ทันทีที่พ้นจากกลุ่มลวดหนามที่วิทย์วางไว้ก็เริ่มมีซอมบี้ให้เห็นบ้างประปราย พวกมันเงี่ยหูฟัง เมื่อได้ยินเสียงรถก็จะพยายามเดินตามอย่างสุดความสามารถพอเริ่มมาเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ต้องรีบขับให้เร็วขึ้นเพื่อสลัดให้หลุด ถ้าลงไปสู้กับมันจะยิ่งเป็นการถ่วงเวลาให้ตัวข้างหลังมาเพิ่มจำนวนจนยากจะรับมือไหว“ออกมาจากรั้วก็เหมือนอยู่คนละโลกเลยนะครับ” ที่นั่นเขาสามารถเดินไปตรงไหนก็ได้อย่างสบายใจ ไม่มีซอมบี้เดินให้รู้สึกระคายสายตาจะว่าไปก่อนออกมาเขาทันเห็นเจ้ามังคุดมองส่งจากที่ไกล ๆ ด้วย คงกลัวว่าจะเข้ามาใกล้แล้วทำให้เด็กร้องไห้ จากนั้นก็จะโดนเขาดุ แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงเดินของมันอยู่ดีเพิ่งสนิทกันไม่กี่วันก็วางใจให้เขาขนาดนี้เลยเหรอน่ารักจังเลยน้า~“พอกลับไปหมู่บ้านก็ล้อมรั้วให้กว้างขึ้นดีไหม” ระยะทางที่ไกลขึ้นอาจทำให้ชาวบ้านคนอื่นรู้สึกเป็นอิสระมากกว่าอยู่ในรั้วแคบ ๆ“จริงด้วยครับ ถ้าล้อมรั้วให้กว้างขึ้นก็จะได้ใช้พื้นที่ตรงส่วนนั้นเพาะปลูกได้อีกต่างหาก” ในอนาคตถ้ามีเหลือกินเหลือใช้ก็นำไปแลกกับสิ่งของที่ต้องการจากกลุ่มผู้รอดชีวิตคนอื่นได้อีกด้วย“แต่ก่อนหน้านั้นพวกเราคงต้องเรียกทุกคนมาประชุมก่อน ถ้
นิโคลัสรีบออกมาจากรถเป็นคนแรก ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเจ้ากระต่าย แต่เขาจะไม่ทำอะไร ปล่อยให้ลูกศิษย์เป็นคนจัดการกับซอมบี้เหล่านี้ด้วยตัวคนเดียว ยกเว้นแต่จะตึงมืออีกฝ่ายจนไม่ไหวจริง ๆ เขาถึงจะช่วยเฉินเฟิงไม่รอให้ซอมบี้เดินมาหา เป็นฝ่ายพาตัวเองเข้าไปใกล้มันโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว จากนั้นก็ถีบไปที่ยอดอกหวังให้มันเสียหลักล้มไปกองกับพื้น ใช้ช่วงเวลาที่มันพยายามจะลุกขึ้นยืนนั้นตัดคอมันตุบเสียงศีรษะกระเด็นไปพร้อมกับร่างกายของมันทรุดลงไปนอนเหมือนเดิมอยู่ชื่นชมผลงานการจัดการกับซอมบี้ได้ภายในไม่ถึงหนึ่งนาทีก็ต้องกระโดดหลบฉากออกมาจากจุดเดิมเพราะมีซอมบี้อีกตัวตะครุบมาจากด้านข้าง อันที่จริงเขารู้ว่ามันตั้งใจเดินไปหานิโคลัสที่อยู่ด้านหลัง แต่คุณหมอหมีคงเบี่ยงตัวหลบ มันเลยเลือกเล่นงานเขาที่อยู่ใกล้กว่าแทนลูกทีมของวิทย์ที่กำลังพยายามงัดกุญแจตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อหันมาเห็นคุณเชฟฆ่าซอมบี้ก็ได้แต่นึกชื่นชมในใจ การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วและเด็ดขาดมาก กลุ่มของพวกเขาแม้จะมีอาวุธครบมือ แต่เมื่อออกมาด้านนอก การจัดการซอมบี้สักตัวนั้นจำเป็นต้องใช้ 2 รุม 1 เพื่อเป็นหลักยืนยันว่าพวกเขาจะต้องปลอดภัย ไม่มีใครต้องรับหน้
