ครอบครัวจางเห็นบุตรสาวที่จมน้ำฟื้นขึ้นมาแล้วก็รีบพาตัวนางกลับเรือนเพื่อไปตามท่านหมอในหมู่บ้านมารักษา ในยามนี้นับว่าจางซินหยานพ้นอันตรายแล้ว
ที่จางซินหยานตกลงไปในน้ำไม่มีผู้ใดพบเห็นเหตุการณ์คงต้องรอให้นางฟื้นขึ้นมาจึงจะสอบถามรายละเอียดได้เท่านั้น
สืออีที่อยู่ในร่างของซินหยานนางฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในยามค่ำคืน เมื่อมองไปรอบห้องก็พบว่าห้องที่เธอนอนอยู่มีเพียงเตียงนอนขนาดไม่ได้กว้างไปกว่าตัวเธอสักเท่าใดนัก
ข้างหัวเตียงมีตู้ใบเก่า ๆ ที่น่าจะไว้เก็บเสื้อผ้า ห้องเล็กเพียงนี้ไม่อาจจะนำโต๊ะหรือเก้าอี้เข้ามาวางไว้ด้านในได้ ผนังห้อง เพดานที่ทำจากดินเริ่มมีรอยแตกร้าวให้พบเห็น หลังคาที่เธอเงยหน้าขึ้นมองอยู่ก็ทำมาจากหญ้าแห้ง
ไม่อยากจะคิดว่าหากเกิดพายุฝนหรือหิมะจะมีสภาพเช่นใด หมอนที่ใช้หนุนก็แข็งราวกับหิน เพราะทำมาจากท่อนไม้ เตียงไม้ไผ่ที่มีเพียงผ้าเก่า ๆ ผืนบางปูรองเพื่อเท่านั้น ให้ความรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวยิ่งกว่าเดิม
สืออีลุกขึ้นนั่ง เธอยกมือขึ้นกุมศีรษะเพราะความเจ็บปวดที่แล่นเข้าสู่หัวในยามนี้ ทำให้ต้องทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ความทรงจำของร่างเดิมไหลเป็นภาพชีวิตของจางซินหยาน ใบหน้าของบิดามารดา พี่ชาย และเหตุการณ์ต่าง ๆ รวมถึงเรื่องที่ทำให้เธอตกลงไปในน้ำด้วย
ญาติผู้พี่ จางยู้อวี้ บุตรสาวของลุงใหญ่ พี่ชายของบิดานาง ทั้งคู่ซักผ้าอยู่ที่ริมแม่น้ำ เพราะเป็นเวลาสายแล้ว ชาวบ้านจึงกลับเรือนไปเสียหมดเหลือเพียงทั้งคู่เท่านั้น
"ซักให้ข้าด้วย" จางยู้อวี้โยนเสื้อผ้าของครอบครัวนางมาที่จางซินหยาน
"พี่หญิงท่านซักเองเถิด ของข้าก็มากพอแล้ว" ซินหยานเอ่ยขึ้นโดยไม่ได้หันมองยู้อวี้ที่ตอนนี้นางเริ่มมีโทสะแล้ว
"ข้าบอกให้ซักก็ซักเสีย" ยู้อวี้เท้าเอวตวาดเสียงดัง
เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่แยกเรือนครอบครัวของซินหยานต้องทำงานภายในเรือนทั้งหมด ท่านปู่ท่านย่าเห็นใจครอบครัวบุตรชายคนรองจึงได้ทำการแยกเรือน แต่ท่านลุงใหญ่กับป้าสะใภ้บ่ายเบี่ยงมาตลอดเพราะไม่อยากแบ่งที่ทำกินให้จึงไม่ได้แยกเรือนเสียที
เมื่อท่านปู่ท่านย่าเสียชีวิตลง ท่านลุงใหญ่ก็หาเรื่องไล่ครอบครัวน้องชายตนเองออกจากเรือนใหญ่ ประจวบกับที่จางเทียนเกิดอุบัติเหตุระหว่างไปล่าสัตว์ ลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ที่ไม่อยากเสียเงินรักษาจึงให้จางเทียนพาลูกเมียมาอยู่ที่เรือนท้ายหมู่บ้าน
และได้ทำหนังสือแยกเรือน โดยที่ทั้งสองครอบครัวไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก ที่ดินของครอบครัวลุงใหญ่ก็ไม่แบ่งให้ เพียงยกเรือนท้ายหมู่บ้านที่เป็นของท่านย่าให้มาเท่านั้น ส่วนที่ดินก็อ้างเพียงมีน้อยนิดแบ่งให้ไม่ได้
จางเทียน บิดาของซินหยานไม่มีปากเสียงอยู่แล้วก็ยอมเชื่อพี่ใหญ่ของตน เพราะเขายังสามารถขึ้นเขาเพื่อล่าสัตว์หรือเก็บของป่าไปขายได้ อีกอย่างความรู้เรื่องงานไม้ตนก็ยังสามารถเอาตัวรอดได้ ความเป็นอยู่ของครอบครัวรองจึงย่ำแย่ตั้งแต่ที่สิ้นท่านปู่ท่านย่า
เงินที่หามาได้จากการเป็นช่างทำไม้และล่าสัตว์ก็ถูกลุงใหญ่ยึดไปเสียหมด นางชุยเหมย มารดาของซินหยานจำต้องขึ้นเขาเพื่อหาของป่าไปขายแทน โดยมีบุตรทั้งสองคอยช่วยเหลือ
