เช้าวันต่อมาเฉินเฟิงเดินมายังจุดสิ้นสุดของบาเรีย นั่นก็คือหน้าปางช้าง ฝ่ามือขาวลองสัมผัสอากาศด้านหน้า คลำอยู่สักพักก็พบกับชั้นเยลลี่บาง ๆ ตามคาดแม้จะมองไม่เห็นแต่ก็สัมผัสได้… น่าอัศจรรย์จริง ๆ อีกฝั่งหนึ่งก็เงียบสงัดเฉกเช่นเดิม แต่ยังคงเหลือร่องรอยของการต่อสู้เมื่อวานทิ้งไว้เป็นหลุมเป็นบ่อ ช่วยเตือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริงตูม!แต่ทันทีที่ข้อมือขาวโผล่พ้นออกไปนอกเขตบาเรีย รากไม้เส้นเดิมก็พุ่งขึ้นมาจากดิน ถ้าเจ้ากระต่ายไม่ชักมือกลับเข้ามาในบาเรียได้รวดเร็วพอ คงจะถูกมันดึงออกไปทันที“เกือบไปแล้วนะ” นิโคลัสกอดเอวคนรักไว้แน่น แม้ว่าคนรักจะชักมือกลับเข้ามาทัน แต่คุณหมอหมีเองก็รีบกอดคนรักไว้แน่นทันทีที่รากไม่ปรากฎเหมือนกัน“มันรู้ได้ยังไงว่าเรากำลังออกจากบาเรีย”“แถวนี้อาจจะมีต้นไม้ที่เป็นลูกสมุนของมันอีกก็ได้” คุณหมอหมีพูดถึงต้นไม้ปิศาจ 5 ต้นที่พวกเขาได้เผาไปก่อนหน้านี้ พวกนั้นเองก็ไม่มีตาแต่ก็สามารถโจมตีเหยื่อได้อย่างแม่นยำ“พี่นิค…” เฉินเฟิงมองคนรักด้วยสายตาอ้อนวอน “ผมว่าเราคงได้เปลี่ยนแผนแล้วล่ะ”“แผนไหน? ““แผนที่จะขับรถฝ่ารากไม้ออกไป” คุณเชฟว่าเสียงอ่อย“ทำไมล่ะ” ตอนแรกบอ
นิโคลัสชอบแผนใหม่ที่เพิ่งคิดได้ปัจจุบันทันด่วนมากกว่าแผนเดิมมาก นอกจากคนรักจะไม่ต้องเสี่ยงแล้ว ยังใช้ประโยชน์จากความมืดในเวลากลางคืน โหมให้แสงไฟเป็นจุดสังเกตมากยิ่งขึ้นแผนเดิมที่เฉินเฟิงเสนอไว้คือให้นิโคลัสจะใช้ไฟเผาเปิดทาง จากนั้นเจ้ากระต่ายจะขับรถบรรทุกคันเล็กนี้ไปขอความช่วยเหลือจากโจเซฟเพราะต้องการกำลังสำคัญอย่างหงส์และพิมพา หญิงสาวผู้มีพลังพิเศษธาตุน้ำและดิน พอกำลังรบครบถ้วนก็จะทำการเผาภูเขาลูกนี้ให้เหี้ยนเพื่อง่ายต่อการกำจัดต้นไม้ปิศาจ ซึ่งสองสาวจะรับหน้าที่ควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามไปไกลจนวอดวาย ส่วนหน้าที่กำจัดก็ยกนิโคลัสกับเฉินเฟิงจัดการ และมีโจเซฟคอยบัญชาการอีกต่อหนึ่งสู้สองคนอาจหัวหาย สู้กันหลายคนรับรองว่ารอดตายแน่นอนว่าข้อเสนอนี้คุณหมอไม่เห็นด้วย ต่อให้ถนนสายนี้ไม่มีอันตราย เขาก็ไม่อยากส่งคนรักออกไปเสี่ยง จนเจ้ากระต่ายพูดออกมาว่า…‘ผมเองก็อยากเก่งขึ้นเหมือนกันนะ ผมอยากเป็นคนที่สามารถสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่ได้ ไม่ใช่เอาแต่หนีเหมือนที่ผ่านมา’ ทั้งยังพูดพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้าอีกต่างหาก ด้วยน้ำมันที่มีเหลืออย่างจำกัด ทำให้โอกาสฝ่าออกไปนั้นมีเพียงครั้งเดียวถ้ามีนิโคลัสคอยสนับสนุนอ
ปกติการลงเขาในเวลากลางวันจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงเพราะต้องเดินลัดเลาะ อ้อมตรงนั้นหลบตรงนี้ไปตลอดทาง แต่ด้วยความเร่งรีบตุ่นจะเป็นคนวิ่งนำหน้าไปก่อนเป็นเส้นตรงเพื่อตรวจสอบเส้นทาง ส่วนดาริณีจะรับหน้าที่วิ่งเป็นแนวหน้า หากเจอสิ่งกีดขวางที่ไม่จำเป็นต้องวกอ้อมอย่างหินก้อนใหญ่หรือพุ่มไม้ก็จะใช้กำลังหักร้างถางพงด้วยตนเองเพื่อทำเวลาให้เร็วที่สุด และไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาทั้งหมดจะมาถึงตีนเขาโดยใช้เวลาไปแค่ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ เท่านั้น เก็บเป็นสถิติใหม่ได้เลยแม้จะลงมาถึงได้อย่างรวดเร็วแต่ก็เล่นเอาเหนื่อยหอบไปตาม ๆ กัน พิมพาแทบเป็นลมล้มทั้งยืน ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เธอไปฝึกร่วมกับเด็ก ๆ คงหมดแรงตั้งแต่ครึ่งทาง หงส์รีบมาช่วยประคองไปที่รถบรรทุกคอนเทนเนอร์อาหารแห้งที่ยังจอดทิ้งไว้นอกหมู่บ้าน เนื่องจากเฉินเฟิงกับนิโคลัสขับรถของคุณยายไป พาหนะที่พวกเขาพอจะหยิบใช้ได้โดยไม่ต้องขอคนอื่นก็มีแต่รถคันนี้ภายในหมู่บ้านเองก็มีชาวบ้านเริ่มออกมามุงดูบ้างแล้ว แต่เพราะไม่รู้สถานการณ์จึงทำได้เพียงแค่ดู ไม่สามารถโทรแจ้งหน่วยงานไหนได้เลย อีกทั้งมองจากระยะสายตาก็รู้แล้วว่าไกลจากที่นี่พอสมควร เดินทางตอนกลางคืนมีแต่เสี่
“!!!!”“ข้างหน้าเป็นกำแพงไฟ!” ตุ่นคว้าคนรักเข้ามากอดแนบอก ส่วนมืออีกข้างก็เตรียมพร้อมอยู่ที่ประตูรถเตรียมเปิดกระโดดทุกเมื่อหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน[มาเลย! ฝ่ากำแพงไฟมาเลย!!] เสียงในสมองเร่งเร้า“เป็นไงเป็นกันวะ!” โจเซฟเหยียบคันเร่งจนมิด คนที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์อย่างดาริณีและพิมพาเองก็กอดกันแน่น แม้จะไม่ได้เห็นเหตุการณ์แต่ก็พอเดาได้ว่าคงเกิดเรื่องบางอย่างตึง!!รถบรรทุกขนาดใหญ่พุ่งชนกำแพงรากไม้ที่เริ่มเปราะบางจากการถูกเผาไหม้มาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ทำให้หน้ารถไม่ได้รับความเสียหายมากนัก พอพ้นจากแนวไฟก็ได้พบกับรีสอร์ตร้างที่มีช้างเชือกหนึ่งยืนต้อนรับอยู่“...” หงส์หรี่ตามองภาพตรงหน้าอย่างยากจะเชื่อ“...” ไม่ใช่แค่หงส์ที่ตกใจ ทั้งโจเซฟและตุ่นต่างก็มองภาพไฟกำลังลุกโหม ผิวเนื้อยังคงสัมผัสได้ถึงไอร้อนระอุแต่ทั้งที่เป็นแบบนั้น บริเวณรีสอร์ตกลับไม่มีไฟไหม้เลยสักนิด!