เราฆ่าซอมบี้เพื่อความอยู่รอด เราล่าเพื่อหาอาหาร เราให้ความช่วยเหลือในฐานะมนุษย์ และเราแลกเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันพอนั่งจ้องนานเข้ากิเลสก็เริ่มครอบงำอยากทำมากกว่ามองอยากลองสัมผัสตัวตนแสนน่าหลงใหลนั้นด้วยตัวเองและชั่ววูบนั้นนิโคลัสก็ได้ปีนขึ้นเตียงแล้วนอนกอดเจ้ากระต่ายจนเต็มอ้อมแขนราวกับว่าเวลาทุกอย่างหยุดหมุน ความนุ่มนิ่มในอ้อมอกทำให้รู้สึกอยากจะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างลง ณ เวลานั้น ชายหนุ่มจรดจมูกที่ปลายเส้นผม กลิ่นภูเขาอันเป็นเอกลักษณ์ของเฉินเฟิงตีฟุ้งขึ้นมาจนแทบมึนเมาในตอนที่เขาค่อย ๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้โดยมีจุดมุ่งหมายคือมาร์ชเมลโลว์นุ่มนิ่ม ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่สูดลมหายใจให้เกิดเสียงดัง ไม่อยากจะคิดว่าถ้าในจังหวะที่เขากำลังจะประทับริมฝีปากลงไปแล้วเจ้าของมันตื่นขึ้นมาละก็...“คุณนิค”“...”“คุณนิค! ซอมบี้มาข้างหลังแล้วนะครับ” เฉินเฟิงผลักนิโคลัสออกจากรัศมีการจู่โจมของซอมบี้แล้วยกขาขึ้นถีบมันให้ถอยห่างออกไปก่อน “อย่าเหม่อในเวลานี้สิครับ!” และหันไปต่อว่าครูฝึกที่เผลอใจลอยไปไหนก็ไม่รู้“!!!” นิโคลัสรีบตั้งหลักตัวเองแล้วหันไปเผาซอมบี้ด้วยลูกไฟระดับความร้อนสูง พอสั
เมื่อรถขับมาจอดสนิททุกคนต่างก็วิ่งกรูกันไปกอดวิทย์ไว้ ดูภายนอกคล้ายกลุ่มก้อนอะไรบางอย่าง เพิ่งรู้ว่าพวกเขารักกันเหนียวแน่นมาก ถึงว่าทำไมตอนวิทย์เสนอให้เป็นโจรดักปล้นคนทั่วไป คนกลุ่มนี้ก็ไม่เห็นมีใครค้าน (ยกเว้นครูเมตตาที่ไม่รู้) เพราะพวกเขาก็มีกันแค่นี้ ถ้าหาอาหารไม่ได้ก็เป็นอันจบ ไหนจะปากท้องของเด็กอีกหลายชีวิตที่รออยู่“พวกเราได้อาหารมาเพียบเลย!”“มีรถบรรทุกถูกจอดทิ้งไว้เต็มไปหมด”“บะหมี่พี่ พวกเราได้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาเต็มเลย!”“(3$#^$&%^$%@@...” หลายคนช่วยกันบอกเล่าเรื่องราวเสียงดังเซ็งแซ่จนฟังไม่ได้ศัพท์ ซึ่งครูเมตตาก็ไม่คิดห้ามปราม เลือกที่จะเดินมาหานิโคลัสและเฉินเฟิง“ขอบคุณมากเลยนะคะ” หญิงชราค้อมศีรษะให้ เธอยกพวกเขาให้เป็นผู้มีพระคุณของบ้านหลังนี้เลยทีเดียว ถ้าไม่มีพวกเขา เด็ก ๆ คงจะต้องอดมื้อกินมื้อไปอีกนาน“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องขอบคุณขนาดนั้นก็ได้” เฉินเฟิงยกมือปฏิเสธไม่กล้ารับคำขอบคุณจากผู้ใหญ่“พวกเราทำเรื่องที่สมควร” นิโคลัสเอ่ย“ใช่ครับ” เจ้ากระต่ายพยักหน้าเห็นด้วยไม่นานเด็ก ๆ ที่กำลังช่วยกันดูแลแปลงผักอยู่ด้านหลังก็ได้ยินเสียงความวุ่นวายด้านหน้า จึงพากันวิ่งออกมาดูโด
เฉินเฟิงอาสาขับรถภายในเมืองเล็ก ๆ นี้เอง ยังไงก็ไม่มีซอมบี้หรือรถคันอื่นส่วนกันไปมา ทั้งสองคนเลือกบ้านหลังที่มังคุดเคยไปนั่งเล่นน้ำอยู่เพราะคิดว่าเจ้าสัตว์ตัวใหญ่คงนอนเล่นอยู่ที่นั่นแล้วก็ใช่“มังคุด” เฉินเฟิงกระโดดลงจากรถหลังจอดสนิทดีแล้ว เห็นแร็กคูนมองมาที่พวกเขา นัยน์ตาเม็ดลำไยของมันเปล่งประกายพอ ๆ กับพวงหางที่สะบัดขึ้นลง‘เจ้านายใหม่กลับมาแล้ว!!’“แอบไปซนที่บ้านครูเมตตาหรือเปล่า” เจ้ากระต่ายหรี่ตาจับผิด ซึ่งได้รับการส่ายหัวจากมังคุดกลับมา “ดีมาก เด็กดีที่เชื่อฟังจะได้รางวัล”“จะเอาอันนั้นมาให้มันกินเหรอ” นิโคลัสค่อนข้างเสียดายหากเจ้าสิ่งนั้นจะกลายเป็นแค่ของกินเล่นของมังคุด“ไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนนี้เรายังไม่จำเป็นต้องใช้มันนี่นา เก็บไว้นานกว่านี้จะหมดอายุได้” คุณเชฟเปิดท้ายรถหยิบกระสอบเกล็ดขนมปังสำหรับชุบแป้งทอดออกมาวางตรงหน้าพร้อมกับใช้มีดกรีดเปิดปากถุงให้เจ้าแร็กคูนได้สูดดมกลิ่นหอมหวานงี้ด!มังคุดสูดจมูกฟุดฟิด ในถุงนั่นมีของกินแสนอร่อยรอมันอยู่!“เอาล่ะ กินได้เลย” เจ้ากระต่ายกรีดแผ่กระสอบให้แบออก เขาไม่อยากเทลงพื้นถนนแล้วให้มันกินแบบนั้น แต่ก็ไม่มีจานหรือชามที่ใหญ่พอจะใส่เกล็ดข
กว่าสองสัปดาห์ที่เฉินเฟิงและนิโคลัสต้องอาศัยอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้กับกลุ่มผู้รอดชีวิตซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ครึ่งหนึ่ง“ปักเสายาวเท่านี้ก่อนก็ได้ครับ” เฉินเฟิงตะโกนบอกกลุ่มกรรมกรจำเป็นในวันนี้ เวลาเริ่มเย็นมากแล้ว ถ้าไม่รีบกลับจะมืดค่ำเอาได้“เมฆเองก็ลอยต่ำลงด้วย อีกไม่นานคงมีฝนตก” นิโคลัสเสริมงี้ดมังคุดเงยหน้ามองฟ้าทำจมูกฟุดฟิด ความชื้นในอากาศทำให้มันต้องร้องเตือนเจ้านายมนุษย์ ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ฝนตกธรรมดาเสียแล้วหลังจากไปขนเสบียงจากรถบรรทุกมามากมาย กลุ่มของวิทย์ก็เริ่มมีกำลังใจมากขึ้น เมื่อเฉินเฟิงสอบถามว่าอยากจะสร้างเส้นทางให้ที่นี่ไปถึงหมู่บ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่ มีใครคัดค้านหรือไม่ ก็มีแต่คนเห็นดีเห็นงามและพร้อมใจกันเสนอว่าควรใช้เส้นทางไหนในการสัญจรไปมาระหว่างกลุ่มผู้รอดชีวิตด้วยกันการพูดคุยกินเวลากว่า 2 วัน สุดท้ายก็ใช้เส้นถนนเส้นเล็กที่รู้กันเพียงไม่เยอะลัดเลาะไปเรื่อย ๆ อาศัยการปักเสาไปก่อน จากนั้นค่อยนำลวดหนามมาขึงไว้เพื่อป้องกันซอมบี้ และตบท้ายด้วยการทำกำแพงไล่ตามมาเรื่อย ๆโดยหน้าที่หลักของเฉินเฟิงก็คือการเร่งโตต้นไม้ให้มีขนาดใหญ่เพียงพอต่อการทำรั้
“///” ก็ไม่ใช่ว่ารู้สึกแย่อะไร แค่ทำให้เขินมากเกินไปฮื่อออ!!!เจ้ากระต่ายเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ยังคงมีฝนตกหนัก แม้แต่มังคุดเองก็ไม่หาที่หลบฝน นอนอ้าปากรับน้ำด้วยซ้ำ“พอแล้ว เดี๋ยวไม่สบาย” คุณหมอเห็นว่าเฉินเฟิงตากฝนเกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้ว มากกว่านี้คงไม่ดีแน่“ขออีกนิดไม่ได้เหรอครับ” กำลังเย็นสบายเลย ไม่ได้อาบน้ำแบบเต็มที่มากี่วันแล้วนะ สำหรับยุคที่อาหารสำคัญกว่าของใช้จำเป็นทั่วไป บอกเลยว่ากลิ่นตัวแต่ละคนไม่ใช่เล่น ๆ ยิ่งออกไปทำงานเหงื่อไหลเป็นก๊อกทั้งวัน เวลาต้องไปพูดคุยเพื่อปรึกษาหารือกันเขาแทบอยากจะยืดคอให้อยู่เหนือลม แน่นอนว่ากลิ่นตัวของเขาเองก็ไม่ใช่เล่นขนาดยาสีฟันเองก็ต้องพยายามใช้ทีละน้อยกับผสมเกลือเข้าไป อีกไม่นานถ้าไม่สามารถหาแปรงสีฟันได้เขาอาจต้องหาหนังสือประวัติศาสตร์อ่านละ ดูว่าคนโบราณเขาทำความสะอาดฟันกันยังไงเป็นท้อ…ชีวิตวันสิ้นโลกแม่งลำบากจังวะ พี่ดาเองก็มีปัญหาเรื่องประจำเดือน ตอนเขาไปบอกว่าถ้าเข้าเมืองจะหาผ้าอนามัยมาให้ อีกฝ่ายบอกว่าไม่ต้อง เจ้าตัวได้ใช้ผ้าที่บ้านมาเย็บเป็นผ้าอนามัยแบบใช้แล้วซักเรียบร้อยแล้วแต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยถูกสุขลักษณะหรือเปล่
สมองยังไม่หายมึนงง การกระทำของเจ้ากระต่ายกลับทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเฉินเฟิงเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดที่ต้องการ จากนั้นก็เลื่อนมือไปที่ชายเสื้อของตนแล้วค่อย ๆ ถอดมันออก…ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าตัวจงใจหรือสมองเขามองมันเป็นภาพสโลว์โมชั่นเองกันแน่ การกระทำทุกอย่างถึงได้ดูเชื่องช้าราวกับว่ากำลังสะกดให้เขาหลงงงงวยเอวขาวค่อดกิ่วปรากฏสู่สายตาเมื่อไร้สิ่งปกปิด ส่วนล่างเป็นกางเกงวอร์มสีดำผิดไซส์ที่เกาะบั้นเอวไว้หมิ่นเหม่ และผู้ชายอย่างที่รู้กันใครเขาจะใส่กางเกงชั้นในเวลานอน มีแค่บ็อกเซอร์หรือกางเกงวอร์มก็พอแล้ว จึงทำให้เห็นเนินเนื้อตรงบั้นท้ายอย่างหมิ่นเหม่ใกล้จะเห็นแก้มก้นสีขาวอยู่รอมร่อเฉินเฟิงเลื่อนมือไปพลิกไม้แขวนเสื้ออยู่ครู่หนึ่งก็ได้เสื้อที่หมายตาไว้ ต้องบอกว่าตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้ตอนนอน เขาแทบไม่แตะเสื้อผ้าในกระเป๋าของตัวเองเลยแค่ขี้เกียจซักน่ะ…ก่อนหน้านี้แอบถือวิสาสะดูรูปในห้องนี้ไปเสียหลายอัลบั้ม รูปร่างของเจ้าของบ้านกะด้วยสายตาแล้วคงพอ ๆ กับเขา ติดที่จะตัวใหญ่กว่านิดหน่อย ทำให้เวลาสวมจะดูหลวม แต่สวมใส่แล้วนอนสบายกลับมาที่ปัจจุบันก่อน เฉินเฟิงเลือกเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นมากลัดกระดุม ความ
ต้นจามจุรีต้นนี้อยู่มาหลายร้อยหลายพันปี มันหยั่งรากลึกจนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งกับภูเขาทั้งลูก จึงเป็นการยากที่จะหักโค่นในทันทีหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ กัดฟันเร่งพลังในร่างออกมา แขนเหยียดตึงเผยให้เห็นกล้ามเนื้อภายในเรียวแขนบอบบาง ไม่ได้ขึ้นนูนแบบนักกล้ามมืออาชีพ แค่ดูลีนคล้ายคนออกกำลังกายเป็นนิจ ใบหน้าสวยแดงก่ำตั้งแต่ลำคอไปถึงใบหูฟากโจเซฟก็คอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง ป้องกันไม่ให้หญิงสาวถูกลอบทำร้าย แม้ส่วนมากเฉินเฟิงกับนิโคลัสจะคอยสกัดไว้ก่อน แต่เขาก็ไม่ประมาทเปรี๊ยะ…เพียงเสี้ยววินาทีเนื้อไม้ก็ส่งเสียงแตกหักเพียงบางเบา วินาทีนั้นเลือดในกายของหญิงสาวก็ยิ่งสูบฉีด รีดเค้นพลังทุกหยาดหยดที่ซุกซ่อนตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายออกมาให้มากกว่านี้…มากกว่านี้อีก!!“อ๊าาาา!!!!” ฝ่ามือดาริณีจมเข้าไปในเนื้อไม้ เส้นเลือดหลังฝ่ามือขึ้นนูนแสดงให้เห็นว่าหญิงสาวใช้ออกแรงไปมากเพียงใดสุดแรงแล้ว... นี่คือสุดแรงที่เธอมีทั้งหมดแล้ว!เปรี๊ยะ!คราวนี้เสียงไม้ลั่นได้ยินชัดทุกคน แม้ไม่มีพลังพิเศษโจเซฟก็ยังได้ยินเต็มสองหู“อ๊าาาาาาาา!!!”“กี๊ซซซซ!!” เสียงดาริณีประสานกับเสียงต้นไม้ปิศาจ มันไม่ยินยอมหักโค่นทั้งอ
ต้นจามจุรีหรือต้นก้ามปู ถือเป็นต้นไม้ยืนต้นที่อยู่ในวงศ์เดียวกับพืชตระกูลถั่ว ใบของมันจึงมีธาตุไนโตรเจนที่สูงกว่าใบไม้ชนิดอื่น สามารถช่วยเพิ่มธาตุอาหารที่มีประโยชน์ในดินได้ ชาวบ้านบางคนในหมู่บ้านก็ใช้ใบจามจุรีนำไปผสมคลุกเคล้ากับดินหรือแกลบเพื่อนำไปเป็นส่วนผสมหลักในการเพาะปลูกต้นกล้า ก่อนจะนำพวกมันไปลงแปลงต่อไปลืมไปได้ยังไงกัน!เขาลืมเรื่องสำคัญอย่างนี้ไปได้ยังไงกัน!ตูม!“รับทราบ!” นิโคลัสวิ่งฝ่าเข้าไปในคลื่นรากไม้ ใช้พลังทำลายรากที่อยู่ใกล้ตัวให้มากที่สุด หากสร้างความเสียหายให้มันได้มากเท่าไร การซ่อมแซมตัวมันเองก็ต้องใช้สารอาหารมากเท่านั้น มาดูกันว่าใบที่มันสลัดหลุดจนหมดจะเพียงพอให้มันใช้ได้ตลอดรอดฝั่ง หรือจะเป็นตัวเขาที่หมดแรงก่อนต้นจามจุรียามไร้ใบนั้นดูน่ากลัวยิ่งกว่าตอนที่มันยังคงมีใบปกคลุมเสียอีก เมื่อใดที่มันสะบัดกิ่งสีน้ำตาลเข้มสวนทางลม ยิ่งเสริมให้ดูเหมือนหลุดออกมาจากกราฟิกซีจีขั้นสูงในภาพยนตร์แฟนตาซีคราวนี้เฉินเฟิงเองก็ไม่ได้รอซัพพอร์ตอยู่รอบนอกอีก เขากระชับมีดในมือ คอยหาโอกาสตัดกิ่งใกล้ตัวโดยหวังว่าจะสามารถลดจำนวนกิ่งที่เป็นอันตรายให้กับคนรักที่อยู่ใกล้ต้นจามจุรีมากที่สุด
ต้นจามจุรีส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด หากเป็นกิ่งเล็กกิ่งน้อยมันคงแค่รู้สึกโกรธ แต่กิ่งที่ถูกทำลายไปนั้นอยู่กับมันมาเนิ่นนาน การสูญเสียไปก็ไม่ต่างจากเสียอวัยวะสำคัญ มันเร่งดูดสารอาหารในดินหวังจะซ่อมแซมและงอกกิ่งก้านนั้นขึ้นมาใหม่!!!กิ่งไม่งอก!เพราะอะไรกัน!!นิโคลัสไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ เจ้าต้นไม้ปิศาจถึงนิ่งไป เขาจึงใช้โอกาสนี้สาดลูกไฟใส่ไม่ยั้ง ไม่ใช่แค่ด้านหน้า แต่วิ่งวนล้อมเป็นวงกลมให้มันติดไฟทุกทิศทาง!พอสังเกตดี ๆ ใบที่เคยเขียวชอุ่มเองก็เริ่มแห้งกรอบ ติดไฟง่ายกว่าเดิมอีกต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ แต่จะอะไรก็ช่างนี่เป็นโอกาสที่ดี!เฉินเฟิงมองภาพต้นจามจุรีลุกเป็นไฟ ในสมองราวกับได้ยินเสียงกรีดร้องไม่ยินยอม คล้ายไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวเขาเป็นผู้ใช้พลังพฤกษาย่อมพอรู้ว่ามันกำลังคับข้องใจในเรื่องใดตั้งแต่เริ่มเปิดฉากต่อสู้ เจ้ากระต่ายก็ปลูกต้นลิ้นมังกรยักษ์ไว้มากมาย มองผิวเผินอาจจะทำไปเพื่อฟอกอากาศให้พวกเขาสองคนยังสามารถต่อสู้ได้ท่ามกลางฝุ่นควัน นั่นคือจุดประสงค์หลัก…ส่วนจุดประสงค์แอบแฝงแย่งสารอาหารในดินกับต้นจามจุรียังไงล่ะ!! …กิ่งของมันไม่งอก!พลังงานขอ
ตูม!ไม่รอให้ทั้งสองคนปรึกษากัน ต้นจามจุรียักษ์ก็ฟาดกิ่งลงมาบริเวณที่พวกเขายืนอยู่พอดีเฉินเฟิงกระโดดหลบออกไปอยู่วงนอก เขาหยิบต้นลิ้นมังกรขึ้นมาปลูกทันที แม้ดินแถวนี้จะไม่อุดมสมบูรณ์นัก แต่ก็ต้องปลูกให้เยอะเข้าไว้ เพราะนอกจากจะช่วยฟอกอากาศแล้ว ยังเป็นการช่วยคุณหมีสู้อีกทางหนึ่งเช่นกัน แค่อาจจะยังไม่เห็นผลในตอนนี้และคิดว่าในไม่ช้าต้นไม้ปิศาจเองก็ต้องรู้ว่าเขาได้วางกับดักบางอย่างลงไปแล้ว... หึหึฟากนิโคลัสก็ไม่ปล่อยให้มันเพ่งเล็งคนรัก ยินดีรับบทตัวแท็งก์สร้างลูกบอลไฟในมือจำนวนหนึ่ง ครึ่งหนึ่งปาใส่ลำต้น และอีกครึ่งปาใส่กิ่งก้านสาขา น่าเสียดายที่เป็นใบไม้สดทำให้ติดไฟยากไปสักหน่อยซึ่งบริเวณลำต้นนั้นก็เข้าถึงยากเช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่ชายหนุ่มจงใจโจมตีใส่กลางต้นก็มักจะมีรากโผล่ขึ้นมาจากดิน คอยปัดป้องการโจมตีนั้นเสมอ ทำให้ต้องเบี่ยงไปโจมตีกิ่งก้านด้านบนแทนทั้งเจ้ากระต่ายและคุณหมีต่างก็พยายามทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดความสามารถ แต่ต้นไม้ยักษ์ใหญ่เองก็ตระหนักดีว่านี่คือศัตรูที่ยากจะต่อกร มันเองก็ทุ่มสุดตัวเช่นกันกิ่งก้านกวัดแกว่งฉวัดเฉวียน แพทย์ทหารหนุ่มต้องกระโดดโยกหลบเป็นพัลวัน หรือแม้แต่เ
ปางช้างพนาไพรแห่งนี้เคยมีข่าวใหญ่โตถึงขั้นพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกสำนักอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นข่าวที่ทำเอาตำรวจและกรมป่าไม้ถึงกับกุมขมับ… นั่นก็คือข่าวนักท่องเที่ยวหายตัวไปอย่างลึกลับ หลังแอบลักลอบขึ้นไปบนภูเขาด้านหลังปางช้างโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อนสนิทที่ไปเที่ยวด้วยกันให้ข้อมูลว่า เพื่อนของพวกเขาหายไปตอนแรกก็คิดว่าคงไปเที่ยวเล่นที่ไหน เพราะปกติเจ้าตัวก็ไปไหนไม่ค่อยบอกใคร จนกระทั่งถึงวันที่ต้องออกจากรีสอร์ตเพื่อนคนดังกล่าวก็ไม่ปรากฏตัว จึงไปแจ้งที่ตึกสำนักงานเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดว่าเพื่อนของตนได้ไปที่ไหนอีกหรือไม่ และภาพสุดท้ายก็คือภาพที่ชายหนุ่มคนหนึ่งทำลับ ๆ ล่อ ๆ เดินไปยังภูเขาด้านหลังด้วยตัวคนเดียวหลังผ่านไป 2 วันแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับลงมา จึงลงความเห็นว่าอาจจะหลงป่า หรือไม่ก็บาดเจ็บจนไม่สามารถกลับลงมาด้วยตัวเองได้ทางปางช้างจึงเร่งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ให้เร่งติดตามหาชายหนุ่มคนดังกล่าว แต่ผ่านไปหลายวันก็ไม่พบวี่แวว กำลังคนที่มีเองก็จำกัด จึงขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่มีความสามารถในการเดินป่ามาช่วยหาอีกแรงหมู่บ้านในละแวกนั้นล้วนเป็นคนที่คุ้นชินกับ
