เฉินเฟิงคิดว่าดวงของเขาค่อนข้างสมพงศ์กับปัญหา… เพราะอะไรน่ะหรือ?นั่นก็เพราะ…ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่เรื่อง!อย่างในเวลานี้เจ้ากระต่ายจำต้องคอยช่วยสนับสนุนอยู่วงนอก ป้องกันไม่ให้แมงมุมยักษ์ตรงหน้าทำอันตรายกลุ่มคนไร้พลังที่ติดตามมาด้วย ทั้งยังต้องหาช่องทางโจมตีหากตนมีโอกาสเกร็งจนตะคริวจะกินอยู่แล้ว!ยังดีหน่อยที่มันไม่ได้ตัวใหญ่เท่ากับหนูท่อไคจูตัวที่เจอในนิคมอุตสหกรรมเมื่อสองเดือนก่อน ถ้าแมงมุมในวันนี้ตัวใหญ่ขนาดนั้นเขาคงช็อกตายฟากนิโคลัสที่ถูกแมงมุมหมายหัวก็ได้แต่พยายามหลบการโจมตีของมันพร้อมกับต้อนให้มันมาอยู่ตรงกลางลานห้องจัดแสดงรถยนต์ ยิ่งมันอยู่ห่างกำแพงเท่าไร โอกาสในการหลบหนีก็จะน้อยลงตามไปด้วยคุณหมอหมีค่อนข้างหัวเสียกับการที่ต้องสู้กับเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ในพื้นที่ปิด เพราะนอกจากจะทำให้มันได้เปรียบเวลาหลบหลีกด้วยการปีนกำแพงหนีแล้ว เขายังต้องคอยระมัดระวังไม่ให้พลังของตนเผลอไปปะทะเข้ากับรถที่จอดอยู่ไม่ใช่กลัวรถเสียหาย แต่เป็นเพราะกลัวว่าถ้าหากมันระเบิดขึ้นมา ทีนี้คงไม่ต้องบอกนะว่าจะเป็นยังไงต่อ“คุณวิทย์! พวกคุณรีบขับรถไปรวมกันตรงนั้น” เฉินเฟิงเองก็เห็นถึงปัญหาตรงจุดนี้ รีบบอ
กร๊าซซซ!!ใยที่ถูกพ่นออกมาสาดกระจายและมีบางส่วนที่ถูกตัวของมันเอง เป็นผลให้มันดิ้นพรวดพราดเพราะความเจ็บปวด“คุณนิค!” เฉินเฟิงมองภาพแมงมุมยักษ์ดิ้นพรวดพราดด้วยความรู้สึกแปลกแปร่งนี่มันชักจะคล้ายกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่มนุษย์ถูกอสุรกาย 8 ขาจากนอกโลกบุกเข้าไปทุกที เว้นแค่ว่าปล้องแหลมคมของเจ้าแมงมุมไม่ได้เสียบทะลุศีรษะเข้ามาดูดสมองเขา ไม่อย่างนั้นเขาคงขอปาดคอตัวเองตายดีกว่า“อืม” นิโคลัสเองก็รู้สึกว่าเรื่องราวนับจากนี้คงไม่ง่ายอีกต่อไป ชายหนุ่มกระชับมีดในมือแล้วตัดคอมันขาดในคราวเดียวกรร… กรร… กรรเสียงร้องของมันค่อย ๆ ขาดห้วงพร้อมกับพลังชีวิตที่หมดลงทั้งคุณผู้ช่วยเชฟและคุณหมอต่างก็ระแวดระวังรอบด้านก่อนครู่หนึ่ง เมื่อไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวผิดแผกอีกก็พลอยโล่งใจ ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดสภาพ“มะ... มันตายแล้ว ใช่ไหมครับ” วิทย์มองไปทางแมงมุมยักษ์อย่างหวาด ๆ“เมื่อกี้กระสุนนายสินะ ขอบใจมาก” นิโคลัสหันไปผงกศีรษะขอบคุณ ถ้าไม่ได้กระสุนบีบีกันที่วิทย์ยิงมาละก็ ป่านนี้เขาอาจจะยังสู้กับมันอยู่ก็เป็นได้“แหะ ๆ ครับ ของผมเอง” ชายหนวดโค้งยกมือเกาศีรษะแก้เขิน ส่วนมืออีกข้างก็พาดปืนบีบีกันรูปท