แม้แต่สะเก็ดไฟก็ไม่มี ควันไฟเองก็มีปริมาณน้อยกว่าด้านนอกอย่างเห็นได้ชัด“มากันจริง ๆ ด้วย” พลายมงคลมองกลุ่มผู้มาเยือน เฉินเฟิงบอกว่าจะเรียกกำลังสนับสนุนที่อยู่ห่างออกไป 10 กิโลเมตร ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือและมาจริ
พลายวารีก็รู้ความ ไม่ดื้อไม่ซน นั่งเอาก้นแช่น้ำ ใช้งวงสาดน้ำมาที่เขาอย่างสนุกสนานพอเริ่มร้อนก็ราดน้ำให้ตัวเองสักทีเกือบหนึ่งชั่วโมงกำแพงไฟก็ถูกจุดติดครบทุกแห่ง จากที่มองด้วยสายตาคร่าว ๆ บาเรียของที่นี่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-10 กิโลเมตรเลยทีเดียวส่วนสาเหตุที่เจ้ากระต่ายไม่ได้อยู่ข้าง ๆ คนรักเป็นเพราะกำลังใช้พลังของตนเองเร่งให้ต้นลิ้นมังกร[1]เติบโต เขาเห็นมันถูกเถาวัลย์พันจนแทบดูไม่ออกอยู่ที่อาคารสำนักงานของปางช้างแห่งนี้ คาดว่าคงถูกนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ เฉินเฟิงจำได้ว่าหลายบ้านนิยมปลูกไม้ชนิดนี้มากเพราะมีสรรพคุณช่วยฟอกอากาศ บางคนจึงนำไปปลูกไว้ในห้องนอนเพื่อให้มีพื้นที่สีเขียวในห้องและได้รับอากาศบริสุทธิ์เขาจึงคิดว่าหากนำมันมาเร่งโตและเพิ่มความสามารถในการฟอกอากาศของมันให้มากขึ้นอีก จะสามารถกำจัดควันไฟปริมาณมหาศาลนี้ได้หรือไม่... โชคดีที่ทำได้เฉินเฟิงจึงไม่รอช้าถอนต้นลิ้นมังกรที่พบเห็นทุกต้นออกมาเร่งให้มันโตจนสูงใหญ่ยิ่งกว่าพลายมงคล กลายเป็นเครื่องกรองอากาศขนาดยักษ์ ทำให้ภายในบาเรียยังคงมีอากาศหายใจแม้ว่าด้านนอกจะเต็มไปด้วยไฟและฝุ่นควันทางด้านต้นไม้ปิศาจก็ใช่ว่าจะยอมแพ้โดยง่าย ร
โจเซฟนิ่งคิด“แผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้คืออะไร” ก่อนจะเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทน“ระเบิดภูเขา เผาป่าให้เหี้ยน”“โอเค เข้าใจแล้ว” คนเป็นหัวหน้าพยักหน้าเห็นด้วย เขาได้ฟังสถานการณ์คร่าว ๆ จากเฉินเฟิงมาบ้างแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่เลยก็คือต้นไม้ปิศาจ และร่างจริงของมันก็อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ถึง 7 กิโลเมตรในเมื่อเป็นต้นไม้ก็ต้องกำจัดด้วยไฟถึงจะไม่เหลือซาก และการระเบิดภูเขาเองก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะมั่นใจได้ว่ารากไม้ที่อยู่ในดินจะไม่สามารถฟื้นคืนชีวิตได้อีกแผนนี้นับว่าไม่เลวเลย“คุณพิม หงส์ แล้วก็ตุ่นลงไปสร้างแนวดินที่ตีนภูเขา ป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามไปไกล เป็นไปได้ก็สร้างรอบภูเขาลูกนี้ไปเลย”“ที่โรงเลี้ยงช้างมีรถบรรทุกคันเล็กจอดอยู่ครับ ผมลองสตาร์ตดูแล้วสามารถใช้ได้ แต่ก่อนหน้านั้นช่วยรอให้พวกผมสามารถดึงความสนใจของมันได้ก่อน อย่าเพิ่งออกจากบาเรียนะครับ” กว่าจะสร้างแนวกันไฟได้คงต้องวิ่งวนรอบภูเขากันล่ะ“โอเค” สองสามีภรรยารับคำสั่งอย่างแข็งขัน พาพิมพาไปยังรถบรรทุกคันเล็กทันที “อาเฟิงยังมีต้นลิ้นมังกรอยู่ไหม พวกเราเองก็จำเป็นต้องใช้ เดี๋ยวจะโดนรมควันตายกันหมด” ต้นไม้ปิศาจอยู่นอกบาเรีย ตอนนี้ท
ปางช้างพนาไพรแห่งนี้เคยมีข่าวใหญ่โตถึงขั้นพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกสำนักอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นข่าวที่ทำเอาตำรวจและกรมป่าไม้ถึงกับกุมขมับ… นั่นก็คือข่าวนักท่องเที่ยวหายตัวไปอย่างลึกลับ หลังแอบลักลอบขึ้นไปบนภูเขาด้านหลังปางช้างโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อนสนิทที่ไปเที่ยวด้วยกันให้ข้อมูลว่า เพื่อนของพวกเขาหายไปตอนแรกก็คิดว่าคงไปเที่ยวเล่นที่ไหน เพราะปกติเจ้าตัวก็ไปไหนไม่ค่อยบอกใคร จนกระทั่งถึงวันที่ต้องออกจากรีสอร์ตเพื่อนคนดังกล่าวก็ไม่ปรากฏตัว จึงไปแจ้งที่ตึกสำนักงานเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดว่าเพื่อนของตนได้ไปที่ไหนอีกหรือไม่ และภาพสุดท้ายก็คือภาพที่ชายหนุ่มคนหนึ่งทำลับ ๆ ล่อ ๆ เดินไปยังภูเขาด้านหลังด้วยตัวคนเดียวหลังผ่านไป 2 วันแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับลงมา จึงลงความเห็นว่าอาจจะหลงป่า หรือไม่ก็บาดเจ็บจนไม่สามารถกลับลงมาด้วยตัวเองได้ทางปางช้างจึงเร่งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้ให้เร่งติดตามหาชายหนุ่มคนดังกล่าว แต่ผ่านไปหลายวันก็ไม่พบวี่แวว กำลังคนที่มีเองก็จำกัด จึงขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่มีความสามารถในการเดินป่ามาช่วยหาอีกแรงหมู่บ้านในละแวกนั้นล้วนเป็นคนที่คุ้นชินกับ
ตูม!ไม่รอให้ทั้งสองคนปรึกษากัน ต้นจามจุรียักษ์ก็ฟาดกิ่งลงมาบริเวณที่พวกเขายืนอยู่พอดีเฉินเฟิงกระโดดหลบออกไปอยู่วงนอก เขาหยิบต้นลิ้นมังกรขึ้นมาปลูกทันที แม้ดินแถวนี้จะไม่อุดมสมบูรณ์นัก แต่ก็ต้องปลูกให้เยอะเข้าไว้ เพราะนอกจากจะช่วยฟอกอากาศแล้ว ยังเป็นการช่วยคุณหมีสู้อีกทางหนึ่งเช่นกัน แค่อาจจะยังไม่เห็นผลในตอนนี้และคิดว่าในไม่ช้าต้นไม้ปิศาจเองก็ต้องรู้ว่าเขาได้วางกับดักบางอย่างลงไปแล้ว... หึหึฟากนิโคลัสก็ไม่ปล่อยให้มันเพ่งเล็งคนรัก ยินดีรับบทตัวแท็งก์สร้างลูกบอลไฟในมือจำนวนหนึ่ง ครึ่งหนึ่งปาใส่ลำต้น และอีกครึ่งปาใส่กิ่งก้านสาขา น่าเสียดายที่เป็นใบไม้สดทำให้ติดไฟยากไปสักหน่อยซึ่งบริเวณลำต้นนั้นก็เข้าถึงยากเช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่ชายหนุ่มจงใจโจมตีใส่กลางต้นก็มักจะมีรากโผล่ขึ้นมาจากดิน คอยปัดป้องการโจมตีนั้นเสมอ ทำให้ต้องเบี่ยงไปโจมตีกิ่งก้านด้านบนแทนทั้งเจ้ากระต่ายและคุณหมีต่างก็พยายามทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดความสามารถ แต่ต้นไม้ยักษ์ใหญ่เองก็ตระหนักดีว่านี่คือศัตรูที่ยากจะต่อกร มันเองก็ทุ่มสุดตัวเช่นกันกิ่งก้านกวัดแกว่งฉวัดเฉวียน แพทย์ทหารหนุ่มต้องกระโดดโยกหลบเป็นพัลวัน หรือแม้แต่เ
เฉินเฟิงอยากจะกลอกตามองบน อ้อ กลอกไปแล้ว แถมพอมองบนก็เจอสายตาของคนรักกำลังมองมาที่ตนเอง มุมปากยิ้มกริ่มเลยนะพ่อหนุ่มเนื้อหอม ซึ่งเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายยิ้มเพราะเห็นท่าทางเหมือนกระต่ายเซ็งของเขามากกว่าคนตัวเล็กที่จ้อไม่หยุดเจ้ากระต่ายยกมือขึ้นปิดจมูก ตอนนี้เขาเริ่มได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายอ่อน ๆ จากบุคคลที่สี่ซึ่งเป็นกลิ่นที่เขาไม่ชอบตั้งแต่ก่อนวันสิ้นโลกไม่อยากบูลลี่กลิ่นน้ำหอมนะ… แต่เขาไม่ชอบกลิ่นนี้จริง ๆ“ถอยออกไป” นิโคลัสเห็นท่าทางนั้นก็ไม่ปรายตาไปมองตัวต้นเหตุ แต่เลือกที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา มือที่เกาะเกี่ยวเอวคนรักบีบนวดเบา ๆ ไม่ให้อีกคนเกิดความรู้สึกไม่ดี“ครับ?”“ถอยออกไปห่าง ๆ” พูดซ้ำอีกครั้ง ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง“แต่ผมแค่อยากคุยกับพวกพี่” ชายหนุ่มใช้ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำมองคนตรงหน้าอย่างอ้อนวอน พาให้ประชาชนที่ต่อแถวอยู่รู้สึกอยากเดินเข้าไปลูบศีรษะปลอบประโลมไม่ให้มีน้ำใสไหลริน“ขอโทษนะครับถ้าทำให้ลำบากใจ” พร้อมกับก้มหน้างุดราวกับรู้สึกผิด“...” เฉินเฟิงถ้านายรู้สึกผิดจริง นายจะรีบเดินไปจากตรงนี้ ไม่ใช่ยืนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมให้คนเขาจิกตาด่าเหมือนพวกเราเป็นฝ่ายรังแกทั้งที่ยืนอยู่เฉย ๆ ม
‘หมอนี่นี่เอง!’ ในที่สุดก็ได้เจอตัวเสียที มือที่สามในความรักของเขา!ไอซ์ยังคงมีรอยยิ้มประดับไว้บนใบหน้า แต่สายตาไม่ได้ยิ้มตามมองประเมินศัตรูหัวใจตั้งแต่หัวจรดเท้าตัวสูงโปร่ง ตากลมโตแต่หางตาชี้ขึ้น นัยน์ตาสีแดงฉาน ผิวขาวอมชมพู น่าเสียดายที่อีกฝ่ายคลุมฮู้ดอยู่จึงไม่อาจมองออกว่ามีเส้นผมสีอะไรหรือกลายพันธุ์เป็นสัตว์ชนิดไหนตาสีแดงนั่นไม่มีทางที่คนปกติจะมีได้หรอกนอกจากคำบอกรักน่าชิงชังนั่นแล้ว คนกว่าครึ่งที่ปกติควรให้ความสนใจเขา ก็เอาแต่มองคนแปลกหน้ากันหมดน่าหงุดหงิดน่าหงุดหงิดที่สุด! จะมองอะไรกันนักหนา!ออกห่างจากนิโคลัสเดี๋ยวนี้นะ!!แล้วไอ้พวกคนที่รุมล้อมอยู่ตรงนี้รีบเปิดทางให้เขาเดินไปหานิโคลัสได้แล้ว! จะมุงอะไรนัก!!“หวา มองมาที่ผมด้วยอะ” เฉินเฟิงทันเห็นแฮมสเตอร์หนุ่มมองประเมินตน ถ้าสายตาฆ่าคนได้เขาคงโดนปาดคอตายไปแล้ว… มองอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ไม่ต้องไปสนใจ” นิโคลัสย้ายเฉินเฟิงให้มายืนอยู่ด้านหน้าตน บดบังสายตาของหลานท่านนายพลอธิด้วยแผ่นหลังของตนเอง ฝ่ามือแกร่งเอื้อมไปจับเอวไว้อย่างประกาศความเป็นเจ้าของ ทั้งยังตวัดสายตาไปมองคนอื่นที่เอาแต่จ้องเจ้ากระต่ายของเขาไม่วางตามาตั้งแต่
“พี่นิค!” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นมาจากทางหน้าประตูโรงอาหาร เสียงนั้นไม่ดังมากนัก แต่ในหมู่คนที่กลายพันธุ์เป็นสัตว์ต่างก็ได้ยินกันถ้วนหน้าคุณหมอหมีแทบอยากจะยกมือขึ้นกุมสันจมูกด้วยความเครียด‘ตัววุ่นวายมาจนได้’ ต้องโทษที่โรงอาหารมีเสียงพูดคุยมากเกินไป เขาเลยไม่ทันรู้สึกตัวว่าหลานท่านนายพลได้มายังโรงอาหารแห่งนี้ด้วย“งานเข้าแล้วไง” โจเซฟกระซิบลอดไรฟัน“ถ้าคุณไม่พูดผมอาจงานไม่เข้าก็ได้นะ” นิโคลัสกัดฟันพูดตอบ อยู่กันแค่นี้คิดว่าแค่กระซิบเจ้ากระต่ายก็จะไม่ได้ยินหรือไง“จะกลับไปที่บ้านก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวซื้ออาหารเข้าไปให้” โจเซฟพยายามหาทางช่วย“มีอะไรกันเหรอครับ” เฉินเฟิงเห็นทั้งหัวหน้าและคนรักเอาแต่ซุบซิบกันตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว รู้ทั้งรู้ว่าเขาก็ได้ยินเหมือนกัน ยังจะทำเหมือนมีลับลมคมในอีกทำไม “คนที่เรียกพี่นิคเป็นใครเหรอครับ” งั้นถามไปตรง ๆ เลยก็แล้วกัน“เอ่อ หมอนั่น…” นิโคลัสกระอักกระอ่วนที่จะอธิบาย จะบอกว่าเป็นแฟนของเพื่อนที่ตายไปแล้วก็ดูจะไม่ค่อยเข้าทีนัก เพราะคำเรียกขานมันสนิทสนมกันเกินไป“หมอนั่นตามจีบนิคอยู่” โจเซฟช่วยเฉลย เขาไม่ได้จะเผาบ้านใคร แต่การไม่พูดออกไปอย่างชัดเจนจะยิ่งเป็นปัญหา