โจเซฟนิ่งคิด“แผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้คืออะไร” ก่อนจะเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทน“ระเบิดภูเขา เผาป่าให้เหี้ยน”“โอเค เข้าใจแล้ว” คนเป็นหัวหน้าพยักหน้าเห็นด้วย เขาได้ฟังสถานการณ์คร่าว ๆ จากเฉินเฟิงมาบ้างแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่เลยก็คือต้นไม้ปิศาจ และร่างจริงของมันก็อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ถึง 7 กิโลเมตรในเมื่อเป็นต้นไม้ก็ต้องกำจัดด้วยไฟถึงจะไม่เหลือซาก และการระเบิดภูเขาเองก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะมั่นใจได้ว่ารากไม้ที่อยู่ในดินจะไม่สามารถฟื้นคืนชีวิตได้อีกแผนนี้นับว่าไม่เลวเลย“คุณพิม หงส์ แล้วก็ตุ่นลงไปสร้างแนวดินที่ตีนภูเขา ป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามไปไกล เป็นไปได้ก็สร้างรอบภูเขาลูกนี้ไปเลย”“ที่โรงเลี้ยงช้างมีรถบรรทุกคันเล็กจอดอยู่ครับ ผมลองสตาร์ตดูแล้วสามารถใช้ได้ แต่ก่อนหน้านั้นช่วยรอให้พวกผมสามารถดึงความสนใจของมันได้ก่อน อย่าเพิ่งออกจากบาเรียนะครับ” กว่าจะสร้างแนวกันไฟได้คงต้องวิ่งวนรอบภูเขากันล่ะ“โอเค” สองสามีภรรยารับคำสั่งอย่างแข็งขัน พาพิมพาไปยังรถบรรทุกคันเล็กทันที “อาเฟิงยังมีต้นลิ้นมังกรอยู่ไหม พวกเราเองก็จำเป็นต้องใช้ เดี๋ยวจะโดนรมควันตายกันหมด” ต้นไม้ปิศาจอยู่นอกบาเรีย ตอนนี้ท
พลายวารีก็รู้ความ ไม่ดื้อไม่ซน นั่งเอาก้นแช่น้ำ ใช้งวงสาดน้ำมาที่เขาอย่างสนุกสนานพอเริ่มร้อนก็ราดน้ำให้ตัวเองสักทีเกือบหนึ่งชั่วโมงกำแพงไฟก็ถูกจุดติดครบทุกแห่ง จากที่มองด้วยสายตาคร่าว ๆ บาเรียของที่นี่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-10 กิโลเมตรเลยทีเดียวส่วนสาเหตุที่เจ้ากระต่ายไม่ได้อยู่ข้าง ๆ คนรักเป็นเพราะกำลังใช้พลังของตนเองเร่งให้ต้นลิ้นมังกร[1]เติบโต เขาเห็นมันถูกเถาวัลย์พันจนแทบดูไม่ออกอยู่ที่อาคารสำนักงานของปางช้างแห่งนี้ คาดว่าคงถูกนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ เฉินเฟิงจำได้ว่าหลายบ้านนิยมปลูกไม้ชนิดนี้มากเพราะมีสรรพคุณช่วยฟอกอากาศ บางคนจึงนำไปปลูกไว้ในห้องนอนเพื่อให้มีพื้นที่สีเขียวในห้องและได้รับอากาศบริสุทธิ์เขาจึงคิดว่าหากนำมันมาเร่งโตและเพิ่มความสามารถในการฟอกอากาศของมันให้มากขึ้นอีก จะสามารถกำจัดควันไฟปริมาณมหาศาลนี้ได้หรือไม่... โชคดีที่ทำได้เฉินเฟิงจึงไม่รอช้าถอนต้นลิ้นมังกรที่พบเห็นทุกต้นออกมาเร่งให้มันโตจนสูงใหญ่ยิ่งกว่าพลายมงคล กลายเป็นเครื่องกรองอากาศขนาดยักษ์ ทำให้ภายในบาเรียยังคงมีอากาศหายใจแม้ว่าด้านนอกจะเต็มไปด้วยไฟและฝุ่นควันทางด้านต้นไม้ปิศาจก็ใช่ว่าจะยอมแพ้โดยง่าย ร
“!!!!”“ข้างหน้าเป็นกำแพงไฟ!” ตุ่นคว้าคนรักเข้ามากอดแนบอก ส่วนมืออีกข้างก็เตรียมพร้อมอยู่ที่ประตูรถเตรียมเปิดกระโดดทุกเมื่อหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน[มาเลย! ฝ่ากำแพงไฟมาเลย!!] เสียงในสมองเร่งเร้า“เป็นไงเป็นกันวะ!” โจเซฟเหยียบคันเร่งจนมิด คนที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์อย่างดาริณีและพิมพาเองก็กอดกันแน่น แม้จะไม่ได้เห็นเหตุการณ์แต่ก็พอเดาได้ว่าคงเกิดเรื่องบางอย่างตึง!!รถบรรทุกขนาดใหญ่พุ่งชนกำแพงรากไม้ที่เริ่มเปราะบางจากการถูกเผาไหม้มาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ทำให้หน้ารถไม่ได้รับความเสียหายมากนัก พอพ้นจากแนวไฟก็ได้พบกับรีสอร์ตร้างที่มีช้างเชือกหนึ่งยืนต้อนรับอยู่“...” หงส์หรี่ตามองภาพตรงหน้าอย่างยากจะเชื่อ“...” ไม่ใช่แค่หงส์ที่ตกใจ ทั้งโจเซฟและตุ่นต่างก็มองภาพไฟกำลังลุกโหม ผิวเนื้อยังคงสัมผัสได้ถึงไอร้อนระอุแต่ทั้งที่เป็นแบบนั้น บริเวณรีสอร์ตกลับไม่มีไฟไหม้เลยสักนิด!แม้แต่สะเก็ดไฟก็ไม่มี ควันไฟเองก็มีปริมาณน้อยกว่าด้านนอกอย่างเห็นได้ชัด“มากันจริง ๆ ด้วย” พลายมงคลมองกลุ่มผู้มาเยือน เฉินเฟิงบอกว่าจะเรียกกำลังสนับสนุนที่อยู่ห่างออกไป 10 กิโลเมตร ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือและมาจริ
ปกติการลงเขาในเวลากลางวันจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงเพราะต้องเดินลัดเลาะ อ้อมตรงนั้นหลบตรงนี้ไปตลอดทาง แต่ด้วยความเร่งรีบตุ่นจะเป็นคนวิ่งนำหน้าไปก่อนเป็นเส้นตรงเพื่อตรวจสอบเส้นทาง ส่วนดาริณีจะรับหน้าที่วิ่งเป็นแนวหน้า หากเจอสิ่งกีดขวางที่ไม่จำเป็นต้องวกอ้อมอย่างหินก้อนใหญ่หรือพุ่มไม้ก็จะใช้กำลังหักร้างถางพงด้วยตนเองเพื่อทำเวลาให้เร็วที่สุด และไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาทั้งหมดจะมาถึงตีนเขาโดยใช้เวลาไปแค่ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ เท่านั้น เก็บเป็นสถิติใหม่ได้เลยแม้จะลงมาถึงได้อย่างรวดเร็วแต่ก็เล่นเอาเหนื่อยหอบไปตาม ๆ กัน พิมพาแทบเป็นลมล้มทั้งยืน ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เธอไปฝึกร่วมกับเด็ก ๆ คงหมดแรงตั้งแต่ครึ่งทาง หงส์รีบมาช่วยประคองไปที่รถบรรทุกคอนเทนเนอร์อาหารแห้งที่ยังจอดทิ้งไว้นอกหมู่บ้าน เนื่องจากเฉินเฟิงกับนิโคลัสขับรถของคุณยายไป พาหนะที่พวกเขาพอจะหยิบใช้ได้โดยไม่ต้องขอคนอื่นก็มีแต่รถคันนี้ภายในหมู่บ้านเองก็มีชาวบ้านเริ่มออกมามุงดูบ้างแล้ว แต่เพราะไม่รู้สถานการณ์จึงทำได้เพียงแค่ดู ไม่สามารถโทรแจ้งหน่วยงานไหนได้เลย อีกทั้งมองจากระยะสายตาก็รู้แล้วว่าไกลจากที่นี่พอสมควร เดินทางตอนกลางคืนมีแต่เสี่