วันที่เกิดเรื่องกับซินหยาน ชุยเหมยกับจางเหลี่ยงเข้าเมืองเพื่อนำของป่าไปขาย มีเพียงจางเทียนที่ยังไม่หายดีอยู่ที่เรือน ซินหยานไปซักผ้าที่ริมแม่น้ำ เมื่อเกิดเรื่องกว่าจะมีผู้ไปพบเห็นซินหยานก็จบชีวิตลงจนสืออีมาเข้าร่างของนางแทน
"ข้าช่วยท่านไม่ได้ ท่านพ่อรอข้าอยู่ที่เรือน ข้าต้องรีบกลับ" ซินหยานยังคงเร่งมือซักผ้า
นางไม่ได้ระวังตัวยู้อวี้ที่โมโหก็ขาดสติ เขาทุบตีซินหยาน ซินหยานลุกขึ้นเพื่อหลบการทุบตีของยู้อวี้ทำให้นางลื่นตกลงไปในแม่น้ำ ยู้อวี้เห็นเช่นนั้นแทนที่จะเข้าช่วยเหลือ
นางตกใจเพราะกลัวจะมีคนมาพบเห็นเข้าจึงได้รีบร้อนกลับเรือน ชาวบ้านที่กำลังจะกลับเรือนไปทานมื้อเที่ยงผ่านมาพบร่างของซินหยานอยู่ในน้ำจึงได้ลงไปช่วย
สืออีลืมตาขึ้นเมื่อความเจ็บปวดหายไปแล้ว ความแค้นของซินหยานในครั้งนี้นางจะจัดการให้เอง 'ยู้อวี้เจ้าเตรียมรับผลในสิ่งที่เจ้าทำไว้ได้เลย' สืออีให้สัญญากับซินหยานในใจ
พอฟ้าสว่าง นางชุยเหมยก็เดินเข้ามาดูบุตรสาวในห้อง ก็พบว่าซินหยานตื่นแล้ว
"หยานเออร์ เจ้ายังมิหายดี นอนพักอีกหน่อยเถิดลูก" ชุยเหมยเดินเข้ามาลูบหัวของซินหยานอย่างอ่อนโยน
แต่สืออีที่อนู่ในร่างของซินหยานกับเบี่ยงศีรษะหลบ เพราะนางไม่เคยได้รับการแสดงความรักเช่นนี้มาก่อนนับตั้งแต่สูญเสียบิดามารดาเมื่อภพที่แล้ว
"เป็นอันใดหรือลูก" ชุยเหมยดึงมือกลับอย่างประหลาดใจ
"เปล่าเจ้าค่ะ ข้าขอพักผ่อนก่อนเจ้าค่ะ" สืออีไม่รู้จะตอบเช่นไร นางจึงล้มตัวลงนอนหันหลังไปอีกทางแทน
ชุยเหมยก็คิดเพียงว่าบุตรสาวยังมีอาการเสียขวัญจากเรื่องที่เกิดขึ้นจึงได้ออกไปจัดการเรื่องอาหารในครัวแทน
สืออีเมื่อได้ยินเสียงของนางชุยเหมยออกไปแล้ว นางก็ลุกขึ้นนั่งกอดเข่าเพื่อนึกถึงนิยายที่นางเคยได้อ่าน เนื้อเรื่องเป็นเช่นนี้เพียงแต่นางเอกไม่ได้ทะลุมิติมา
ตอนที่ซินหยานตกลงไปในน้ำมีพี่ชายที่ไปด้วยในตอนนั้นช่วยไว้ได้ทัน เมื่อซินหยานอายุได้ สิบหกหนาว ก็ได้ช่วยชีวิตท่านแม่ทัพเจ้าไว้ เพราะตลอดเวลาซินหยานนางได้ดูแลท่านแม่ทัพอย่างดี เขาจึงรับนางเป็นอนุซินหยานเมื่ออยู่ที่จวนท่านแม่ทัพ แม้จะสุขสบาย นอกจากจะเป็นอนุแล้วนางยังเป็นผู้มีพระคุณคอยช่วยเหลือท่านแม่ทัพด้วย แต่นางไม่เคยได้ความรักจากท่านแม่ทัพเลยทุกครั้งที่มาค้างที่เรือนของนางก็เหมือนจะมาเพราะถูกฮูหยินเอกบังคับเสียมากกว่า ตลอดชีวิตที่เหลือของนางไม่มีบุตรเป็นของตนเอง เพราะท่านแม่ทัพต้องมีบุตรเพียงแค่ฮูหยินของตนเท่านั้นจนวาระสุดท้ายของชีวิตซินหยาน นางก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากท่านแม่ทัพเลยสักครั้ง สืออี เมื่อนึกถึงนิยายที่นางอ่าน นางก็ได้แต่ถอนหายใจกับความรักที่โง่เขลาของซินหยานในเมื่อนางมาที่นี่แล้วเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับนางเป็นแน่"ระบบกำลังประมวลผล" สืออี กระโดดลุกขึ้นจากที่นอนเมื่อได้ยินเสียงปริศนานางมองไปทั่วรอบห้องเพื่อหาต้นตอของเสียงที่ได้ยิน แต่ก็หาไม่พบ"โปรดแจ้งชื่อของคุณ" เสียงดังขึ้นอีกครั้ง สืออีจึงได้รู้ว่าเสียงมาจากในหัวของนางเอง"สืออี" นางพูดขึ้น"ไม่มีในสารบบ"
ซินหยานนางเล่าเรื่องระหว่างที่นางได้หมดสติไปแล้วได้ไปเห็นโลกใบใหม่ที่ไม่เหมือนในตอนนี้ ข้าวของเครื่องใช้ บ้านเรือนความแตกต่างระหว่างสองพื้นที่ แม้แต่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสิ่งที่นางได้ติดตัวมาก็ไม่รู้ว่าคือสิ่งใด แต่หากนางทำตามภารกิจได้ นางจะสามารถเลือกสิ่งของจากระบบกำหนดให้ได้หนึ่งอย่างทั้งสามเมื่อฟังจบต่างก็มีสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อ แต่ไม่เชื่อก็คงไม่ได้ เพราะเห็นอยู่ว่ามีสิ่งของปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาจริง"อันตรายหรือไม่" จางเทียนเอ่ยถามอย่างกังวลเรื่องที่วิญญาณของบุตรสาวออกจากร่างจนไปพบเจอเรื่องน่าตกใจ เขาก็หวาดกลัวที่ไม่สามารถช่วยเหลือได้แล้ว แต่หากสิ่งที่นางต้องทำหลังจากนี้เสี่ยงอันตรายเขาก็ไม่อยากให้บุตรสาวได้ทำ แม้มันจะทำให้ความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้นก็ตาม"คงไม่เจ้าค่ะ อย่างที่พวกท่านเห็นสิ่งแรกที่ข้าทำก็คือทำความรู้จักกับผู้ใดก็ได้สามคน" ซินหยานยักไหล่อย่างไม่กังวลเรื่องในภพก่อนนางเสี่ยงอันตรายมากเพียงใดแทบไม่ได้กับสิ่งเหล่านี้สักนิด ในยามนี้นางจะหวาดกลัวสิ่งใดอีก แม้ความตายนางก็ประสบมาแล้ว"เช่นนั้น หากมีสิ่งใดที่อันตรายไม่ทำได้หรือไม่" ชุยเหมยเอ่ยถามอย่างกังวล"ก็คงได้เจ้
ทั้งสองบอกเล่าเรื่องที่จำเป็นต้องขึ้นเขาให้บิดามารดาฟัง ก่อนที่จางเหลี่ยงจะนำขวดยาออกมาส่งให้บิดาได้ดื่ม จางเทียนมองดูบุตรทั้งสองด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา"หยานเออร์ ลำบากเจ้าแล้ว" เพราะตนบุตรสาวจึงต้องทำตามคำสั่งของสิ่งใดก็ไม่รู้เพื่อได้ยามารักษาตน"ลำบากอันใดกันท่านพ่อ เรื่องเพียงเท่านี้ ข้าทำได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ" ซินหยานมองไปที่จางเทียนอย่างจริงใจซินหยานไม่คิดว่าครอบครัวที่นางเพิ่งจะพบเจอจะมอบความรักความห่วงใยให้นางอย่างแท้จริง ในภพก่อนนนางพบเจอแต่คนที่เขามาหาผลประโยชน์กับนางเท่านั้นเมื่อเห็นสายตาของความห่วงใย ความกังวลจากคนทั้งสามในครอบครัว ซินหยานอดที่จะหวั่นไหวไม่ได้ นางคิดเพียงว่าหากช่วยให้ความเป็นอยู่ของครอบครัวจางดีขึ้นนางจะออกไปใช้ชีวิตของนางเองแต่ในยามนี้ความคิดทั้งหมดได้หยุดลง กลายเป็นว่านางเริ่มจะหวงแหนความรัก ความหวังดีที่ทั้งสามคนในครอบครัวมอบให้นางแล้ว"ท่านพ่อ ท่านกินยาเถิดเจ้าค่ะ" ซินหยานเร่งให้จางเทียนดื่มยาลงไปจางเทียนยกยาขึ้นดื่มท่ามกลางสายตาของภรรยาและบุตรทั้งสองที่มองมาอย่างมีความหวัง เมื่อยาลงสู่คอของจางเทียน ร่างกายของเขาก็ร้อนรุ่มทันที ก่อนที่ขาข้างที่
วันต่อมาฟ้ายังไม่สว่างสามคนพ่อลูกก็เตรียมตัวขึ้นเขา โดยมีชุยเหมยเตรียมเสบียงอาหารไว้ให้อย่างเต็มที่ เพราะของที่ซินหยานนำออกมาอย่างเนื้อสดอยู่ได้ไม่นานเมื่อคืนก่อนที่จะแยกย้ายซินหยานบอกเรื่องที่นางได้แผนที่หาของป่ามาจากเชาชื่อแล้ว ทั้งสามจึงตัดสินใจจะขึ้นเขาเพื่อไปขุดสมุนไพรไปขายในเมืองเช่นนี้ซินหยานนางก็จะได้ทั้งเงินและทำภารกิจสำเร็จอีกด้วย ตอนที่สามพ่อลูกออกจากเรือนชาวบ้านยังไม่ออกมาทำงานกันเลย พวกเขาจึงไม่ต้องคอยตอบคำถามผู้ใดอีกอย่างเรื่องที่จางเทียนหายดีแล้ว พวกเขาก็ยังไม่อยากให้ผู้ใดได้รู้อีกด้วย ทั้งสามอาศัยแสงของดวงจันทร์เดินไปที่ภูเขา เมื่อเขาไปในป่าซินหยานก็เปลี่ยนมาเดินนำทางทั้งสามเดินมาจนตะวันขึ้นกลางหัวก็ยังไม่ถึงที่ที่ซินหยานบอกว่ามีโสม แต่ทั้งสามกลับพบเสือแทนเสียก่อนจางเทียนรีบยกธนูในมือขึ้นเล็งโดยเขาดันตัวบุตรทั้งสองไปไว้ด้านหลังแทน จางเหลี่ยงในยามนี้ก็กอดน้องสาวไว้แน่น แม้ตัวเขาจะกลัวจนตัวสั่นเทาก็ยังเป็นห่วงน้องสาวมากกว่าตัวเองซินหยานมองทุกการกระทำของบิดาแล้วพี่ชายดวงตาก็แดงขึ้นมาอีกครั้ง เพราะในเป็นครั้งแรกที่นางได้รับการปกป้องจากใครสักคน"ท่านพ่อส่งธนูมาให้ข้าเ
รุ่งเช้าสองพี่น้องก็เตรียมตัวเข้าเมือง ชุยเหมยส่งค่าเกวียนและค่าเข้าเมืองให้จางเหลี่ยงเก็บไว้ ก่อนที่ทั้งคู่จะแบกตะกร้าที่มีโสมด้านในขึ้นหลังออกไปจากเรือนจางเหลี่ยงเดินนำหน้าซินหยานเพื่อนำทางไปขึ้นเกวียนวัวหน้าหมู่บ้าน ซินหยานมองไปที่สองแม่ลูกที่นั่งอยู่บนเกวียน จากความทรงจำเดิมนางจำได้ทันทีว่าคือป้าสะใภ้ใหญ่และยู้อวี้ลูกพี่ลูกน้องของนาง"เหอะ มีปัญญาจ่ายค่าเกวียนด้วยหรือ" ยู้อวี้มองสองพี่น้องอย่างดูแคลนซินหยานมองจ้องเข้าไปในดวงตาของยู้อวี้อย่างดุดัน จนยู้อวี้หวาดกลัวจนเหงื่อซึมออกมาตามแผ่นหลัง แววตาของซินหยานที่มองมาที่นางในครั้งนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน คนที่เป็นฝ่ายหวาดกลัวต้องเป็นซินหยานมิใช่นาง"มองบ้าอะไร" ยู้อวี้ตวาดซินหยานเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่นางหวาดกลัว"เจ้าคงไม่อยากให้ข้าพูดตรงนี้ใช่หรือไม่" ซินหยานแสยะยิ้มออกมา"พูดอันใด เจ้ากล้าหรือ" ยู้อวี้ถลึงตาห้ามอย่างดุร้าย"อยากรู้หรือไม่เล่าว่าข้ากล้าหรือไม่" ซินหยานขึ้นไปนั่งบนเกวียน พร้อมทั้งกระซิบเสียงเย็นข้างหูของยู้อวี้ยู้อวี้จำต้องก้มหน้าลงตลอดการเดินทาง แม้มารดาจะเอ่ยถามว่าพูดเรื่องอันใดกันนางก็ไม่กล้าเอ่ยออกมาสักคำ เพราะต
ในยามนี้จางเหลี่ยงถูกซินหยานลากออกมาจากร้านยา เพราะสติของเขาล่องลอยไปเสียแล้ว"หากท่านยังเป็นเช่นนี้ ข้าจะทิ้งท่านแล้วนะเจ้าค่ะ" ซินหยานที่ลากพี่ชายมาได้ไม่ไกลก็หยิกแขนของจางเหลี่ยงอย่างแรง"โอ๊ย เบาๆ น้องน้อย พี่รู้แล้ว" จางเหลี่ยงเดินลูบแขนตามซินหยานไป"เจ้าจะไปที่ใด" จางเหลี่ยงเอ่ยถาม เพราะทางที่ซินหยานพาเขามาไม่ใช่ทางที่จะไปขึ้นเกวียนวัวกลับหมู่บ้าน"ข้าจะซื้อรถม้าเจ้าค่ะ" ซินหยานมองค้อนพี่ชาย ตลอดทางที่นางเดินถามทางมาเขาไม่ได้สังเกตเลยหรือไง"เจ้าว่าจะซื้อรถม้าหรือ ผู้ใดจะขับ" จางเหลี่ยงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ"ท่านอย่างไรเล่า" ซินหยานเริ่มลากพี่ชายอีกครั้ง เมื่อเห็นเขายืนนิ่งตกตะลึงอีกแล้วสองพี่น้องมาหยุดอยู่ที่โรงค้าสัตว์ นายหน้าเดินเข้ามาสอบถามทั้งคู่ว่าต้องการสิ่งใด เมื่อรู้ว่าหาซื้อรถม้าก็มองอย่างดูแคลน เพราะการแต่งตัวของทั้งคู่ดูไม่น่าจะมีเงินมากมาซื้อรถม้าได้"เช่นนั้นก็ไปที่อื่นเจ้าค่ะ" ซินหยานเดินออกจากร้านแรกทันที ทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่ร้านเกือบสุดท้าย นายหน้าเข้ามาทักทายอย่างดี พร้อมพาทั้งคู่เลือกม้าอย่างเต็มใจ ซินหยานเดินเลือกไปตามคอกม้าอย่างใจเย็น นางยังไม่พบตัว
สองพี่น้องเมื่อถึงเรือนก็บังคับรถม้าเข้าไปเก็บด้านในเรือนทันที พร้อมบอกบิดามารดาเรื่องที่อาจจะมีชาวบ้านมาที่เรือนเพื่อดูรถม้า เพียงไม่นานเสียงร้องเรียกหน้าเรือนก็ดังขึ้น"อาเทียนอยู่หรือไม่" จางเซียนตะโกนเรียกน้องชายเสียงดังสี่คนพ่อแม่ลูกเตรียมรับมือไว้พร้อมแล้ว ข้าวของภายในเรือนก็ถูกซินหยานเก็บเข้าไปไว้ในช่องเก็บของ ของนางแล้ว"มีอันใดหรือขอรับ" จางเทียนที่ถูกจางเหลี่ยงและชุยเหมยพยุงออกมาจากเรือนจางเซียนเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นอาการของน้องชายยังไม่ได้ดีขึ้น