ก๊อก ๆ“ทำไมยังไม่อาบน้ำอีกครับ” นิโคลัสกับโจเซฟผลัดกันใช้ห้องน้ำที่ชั้นล่างจนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่คนรักของเขายังไม่แม้แต่จะเปิดฝักบัว‘หรือว่าเกิดอะไรขึ้น!’“เป็นอะไรหรือเปล่า”“อ๊ะ เอ่อ ไม่... ไม่เป็นอะไรครับ” เฉินเฟิงเลิ่กลั่ก เอื้อมมือไปเปิดฝักบัวให้มีเสียงน้ำเล็ดลอดออกไป “พอดีคิดเรื่องพลังเพลินไปหน่อย” พร้อมอธิบายเหตุผล“เดี๋ยวพี่กับพี่โจจะออกไปแลกอาหารนะ อาเฟิงอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”“รอแป๊บหนึ่งได้ไหมครับ ผมอยากไปด้วย” เจ้ากระต่ายรีบกดยาสระผมใส่มือแล้วยีหัวอย่างรวดเร็ว โอ๊ย! ยาสระผมเข้าตา!!“โอเค เดี๋ยวนั่งรอที่โซฟาด้านล่างนะ”“ครับ ๆ”…ถึงในค่ายที่มีการตรวจตราแน่นหนาก็ห้ามปลดการระวังตัวเด็ดขาด เวลานี้เฉินเฟิงจึงต้องสวมฮู้ดสีเทาตัวเก่งปกปิดใบหูสีขาว ตรงเข็มขัดมีซองใส่มีดและปืนที่นิโคลัสเพิ่งใช้แต้มไปแลกมาให้ตอนที่จับมันครั้งแรกบอกตามตรงว่าเขาไม่ชินอย่างแรง ที่ผ่านมาใช้มีดป้องกันตัวและปลิดชีวิตศัตรูจนเคยชิน พอได้มาจับอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงอย่างปืนก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้“ไม่ต้องมองมันมากขนาดนั้นก็ได้” นิโคลัสเอ่ยยิ้ม ๆ เดินไม่ถึง 10 ก้าวก็มองปืนที่เหน็บเอวมาตลอดทาง
“พี่นิค!” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นมาจากทางหน้าประตูโรงอาหาร เสียงนั้นไม่ดังมากนัก แต่ในหมู่คนที่กลายพันธุ์เป็นสัตว์ต่างก็ได้ยินกันถ้วนหน้าคุณหมอหมีแทบอยากจะยกมือขึ้นกุมสันจมูกด้วยความเครียด‘ตัววุ่นวายมาจนได้’ ต้องโทษที่โรงอาหารมีเสียงพูดคุยมากเกินไป เขาเลยไม่ทันรู้สึกตัวว่าหลานท่านนายพลได้มายังโรงอาหารแห่งนี้ด้วย“งานเข้าแล้วไง” โจเซฟกระซิบลอดไรฟัน“ถ้าคุณไม่พูดผมอาจงานไม่เข้าก็ได้นะ” นิโคลัสกัดฟันพูดตอบ อยู่กันแค่นี้คิดว่าแค่กระซิบเจ้ากระต่ายก็จะไม่ได้ยินหรือไง“จะกลับไปที่บ้านก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวซื้ออาหารเข้าไปให้” โจเซฟพยายามหาทางช่วย“มีอะไรกันเหรอครับ” เฉินเฟิงเห็นทั้งหัวหน้าและคนรักเอาแต่ซุบซิบกันตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว รู้ทั้งรู้ว่าเขาก็ได้ยินเหมือนกัน ยังจะทำเหมือนมีลับลมคมในอีกทำไม “คนที่เรียกพี่นิคเป็นใครเหรอครับ” งั้นถามไปตรง ๆ เลยก็แล้วกัน“เอ่อ หมอนั่น…” นิโคลัสกระอักกระอ่วนที่จะอธิบาย จะบอกว่าเป็นแฟนของเพื่อนที่ตายไปแล้วก็ดูจะไม่ค่อยเข้าทีนัก เพราะคำเรียกขานมันสนิทสนมกันเกินไป“หมอนั่นตามจีบนิคอยู่” โจเซฟช่วยเฉลย เขาไม่ได้จะเผาบ้านใคร แต่การไม่พูดออกไปอย่างชัดเจนจะยิ่งเป็นปัญหา
‘หมอนี่นี่เอง!’ ในที่สุดก็ได้เจอตัวเสียที มือที่สามในความรักของเขา!ไอซ์ยังคงมีรอยยิ้มประดับไว้บนใบหน้า แต่สายตาไม่ได้ยิ้มตามมองประเมินศัตรูหัวใจตั้งแต่หัวจรดเท้าตัวสูงโปร่ง ตากลมโตแต่หางตาชี้ขึ้น นัยน์ตาสีแดงฉาน ผิวขาวอมชมพู น่าเสียดายที่อีกฝ่ายคลุมฮู้ดอยู่จึงไม่อาจมองออกว่ามีเส้นผมสีอะไรหรือกลายพันธุ์เป็นสัตว์ชนิดไหนตาสีแดงนั่นไม่มีทางที่คนปกติจะมีได้หรอกนอกจากคำบอกรักน่าชิงชังนั่นแล้ว คนกว่าครึ่งที่ปกติควรให้ความสนใจเขา ก็เอาแต่มองคนแปลกหน้ากันหมดน่าหงุดหงิดน่าหงุดหงิดที่สุด! จะมองอะไรกันนักหนา!ออกห่างจากนิโคลัสเดี๋ยวนี้นะ!!แล้วไอ้พวกคนที่รุมล้อมอยู่ตรงนี้รีบเปิดทางให้เขาเดินไปหานิโคลัสได้แล้ว! จะมุงอะไรนัก!!“หวา มองมาที่ผมด้วยอะ” เฉินเฟิงทันเห็นแฮมสเตอร์หนุ่มมองประเมินตน ถ้าสายตาฆ่าคนได้เขาคงโดนปาดคอตายไปแล้ว… มองอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ไม่ต้องไปสนใจ” นิโคลัสย้ายเฉินเฟิงให้มายืนอยู่ด้านหน้าตน บดบังสายตาของหลานท่านนายพลอธิด้วยแผ่นหลังของตนเอง ฝ่ามือแกร่งเอื้อมไปจับเอวไว้อย่างประกาศความเป็นเจ้าของ ทั้งยังตวัดสายตาไปมองคนอื่นที่เอาแต่จ้องเจ้ากระต่ายของเขาไม่วางตามาตั้งแต่
เฉินเฟิงอยากจะกลอกตามองบน อ้อ กลอกไปแล้ว แถมพอมองบนก็เจอสายตาของคนรักกำลังมองมาที่ตนเอง มุมปากยิ้มกริ่มเลยนะพ่อหนุ่มเนื้อหอม ซึ่งเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายยิ้มเพราะเห็นท่าทางเหมือนกระต่ายเซ็งของเขามากกว่าคนตัวเล็กที่จ้อไม่หยุดเจ้ากระต่ายยกมือขึ้นปิดจมูก ตอนนี้เขาเริ่มได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายอ่อน ๆ จากบุคคลที่สี่ซึ่งเป็นกลิ่นที่เขาไม่ชอบตั้งแต่ก่อนวันสิ้นโลกไม่อยากบูลลี่กลิ่นน้ำหอมนะ… แต่เขาไม่ชอบกลิ่นนี้จริง ๆ“ถอยออกไป” นิโคลัสเห็นท่าทางนั้นก็ไม่ปรายตาไปมองตัวต้นเหตุ แต่เลือกที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา มือที่เกาะเกี่ยวเอวคนรักบีบนวดเบา ๆ ไม่ให้อีกคนเกิดความรู้สึกไม่ดี“ครับ?”“ถอยออกไปห่าง ๆ” พูดซ้ำอีกครั้ง ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง“แต่ผมแค่อยากคุยกับพวกพี่” ชายหนุ่มใช้ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำมองคนตรงหน้าอย่างอ้อนวอน พาให้ประชาชนที่ต่อแถวอยู่รู้สึกอยากเดินเข้าไปลูบศีรษะปลอบประโลมไม่ให้มีน้ำใสไหลริน“ขอโทษนะครับถ้าทำให้ลำบากใจ” พร้อมกับก้มหน้างุดราวกับรู้สึกผิด“...” เฉินเฟิงถ้านายรู้สึกผิดจริง นายจะรีบเดินไปจากตรงนี้ ไม่ใช่ยืนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมให้คนเขาจิกตาด่าเหมือนพวกเราเป็นฝ่ายรังแกทั้งที่ยืนอยู่เฉย ๆ ม
ไม่แน่ใจว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจะสามารถใช้บรรยายความซวยของมนุษยชาติในเวลานี้ได้หรือเปล่าล้วนไม่มีใครรู้ เมื่อรู้ตัวอีกทีหลายพื้นที่บนโลกก็ไม่ต่างจากภาพยนตร์วันสิ้นโลกที่เคยโด่งดังเรื่องหนึ่งมันเริ่มจากโรคติดต่อร้ายแรงที่มีการแพร่กระจายจากคนสู่คน ทำได้เพียงรักษาไปตามอาการจนเชื้อในร่างกายตายหมดเท่านั้น ซึ่งผ่านมาเกือบสองปีก็ยังไม่มีประเทศไหนคิดค้นวัคซีนที่จะทำให้หายขาดหรือป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้เลยนานวันเข้าก็เริ่มมีผู้คนล้มตายมากขึ้น จากประชากรเกือบ 5 พันล้านคนทั่วโลก ถูกประเมินว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 1 ใน 5หลายครัวเรือนเริ่มกักตุนอาหาร ร้านขายของชำปิดให้บริการ ราคาอาหารแห้งแพงยิ่งกว่าทอง นี่เป็นสิ่งที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องเผชิญไม่มีใครหลีกเลี่ยงแต่แค่นั้นมันยังน้อยเกินไปวันที่ xx เดือน xx ค.ศ. xxxxองค์การ xx ระบุว่ามีอุกกาบาตขนาดใหญ่กำลังจะพุ่งชนมายังโลก ซึ่งแน่นอนว่ามันจะสร้างความเสียหายไม่ต่างจากหลายล้านปีก่อนที่เป็นเหตุให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ยังดีที่เทคโนโลยีในปัจจุบันพัฒนาไปมาก มนุษย์รู้ตัวเร็วทำให้พอมีเวลาหาหนทางกำจัดภัยร้ายนี้ได้ก่อนมาถึงโลก แต่ใครจะรู้ว่าอาวุธที่ร้ายแรงที
เฉินเฟิงนั่งปรับระดับลมหายใจอยู่ที่เดิมจนกระทั่งได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านนอกจึงรีบลนลานหอบถุงใส่อาหารกลับเข้าไปในบ้าน จัดการปิดประตูหน้าต่าง ขนเฟอร์นิเจอร์ใกล้มือที่คิดว่ามีน้ำหนักมาปิดทางเข้าออกทั้งหมดเสียงกรีดร้องผสมเสียงขอความช่วยเหลือดังระงมอยู่ค่อนคืน ชายหนุ่มยกมือทั้งสองขึ้นปิดหูตนแล้วขดตัวอยู่ใต้โต๊ะติดกำแพงร่างโปร่งสั่นระริกทุกครั้งยามที่มีคนเขย่าประตูเหล็กหน้าบ้าน นัยน์ตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาจากความหวาดกลัวและละอายใจทำไมเขาไม่เตือนคนอื่นยิ่งเสียงกรีดร้องดังมากเท่าไร ภายในจิตใจเฉินเฟิงยิ่งปวดร้าวมากเท่านั้นขี้ขลาด!แกมันขี้ขลาดเห็นแก่ตัว“พี่เฟิงช่วยผมด้วย” เสียงเล็กคุ้นหูหน้าบ้านเรียกสติให้ชายหนุ่มผลุนผลันคลานออกมาจากใต้โต๊ะ รีบกวาดสิ่งของที่ขวางประตูอยู่ให้เปิดออกทันเห็นเด็กชายกับแม่ของอีกฝ่ายกำลังเกาะรั้วเหล็กหน้าบ้านพลางหันซ้ายหันขวา“น้องดล” เฉินเฟิงเรียกเด็กชายเสียงเบา สภาพของเด็กข้างบ้านแทบไม่มีส่วนไหนเรียกว่าชิ้นดี ผมเผ้าพองฟู เสื้อผ้ามอมแมมผสมคราบดินและคราบเลือดจนหาสีเสื้อเดิมไม่เจอ“อาเฟิง ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย” ดาริณีมีหนึ่งกำรั้วเหล็ก อีกมือก็ดึงลูกชายมากอ
ถ้าเป็นเวลาปกติเธอคงเอ็ดลูกชายไปแล้วที่นอนดึก แต่ภาพเหตุการณ์ในวันนี้ไม่ทำให้สติแตกจนฟั่นเฟือนก็เรียกว่าดีมากแล้วสำหรับเด็กเด็กชายดลนับว่าเป็นหัวโจกกลุ่มเด็กในหมู่บ้านคนหนึ่ง เขามักนำตัวเองเป็นศูนย์กลางของกลุ่มเด็กทโมนพาเพื่อนไปเล่นสุ่มเสี่ยง ตรงไหนที่ผู้ใหญ่ห้ามหรือดุก็จะแอบพากันไปจนรู้แน่ชัดว่าห้ามเพราะอะไรก็จะหยุดเอง ตอนที่ยายล้มลงแล้วลุกขึ้นมากัดตา ณ ตอนนั้นเด็กชายดลเข้าใจได้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่ไม่ปกติ คนตรงหน้าไม่ใช่ยายของเขาอีกต่อไปเด็กตัวเล็กคนหนึ่งรีบพาแม่ออกจากบ้าน ดาริณีวิ่งตามลูกชายมาอย่างงุนงงในตอนแรกเพราะช็อกกับสภาพที่พ่อถูกแม่กัดเลือดท่วมตัว ไหนจะคนในหมู่บ้านบางคนที่มีลักษณะเหมือนแม่ของเธอ ทั้งสองคนจึงได้แต่วิ่งฝ่าความมืดหวังไปขอพึ่งพิงบ้านสามี ได้แต่โทษตัวเองว่าคืนนี้เธอไม่น่าขอบ้านนั้นพาลูกมานอนที่นี่เลย จะได้ไม่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ใครจะคาดคิดว่าแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ เธอกลับถูกขับไล่เพราะอีกฝ่ายเห็นว่ามีฝูงตัวอะไรบางอย่างกำลังคืบคลานมาหาเธอและลูก พวกเขาเขวี้ยงปาสิ่งของจากชั้นบนของบ้านเธอได้แต่เหลียวหลังไปดูคนในหมู่บ้านที่เปลี่ยนสภาพไม่ต่างจากแม่ที่กัดพ่อก็
“ก็ใช่น่ะสิ เอาล่ะ ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพี่ไปทำกับข้าวให้” ดาริณีลุกเดินเข้าครัว มุมปากยกยิ้มสนุก...รอให้เจ้าตัวเห็นเองจะดีกว่าเฉินเฟิงไม่ทันเห็นรอยยิ้มประหลาดของพี่สาวข้างบ้านจึงเดินเข้าไปในห้องนอนตัวเอง คว้าเสื้อผ้าในตู้แล้วเดินตรงเข้าห้องน้ำ แต่พอจะถอดเสื้อผ้าออกจากหัวกลับรู้สึกว่าส่วนคอเสื้อไปเกี่ยวอะไรสักอย่างบนศีรษะอะไร?ชายหนุ่มยกมือขึ้นจับ“?!!”ตึง ๆ“แม่ พี่เฟิงต้องเห็นแล้วแน่เลย” เสียงดังตึงตังออกมาจากห้องนอนของชายหนุ่ม“พี่เขาคงตกใจน่ะ ตอนเราเห็นครั้งแรกก็ตกใจเนอะ” หญิงสาวยิ้มขัน เชื่อว่าเจ้าตัวคงตกใจจนช็อกไปแล้วไม่ผิดจากที่ดาริณีพูด เฉินเฟิงตกใจมากจริง ๆ ถึงกับต้องวิ่งไปเกาะกระจกเพื่อดูไอ้สิ่งที่มันติดอยู่บนหัวเขา!ใช่! บนหัวเขามีบางอย่างโผล่ขึ้นมาไม่ใช่มีแค่เส้นผมเพียงอย่างเดียว“เฮ้ย” แล้วทำไมผมของเขากลายเป็นสีขาว!“นี่มันอะไรกันวะ!” ไหนจะดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ที่เตะตาเขาตั้งแต่แรกเห็นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ทั่วไปมีตั้งแต่เกิด เพราะบนศีรษะของเขากลับมีบางสิ่งบางอย่างงอกขึ้นมาเพิ่ม นั่นคือหูยาวสีขาวเหมือนกระต่ายต่างหากที่ทำให้เขาอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกใช่แล้วมันคือ หู
เฉินเฟิงอยากจะกลอกตามองบน อ้อ กลอกไปแล้ว แถมพอมองบนก็เจอสายตาของคนรักกำลังมองมาที่ตนเอง มุมปากยิ้มกริ่มเลยนะพ่อหนุ่มเนื้อหอม ซึ่งเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายยิ้มเพราะเห็นท่าทางเหมือนกระต่ายเซ็งของเขามากกว่าคนตัวเล็กที่จ้อไม่หยุดเจ้ากระต่ายยกมือขึ้นปิดจมูก ตอนนี้เขาเริ่มได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายอ่อน ๆ จากบุคคลที่สี่ซึ่งเป็นกลิ่นที่เขาไม่ชอบตั้งแต่ก่อนวันสิ้นโลกไม่อยากบูลลี่กลิ่นน้ำหอมนะ… แต่เขาไม่ชอบกลิ่นนี้จริง ๆ“ถอยออกไป” นิโคลัสเห็นท่าทางนั้นก็ไม่ปรายตาไปมองตัวต้นเหตุ แต่เลือกที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา มือที่เกาะเกี่ยวเอวคนรักบีบนวดเบา ๆ ไม่ให้อีกคนเกิดความรู้สึกไม่ดี“ครับ?”“ถอยออกไปห่าง ๆ” พูดซ้ำอีกครั้ง ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง“แต่ผมแค่อยากคุยกับพวกพี่” ชายหนุ่มใช้ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำมองคนตรงหน้าอย่างอ้อนวอน พาให้ประชาชนที่ต่อแถวอยู่รู้สึกอยากเดินเข้าไปลูบศีรษะปลอบประโลมไม่ให้มีน้ำใสไหลริน“ขอโทษนะครับถ้าทำให้ลำบากใจ” พร้อมกับก้มหน้างุดราวกับรู้สึกผิด“...” เฉินเฟิงถ้านายรู้สึกผิดจริง นายจะรีบเดินไปจากตรงนี้ ไม่ใช่ยืนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมให้คนเขาจิกตาด่าเหมือนพวกเราเป็นฝ่ายรังแกทั้งที่ยืนอยู่เฉย ๆ ม
‘หมอนี่นี่เอง!’ ในที่สุดก็ได้เจอตัวเสียที มือที่สามในความรักของเขา!ไอซ์ยังคงมีรอยยิ้มประดับไว้บนใบหน้า แต่สายตาไม่ได้ยิ้มตามมองประเมินศัตรูหัวใจตั้งแต่หัวจรดเท้าตัวสูงโปร่ง ตากลมโตแต่หางตาชี้ขึ้น นัยน์ตาสีแดงฉาน ผิวขาวอมชมพู น่าเสียดายที่อีกฝ่ายคลุมฮู้ดอยู่จึงไม่อาจมองออกว่ามีเส้นผมสีอะไรหรือกลายพันธุ์เป็นสัตว์ชนิดไหนตาสีแดงนั่นไม่มีทางที่คนปกติจะมีได้หรอกนอกจากคำบอกรักน่าชิงชังนั่นแล้ว คนกว่าครึ่งที่ปกติควรให้ความสนใจเขา ก็เอาแต่มองคนแปลกหน้ากันหมดน่าหงุดหงิดน่าหงุดหงิดที่สุด! จะมองอะไรกันนักหนา!ออกห่างจากนิโคลัสเดี๋ยวนี้นะ!!แล้วไอ้พวกคนที่รุมล้อมอยู่ตรงนี้รีบเปิดทางให้เขาเดินไปหานิโคลัสได้แล้ว! จะมุงอะไรนัก!!“หวา มองมาที่ผมด้วยอะ” เฉินเฟิงทันเห็นแฮมสเตอร์หนุ่มมองประเมินตน ถ้าสายตาฆ่าคนได้เขาคงโดนปาดคอตายไปแล้ว… มองอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ไม่ต้องไปสนใจ” นิโคลัสย้ายเฉินเฟิงให้มายืนอยู่ด้านหน้าตน บดบังสายตาของหลานท่านนายพลอธิด้วยแผ่นหลังของตนเอง ฝ่ามือแกร่งเอื้อมไปจับเอวไว้อย่างประกาศความเป็นเจ้าของ ทั้งยังตวัดสายตาไปมองคนอื่นที่เอาแต่จ้องเจ้ากระต่ายของเขาไม่วางตามาตั้งแต่
“พี่นิค!” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นมาจากทางหน้าประตูโรงอาหาร เสียงนั้นไม่ดังมากนัก แต่ในหมู่คนที่กลายพันธุ์เป็นสัตว์ต่างก็ได้ยินกันถ้วนหน้าคุณหมอหมีแทบอยากจะยกมือขึ้นกุมสันจมูกด้วยความเครียด‘ตัววุ่นวายมาจนได้’ ต้องโทษที่โรงอาหารมีเสียงพูดคุยมากเกินไป เขาเลยไม่ทันรู้สึกตัวว่าหลานท่านนายพลได้มายังโรงอาหารแห่งนี้ด้วย“งานเข้าแล้วไง” โจเซฟกระซิบลอดไรฟัน“ถ้าคุณไม่พูดผมอาจงานไม่เข้าก็ได้นะ” นิโคลัสกัดฟันพูดตอบ อยู่กันแค่นี้คิดว่าแค่กระซิบเจ้ากระต่ายก็จะไม่ได้ยินหรือไง“จะกลับไปที่บ้านก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวซื้ออาหารเข้าไปให้” โจเซฟพยายามหาทางช่วย“มีอะไรกันเหรอครับ” เฉินเฟิงเห็นทั้งหัวหน้าและคนรักเอาแต่ซุบซิบกันตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว รู้ทั้งรู้ว่าเขาก็ได้ยินเหมือนกัน ยังจะทำเหมือนมีลับลมคมในอีกทำไม “คนที่เรียกพี่นิคเป็นใครเหรอครับ” งั้นถามไปตรง ๆ เลยก็แล้วกัน“เอ่อ หมอนั่น…” นิโคลัสกระอักกระอ่วนที่จะอธิบาย จะบอกว่าเป็นแฟนของเพื่อนที่ตายไปแล้วก็ดูจะไม่ค่อยเข้าทีนัก เพราะคำเรียกขานมันสนิทสนมกันเกินไป“หมอนั่นตามจีบนิคอยู่” โจเซฟช่วยเฉลย เขาไม่ได้จะเผาบ้านใคร แต่การไม่พูดออกไปอย่างชัดเจนจะยิ่งเป็นปัญหา
ก๊อก ๆ“ทำไมยังไม่อาบน้ำอีกครับ” นิโคลัสกับโจเซฟผลัดกันใช้ห้องน้ำที่ชั้นล่างจนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่คนรักของเขายังไม่แม้แต่จะเปิดฝักบัว‘หรือว่าเกิดอะไรขึ้น!’“เป็นอะไรหรือเปล่า”“อ๊ะ เอ่อ ไม่... ไม่เป็นอะไรครับ” เฉินเฟิงเลิ่กลั่ก เอื้อมมือไปเปิดฝักบัวให้มีเสียงน้ำเล็ดลอดออกไป “พอดีคิดเรื่องพลังเพลินไปหน่อย” พร้อมอธิบายเหตุผล“เดี๋ยวพี่กับพี่โจจะออกไปแลกอาหารนะ อาเฟิงอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”“รอแป๊บหนึ่งได้ไหมครับ ผมอยากไปด้วย” เจ้ากระต่ายรีบกดยาสระผมใส่มือแล้วยีหัวอย่างรวดเร็ว โอ๊ย! ยาสระผมเข้าตา!!“โอเค เดี๋ยวนั่งรอที่โซฟาด้านล่างนะ”“ครับ ๆ”…ถึงในค่ายที่มีการตรวจตราแน่นหนาก็ห้ามปลดการระวังตัวเด็ดขาด เวลานี้เฉินเฟิงจึงต้องสวมฮู้ดสีเทาตัวเก่งปกปิดใบหูสีขาว ตรงเข็มขัดมีซองใส่มีดและปืนที่นิโคลัสเพิ่งใช้แต้มไปแลกมาให้ตอนที่จับมันครั้งแรกบอกตามตรงว่าเขาไม่ชินอย่างแรง ที่ผ่านมาใช้มีดป้องกันตัวและปลิดชีวิตศัตรูจนเคยชิน พอได้มาจับอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงอย่างปืนก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้“ไม่ต้องมองมันมากขนาดนั้นก็ได้” นิโคลัสเอ่ยยิ้ม ๆ เดินไม่ถึง 10 ก้าวก็มองปืนที่เหน็บเอวมาตลอดทาง
โจเซฟส่งมอบภารกิจทันทีหลังพ้นระยะเวลากักตัว ส่วนนิโคลัสก็ไปทำเรื่องติดต่อขอเช่าบ้านหลังหนึ่งสำหรับเป็นที่พักของกลุ่มจนกว่าอาการของหงส์และตุ่นจะคงที่จนสามารถเดินทางไกลได้นั่นทำให้เฉินเฟิงได้เห็นที่อยู่อาศัยของประชาชนที่มีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นมาอีกระดับ แตกต่างจากจุดกักตัวที่มีแต่เต็นท์ผ้าใบ จุดที่พวกเขาเลือกอยู่เป็นบ้านเดี่ยวในโครงการหมู่บ้านจัดสรรชื่อดังเมื่อหลายเดือนก่อน มีประชาชนอาศัยอยู่น้อยกว่าจุดตั้งเต็นท์มากกว่าครึ่ง แต่ส่วนมากจะอาศัยอยู่เป็นครอบครัว หรือไม่ก็เป็นกลุ่มเพื่อนที่รอดชีวิตมาด้วยกัน พวกเขาจะหารค่าบ้านกันเพื่อลดค่าใช้จ่าย จึงมีน้อยมากที่่จะมีคนเช่าบ้านอยู่คนเดียวไม่ได้ถามคนแถวนั้นมานะ คุณหมอหมีเขาเล่าให้ฟังตอนที่ผ่านเข้าประตูค่าย เจ้ากระต่ายคิดว่าอาจจะมีขั้นตอนยุ่งยากอย่างการลงทะเบียนเป็นลายลักษณ์อักษร หรือต้องให้นิโคลัสยืนยันว่าตัวเขาไม่เป็นอันตรายต่อค่ายจึงจะสามารถผ่านเข้ามาได้เหมือนกับภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่องที่เคยดูแต่ความเป็นจริงกลับต่างกันราวฟ้ากับเหวที่นี่มีการลงทะเบียนก่อนเข้าประตูค่ายจริง แต่แค่ยื่นบัตรประชาชนหรือบอกรหัสบัตรก็ได้ พอยืนยันว่าตรงกับฐานข้อมูล
2 ชั่วโมงต่อมานิโคลัสก็มาสมทบกับโจเซฟ เขาใช้เหตุผลว่าต้องการส่งทีโอไปตรวจร่างกายที่ศูนย์พยาบาลเนื่องจากได้รับผลกระทบเฉกเช่นเดียวกับตุ่นและหงส์ที่ถูกพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนสิงหายังคงปักหลักรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ถ้าไม่ได้เห็นว่าสองคนนั้นปลอดภัยเขาคงนอนไม่หลับแน่ในค่ำคืนนี้ หรือต่อให้กลับไปทำงานวิจัยต่อ สมองก็คงไม่แล่น และเมื่อได้เห็นทีโอที่ยังคงปกติทุกอย่างก็ทำให้เด็กหนุ่มนักวิจัยค่อยคลายความกังวลบนบ่าลงไปได้บ้าง“ภารกิจเป็นยังไงบ้าง” โจเซฟเห็นสมาชิกในทีมไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสก็โล่งใจ ถามถึงหน้างานต่อทันที“เรียบร้อยดีครับ เครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ถูกพวกเราเก็บบรรจุไว้ในกล่องเหล็ก ทีโอใช้พลังยึดมันไว้กับกระบะหลังรถรอให้หัวหน้านำไปส่งมอบ” นิโคลัสไม่รีบส่งงาน เขาอยากพาตัวเองและอีกสองคนมาหาหมอให้เร็วที่สุดมากกว่า“เอ๋! ภารกิจสำเร็จเหรอครับ!!” นักวิทยาศาสตร์อายุน้อยเบิกตาโต ทั้งที่เป็นภารกิจยากจะทำให้สำเร็จแท้ ๆ คนกลุ่มนี้ก็ยังทำได้อีกเหรอเนี่ย!สมแล้วที่ใครต่อใครเรียกพวกเขาว่าเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด!“ครับ ถ้าตรวจร่างกายเสร็จจะให้หัวหน้านำไปส่งมอบนะครับ” นิโคลัสจำหัวห
คนมีชนักปักหลังได้แต่กระอักกระอ่วนที่จะอยู่พูดคุยกับโจเซฟ ผู้ขึ้นชื่อเรื่องความรักพวกพ้อง แต่ก็ไม่กล้าเดินออกไปจากบริเวณนี้เช่นกัน ราวกับเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ทำแจกันใบโปรดของแม่แตกแล้วไม่กล้ารับว่าตนเป็นคนทำ ได้แต่ส่งเสียงเมี้ยว ๆ ป้ายความผิดให้คนอื่นติดก็ตรงที่สิงหาดันพูดไม่ออกสักคำ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องร้องเป็นภาษาสัตว์เพื่อป้ายความผิดเลย“คุณสิงหาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าไม่ดีเลย” คงกลัวว่าจะไม่ได้เครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์มากสินะ โจเซฟเองก็ค่อนข้างเป็นกังวล กลัวว่าทีโอจะพลาดท่าเสียที แม้อีกฝ่ายจะมีพลังระดับ 2 แต่หงส์ที่มีลางสังหรณ์ขั้นสุดยอดยังพลาดท่าเลยไม่ใช่หรือ?“เฮ้อ ผมไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนั้นเลยครับ” สิงหาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันไปยอมรับกับชายหนุ่มด้านข้าง “เห็ดที่พวกคุณเจออาจจะเป็นหนึ่งในการทดลองของผมที่ทำค้างไว้ก่อนวันสิ้นโลก” สารภาพเสียงอ่อย“เป็นงานวิจัยของคุณ” โจเซฟหันขวับมาทันที“ครับ เป็นงานที่ผมทำค้างไว้เอง” คนยอมรับก้มหน้าลงต่ำ แทบอยากจะโขกศีรษะลงกับพื้นเพื่อขอขมาเลยด้วยซ้ำ“...”“อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวเกินไป แต่ผมไม่รู้จริง ๆ ว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ ถ้ายังไงผม
