิฉันรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างสูงสุดค่ะ และดิฉันก็ต้องขอขอบคุณคณะผู้จัดละครและทีมงานทุกท่าน ที่กรุณาให้ดิฉันได้มีโอกาสเขียนเพลงให้ละครเรื่องนี้ ขอบคุณพี่นกยูงที่ช่วยขับร้องเพลงนี้ได้อย่างไพเราะและงดงาม รางวัลนี้ไม่ได้เป็นของดิฉันเพียงคนเดียว แต่เป็นของทีมงานทุกๆ ท่านด้วยนะคะ เพราะถ้าไม่มีทุกท่านให้โอกาส ดิฉันก็คงไม่มีวันนี้ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากที่สุด” เสียงปรบมือกึกก้องอีกครั้ง เพราะทุกคำพูดที่เธอถ่ายทอดได้สร้างความประทับใจให้แก่คนฟังได้ดีจริงๆ ใบหน้ายิ้มละไมทอดสายตามองลงไปเบื้องล่าง ก่อนเรือนร่างงามระหงดุจนางพญาเยื้องย่างจะเดินมาจนถึงโต๊ะรับรอง ท่ามกลางเสียงแสดงความยินดี การพูดคุยทักทาย และสายตาชื่นชมอย่างเปิดเผยของเหล่าบรรดาชายหนุ่ม ณ ที่นี้ พิธีการอันทรงเกียรติเทียบชั้นงานพรมแดงของต่างประเทศทำให้ในค่ำคืนนี้เป็นเสมือนสถานที่รวมของเหล่าดารานักร้อง ไฮโซ เซเลบ ผู้จัด ผู้กำกับ ตลอดจนผู้มั่งคั่งทางฐานะและชื่อเสียงของเมืองไทย แขกผู้มีเกียรติทุกท่านต่างแต่งกายกันด้วยช
เสียงปรบมือจากแขกผู้มีเกียรติดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับผู้ที่กำลังถูกจับตามองอยู่ในขณะนี้เป็นบุคคลสำคัญ และเหมาะสมแล้วสำหรับรางวัลอันทรงเกียรติที่ได้รับ ตลอดทั่วทั้งงานประดับประดาไปด้วยไฟและแสงสีเสียงอันยิ่งใหญ่อลังการ ภายในงานประกอบไปด้วย ดารานักร้อง ดีเจ วีเจ พิธีกร ผู้จัดละคร ผู้กำกับ ผู้จัดรายการโทรทัศน์ ผู้จัดรายการวิทยุ เจ้าของสถานี นักประพันธ์ดนตรี นักประพันธ์เพลง บรรดาแขกผู้มีเกียรติที่มีรายชื่อเสนอเข้าชิงรางวัล ตลอดจนทีมงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากนี่คืองานมอบรางวัลอันทรงเกียรติแก่ผู้ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนให้วงการวิทยุและโทรทัศน์ไทยได้ก้าวไกลและผลิตผลงานดีที่มีคุณค่าออกมาให้ประชาชนคนไทยได้ชื่นชมอย่างต่อเนื่อง ได้รับความเพลิดเพลินเจริญใจ และให้ประโยชน์แก่สังคมไทยอย่างไม่ขาดสาย แสงไฟที่สาดส่องมา รวมทั้งตากล้องและช่างภาพของงานเหมือนจะพุ่งความสนใจมายังเธอเป็นจุดเดียว รวมทั้งเสียงประกาศจากพิธีกรหญิงชายที่ดังซ้ำบนเวทีพร้อมเอ่ยแซวที่เธอมัวแต่ดูจินตลีลาประกอบเพลงจนเพลิน จึงไม่ได้ยินประกาศว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลประเภทเพลงประกอบละครยอดเยี่ยมแห่ง
เสียงคลื่นที่ครวญตามแรงลมสาดซัดเข้าหาชายฝั่ง สลับกับเสียงนกทะเลกู่ร้องแว่วมาให้ได้ยิน เป็นสัญญาณเตือนว่าวันใหม่กำลังจะเริ่มต้น ส่งผลให้คนซึ่งนั่งนิ่งซบใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาลงกับหัวเข่า ต้องพยายามแหงนขึ้นมองความเปลี่ยนแปลงรอบตัว ยามเมื่อฝ่าเท้าก้าวลงจากรถ ก่อนจะเหยียบย่ำลงบนผืนทรายแห่งนี้ ความมืดดำยังคงอยู่รอบกาย แต่ว่าในขณะนี้กลับกลายเป็นว่ามีแสงสว่างจางๆ ปรากฏขึ้นอยู่ ณ เส้นขอบฟ้า ทำให้สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้มากขึ้น คราบน้ำตาที่ทอดตัวลงเป็นสายขนาบสองข้างแก้ม เธอจำต้องปล่อยให้มันไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อความทุกข์ระทมนั้นเข้าโหมกระหน่ำซัดเข้าใส่ จนไม่อาจต้านทานหยาดน้ำแห่งความเจ็บช้ำไว้ได้ไหว เพื่อช่วยชะล้างหัวใจที่กลัดทุกข์ให้ผ่อนคลายลงบ้าง หัวใจที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่ามันแหลกสลายจนไม่มีชิ้นดี น่าแปลกที่มันก็ยังคงเต้นอยู่ทุกขณะ แม้ในขณะนี้ก็เช่นกัน ทว่าค่ำคืนที่ผ่านมา ความทุกข์นั้นไม่เพียงยังคงอยู่ แต่มันกลับทำให้เธอยิ่งตอกย้ำถึงความผิดพลาดและความล้มเหลวในชีวิตมากขึ้น และมีบ้างบางเสี้ยวเวลาที่เธอแอบคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด