มื้ออาหารกลางวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า เมื่อทุกคนได้ลิ้มรสชาติต้มจับฉ่ายแสนอร่อยก็ไม่มีใครกล้าตักกินอย่างรวดเร็วเพราะความหิวโหยเลยไม่ว่าจะเป็นหัวไชเท้าอ่อนนุ่มที่ถูกต้มจนเปื่อยกำลังดี เวลาตักเข้าปากแทบละลายหายไปในทันที ความหวานจากน้ำซุปผักแทรกซึมอยู่ทุกอณูจนแทบอยากจะเคี้ยวแล้วกลืนลิ้นลงไปพร้อมกันกี่เดือนแล้วนะที่ไม่ได้กินอาหารอร่อยขนาดนี้ แม้ในชามไม่มีเนื้อสักชิ้นแต่กระเพาะก็รู้สึกว่าได้รับการเติมเต็ม อีกทั้งยังมีมันจี่เนื้อเนียนละเอียดชิ้นใหญ่ พวกเขาได้รับมันถึงคนละ 2 ชิ้น แม้ผิวสัมผัสด้านนอกจะให้ความรู้สึกแปลกเพราะไม่เคยกินมันฝรั่งย่าง แต่พอกัดเข้าไปถึงเนื้อด้านในนั้นแทบไม่ต่างจากมันบดในร้านสเต๊กชื่อดังที่เคยกินเลยสักนิด“อร่อยมาก” ทุกคนต่างร้องเป็นเสียงเดียวกัน“อร่อยก็กินให้หมดนะครับ” เฉินเฟิงแสร้งดุเพราะเขาเพิ่งคิดได้ว่าหงส์ตักให้พวกเขาเยอะเกินไปหรือเปล่า ถึงจะพอดีกับจำนวนคน แต่ถ้าหากพวกเขากินไม่หมดก็คงน่าเสียดายหากต้องทิ้ง“แทบจะเลียจานแล้วครับ” ต่างจากกลุ่มเด็ก วิทย์และเพื่อนตักกินคำใหญ่ทำให้ทั้งมันจี่และต้มจับฉ่ายหมดภายในเวลาไม่นาน“ในครัวเหลือเสบียงเยอะไหม” โจเซฟกระซิบถามเจ้า
“ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็เลี่ยงไปหาที่อื่นเถอะ” ถึงจะอยากไปหาของในห้างสรรพสินค้า แต่ถ้ามีคนตั้งกลุ่มเก็บค่าผ่านทาง แสดงว่าด้านในก็คงไม่มีอะไรเหลือให้เก็บเกี่ยวมากนัก“เส้นทางนอกเมืองที่พวกเราผ่านมาละครับ” เฉินเฟิงกระซิบถามเสียงเบา ยังมีตู้รถคอนเทนเนอร์อีกหลายคันที่ถูกทิ้งร้างไว้ บางคันก็พลิกคว่ำตามไหล่ทาง“แต่นั้นเท่ากับว่าพวกเราต้องขับย้อนกลับไปนะ” หงส์ไม่เห็นด้วย จากถนนเส้นนั้นมาถึงตรงนี้ไม่ใช่ระยะทางใกล้ ๆนิโคลัสได้แต่ฟังและเก็บมาคิด เขามีความรู้เรื่องเส้นทางนอกเมืองน้อย แต่ถ้าเป็นไอเดียละก็มีอยู่…“ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่เคลียร์ทางให้ที่นี่ไปเชื่อมต่อกับหมู่บ้านล่ะ”“จริงด้วย!” โจเซฟดีดนิ้วเสียงดังถ้าคุณแม่ของเขาไม่อยากเข้าไปอยู่ในค่ายพันธมิตร ทำไมเขาไม่หาทางลำเลียงทรัพยากรที่มีอยู่แค่ที่นี่ไปแลกกับธัญพืชหรืออาหารในหมู่บ้านของเฉินเฟิงแทนล่ะสิ่งที่หมู่บ้านไม่ขาดคืออาหาร และสิ่งที่นี่ไม่ขาดก็คือร้านขายของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันและห้างสรรพสินค้าขนาดย่อม ต้องมีสักอย่างสองอย่างที่ชาวบ้านอยากแลกเปลี่ยนแน่นอน“นั่นก็เป็นการย้อนกลับไปเส้นทางเดิมเหมือนกันไม่ใช่เหรอ” หงส์เอียงคองง เธอเพิ่ง
จนกว่าจะมีความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ พวกเขาต้องมีอาหารตุนอยู่ในบ้านให้มากที่สุด ต้องมียาสามัญติดตัวไว้ด้วยเผื่อเจ็บไข้ ต้องมีอุปกรณ์ร้องขอความช่วยเหลือ ต้องชาร์จแบตโทรศัพท์เผื่อติดต่อกับส่วนให้ความช่วยเหลือได้ ฯลฯดังนั้นในเมืองใหญ่วันแรกจึงเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมานอกบ้านเพื่อหยิบฉวยสิ่งของจากร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้าชั้นนำขนาดใหญ่แต่คนธรรมดาที่ไม่เคยจับดาบถือปืน เมื่อถึงคราวต้องสังหารสิ่งมีชีวิตที่ไร้สติปัญญาแต่มีรูปลักษณ์ไม่ต่างจากตน ใครเล่าจะกล้าลงมือ บางคนฆ่าได้แต่ก็เป็นลมล้มหมดสติตรงนั้น กลายเป็นอาหารซอมบี้ตัวถัดไปในเวลาต่อมา และบางคนก็คล้ายจะเสียสติไปหลังจากเห็นคนรักหรือเพื่อนถูกพวกมันสังหารไปต่อหน้าต่อตาความโกลาหลขนาดใหญ่นี้ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อมากขึ้นเรื่อย ๆ คนที่เหลืออยู่จึงลงความเห็นว่าควรออกไปนอกเมืองจะปลอดภัยกว่า แต่นั่นกลับกลายเป็นการส่งต่อเชื้อให้กับจังหวัดข้างเคียงในเวลาต่อมาแม้จะมีการจัดตั้งค่ายพันธมิตรขึ้นอย่างเป็นทางการ แต่ก็กินพื้นที่เพียงรอบทำเนียบรัฐบาลและกองทัพบกของทหารประจำการอยู่ในเมืองหลวงเท่านั้น หลายแห่งในเมืองยังคงเต็มไปด้วยซอมบี้เดินเพ่นพ่านไปมา
“คืนนี้จะพักที่ไหน” นอกจากเรื่องรถที่ต้องหาแล้ว ที่พักก็จำเป็นเช่นกัน เพราะไม่รู้ว่าที่นี่จะมีห้องนอนเพียงพอให้พวกเขาหรือเปล่า ให้นอนกลางดินกินกลางทรายน่ะได้ แต่ในเมื่ออยู่ในเมืองก็อยากหาที่นอนเป็นเตียงมากกว่า“หาจากบ้านว่าง ๆ แถวนี้ก็แล้วกันครับ” เฉินเฟิงให้คำตอบ อีกอย่างแถวนี้ก็ถูกกลุ่มของวิทย์เคลียร์ซอมบี้จนหมด คงไม่ยากนักในการหาบ้านว่างสักหลังสำหรับพักผ่อน“เอ่อ คุณจะว่าอะไรไหม ถ้าผมอยากจะขอแบ่งผลไม้แห้งให้กับที่นี่” นอกจากสารอาหารแล้ว เด็ก ๆ เองก็ควรได้รับวิตามินบ้าง“ตามใจคุณครับ” นิโคลัสยิ้ม ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายมาเท่าไร คุณอดีตผู้ช่วยเชฟก็ยังคงความเป็นมนุษย์ไว้ได้เสมอนี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาชอบอีกฝ่ายมากขึ้นทุกวันอยากเป็นแฟนกันเร็ว ๆ จังเลยน้าาา~นั่งพักกันเกือบ 20 นาที วิทย์ก็พาเพื่อน ๆ ของตนบางส่วนออกมาสมทบ“มาแล้วครับ ขอโทษที่ให้รอนาน” วิทย์กลับมาพร้อมกับเพื่อนที่ถูกลดจำนวนลงจากสิบกว่าคนเหลือเพียงทีมที่มี 5 คน“คนอื่น ๆ ผมให้เขาอยู่เฝ้าที่นี่ครับ อีกอย่างเขาก็โดนพวกคุณซ้อมเสียน่วมเลยไม่มีแรงจะไปตบตีกับซอมบี้ไหวแล้ว” อันที่จริงตัวเขาเองก็ปวดแผลที่บวมปูดบนศีรษะเห
“ชู่ว!” นิโคลัสยกนิ้วชี้ทาบริมฝีปาก ตอนแรกเขายังได้ยินเสียงบางอย่างค่อย ๆ ย่างกรายข้ามา แต่เมื่อพวกเขาเริ่มพูดคุยกัน เสียงนั้นก็เงียบหายไปความวังเวงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันพลอยทำให้กลุ่มของวิทย์เกิดความวิตกกังวลตามไปด้วย“พวกคุณค่อย ๆ ถอยกลับไปที่ประตู” นิโคลัสออกคำสั่งเสียงเบาลูกทีมของวิทย์คนที่อยู่หลังสุดพยายามถอยฝีเท้าให้เบาที่สุด สายตาก็กวาดมองไปด้านหน้า เมื่อเห็นว่าข้างหน้าตนยังคงเป็นเพื่อนพ้องที่มาด้วยกันและมีทหารรับจ้างอย่างนิโคลัสคอยป้องกันไว้ก็คิดว่าตนต้องรีบออกไปจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด...แกรก แกรก“!!!”เสียงที่กลับมาอย่างกะทันหันทำให้ทั้งกลุ่มยิ่งระแวดระวังตัวมากกว่าเดิม เฉินเฟิงพยายามอย่างมากที่จะฟังว่าเสียงนั้นมาจากที่ไหน แต่เพราะโชว์รูมรถแห่งนี้มีกำแพงเป็นกระจกรอบทิศ และพื้นเองก็ถูกปูด้วยหินอ่อน ทำให้เสียงที่เกิดขึ้นนั้นสะท้อนกันไปมา ยากจะแยกว่าสิ่งที่เขากำลังได้ยินนั้นแท้จริงแล้วอยู่ตรงไหนกันแน่“ทะ... ทุกคน” ชายคนที่อยู่ด้านหลังสุดส่งเสียงออกมา แต่เสียงนั้นสั่นเครือจนนิโคลัสต้องเหลียวหลังหันกลับไปมอง“!!!” นัยน์คมดุสว่างวาบ เมื่อในที่สุดเขาก็หาต้นตอของเสียงที่ได้
เฉินเฟิงคิดว่าดวงของเขาค่อนข้างสมพงศ์กับปัญหา… เพราะอะไรน่ะหรือ?นั่นก็เพราะ…ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่เรื่อง!อย่างในเวลานี้เจ้ากระต่ายจำต้องคอยช่วยสนับสนุนอยู่วงนอก ป้องกันไม่ให้แมงมุมยักษ์ตรงหน้าทำอันตรายกลุ่มคนไร้พลังที่ติดตามมาด้วย ทั้งยังต้องหาช่องทางโจมตีหากตนมีโอกาสเกร็งจนตะคริวจะกินอยู่แล้ว!ยังดีหน่อยที่มันไม่ได้ตัวใหญ่เท่ากับหนูท่อไคจูตัวที่เจอในนิคมอุตสหกรรมเมื่อสองเดือนก่อน ถ้าแมงมุมในวันนี้ตัวใหญ่ขนาดนั้นเขาคงช็อกตายฟากนิโคลัสที่ถูกแมงมุมหมายหัวก็ได้แต่พยายามหลบการโจมตีของมันพร้อมกับต้อนให้มันมาอยู่ตรงกลางลานห้องจัดแสดงรถยนต์ ยิ่งมันอยู่ห่างกำแพงเท่าไร โอกาสในการหลบหนีก็จะน้อยลงตามไปด้วยคุณหมอหมีค่อนข้างหัวเสียกับการที่ต้องสู้กับเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ในพื้นที่ปิด เพราะนอกจากจะทำให้มันได้เปรียบเวลาหลบหลีกด้วยการปีนกำแพงหนีแล้ว เขายังต้องคอยระมัดระวังไม่ให้พลังของตนเผลอไปปะทะเข้ากับรถที่จอดอยู่ไม่ใช่กลัวรถเสียหาย แต่เป็นเพราะกลัวว่าถ้าหากมันระเบิดขึ้นมา ทีนี้คงไม่ต้องบอกนะว่าจะเป็นยังไงต่อ“คุณวิทย์! พวกคุณรีบขับรถไปรวมกันตรงนั้น” เฉินเฟิงเองก็เห็นถึงปัญหาตรงจุดนี้ รีบบอ
กร๊าซซซ!!ใยที่ถูกพ่นออกมาสาดกระจายและมีบางส่วนที่ถูกตัวของมันเอง เป็นผลให้มันดิ้นพรวดพราดเพราะความเจ็บปวด“คุณนิค!” เฉินเฟิงมองภาพแมงมุมยักษ์ดิ้นพรวดพราดด้วยความรู้สึกแปลกแปร่งนี่มันชักจะคล้ายกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่มนุษย์ถูกอสุรกาย 8 ขาจากนอกโลกบุกเข้าไปทุกที เว้นแค่ว่าปล้องแหลมคมของเจ้าแมงมุมไม่ได้เสียบทะลุศีรษะเข้ามาดูดสมองเขา ไม่อย่างนั้นเขาคงขอปาดคอตัวเองตายดีกว่า“อืม” นิโคลัสเองก็รู้สึกว่าเรื่องราวนับจากนี้คงไม่ง่ายอีกต่อไป ชายหนุ่มกระชับมีดในมือแล้วตัดคอมันขาดในคราวเดียวกรร… กรร… กรรเสียงร้องของมันค่อย ๆ ขาดห้วงพร้อมกับพลังชีวิตที่หมดลงทั้งคุณผู้ช่วยเชฟและคุณหมอต่างก็ระแวดระวังรอบด้านก่อนครู่หนึ่ง เมื่อไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวผิดแผกอีกก็พลอยโล่งใจ ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดสภาพ“มะ... มันตายแล้ว ใช่ไหมครับ” วิทย์มองไปทางแมงมุมยักษ์อย่างหวาด ๆ“เมื่อกี้กระสุนนายสินะ ขอบใจมาก” นิโคลัสหันไปผงกศีรษะขอบคุณ ถ้าไม่ได้กระสุนบีบีกันที่วิทย์ยิงมาละก็ ป่านนี้เขาอาจจะยังสู้กับมันอยู่ก็เป็นได้“แหะ ๆ ครับ ของผมเอง” ชายหนวดโค้งยกมือเกาศีรษะแก้เขิน ส่วนมืออีกข้างก็พาดปืนบีบีกันรูปท
เขาอยากลองเดิมพันเพราะไม่รู้ว่าในอนาคตจะยังมีชีวิตเหลืออยู่อีกกี่วัน ถ้าอีกฝ่ายยอมฟังคำเขาแล้วนั่งรออยู่ด้วยกันตรงนี้ นั่นหมายความว่าเขาอาจจะพอมีหวังเจ้ากระต่ายมองท่าทางจริงจัง ไหนจะสัมผัสตรงข้อมือที่ร้อนลวกจนรู้สึกอยากสะบัดออก แต่ในใจกลับคัดค้านการกระทำนั้น ลางสังหรณ์บอกว่าถ้าเขาทำอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ดังนั้นฝ่ามือใหญ่จึงยังคงจับยึดข้อมือเล็กไว้ตลอดการจ้องตากันคงเลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ…“โอเคครับ ผมจะอยู่ตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน แต่ถ้าพวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ คุณต้องวิ่งไปก่อนคนแรกด้วยนะ” เฉินเฟิงยอมนั่งลงที่เดิม ใบหน้าขาวหันไปมองทางอื่น“ได้ ๆ ผมจะวิ่งไปคนแรก” นิโคลัสพยักหน้าขึ้นลงไม่หยุด ริมฝีปากบางระบายยิ้มออกมาอย่างโง่งม เพราะตั้งแต่ยอมนั่งลงข้างกัน เฉินเฟิงไม่แม้แต่จะหันหน้ามามองเขาอย่างปกติ อีกทั้งยังไม่ได้สะบัดมือของเขาทิ้งอีกด้วยหมายความว่า!หมายความว่าเขามีหวังงั้นเหรอ!!...บรรยากาศแปลก ๆ ลอยวนอยู่รอบตัวคนทั้งสอง จนกระทั่งกลุ่มที่เข้าไปสำรวจด้านในกลับออกมา ทั้งเฉินเฟิงและนิโคลัสจึงหันไปสนใจในสิ่งที่พวกเขาขนออกมาแทน“ดูนี่สิครับ ไข่แมงมุม” วิทย์พร้อมกับเพื่อนพบไข่แมงมุมอยู
เช้าวันต่อมาเฉินเฟิงเดินมายังจุดสิ้นสุดของบาเรีย นั่นก็คือหน้าปางช้าง ฝ่ามือขาวลองสัมผัสอากาศด้านหน้า คลำอยู่สักพักก็พบกับชั้นเยลลี่บาง ๆ ตามคาดแม้จะมองไม่เห็นแต่ก็สัมผัสได้… น่าอัศจรรย์จริง ๆ อีกฝั่งหนึ่งก็เงียบสงัดเฉกเช่นเดิม แต่ยังคงเหลือร่องรอยของการต่อสู้เมื่อวานทิ้งไว้เป็นหลุมเป็นบ่อ ช่วยเตือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริงตูม!แต่ทันทีที่ข้อมือขาวโผล่พ้นออกไปนอกเขตบาเรีย รากไม้เส้นเดิมก็พุ่งขึ้นมาจากดิน ถ้าเจ้ากระต่ายไม่ชักมือกลับเข้ามาในบาเรียได้รวดเร็วพอ คงจะถูกมันดึงออกไปทันที“เกือบไปแล้วนะ” นิโคลัสกอดเอวคนรักไว้แน่น แม้ว่าคนรักจะชักมือกลับเข้ามาทัน แต่คุณหมอหมีเองก็รีบกอดคนรักไว้แน่นทันทีที่รากไม่ปรากฎเหมือนกัน“มันรู้ได้ยังไงว่าเรากำลังออกจากบาเรีย”“แถวนี้อาจจะมีต้นไม้ที่เป็นลูกสมุนของมันอีกก็ได้” คุณหมอหมีพูดถึงต้นไม้ปิศาจ 5 ต้นที่พวกเขาได้เผาไปก่อนหน้านี้ พวกนั้นเองก็ไม่มีตาแต่ก็สามารถโจมตีเหยื่อได้อย่างแม่นยำ“พี่นิค…” เฉินเฟิงมองคนรักด้วยสายตาอ้อนวอน “ผมว่าเราคงได้เปลี่ยนแผนแล้วล่ะ”“แผนไหน? ““แผนที่จะขับรถฝ่ารากไม้ออกไป” คุณเชฟว่าเสียงอ่อย“ทำไมล่ะ” ตอนแรกบอ
ลูกช้างประคองเครือกล้วยไว้ด้วยงวงเล็ก แต่ละก้าวที่เดินล้วนระมัดระวังไม่ให้อาหารตกพื้น นำไปวางไว้ตรงหน้าบิดาใช้ศีรษะดุนดันให้อีกฝ่ายกินก่อนอดีตผู้นำแห่งปางช้างพนาไพรแสร้งใช้งวงหยิบกล้วย ทั้งที่หยิบไม่ได้แต่แค่นั้นลูกน้อยก็ผงกศีรษะขึ้นลงอย่างชอบใจ แล้วใช้งวงเด็ดกล้วยมากินจนอิ่มหมีพีมัน“นี่… ทำได้อย่างไรกัน” พลายมงคลจำไม่เห็นได้ว่าที่นี่มีต้นกล้วยที่กำลังออกผล มีแต่ต้นอ่อนที่เพิ่งแทงยอดขึ้นมาเท่านั้น“เป็นพลังของผมเองครับ” เฉินเฟิงเดินเข้ามาสมทบ “พี่นิคไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวมืดแล้วน้ำจะเย็นเกินไป” เฉินเฟิงแกล้งเดินไปใกล้แล้วสะบัดน้ำที่ยังติดอยู่ปลายเส้นผมใส่ ความเย็นของน้ำทำให้รู้สึกสดชื่น“ไปเช็ดผมให้แห้งเลย” คุณหมอหมีเตือน อากาศในป่าติดกับภูเขาแบบนี้ย่อมมีอุณหภูมิต่ำ ถ้าผมเปียกนานเกินไปอาจจะจับไข้ได้“มนุษย์บางคนสามารถรับพลังพิเศษบางอย่างเข้ามาในร่างกายได้ อย่างผมสามารถเร่งการเจริญเติบโตของพืชได้ ส่วนพี่นิคก็มีพลังไฟ” เจ้ากระต่ายอธิบายเจื้อยแจ้ว“นอกจากมีหูแล้วยังมีพลังพิเศษอีกด้วย มนุษย์วิวัฒนาการไปได้ไกลเหลือเกิน” พลายมงคลชื่นชม มนุษย์มักมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเสมอ ตั้งแต่เข
“เป็นไปได้หรือเปล่าครับว่าเศษอุกกาบาตจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้นไม้กลายพันธุ์” เฉินเฟิงลองคาดเดา เขาคิดว่าเป็นไปได้มากทีเดียว“มีความเป็นไปได้” คุณหมอหมีพยักหน้าเห็นด้วย จนถึงทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถระบุสถานที่ที่เศษอุกกาบาตตกใส่พื้นโลกได้ทั้งหมด บางส่วนที่เก็บกู้มาได้ก็ถูกนำไปทดสอบในห้องแล็บและยังไม่มีข่าวคราวใด ๆ ออกมา พอซอมบี้ระบาดก็ไม่รู้ว่ายังได้ทดลองกันต่อหรือเปล่า“ทำยังไงดี” เจ้ากระต่ายกุมขมับนั่งมองพื้น“ถ้าถามผม ผมก็จะบอกให้สู้” นิโคลัสเลิกคิ้วมองเจ้ากระต่ายที่เงยหน้าส่งสายตาค้อน“แต่มันค่อนข้างเสี่ยงมากเกินไป” แค่หนีก็ยังยาก ถ้าต้องเผชิญหน้ากันควรพาคนมาเยอะกว่านี้“ถ้าไม่ทำอะไรก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้เหมือนกัน”“ได้ครับ ถ้าเราหารถออกไปได้ละก็” ความเร็วของรถจะสามารถสลัดมันหลุดออกไปได้แน่ ๆ“เหมือนจะมีรถอยู่คันหนึ่งนะ” พลายมงคลกล่าว “หลายเดือนก่อนที่จะมีมนุษย์โขยกเขยก มีมนุษย์กลุ่มหนึ่งเข้ามาที่นี่ เดินหาพวกข้าอยู่พักหนึ่ง พอเข้ามาที่โรงเลี้ยงแห่งนี้แล้วเจอข้าจ้องมองอยู่ก็ตะโกนว่าผีจากนั้นก็วิ่งหนีไป”อีหรอบนี้คือมองไม่เห็นเงาช้างเหมือนที่นิโคลัสเห็นชัวร์“พวกเขาทิ้งร
“ถ้าจะให้พูดเท้าความก็คงอธิบายกันยาว แต่ไม่เป็นไร เราเองก็อยากพูดคุยกับใครสักคนมานานแล้ว” พลายมงคลเปล่งเสียงหัวเราะในลำคอ ชอบใจมากที่มีเพื่อนคุย ใบหูใหญ่สะบัดไปมาเป็นครั้งคราว“เมื่อหลายเดือนก่อนมีหินตกมาจากฟ้า” พลายมงคลแหงนหน้ามอง นึกย้อนไปถึงค่ำคืนวิปโยคที่มันไม่เคยพบเห็นมาก่อน “ในเวลานั้นตัวข้ากำลังออกไปหาแหล่งอาหารใหม่เพราะที่แห่งนี้ไม่มีอาหารเพียงพอสำหรับพวกเราทุกตัว ในตอนนั้นเองก็มีหินก้อนหนึ่งพุ่งลงมาที่พวกเรา”“แรงที่พุ่งชนมากจนทำให้บริเวณนั้นกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ บริวารที่ข้าพามาต่างก็ไม่มีตนใดที่เหลือรอด” เสียงทุ้มแหบสั่นเครือเมื่อนึกย้อนไปถึงบริวารกว่า 10 เชือกที่ติดตามตนไป และยังมีโขลงของช้างเพศเมียอยู่ไม่ไกลกัน“แล้วพลายวารี…”“ในตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าพลายวารีหลงจากฝูงตั้งแต่เมื่อไหร่ โชคดีที่เจ้าตัวสามารถเดินกลับมาที่ปางช้างแห่งนี้ได้ จึงรอดพ้นจากภยันตรายในครั้งนั้น” แต่จะบอกว่าเป็นโชคดีก็คงไม่ถูกนัก...ที่นี่ก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว“แล้วทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” ในเมื่อถูกอุกกาบาตพุ่งชนจนไม่มีช้างตัวใดรอดชีวิต“ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ก่อนที่จะสิ้นใจ ข้าเป็นกังวลว่าจะไม่
เฉินเฟิงไม่อาจทำให้จิตใจของตนสงบลงได้ สิ่งที่ได้พบเห็นครั้งนี้เกินกว่าจินตนาการของเขาจะเอื้อมถึงจริง ๆ แค่มังคุดฉลาดก็ตกใจจะแย่ พอมาเจอช้างที่สามารถพูดคุยสื่อสารกันได้ปรากฏอยู่ตรงหน้า สมองที่เคยประมวลความคิดได้อย่างเป็นเหตุและผลก็เหมือนกำลังถูกระเบิดแยกออกจากกันที่นี่ยังใช้ดาวโลกสีน้ำเงินอยู่หรือเปล่าหรือเขาหลุดมาอยู่ในโลกคู่ขนานแบบไม่รู้ตัว ตายแล้วเกิดใหม่ ทะลุมิติอะไรเทือกนั้นจำได้ว่าไม่นานมานี้ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าสักวันหนึ่งสัตว์พูดได้ขึ้นมา โลกคงวุ่นวายน่าดู เพราะสัตว์เลี้ยงของมนุษย์คงไม่ใคร่ยินดีนักที่จะต้องอยู่ในสถานะนั้นตั้งแต่เกิด แถมยังถูกทำเหมือนกับว่าล่วงรู้ความคิดของมันทุกอย่าง ทั้งสุนัขและแมวคงได้ด่าเจ้าของกันหัวเหม็นแต่ตอนนี้!เรื่องเกินจินตนาการนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว!!ช้างพูดได้ครับ ช้างพูดได้ตัวเป็น ๆ !! OMG!“อาเฟิง ผมไม่ได้ฝันอยู่ใช่ไหม” แม้แต่คุณหมอก็สมองเออร์เรอร์ไปชั่วขณะเช่นกัน“ถ้าพี่นิคฝัน ผมก็คงฝันเรื่องเดียวกับพี่นั่นแหละ” เจ้ากระต่ายเอื้อมมือไปหยิกต้นแขนพิสูจน์“โอ๊ย พี่เจ็บนะ” คนตัวโตกว่าสะดุ้งพลางลูบแขนป้อย ๆ“พิสูจน์ไงว่าเรื่องจริงหรือความฝัน” แต่ไม่อยากหย
ไม่ปล่อยให้รอนานก็มีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเดินตรงมาที่พวกเขา มันชูงวงเล็กขึ้นโบกไปมาราวกับว่ากำลังทักทายแขกผู้มาเยือนแอ้ว!เสียงร้องแหลมสูงดังออกมาจากปากรูปทรงสามเหลี่ยมพร้อมกับงวงที่ยกขึ้นสูง“ลูกช้าง?” นิโคลัสมองช้างที่มีส่วนสูงเท่ากับหน้าอกของตน ปางช้างจะมีช้างก็คงไม่แปลก แต่ช้างที่ทำท่าเดินหน้าบ้าง ถอยหลังบ้าง ทั้งหางและงวงต่างก็สะบัดไปมาอย่างตื่นเต้นนี่คืออะไร…ไม่ใช่ว่าที่นี่ถูกทิ้งร้างจนช้างอยู่ร่วมกับป่าไปแล้วหรอกหรือ?มันไม่ควรเป็นมิตรกับคนสิแอ้ว... แอ้!“ดูเหมือนว่ามันอยากจะให้เราตามเข้าไปนะครับ” เป็นเฉินเฟิงที่ช่วยแปลให้ ท่าทางมันตื่นเต้นมากทั้งร้องเรียกและเดินไปเดินมาคล้ายอยากให้เดินตาม“ตามไปก่อนแล้วกัน” นิโคลัสชั่งใจครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเดินตามลูกช้างไปเป็นคนแรกแน่นอนว่าต้องไม่เดินตามไปอย่างเดียว ทั้งสองคนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อหาทางหนีทีไล่ เผื่อเกิตเหตุฉุกเฉินจนต้องหนีเอาชีวิตรอดอีกหนปางช้างที่เคยมีทั้งรีสอร์ตและจุดให้บริการกีฬาเอ็กซ์ตรีมเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างก็ถูกป่าไม้กลืนกิน ดูไปก็คล้ายกับรีสอร์ตร้างในภาพยนตร์สยองขวัญ ยิ่งถ้าเป็นช่วงเวลากลางคืนคงมีขนหัวล
ฟุบ“หือ?” นิโคลัสเกือบเบรกจนตัวโก่งเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างจากจุดที่เพิ่งวิ่งผ่านมาเหมือนวิ่งชนเยลลี่?“พี่นิคก็รู้สึกใช่ไหม” เฉินเฟิงเหันไปถาม เมื่อกี้ตอนวิ่งเข้ามาในเขตของปางช้าง จู่ ๆ ก็มีอะไรไม่รู้เย็น ๆ ปะทะเข้ากับร่างกาย“พวกมันหยุดแล้ว” นิโคลัสหันหลังกลับไปมอง รากไม้เหล่านั้นก็ทำเพียงส่ายไปมาอยู่ห่าง ๆ ไม่มีท่าทีไล่กวดเหมือนอย่างตอนแรก“หรือว่าพวกมันจะเข้ามาไม่ได้” เฉินเฟิงตั้งข้อสันนิษฐาน“เป็นไปได้ ไม่แน่ว่าสิ่งที่เราวิ่งชนอาจจะเป็นบาเรีย? หรืออะไรสักอย่าง ที่ส่งผลให้รากพวกนั้นเข้ามาไม่ได้” นิโคลัสวิเคราะห์ต่อ“รอดแล้ว…” เฉินเฟิงทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดสภาพ แม้ระยะทางจากจุดที่อยู่ถึงปางช้างจะไม่ถึง 2 กิโลเมตร แต่การต้องวิ่งไปหลบไปก็ทำให้ระยะที่ควรใกล้กลับไกลมากขึ้นในความรู้สึก“อย่าเพิ่งลดการป้องกัน” นิโคลัสดุเสียงเข้ม แต่ก็ยอมเดินมายืนข้าง ๆ เลือกมุมที่แดดตกกระทบแล้วยืนบังไม่ให้คนรักร้อน ใบหูกลมเงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวรอบกายที่ยังคงนิ่งเงียบดีหน่อยที่บริเวณนี้มีเสียงนกและเสียงแมลงอยู่บ้าง พอให้คลายใจว่าคงไม่มีอันตรายเหมือนที่เจอก่อนหน้านี้แม้เจ้ากระต่ายจะนั่งพักอ
“ทำไมหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างนั้นล่ะ” คุณหมอหันมาเห็นคนรักมองตนด้วยใบหน้าเครียดก็ฉุกคิดว่าอาจจะมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น[ก่อนที่ร่างต้นของมันจะรู้ตัว จงหนีไปเสีย]เสียงมาอีกแล้ว ร่างแยก… ต้นไม้พวกนี้น่ะเหรอ?แล้วร่างต้นที่ว่า…!!!!“พี่นิค พวกเรารีบออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า” เจ้ากระต่ายไปช่วยหยิบสัมภาระออกมาจากรถพลางดึงรั้งคนรักให้ออกห่างจากแนวป่าให้มากที่สุด“เกิดอะไรขึ้น” นิโคลัสเห็นเจ้ากระต่ายมีสีหน้ารีบร้อนก็เร่งประสาทสัมผัส“เดี๋ยวค่อยคุยกัน”ครืน...!!“เหวอ” อยู่ ๆ แผ่นดินที่เคยสงบนิ่งก็สั่นอย่างรุนแรงอะไร! แผ่นดินไหว?ยังไม่ทันตั้งตัวได้ก็มีรากต้นไม้ขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาจากพื้น ขนาดของมันใหญ่ยิ่งกว่ามากจนทำให้พื้นถนนที่ถูกมันดันขึ้นมาเป็นรูกว้างนิโคลัสรีบพาตัวเองไปอยู่เบื้องหน้าคนรัก ไม่กี่วินาทีต่อมาก็เกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นอีกครั้งตูม!รากต้นไม้เส้นที่สอง สาม และสี่ ตามมาติด ๆ ยิ่งสามรากสุดท้ายที่โผล่ขึ้นมาด้านหลัง ปิดล้อมไม่ให้พวกเขาสามารถกลับไปยังเส้นทางเดิมได้[ไม่ทันการณ์แล้ว มนุษย์เอ๋ย จงรีบเร่งมาข้างหน้าโดยเร็ว]ข้างหน้า?“พี่นิค ไปที่ปางช้างกันเดี๋ยวนี้!!” เจ้ากระต่า
ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านใจ มองปิศาจต้นไม้สลับกับรถกระบะที่ตนเองนั่งมา ท่อนซุงยักษ์ยังคงทับตัวกระบะรถอยู่ เห็นแบบนั้นก็ยิ่งเดือดดาลขาข้างหนึ่งกระทืบเท้าลงบนพื้น ริมฝีปากเม้มแน่นส่งเสียงฮึดฮัดอยู่ในลำคอใบหูสีขาวตั้งชันกำลังโกรธเจ้ากระต่ายของคุณหมอหมีกำลังโกรธมาก ๆเมื่อต้นไม้ต้นแรกรุกเหวี่ยงแขนของมันมาทางด้านข้าง เฉินเฟิงจึงเกร็งกล้ามเนื้อที่ขา พาร่างกายของตนเองกระโดดลอยขึ้นเหนือพื้น กะด้วยสายตาก็คงสูงราว 2-3 เมตรเฉินเฟิงเคยประเมินสมรรถนะทางร่างกายของตน ปรากฏว่าเขาสามารถวิ่งได้เร็วขึ้น กระโดดสูงขึ้นและรับเสียงได้มากขึ้นสามสิ่งนี้คือพื้นฐานทั่วไปที่กระต่ายทั่วไปพึงมี เมื่อถูกนำมารวมในร่างมนุษย์ ก็ทำให้ขีดความสามารถที่คนคนนั้นมีอยู่เพิ่มสูงขึ้นอย่างในเวลานี้…พอปิศาจต้นไม้เห็นเฉินเฟิงอยู่กลางอากาศ พวกมันอีกหนึ่งต้นก็รีบฟาดกิ่งลงมา แม้จะไม่ได้รวดเร็วมากนักหากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงหลบไม่พ้นแต่ไม่ใช่กับเฉินเฟิง…เจ้ากระต่ายพลิกตัวแล้วใช้มือจับยึดเข้าที่กิ่งนั้นไว้แน่น ต้นไม้ต้นแรกเห็นว่าเหยื่อของมันหายไปก็รีบมองหา พอเห็นว่าอยู่กับเพื่อนร่วมวงศ์ตระกูลก็ฟาดเข้าใส่อย่างไม่ลังเล