ชาวบ้านที่ตามมาก็ส่งเสียงพูดคุยกันจนจับใจความไม่ได้"หากเจ้ามีเงินเหตุใดถึงไม่นำไปรักษา" ชาวบ้านในกลุ่มพูดขึ้น"ต้องรักษาอยู่แล้วขอรับ เพียงแต่ข้าดินทางลำบากจึงให้อาเหลี่ยงซื้อรถม้าไว้ใช้งาน""เจ้ามีเงินมากเพียงนั้นทำไมไม่นึกถึงพี่ชายของเจ้าบ้าง" นางจูพี่สะใภ้ของจางเทียนเอ่ยขึ้น"หากข้าจำไม่ผิด พวกท่านต้องการแยกครอบครัวมิใช่หรือขอรับ อีกอย่างข้าก็ไม่ได้อะไรที่ข้าควรจะได้มาสักอย่าง" จางเทียนจ้องมองพี่สะใภ้อย่างดุดัน"เหอะ ในหนังสือแยกบ้าน ท่านลุงเขียนไว้แล้วมิใช่หรือว่าทั้งสองครอบครัวไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกัน ยามที่ท่านพ่อข้าเกือบพิก
ชาวบ้านที่เห็นว่าเรื่องจบแล้วต่างก็แยกย้ายกันกลับไป เหลือเพียงผู้นำหมู่บ้านที่ยังข้องใจเรื่องของนางจูกับซินหยานที่ยังไม่ยอมกลับเท่านั้น"เกิดเรื่องอันใดกันแน่ เจ้าถึงยอมตัดขาดเช่นนี้" เพราะครั้งที่แล้วที่แยกเรือนเขาบอกให้ทำเรื่องตัดขาดเสียแต่จางเทียนไม่ยอม"อวี้เออร์ผลักน้องสาวข้าตกน้ำขอรับ" จางเหลี่ยงที่ไม่อาจเก็บความแค้นไว้ได้แล้วก็พูดออกมา"จริงหรือหยานเออร์" ผู้นำหมู่บ้านหันไปมองซินหยานอย่างตกตะลึงหากเป็นเรื่องจริง ยู้อวี้ก็ถือว่ามีความผิดหากซินหยานจะเอาเรื่องน่าก็อาจจะติดคุกหรือไม่ก็ถูกส่งไปใช้แรงงาน"จริงเจ้าค่ะ" ซินหยานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นให้ผู้ใหญ่บ้านฟัง"เพ้ย เป็นเพียงแม่นางน้อยแต่คิดจะฆ่าคนแล้ว" ผู้นำหมู่บ้านตงสบถออกมาจางเทียนขอให้ผู้นำหมู่บ้านเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพราะเขาไม่อยากทำลายอนาคตของยู้อวี้ หากชาวบ้านล่วงรู้นางคงหาคนมาตบแต่งไม่ได้"ข้าเข้าใจ หากเจ้าไม่เอาเรื่องข้าก็ไม่ยุ่ง" ผู้นำหมู่บ้านกลับเรือนของเขาไปก่อนที่ผู้นำหมู่บ้านจะกลับไปจางเทียนเอ่ยเรื่องที่เขาจะขอซื้อที่ดินที่ติดกับเรือนของเขาด้วย วันพรุ่งนี้จะให้ชุยเหมยและบุตรไปคุยที่เรือนผู้นำหมู่บ้า
ฮ่องเต้เมื่อเสร็จงานฉลองเดือนของหลานทั้งสาม พระองค์ก็เดินทางไปตรวจดูนาเกลือด้วยพระองค์เอง ยิ่งเห็นก็ไม่อยากจะเชื่อว่า เพียงดึงน้ำทะเลมากักเก็บไว้ก็สามารถทำเป็นเกลือได้แล้วฮ่องเต้กับฮองเฮาอยู่ที่เมืองเจียซวนอีกเกือบเดือนจึงได้ตัดใจกลับเมืองหลวง จางเทียนกับชุยเหมยก็เดินทางกลับพร้อมขบวนเสด็จด้วย เพราะซินหยานนางคิดว่าอีกไม่กี่เดือนให้บุตรทั้งสามพร้อมจะนั่งรถม้านางก็จะเดินทางกลับเมืองหลวงหากนางยังไม่กลับ พวกเขาได้หาเรื่องมาหาหลานที่เมืองเจียซวนหรือไม่ว่าพวกนางจะไปที่ใดก็คงจะออกเดินทางไปด้วยเช่นกันบุตรคนโต นามว่าเซี่ยซีห่าว บุตรคนรองเซี่ยซีฮัน บุตรคนเล็กเซี่ยซีจ้าน ทั้งสามล้วนกินง่าย นอนง่าย ยิ่งตอนที่ซินหยานนางสื่อสารกับเชาชื่อ ทั้งสามดูจะสนใจอย่างยิ่ง"เชาชื่อ เจ้าว่าพวกเขาฟังเจ้ารู้เรื่องหรือไม่" ซินหยานที่สังเกตุบุตรชายหลายครั้งก็เอ่ยถามขึ้น"ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า" เชาชื่อตอบอย่างแปลกใจเพราะทุกครั้งที่เขาสื่อสารกับซินหยาน เด็กทั้งสามจะหันมาหาแสงของเชาชื่อ เหมือนพวกเขาก็ได้ยินเสียงของเชาชื่อเช่นกันในตอนแรกทั้งคู่ก็คิดว่าคิดไปเอง แต่เมื่อบุตรทั้งสามเข้าเดือนที่หก เมื่อเชาชื่อเอ่ยเ