เขาอยากลองเดิมพันเพราะไม่รู้ว่าในอนาคตจะยังมีชีวิตเหลืออยู่อีกกี่วัน ถ้าอีกฝ่ายยอมฟังคำเขาแล้วนั่งรออยู่ด้วยกันตรงนี้ นั่นหมายความว่าเขาอาจจะพอมีหวังเจ้ากระต่ายมองท่าทางจริงจัง ไหนจะสัมผัสตรงข้อมือที่ร้อนลวกจนรู้สึกอยากสะบัดออก แต่ในใจกลับคัดค้านการกระทำนั้น ลางสังหรณ์บอกว่าถ้าเขาทำอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ดังนั้นฝ่ามือใหญ่จึงยังคงจับยึดข้อมือเล็กไว้ตลอดการจ้องตากันคงเลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ…“โอเคครับ ผมจะอยู่ตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน แต่ถ้าพวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ คุณต้องวิ่งไปก่อนคนแรกด้วยนะ” เฉินเฟิงยอมนั่งลงที่เดิม ใบหน้าขาวหันไปมองทางอื่น“ได้ ๆ ผมจะวิ่งไปคนแรก” นิโคลัสพยักหน้าขึ้นลงไม่หยุด ริมฝีปากบางระบายยิ้มออกมาอย่างโง่งม เพราะตั้งแต่ยอมนั่งลงข้างกัน เฉินเฟิงไม่แม้แต่จะหันหน้ามามองเขาอย่างปกติ อีกทั้งยังไม่ได้สะบัดมือของเขาทิ้งอีกด้วยหมายความว่า!หมายความว่าเขามีหวังงั้นเหรอ!!...บรรยากาศแปลก ๆ ลอยวนอยู่รอบตัวคนทั้งสอง จนกระทั่งกลุ่มที่เข้าไปสำรวจด้านในกลับออกมา ทั้งเฉินเฟิงและนิโคลัสจึงหันไปสนใจในสิ่งที่พวกเขาขนออกมาแทน“ดูนี่สิครับ ไข่แมงมุม” วิทย์พร้อมกับเพื่อนพบไข่แมงมุมอยู
นิโคลัสได้ยินเสียงเฉินเฟิงสั่งการวิทย์ ในใจลอบยินดีที่อีกฝ่ายสามารถตัดสินใจได้รวดเร็ว อีกทั้งยังหาทางรอดให้กับทุกคนได้ อีกนิดเดียวรถจะขับมาถึงเขาแล้ว ถ้ากระโดดขึ้นรถไปก็จะสามารถหนีพ้นจากกองทัพแมงมุมขนาดย่อมนี้ได้แต่ว่า!บรื้น!ทั้งที่รถขับผ่านไปแล้ว เฉินเฟิงเองก็เตรียมรอรับร่างของคุณหมีจากท้ายกระบะ แต่อีกฝ่ายกลับเบี่ยงตัวหลบ พร้อมกับใช้พลังไฟที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันถูกพ่นออกมาเป็นเส้นตรงราวกับปืนพ่นไฟกี๊ซซซ!!เสียงลูกแมงมุมร้องอย่างโหยหวน ยิ่งตัวด้านหน้าตายมากเท่าไร ตัวด้านหลังก็ยิ่งคืบคลานเร็วขึ้น หมายจะจัดการกับชายหนุ่มให้ได้“อึก” นิโคลัสกัดฟัน อาการวิงเวียนเริ่มจู่โจมเข้ามาในสมองอีกนิดเดียว…แมงมุมตัวสุดท้ายที่พยายามตะเกียกตะกายออกมาถูกพลังไฟที่มีความร้อนสูงยิ่งกว่าในกองเพลิงบดขยี้จนกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตาหมดแล้ว เท่านี้ก็… ไม่ต้อง…“คุณนิค!” เฉินเฟิงสั่งให้วิทย์เบรกรถจนตัวโก่ง จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปรับคุณหมอหมีที่หมดสติกลางอากาศทิ้งตัวลงนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น“คุณนิค ๆ” เจ้ากระต่ายร้อนรน สองมือพยุงชายหนุ่มขึ้นมา พยายามตบเรียกสติแต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลยเกิดอ
“เช็ดแค่แขนกับคอไม่ได้หรอกนะจ๊ะ” ว่าพลางเดินไปหยิบกะละมังข้างเตียง “เดี๋ยวแม่ไปเปลี่ยนน้ำกับผ้าให้ใหม่นะ ดูสิ น้ำดำหมดแล้ว” เธอชี้ชวนให้ดูน้ำในกะละมังที่เปลี่ยนสีไปเพราะพวกเขาเพิ่งผ่านการต่อสู้คลุกฝุ่นมา“เอ่อ ผมทำเองก็ได้ครับ” ให้ผู้สูงอายุทำมันก็ยังไงอยู่“ไม่เป็นไรจ้ะ ถือว่าแม่ขอทำให้ ตอบแทนที่ช่วยพวกวิทย์เขาก็แล้วกันนะ”“ขอบคุณครับ” พอทั้งห้องเหลือเพียงสองคน เฉินเฟิงก็คิดไม่ตกอีกหนต้องถอดเสื้อสินะ…ก็แค่ถอดเสื้อเอง! ตอนอาบน้ำที่น้ำตกก็เห็นบ่อยแท้ ๆ ของก็มีเหมือนกัน แค่อีกฝ่ายมีเยอะกว่าเขาเท่านั้นเองถอดก็ถอดฟะ!พรึ่บเนี่ยไม่เห็นมีอะไรเลย ก็แค่กล้าม... กล้ามแน่นเน้น ๆ เต็มไปหมดแค่นั้นเอ๊ง!“///”สารภาพเลยได้ไหมขอสารภาพบาปตรงนี้เลยว่าความจริงแล้วเขาชอบผู้ชาย หรือจะเรียกว่าเป็นเกย์ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม แต่เพราะอาชีพที่ใฝ่ฝันนั้นไม่มีพื้นที่ให้กับคนที่มัวแต่สนใจเรื่องส่วนตัว ยิ่งเขายังหนุ่มยังแน่นยิ่งต้องพัฒนาฝีมือ ไม่อย่างนั้นอาจถูกผู้อาวุโสในวงการอาหารกดขี่ที่บ้านก็มีเขาเป็นลูกชายคนเดียว ไม่รู้ว่าถ้าบอกความจริงออกไปแล้วพ่อกับแม่จะรับได้ไหม ยิ่งกับพ่อที่มีเชื้อสายของคนประเทศ C ที่
นิโคลัสไข้ขึ้นอยู่หนึ่งคืน เช้าวันถัดมาก็กลับมาเป็นปกติ แต่ที่ไม่ปกตินั่นก็คือการที่อีกคนก็ยังไม่ฟื้นคืนสติ เท่ากับว่าข้าวเย็นไม่ได้กิน แถมข้าวเช้าก็กินไม่ได้อีก เจ้ากระต่ายกลัวว่าคุณหมอหมีจะไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ จึงเอามะเขือเทศ (ไปเร่งโตเอาในสวนของบ้านครูเมตตา) มาคั้นเป็นน้ำให้ชายหนุ่ม อ้อ ไม่ลืมผสมเกลือเล็กน้อยด้วย เดี๋ยวจะกลืนไม่ลงจนกลายเป็นฝันร้ายได้“คุณเฉินเฟิง ที่นี่ยังพอมีพวกร้านสะดวกซื้อหรือห้างอยู่ คุณอยากลองออกไปหากระเป๋าหรือของใช้อย่างอื่นบ้างไหมครับ” วิทย์พูดขึ้นเมื่อเจอหน้ากันตอนเช้า เพราะต้องดูแลนิโคลัส เจ้าตัวจึงเอ่ยปฏิเสธในการร่วมรับประทานมื้อเช้ากับบ้านครูเมตตา ชายหนวดโค้งจึงต้องอาศัยช่วงที่อีกฝ่ายนำน้ำในกะละมังสำหรับเช็ดตัวไปรดในแปลงผักจึงค่อยเอ่ยปากชวน“แต่คุณนิค...” เจ้ากระต่ายมีท่าทีลังเล การต่อสู้เมื่อวานทำให้เขาเสียเป้ใบเก่งไป รวมถึงสัมภาระบางส่วนอย่างพวกเสื้อผ้าหรือชุดชั้นใน…“ผมขอให้คุณแม่มาคอยดูแลในตอนที่ท่านว่างแล้วครับ ท่านรับปากว่าจะพาเด็ก ๆ มาป่วนจนคุณนิโคลัสตื่นเลย” ชายหนุ่มอายุน้อยกว่าตบอกรับประกัน“ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอรบกวนด้วยนะครับ” เฉิน
เฉินเฟิงมองสภาพเละเทะภายในห้างอย่างคาดไว้อยู่แล้ว บางจุดยังมีคราบเลือดแห้งเกรอะกรัง กลิ่นเหม็นเน่าไม่พึงประสงค์ลอยคละคลุ้งปะปนกับกลิ่นอับของฝุ่น“เอ่อ... พวกเรามีมาสก์นะครับ” ก่อนวันสิ้นโลกพวกเขาต้องกักตุนมันไว้เพราะโรคระบาด ในช่วงเวลานั้นก็ภาวนาว่าให้ตื่นมาในตอนเช้า โลกจะสดใสขึ้นไม่ต้องใส่มาสก์อีกมาตอนนี้ไม่รู้ว่าระหว่างโรคระบาดที่พาคนล้มตายกันเป็นแสนเป็นล้าน กับซอมบี้บุกล้างโลกในคราวเดียว อย่างไหนน่ากลัวกว่ากัน“ขอบคุณครับ” เฉินเฟิงรับมาด้วยความเต็มใจ กลิ่นเหม็นเน่าคงไม่สามารถกันได้ แต่กันฝุ่นสักนิดก็ดีเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงได้จามไม่หยุดวิทย์และกลุ่มพาชายหนุ่มมายังชั้นที่จัดแสดงสินค้าประเภทเสื้อผ้า“พวกคุณเก็บกวาดซอมบี้ได้หมดเลยนี่” เจ้ากระต่ายเอ่ยชม ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติเลย อีกทั้งยังไม่ทิ้งซากศพไว้ตามทางให้ระคายสายตา“ครับ เป็นเพราะพวกเราอยากนอนหลับอย่างสบายใจก็เลยพยายามกันมาก” ชายหนุ่มที่มีพลังพิเศษพยักหน้าด้วยความภาคภูมิใจ เขามีพลังไฟเพราะการออกมาเคลียร์ซอมบี้และได้รับบาดเจ็บ ดีที่สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาแสนเจ็บปวดที่เหมือนร่างกายถูกแยกได้ อีกท
ต้องรู้สึกสิ้นหวังมากแค่ไหนกันนะ เมื่อมองไปทางไหนก็เจอแต่ซอมบี้และฝูงชนจำนวนมากที่พยายามวิ่งหนีเอาชีวิตรอด หากมีเด็กสักคนพลัดหลงกับพ่อแม่…“ได้หนังสือมาเยอะเลยนะครับ” วิทย์ทักขึ้นขัดภวังค์หดหู่ของอดีตผู้ช่วยเชฟ เฉินเฟิงจึงได้ปัดจินตนาการเหล่านั้นออกจากสมอง“ส่วนใหญ่ก็เป็นหนังสือทำอาหารน่ะครับ”“สมกับที่เป็นเชฟเลยนะครับ”“เคยเป็นครับ เคยเป็น” เจ้ากระต่ายแก้ เวลานี้ไม่มีทั้งภัตตาคารหรือลูกค้าอีกแล้ว เขายังสามารถเรียกตัวเองว่าเป็นเชฟได้อีกหรือเปล่าก็ไม่รู้“แต่ต้มจับฉ่ายเมื่อวานอร่อยมากเลยครับ” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ได้เป็นเชฟในร้านอาหารแล้ว ก็เป็นเชฟวันสิ้นโลกได้นี่ครับ”เฉินเฟิงหลุดยิ้มออกมานั่นสินะ ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปยังไง เขาก็ยังคงรักการทำอาหารอยู่ดี…“อือ…”“ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ” เมตตาผละจากนิตติ้งที่กำลังถักอยู่ ลุกขึ้นไปดูคนป่วย“ผม…” นิโคลัสปรือตามองเพดานไม่คุ้นตา ก่อนสมองจะประมวลได้ว่าก่อนหน้านี้เขากำลังทำอะไรอยู่ “อาเฟิง!”“ใจเย็นก่อนพ่อหนุ่ม” เห็นคนป่วยมีท่าทีสับสนมันงงครู่หนึ่ง ก่อนจะกระเด้งตัวเรียกหาเพื่อนในทีมแล้วก็เตรียมล้มฟุบไปอีกหน คนอายุมากกว่าก็ไม่ได้ว่องไวพอจะไปรับ
เช้าวันต่อมาเฉินเฟิงเดินมายังจุดสิ้นสุดของบาเรีย นั่นก็คือหน้าปางช้าง ฝ่ามือขาวลองสัมผัสอากาศด้านหน้า คลำอยู่สักพักก็พบกับชั้นเยลลี่บาง ๆ ตามคาดแม้จะมองไม่เห็นแต่ก็สัมผัสได้… น่าอัศจรรย์จริง ๆ อีกฝั่งหนึ่งก็เงียบสงัดเฉกเช่นเดิม แต่ยังคงเหลือร่องรอยของการต่อสู้เมื่อวานทิ้งไว้เป็นหลุมเป็นบ่อ ช่วยเตือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริงตูม!แต่ทันทีที่ข้อมือขาวโผล่พ้นออกไปนอกเขตบาเรีย รากไม้เส้นเดิมก็พุ่งขึ้นมาจากดิน ถ้าเจ้ากระต่ายไม่ชักมือกลับเข้ามาในบาเรียได้รวดเร็วพอ คงจะถูกมันดึงออกไปทันที“เกือบไปแล้วนะ” นิโคลัสกอดเอวคนรักไว้แน่น แม้ว่าคนรักจะชักมือกลับเข้ามาทัน แต่คุณหมอหมีเองก็รีบกอดคนรักไว้แน่นทันทีที่รากไม่ปรากฎเหมือนกัน“มันรู้ได้ยังไงว่าเรากำลังออกจากบาเรีย”“แถวนี้อาจจะมีต้นไม้ที่เป็นลูกสมุนของมันอีกก็ได้” คุณหมอหมีพูดถึงต้นไม้ปิศาจ 5 ต้นที่พวกเขาได้เผาไปก่อนหน้านี้ พวกนั้นเองก็ไม่มีตาแต่ก็สามารถโจมตีเหยื่อได้อย่างแม่นยำ“พี่นิค…” เฉินเฟิงมองคนรักด้วยสายตาอ้อนวอน “ผมว่าเราคงได้เปลี่ยนแผนแล้วล่ะ”“แผนไหน? ““แผนที่จะขับรถฝ่ารากไม้ออกไป” คุณเชฟว่าเสียงอ่อย“ทำไมล่ะ” ตอนแรกบอ
ลูกช้างประคองเครือกล้วยไว้ด้วยงวงเล็ก แต่ละก้าวที่เดินล้วนระมัดระวังไม่ให้อาหารตกพื้น นำไปวางไว้ตรงหน้าบิดาใช้ศีรษะดุนดันให้อีกฝ่ายกินก่อนอดีตผู้นำแห่งปางช้างพนาไพรแสร้งใช้งวงหยิบกล้วย ทั้งที่หยิบไม่ได้แต่แค่นั้นลูกน้อยก็ผงกศีรษะขึ้นลงอย่างชอบใจ แล้วใช้งวงเด็ดกล้วยมากินจนอิ่มหมีพีมัน“นี่… ทำได้อย่างไรกัน” พลายมงคลจำไม่เห็นได้ว่าที่นี่มีต้นกล้วยที่กำลังออกผล มีแต่ต้นอ่อนที่เพิ่งแทงยอดขึ้นมาเท่านั้น“เป็นพลังของผมเองครับ” เฉินเฟิงเดินเข้ามาสมทบ “พี่นิคไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวมืดแล้วน้ำจะเย็นเกินไป” เฉินเฟิงแกล้งเดินไปใกล้แล้วสะบัดน้ำที่ยังติดอยู่ปลายเส้นผมใส่ ความเย็นของน้ำทำให้รู้สึกสดชื่น“ไปเช็ดผมให้แห้งเลย” คุณหมอหมีเตือน อากาศในป่าติดกับภูเขาแบบนี้ย่อมมีอุณหภูมิต่ำ ถ้าผมเปียกนานเกินไปอาจจะจับไข้ได้“มนุษย์บางคนสามารถรับพลังพิเศษบางอย่างเข้ามาในร่างกายได้ อย่างผมสามารถเร่งการเจริญเติบโตของพืชได้ ส่วนพี่นิคก็มีพลังไฟ” เจ้ากระต่ายอธิบายเจื้อยแจ้ว“นอกจากมีหูแล้วยังมีพลังพิเศษอีกด้วย มนุษย์วิวัฒนาการไปได้ไกลเหลือเกิน” พลายมงคลชื่นชม มนุษย์มักมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเสมอ ตั้งแต่เข
“เป็นไปได้หรือเปล่าครับว่าเศษอุกกาบาตจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้นไม้กลายพันธุ์” เฉินเฟิงลองคาดเดา เขาคิดว่าเป็นไปได้มากทีเดียว“มีความเป็นไปได้” คุณหมอหมีพยักหน้าเห็นด้วย จนถึงทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถระบุสถานที่ที่เศษอุกกาบาตตกใส่พื้นโลกได้ทั้งหมด บางส่วนที่เก็บกู้มาได้ก็ถูกนำไปทดสอบในห้องแล็บและยังไม่มีข่าวคราวใด ๆ ออกมา พอซอมบี้ระบาดก็ไม่รู้ว่ายังได้ทดลองกันต่อหรือเปล่า“ทำยังไงดี” เจ้ากระต่ายกุมขมับนั่งมองพื้น“ถ้าถามผม ผมก็จะบอกให้สู้” นิโคลัสเลิกคิ้วมองเจ้ากระต่ายที่เงยหน้าส่งสายตาค้อน“แต่มันค่อนข้างเสี่ยงมากเกินไป” แค่หนีก็ยังยาก ถ้าต้องเผชิญหน้ากันควรพาคนมาเยอะกว่านี้“ถ้าไม่ทำอะไรก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้เหมือนกัน”“ได้ครับ ถ้าเราหารถออกไปได้ละก็” ความเร็วของรถจะสามารถสลัดมันหลุดออกไปได้แน่ ๆ“เหมือนจะมีรถอยู่คันหนึ่งนะ” พลายมงคลกล่าว “หลายเดือนก่อนที่จะมีมนุษย์โขยกเขยก มีมนุษย์กลุ่มหนึ่งเข้ามาที่นี่ เดินหาพวกข้าอยู่พักหนึ่ง พอเข้ามาที่โรงเลี้ยงแห่งนี้แล้วเจอข้าจ้องมองอยู่ก็ตะโกนว่าผีจากนั้นก็วิ่งหนีไป”อีหรอบนี้คือมองไม่เห็นเงาช้างเหมือนที่นิโคลัสเห็นชัวร์“พวกเขาทิ้งร
“ถ้าจะให้พูดเท้าความก็คงอธิบายกันยาว แต่ไม่เป็นไร เราเองก็อยากพูดคุยกับใครสักคนมานานแล้ว” พลายมงคลเปล่งเสียงหัวเราะในลำคอ ชอบใจมากที่มีเพื่อนคุย ใบหูใหญ่สะบัดไปมาเป็นครั้งคราว“เมื่อหลายเดือนก่อนมีหินตกมาจากฟ้า” พลายมงคลแหงนหน้ามอง นึกย้อนไปถึงค่ำคืนวิปโยคที่มันไม่เคยพบเห็นมาก่อน “ในเวลานั้นตัวข้ากำลังออกไปหาแหล่งอาหารใหม่เพราะที่แห่งนี้ไม่มีอาหารเพียงพอสำหรับพวกเราทุกตัว ในตอนนั้นเองก็มีหินก้อนหนึ่งพุ่งลงมาที่พวกเรา”“แรงที่พุ่งชนมากจนทำให้บริเวณนั้นกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ บริวารที่ข้าพามาต่างก็ไม่มีตนใดที่เหลือรอด” เสียงทุ้มแหบสั่นเครือเมื่อนึกย้อนไปถึงบริวารกว่า 10 เชือกที่ติดตามตนไป และยังมีโขลงของช้างเพศเมียอยู่ไม่ไกลกัน“แล้วพลายวารี…”“ในตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าพลายวารีหลงจากฝูงตั้งแต่เมื่อไหร่ โชคดีที่เจ้าตัวสามารถเดินกลับมาที่ปางช้างแห่งนี้ได้ จึงรอดพ้นจากภยันตรายในครั้งนั้น” แต่จะบอกว่าเป็นโชคดีก็คงไม่ถูกนัก...ที่นี่ก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว“แล้วทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” ในเมื่อถูกอุกกาบาตพุ่งชนจนไม่มีช้างตัวใดรอดชีวิต“ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ก่อนที่จะสิ้นใจ ข้าเป็นกังวลว่าจะไม่
เฉินเฟิงไม่อาจทำให้จิตใจของตนสงบลงได้ สิ่งที่ได้พบเห็นครั้งนี้เกินกว่าจินตนาการของเขาจะเอื้อมถึงจริง ๆ แค่มังคุดฉลาดก็ตกใจจะแย่ พอมาเจอช้างที่สามารถพูดคุยสื่อสารกันได้ปรากฏอยู่ตรงหน้า สมองที่เคยประมวลความคิดได้อย่างเป็นเหตุและผลก็เหมือนกำลังถูกระเบิดแยกออกจากกันที่นี่ยังใช้ดาวโลกสีน้ำเงินอยู่หรือเปล่าหรือเขาหลุดมาอยู่ในโลกคู่ขนานแบบไม่รู้ตัว ตายแล้วเกิดใหม่ ทะลุมิติอะไรเทือกนั้นจำได้ว่าไม่นานมานี้ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าสักวันหนึ่งสัตว์พูดได้ขึ้นมา โลกคงวุ่นวายน่าดู เพราะสัตว์เลี้ยงของมนุษย์คงไม่ใคร่ยินดีนักที่จะต้องอยู่ในสถานะนั้นตั้งแต่เกิด แถมยังถูกทำเหมือนกับว่าล่วงรู้ความคิดของมันทุกอย่าง ทั้งสุนัขและแมวคงได้ด่าเจ้าของกันหัวเหม็นแต่ตอนนี้!เรื่องเกินจินตนาการนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว!!ช้างพูดได้ครับ ช้างพูดได้ตัวเป็น ๆ !! OMG!“อาเฟิง ผมไม่ได้ฝันอยู่ใช่ไหม” แม้แต่คุณหมอก็สมองเออร์เรอร์ไปชั่วขณะเช่นกัน“ถ้าพี่นิคฝัน ผมก็คงฝันเรื่องเดียวกับพี่นั่นแหละ” เจ้ากระต่ายเอื้อมมือไปหยิกต้นแขนพิสูจน์“โอ๊ย พี่เจ็บนะ” คนตัวโตกว่าสะดุ้งพลางลูบแขนป้อย ๆ“พิสูจน์ไงว่าเรื่องจริงหรือความฝัน” แต่ไม่อยากหย
ไม่ปล่อยให้รอนานก็มีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเดินตรงมาที่พวกเขา มันชูงวงเล็กขึ้นโบกไปมาราวกับว่ากำลังทักทายแขกผู้มาเยือนแอ้ว!เสียงร้องแหลมสูงดังออกมาจากปากรูปทรงสามเหลี่ยมพร้อมกับงวงที่ยกขึ้นสูง“ลูกช้าง?” นิโคลัสมองช้างที่มีส่วนสูงเท่ากับหน้าอกของตน ปางช้างจะมีช้างก็คงไม่แปลก แต่ช้างที่ทำท่าเดินหน้าบ้าง ถอยหลังบ้าง ทั้งหางและงวงต่างก็สะบัดไปมาอย่างตื่นเต้นนี่คืออะไร…ไม่ใช่ว่าที่นี่ถูกทิ้งร้างจนช้างอยู่ร่วมกับป่าไปแล้วหรอกหรือ?มันไม่ควรเป็นมิตรกับคนสิแอ้ว... แอ้!“ดูเหมือนว่ามันอยากจะให้เราตามเข้าไปนะครับ” เป็นเฉินเฟิงที่ช่วยแปลให้ ท่าทางมันตื่นเต้นมากทั้งร้องเรียกและเดินไปเดินมาคล้ายอยากให้เดินตาม“ตามไปก่อนแล้วกัน” นิโคลัสชั่งใจครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเดินตามลูกช้างไปเป็นคนแรกแน่นอนว่าต้องไม่เดินตามไปอย่างเดียว ทั้งสองคนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อหาทางหนีทีไล่ เผื่อเกิตเหตุฉุกเฉินจนต้องหนีเอาชีวิตรอดอีกหนปางช้างที่เคยมีทั้งรีสอร์ตและจุดให้บริการกีฬาเอ็กซ์ตรีมเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างก็ถูกป่าไม้กลืนกิน ดูไปก็คล้ายกับรีสอร์ตร้างในภาพยนตร์สยองขวัญ ยิ่งถ้าเป็นช่วงเวลากลางคืนคงมีขนหัวล
ฟุบ“หือ?” นิโคลัสเกือบเบรกจนตัวโก่งเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างจากจุดที่เพิ่งวิ่งผ่านมาเหมือนวิ่งชนเยลลี่?“พี่นิคก็รู้สึกใช่ไหม” เฉินเฟิงเหันไปถาม เมื่อกี้ตอนวิ่งเข้ามาในเขตของปางช้าง จู่ ๆ ก็มีอะไรไม่รู้เย็น ๆ ปะทะเข้ากับร่างกาย“พวกมันหยุดแล้ว” นิโคลัสหันหลังกลับไปมอง รากไม้เหล่านั้นก็ทำเพียงส่ายไปมาอยู่ห่าง ๆ ไม่มีท่าทีไล่กวดเหมือนอย่างตอนแรก“หรือว่าพวกมันจะเข้ามาไม่ได้” เฉินเฟิงตั้งข้อสันนิษฐาน“เป็นไปได้ ไม่แน่ว่าสิ่งที่เราวิ่งชนอาจจะเป็นบาเรีย? หรืออะไรสักอย่าง ที่ส่งผลให้รากพวกนั้นเข้ามาไม่ได้” นิโคลัสวิเคราะห์ต่อ“รอดแล้ว…” เฉินเฟิงทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดสภาพ แม้ระยะทางจากจุดที่อยู่ถึงปางช้างจะไม่ถึง 2 กิโลเมตร แต่การต้องวิ่งไปหลบไปก็ทำให้ระยะที่ควรใกล้กลับไกลมากขึ้นในความรู้สึก“อย่าเพิ่งลดการป้องกัน” นิโคลัสดุเสียงเข้ม แต่ก็ยอมเดินมายืนข้าง ๆ เลือกมุมที่แดดตกกระทบแล้วยืนบังไม่ให้คนรักร้อน ใบหูกลมเงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวรอบกายที่ยังคงนิ่งเงียบดีหน่อยที่บริเวณนี้มีเสียงนกและเสียงแมลงอยู่บ้าง พอให้คลายใจว่าคงไม่มีอันตรายเหมือนที่เจอก่อนหน้านี้แม้เจ้ากระต่ายจะนั่งพักอ
“ทำไมหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างนั้นล่ะ” คุณหมอหันมาเห็นคนรักมองตนด้วยใบหน้าเครียดก็ฉุกคิดว่าอาจจะมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น[ก่อนที่ร่างต้นของมันจะรู้ตัว จงหนีไปเสีย]เสียงมาอีกแล้ว ร่างแยก… ต้นไม้พวกนี้น่ะเหรอ?แล้วร่างต้นที่ว่า…!!!!“พี่นิค พวกเรารีบออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า” เจ้ากระต่ายไปช่วยหยิบสัมภาระออกมาจากรถพลางดึงรั้งคนรักให้ออกห่างจากแนวป่าให้มากที่สุด“เกิดอะไรขึ้น” นิโคลัสเห็นเจ้ากระต่ายมีสีหน้ารีบร้อนก็เร่งประสาทสัมผัส“เดี๋ยวค่อยคุยกัน”ครืน...!!“เหวอ” อยู่ ๆ แผ่นดินที่เคยสงบนิ่งก็สั่นอย่างรุนแรงอะไร! แผ่นดินไหว?ยังไม่ทันตั้งตัวได้ก็มีรากต้นไม้ขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาจากพื้น ขนาดของมันใหญ่ยิ่งกว่ามากจนทำให้พื้นถนนที่ถูกมันดันขึ้นมาเป็นรูกว้างนิโคลัสรีบพาตัวเองไปอยู่เบื้องหน้าคนรัก ไม่กี่วินาทีต่อมาก็เกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นอีกครั้งตูม!รากต้นไม้เส้นที่สอง สาม และสี่ ตามมาติด ๆ ยิ่งสามรากสุดท้ายที่โผล่ขึ้นมาด้านหลัง ปิดล้อมไม่ให้พวกเขาสามารถกลับไปยังเส้นทางเดิมได้[ไม่ทันการณ์แล้ว มนุษย์เอ๋ย จงรีบเร่งมาข้างหน้าโดยเร็ว]ข้างหน้า?“พี่นิค ไปที่ปางช้างกันเดี๋ยวนี้!!” เจ้ากระต่า
ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านใจ มองปิศาจต้นไม้สลับกับรถกระบะที่ตนเองนั่งมา ท่อนซุงยักษ์ยังคงทับตัวกระบะรถอยู่ เห็นแบบนั้นก็ยิ่งเดือดดาลขาข้างหนึ่งกระทืบเท้าลงบนพื้น ริมฝีปากเม้มแน่นส่งเสียงฮึดฮัดอยู่ในลำคอใบหูสีขาวตั้งชันกำลังโกรธเจ้ากระต่ายของคุณหมอหมีกำลังโกรธมาก ๆเมื่อต้นไม้ต้นแรกรุกเหวี่ยงแขนของมันมาทางด้านข้าง เฉินเฟิงจึงเกร็งกล้ามเนื้อที่ขา พาร่างกายของตนเองกระโดดลอยขึ้นเหนือพื้น กะด้วยสายตาก็คงสูงราว 2-3 เมตรเฉินเฟิงเคยประเมินสมรรถนะทางร่างกายของตน ปรากฏว่าเขาสามารถวิ่งได้เร็วขึ้น กระโดดสูงขึ้นและรับเสียงได้มากขึ้นสามสิ่งนี้คือพื้นฐานทั่วไปที่กระต่ายทั่วไปพึงมี เมื่อถูกนำมารวมในร่างมนุษย์ ก็ทำให้ขีดความสามารถที่คนคนนั้นมีอยู่เพิ่มสูงขึ้นอย่างในเวลานี้…พอปิศาจต้นไม้เห็นเฉินเฟิงอยู่กลางอากาศ พวกมันอีกหนึ่งต้นก็รีบฟาดกิ่งลงมา แม้จะไม่ได้รวดเร็วมากนักหากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงหลบไม่พ้นแต่ไม่ใช่กับเฉินเฟิง…เจ้ากระต่ายพลิกตัวแล้วใช้มือจับยึดเข้าที่กิ่งนั้นไว้แน่น ต้นไม้ต้นแรกเห็นว่าเหยื่อของมันหายไปก็รีบมองหา พอเห็นว่าอยู่กับเพื่อนร่วมวงศ์ตระกูลก็ฟาดเข้าใส่อย่างไม่ลังเล