ค่ายพันธมิตร“อ้าว คุณโจเซฟสวัสดีครับ” ทหารดูแลรักษาความปลอดภัยหน้าประตูเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาก็รีบตรงมารับรอง“ขอเข้าศูนย์พยาบาลด่วน!” โจเซฟชี้ให้ดูกระบะหลัง ตุ่นและหงส์ยังคงหมดสติอยู่ ตามตัวเต็มไปด้วยรอยตะปุ่มตะป่ำคล้ายกับเคยมีบางอย่างงอกออกมา เป็นโจเซฟที่ตัดเห็ดทุกดอกออกไปจากร่างกายของสมาชิกในทีม เพราะกลัวว่าถ้าหากพาเข้าไปที่ค่ายทั้งอย่างนี้ เห็ดเหล่านี้อาจปล่อยสปอร์ออกไปในอากาศและทำให้ค่ายผู้รอดชีวิตตกอยู่ในอันตรายได้“ได้ครับ!” ทหารนายนั้นไม่รอช้า รีบเปิดประตูทางฝั่งศูนย์พยาบาลให้ทันทีโดยปกติแล้วนอกจากจะผ่านเข้าไปในประตูค่ายโดยจ่ายค่าผ่านทาง ยังมีอีกช่องทางหนึ่งที่จะถูกใช้สำหรับเคสฉุกเฉิน อาทิ มีคนออกไปทำภารกิจและได้รับบาดเจ็บกลับมา สามารถขอเข้ารักษาที่ศูนย์พยาบาลก่อนได้ พอหายดีแล้วค่อยมาพูดคุยถึงเรื่องค่าผ่านทางที่ต้องเสีย หรือถ้าเป็นทหารประจำการที่่่ออกไปทำภารกิจก็จะเข้าทางประตูหลังเพื่อไม่ให้เอิกเกริกและเป็นที่จับตามองของผู้รอดชีวิตทั่วไป“พวกเขาถูกเห็ดวิวัฒนาการทำให้เกิดภาพหลอน จากนั้นพวกมันก็งอกออกมาจากร่างกายจนมีสภาพเป็นแบบนี้ ผมกับทีมช่วยกันตัดหมวกเห็ดออกไปจากตัวแล้ว บางชนิ
เฉินเฟิงไม่มีอุปกรณ์ครัวติดตัวมาด้วย ก็ได้ทีโอหลอมเหล็กให้มีความคมเทียบเท่ากับมีดชั้นดี พอบวกกับแรงมนุษย์กลายพันธุ์เข้าไป แม้แต่หนังตะโขงที่มีเกล็ดตะปุ่มตะป่ำก็หั่นได้เหมือนเนื้อหมูธรรมดา เฉินเฟิงหย่อนเมล็ดกล้วยลงพื้น เร่งให้โต ตัดใบตองมาใช้ห่อเนื้อ แล้วนำไปใส่กล่องเหล็กที่ขอให้ทีโอสร้างอีกตามเคย เขาจะใช้ความเย็นของน้ำด้านล่างถนอมให้อาหารอยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้เจ้ากระต่ายหวงเนื้อก้อนนี้ยิ่งนัก เขาจำที่โจเซฟเคยพูดถึงกฎการผ่านประตูค่ายนี้ได้ หากต้องการผ่านประตูต้องจ่ายเสบียงหรือของมีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตในค่ายจำนวนหนึ่งก่อนถึงจะสามารถผ่านได้ให้เขาปลูกผักจนหมดแรงยังดีกว่ายกเนื้อเหล่านี้ให้กับพวกคนในค่าย ซึ่งพอบอกเหตุผลนี้ออกไป ทั้งนิโคลัสและทีโอต่างก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่นานเนื้อจำนวนมากก็นอนอยู่ในกล่องเหล็กขนาดใหญ่ พร้อมกับหุ้มเหล็กอีกหลายต่อหลายชั้น หนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้า และสองเผื่อมีตัวเงินตัวทองกลายพันธุ์ตัวอื่นทำลายกล่องเฉินเฟิงแบ่งเนื้อออกมาก้อนหนึ่ง นำมาย่างเกลือแล้วแจกจ่ายให้กับทุกคน ส่วนมังคุดก็ได้ชิ้นใหญ่หน่อยให้สมกับขนาดตัว รวมถึงหัวขนาดใหญ่ของตะโ