นับจากวันที่รู้ว่าซินหยานนางตั้งครรภ์แฝดสาม หยางอ๋องก็แทบไม่ให้นางไปที่นาเกลืออีกเลย เพราะกลัวจะเกิดอันตราย ถึงแม้ซินหยานนางจะแข็งแรงมากกว่าสตรีตั้งครรภ์ทั่วไปก็ตามซงมามาก็วิ่งวุ่นไปทั่วเมืองเจียซวนเพื่อหาแม่นมและหมอตำแยหลายคนเพื่อพามาอยู่ที่ตำหนัก เพราะเป็นครรภ์แฝดไม่รู้ว่าวันใดจะคลอดอาจจะเป็นเพราะซินหยานนางกินได้มากกว่าเดิมและมีเด็กถึงสามคนอยู่ในท้องนางจึงหิวบ่อยกว่าเดิม หยางอ๋องก็ชื่นชอบซินหยานในยามนี้ ที่ตัวนางนุ่มนิ่มจับเต็มไม้เต็มมือเมื่อเข้าเดือนที่แปด ระหว่างที่หยางอ๋องกำลังนวดขาที่บวมของซินหยานให้นาง นางก็ทำสีหน้าประหลาดออกมา"เซี่ยหยาง ข้า ข้า เจ็บท้อง" นางตะโกนเรียกหยางอ๋องเสียงดัง"แล้วจะทำเช่นไร" หยางอ๋องลุกขึ้นเดินไปมารอบห้องอย่างตื่นตระหนก"ไปเรียกหมอเร็ว โอ๊ยยย" ซินหยานนางปาหมอนใส่หยางอ๋องที่ไร้สติ"หมอใช่ หมอ " หยางอ๋องพุ่งตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ซงมามาที่ได้ยินเสียงร้องก็รีบเข้ามาดู นางรีบให้คนจัดเตรียมห้องคลอด และเรียกหมอตำแยมาที่ห้องคลอด "ท่านอ๋องอุ้มพระชายาไปที่ห้องคลอดเพคะ" ซงมามาผลักตัวหยางอ๋องที่ยื่นตระหนกอยู่หน้าห้องให้ไปอุ้มซินหยานแม้แต่เดินมาพานางไ
คนทั้งสิบของซินหยานที่ไม่เคยเห็นคุณหนูของตนเป็นเช่นนี้ อาการที่แสดงออกมาก็ไม่ต่างไปจากหยางอ๋อง เพราะไม่รู้ว่าทำเช่นใด เมื่อได้สติต่างก็รีบไปตามหาหมอมาดูคุณหนูของตนจนวุ่นวายไปหมดหมอมาที่ตำหนักของหยางอ๋องถึงห้าคน ซงมามาส่ายหัวให้คนของซินหยานอย่างเหนื่อยใจ นางเดินพาหมอเข้าไปด้านในห้องที่ซินหยานยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง"ลงมือตรวจประเดี๋ยวนี้" หยางอ๋องหมดความอดทนเมื่อเห็นหมอเก้ๆ กังๆ ไม่กล้าเข้าไปตรวจให้ซินหยาน"พ่ะย่ะค่ะ" หมอทั้งห้ายืนล้อมรอบเตียงซินหยานอย่างขวัญเสียแต่ละคนไม่กล้าที่จะชักช้า แต่เพราะความหวาดกลัวสายตาของหยางอ๋องทำให้พวกเขาคอยผลัดกับจับชีพจรแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ เพราะไม่มีสมาธิกับการตรวจ"ท่านอ๋องเพคะ" ซงมามาเอ่ยห้ามเมื่อเห็นหยางอ๋องกำลังจะมีโทสะอีกครั้ง"ท่านหมอเร่งมือเสียเถิด" ซงมามาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แม้นางจะตกใจไม่แพ้กันแต่ก็ต้องคุมสติให้ได้"พระชายาตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ" หมอหนึ่งในนั้นพูดขึ้นเมื่อหมอคนแรกพูดเช่นนั้น ที่เหลือต่างก็กล้าเข้าไปจับชีพจร ทุกคนต่างลงความเห็นเช่นเดียวกับหมอคนแรกที่กล้าเอ่ยออกมา หากพระชายามิได้ตั้งครรภ์แต่เป็นโรคร้ายหัวของพวกเ
เมื่อถึงเมืองเจียซวนที่ติดทะเล ซินหยานนางก็คิดจะปักหลักอยู่ที่เมืองนี้เพื่อหาสถานที่ที่เหมาะกับการทำนาเกลือ ขุนนางต่างๆ ที่รู้เรื่องต่างก็ออกมาต้อนรับพร้อมจัดหาที่พักให้ทั้งคู่ท่านเจ้าเมืองถัง ก็ส่งบุตรสาวมาดูแลความเป็นอยู่ของทั้งคู่ โดยที่เขาลืมนึกไปว่าหยางอ๋องมีราชโองการไม่รับอนุเข้าตำหนัก คุณหนูถังก็เห็นดีเห็นงามกับบิดา เมื่อได้เห็นใบหน้าของหยางอ๋อง"ท่านอ๋องเพคะ ชื่นชอบที่พักที่หม่อมฉันจัดให้หรือไม่เพคะ" คุณหนูถังช้อนสายตาขึ้นมองหยางอ๋องอย่างใจกล้า"หมดเรื่องของเจ้าแล้ว กลับไปเสียเปิ่นหวางต้องการพักผ่อน" หยางอ๋องเอ่ยปากไล่ แม้แต่หางตาก็ไม่ปรายมองคุณหนูถังนางทำหน้าหนาไม่สนคำไล่ของหยางอ๋อง แต่กลับไปพูดคุยกับซินหยานแทน งานเลี้ยงต้อนรับหยางอ๋องกับพระชายา นางก็เป็นแม่งานเตรียมการทุกอย่างด้วยตนเองนางรำ สาวใช้ที่เข้ามาดูแลคอยรินสุราก็เป็นนางที่จัดการทั้งหมด ซินหยานมองคุณหนูถังอย่างรู้ทัน แต่แทนที่นางจะจัดการคุณหนูถังแต่ซินหยานกลับเปิดโอกาสให้คุณหนูถังได้เอาใจหยางอ๋องเต็มที่"หยานเออร์ มานั่งข้างเปิ่นหวาง" หยางอ๋องก็เหมือนจะรู้ใจพระชายาของตน เขาเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแต่มันกลับทำ
หยางอ๋องไม่เสียเวลาสนทนาเรื่องอื่น เขาอุ้มซินหยานไปวางลงที่เตียงอย่างเบามือ สิ่งที่เขาต้องอดกลั้นมายาวนานยามนี้ถึงเวลาสิ้นสุดลงแล้ว เขาจะเสียเวลาได้อย่างไรริมฝีปากของหยางอ๋องเคลื่อนไหวช้าๆ ไปตามลำคอ สัมผัสเบาๆ ที่ลูบไล้ไปตามร่างกายของซินหยานทำให้นางส่งเสียงครางอ่อนออกมา เพียงเสียงของนางก็ทำให้ความเป็นชายของหยางอ๋องผงาดเหมือนสิงโตที่พร้อมจะล่าเหยื่อ"หยานเออร์" เขาเอ่ยเรียกนางอย่างปรารถนาเสื้อผ้าของทั้งคู่ถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว หยางอ๋องจ้องมองรูปร่างของนางอย่างหลงใหล เขาฝันถึงเรือนร่างที่ซ่อนอยู่ภายในเสื้อผ้าของนางตั้งแต่ที่บ่อน้ำวิเศษวันนั้นยิ่งได้มาเห็นเช่นนี้ทำให้เขาอดใจไม่ไหว ลูบไล้ไปตามเรือนร่างของนางอย่างละโมบ"อ๊าาา" ซินหยานส่งเสียงหวาน พร้อมสายตาที่หยาดเยิ้มหยางอ๋องเผลอมองอย่างตกตะลึง ก่อนจะมอบจุมพิตที่ดูดดื่ม เต็มไปด้วยความปรารถนาและความกระหาย ซินหยานนางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อหยางอ๋องส่งความเป็นชายของเขาเข้ามาในร่างของนาง"เจ็บมากหรือไม่" หยางอ๋องจำต้องหยุดนิ่งเพื่อให้นนางปรับตัวเมื่อเห็นว่าซินหยานคลายความเจ็บปวดลงแล้ว หยางอ๋องก็ดันเข้าไปจนสุด ซินหยานรู้สึกถึงความร้อ
ภายในจวนตระกูลจางเต็มไปด้วยผ้าแดงที่ใช้ตกแต่งเต็มเรือน คนงานทั้งหมดล้วนแล้วแต่ใส่มีแดงมงคล ซงมามาเดินตรวจสอบว่ามีสิ่งใดขาดเหลือหรือไม่ซินหยานที่ถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่ปลายยามโฉ่ว(01.00-02.59น.) นางถูกซงมามาจับขัดตัว แช่น้ำนม ครั้งสุดท้ายซินหยานนางให้เสี่ยวเหลียนไปเก็บดอกบัวในบ่อน้ำของนางมาให้นางแช่กลิ่นดอกบัวที่ปลูกอยู่ในบ่อน้ำวิเศษซึมเข้าสู่ผิวของนาง กลิ่นกายของนางในยามนี้ชวนให้ผู้ได้กลิ่นอยากจะดอมดมไม่รู้คลาย ยิ่งสูดดมก็รู้สึกปลอดโปร่งสบายใจอย่างบอกไม่ถูกกว่าจะเสร็จเรื่องอาบน้ำ จนมาแต่งหน้าแต่งตัวก็กินเวลาไปหลายชั่วยาม จนขบวนรับเจ้าสาวมาถึงหน้าจวนตระกูลจางแล้ว องค์ชายใหญ่ที่ในยามนี้โดนแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเป็นผู้นำขบวนร่วมกับน้องชายเซี่ยหยางก็เพิ่งจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นอ๋อง ยามนี้จึงต้องเรียกเขาว่าหยางอ๋อง แต่เรื่องจะไปปกครองหัวเมืองใด หยางอ๋องรอถามพระชายาของตนก่อนซินหยานนางไม่คิดว่านางจะตื่นเต้นมากเพียงนี้ ฝ่ามือของนางมีเหงื่อออก นางตื่นเต้นยิ่งกว่าได้ฆ่าคนครั้งแรกเสียอีก ซงมามากับเสี่ยวเหลียนช่วยกันประคองซินหยานเดินออกจากห้องเพราะมีผ้าคลุมหน้าอยู่ทำให้นางล
สิ่งของที่ซินหยานนางเตรียมให้พี่ชาย อากุ้ยบุตรชายพ่อบ้านจางก็ได้เช่นเดียวกัน ซินหยานนางไม่ได้ไปส่งพี่ชายที่สนามสอบ เพราะซงมามานางไม่ให้ซินหยานออกจากเรือนแม้แต่ที่เพาะปลูกที่บิดาหาซื้อไว้นางยังไม่ได้ไปดูเลยสักครั้ง ทำได้เพียงให้สืออี สืออู๋ไปดูแทนนางและนำเมล็ดที่แช่น้ำวิเศษไปส่งให้คนงานในสวนคนงานเก่าที่อยู่กันมาตั้งแต่แรกที่เมืองโจวหนานก็พามาอยู่ที่เมืองหลวงทั้งหมดแล้ว เรือนที่หมู่บ้านก็มีท่านผู้นำหมู่บ้านตงเป็นผู้ดูแลให้แทนจางเหลี่ยงอยู่ในสนามสอบสามวัน เมื่อออกมาจากสนามสอบเขาก็ไม่ได้ดูแย่เท่าบัณฑิตผู้อื่น เมื่อกลับถึงเรือนยังพูดอวดน้องสาวว่าข้อสอบไม่ได้ยากอย่างที่คิด ให้น้องสาวรอฟังข่าวดีได้เลย"หากท่านได้ที่ไม่ดี ข้าจะทุบตีท่าน" ซินหยานเอ่ยอย่างหมั่นไส้"ไหนเจ้าบอกให้พี่เพียงสอบผ่านเท่านั้นไงเล่า" จางเหลี่ยงเอ่ยอย่างไม่ยินยอม"ก็ใครให้ท่านอวดเก่งกับข้าเล่า" ซินหยานลากพี่ชายที่เพิ่งกลับมาไปที่ลานฝึกซ้อมของนางทันทีกว่าซินหยานจะปล่อยตัวจางเหลี่ยงเขาก็ลงไปนอนที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง นับจากนั้นถึงได้รู้ว่าไม่ควรพูดอวดเก่งต่อหน้าน้องสาวที่แสนดีของตนซินหยานลากจางเหลี่ยงมาฝึกวรยุทธทุกวั
เพราะคำพูดของเชาชื่อทำให้ซินหยานส่งยาไปให้จ้าวฟางหรง ม้าเร็วจากเมืองหลวงวิ่งโดยไม่หยุดพัก เปลี่ยนม้าระวังทางไปนับสิบตัวกว่าจะมาถึงชายแดนเหนือสือซานคือผู้นำยามามอบให้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งนำคำพูดของซินหยานมาถึงจ้าวฟางหรงด้วย เมื่อจ้าวฟางหรงเห็นหน้าสือซานก็รู้ได้ทันทีว่าเห็นคนของซินหยานจึงไล่คนทั้งหมดให้ออกไป"คุณหนูฝากมาให้ท่านขอรับ" สือซานส่งขวดยาให้จ้าวฟางหรง พร้อมทั้งช่วยประคองเขาให้ดื่มยา"ฝากขอบคุณนางด้วย""คุณหนูยังบอกอีกด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนางไม่โทษท่านอีกแล้ว ขอให้ท่านรักษาตัวด้วยขอรับ" สือซานเมื่อหมดหน้าที่เขาก็กลับออกมาจากจวนท่านแม่ทัพ ก่อนจะเดินทางกลับสือซานหยุดพักที่โรงเตี๊ยมอยู่สองวันจ้าวฟางหรงก็เหมือนคิดได้ เพราะในตอนนี้เขากับนางไม่ได้เป็นอันใดกัน และนางกำลังจะมีครอบครัวของนางเอง เขาควรจะร่วมยินดีกลับนางถึงจะถูกเซี่ยหยางเมื่อมาหาซินหยานในตอนกลางคืนไม่ได้ เขาก็มาที่เรือนตระกูลจางในตอนกลางวันแทน แต่ก็ยังถูกซงมามาขัดขวางไม่ให้พบหน้าซินหยานอยู่ดีซินหยานนอกจากจะเรียนมารยาทกับซงมามา นางยังถูกบังคับให้ปักผ้าคลุมหน้าด้วยตัวเอง มือที่จับแต่มีดสั้น ดาบ พอมาจับเข็มกลับถ
เมื่อถึงวันงานปักปิ่น ฮองเฮาเสด็จมาเป็นผู้ปักปิ่นให้นางด้วยพระองค์เอง ซงมามานางมาช่วยจัดเตรียมงานตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว และในตอนนี้ก็ยังจับซินหยานแต่งตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง"ซงมามา หากแต่งเพิ่มข้าว่าจะสายแล้วนะเจ้าคะ" ซินหยานอดเย้าซงมามาไม่ได้ นอกจากจะจับนางขัดผิวแช่น้ำนมตั้งแต่เมื่อวานตอนนี้ยังจับนางแต่งหน้าเสียจนแป้งที่หน้าจะหนากว่าแป้งขนมแล้ว"ท่านหญิง ท่านก็พูดเกินไปเจ้าค่ะ""ว่าแต่ข้ากับซงมามาวันนี้ใครงามกว่ากัน" ซินหยานกระซิบอย่างขี้เล่นกับซงมามาเมื่อถึงเวลาซงมามาก็พาซินหยานเดินเข้าไปในงาน ความงามของซินหยานทำให้บุรุษที่มาร่วมงานต่างมองนางตาค้าง แต่เมื่อได้ยินเสียงกระแอมขององค์ชายสามต่างก็ก้มหน้าลงอย่างพร้อมเพรียงกันอาหารในงานทำให้ทุกคนยิ่งประหลาดใจ เมื่อรู้ว่าผักที่ถูกส่งมาจากเมืองโจวหนานเป็นผักของตระกูลจางก็ยิ่งอยากจะให้จางเทียนมาปลูกผักขายในเมืองหลวงเมื่องานปักปิ่นดำเนินตามพิธีเสร็จสิ้นลง เซี่ยหยางก็ทำหน้าหนาประกาศฤกษ์แต่งงานที่จะเกิดขึ้นในอีกสามเดือนหลังจากนี้ทันที"เซี่ย หยาง" ซินหยานกัดฟันอย่างมีโทสะ เมื่อคืนเขาก็ลอบเข้ามาหานางแต่ไม่ได้พูดเรื่องฤกษ์มงคลกับนางเลยแม้แ