ก๊อก ๆ“ทำไมยังไม่อาบน้ำอีกครับ” นิโคลัสกับโจเซฟผลัดกันใช้ห้องน้ำที่ชั้นล่างจนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่คนรักของเขายังไม่แม้แต่จะเปิดฝักบัว‘หรือว่าเกิดอะไรขึ้น!’“เป็นอะไรหรือเปล่า”“อ๊ะ เอ่อ ไม่... ไม่เป็นอะไรครับ” เฉินเฟิงเลิ่กลั่ก เอื้อมมือไปเปิดฝักบัวให้มีเสียงน้ำเล็ดลอดออกไป “พอดีคิดเรื่องพลังเพลินไปหน่อย” พร้อมอธิบายเหตุผล“เดี๋ยวพี่กับพี่โจจะออกไปแลกอาหารนะ อาเฟิงอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”“รอแป๊บหนึ่งได้ไหมครับ ผมอยากไปด้วย” เจ้ากระต่ายรีบกดยาสระผมใส่มือแล้วยีหัวอย่างรวดเร็ว โอ๊ย! ยาสระผมเข้าตา!!“โอเค เดี๋ยวนั่งรอที่โซฟาด้านล่างนะ”“ครับ ๆ”…ถึงในค่ายที่มีการตรวจตราแน่นหนาก็ห้ามปลดการระวังตัวเด็ดขาด เวลานี้เฉินเฟิงจึงต้องสวมฮู้ดสีเทาตัวเก่งปกปิดใบหูสีขาว ตรงเข็มขัดมีซองใส่มีดและปืนที่นิโคลัสเพิ่งใช้แต้มไปแลกมาให้ตอนที่จับมันครั้งแรกบอกตามตรงว่าเขาไม่ชินอย่างแรง ที่ผ่านมาใช้มีดป้องกันตัวและปลิดชีวิตศัตรูจนเคยชิน พอได้มาจับอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงอย่างปืนก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้“ไม่ต้องมองมันมากขนาดนั้นก็ได้” นิโคลัสเอ่ยยิ้ม ๆ เดินไม่ถึง 10 ก้าวก็มองปืนที่เหน็บเอวมาตลอดทาง
โจเซฟส่งมอบภารกิจทันทีหลังพ้นระยะเวลากักตัว ส่วนนิโคลัสก็ไปทำเรื่องติดต่อขอเช่าบ้านหลังหนึ่งสำหรับเป็นที่พักของกลุ่มจนกว่าอาการของหงส์และตุ่นจะคงที่จนสามารถเดินทางไกลได้นั่นทำให้เฉินเฟิงได้เห็นที่อยู่อาศัยของประชาชนที่มีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นมาอีกระดับ แตกต่างจากจุดกักตัวที่มีแต่เต็นท์ผ้าใบ จุดที่พวกเขาเลือกอยู่เป็นบ้านเดี่ยวในโครงการหมู่บ้านจัดสรรชื่อดังเมื่อหลายเดือนก่อน มีประชาชนอาศัยอยู่น้อยกว่าจุดตั้งเต็นท์มากกว่าครึ่ง แต่ส่วนมากจะอาศัยอยู่เป็นครอบครัว หรือไม่ก็เป็นกลุ่มเพื่อนที่รอดชีวิตมาด้วยกัน พวกเขาจะหารค่าบ้านกันเพื่อลดค่าใช้จ่าย จึงมีน้อยมากที่่จะมีคนเช่าบ้านอยู่คนเดียวไม่ได้ถามคนแถวนั้นมานะ คุณหมอหมีเขาเล่าให้ฟังตอนที่ผ่านเข้าประตูค่าย เจ้ากระต่ายคิดว่าอาจจะมีขั้นตอนยุ่งยากอย่างการลงทะเบียนเป็นลายลักษณ์อักษร หรือต้องให้นิโคลัสยืนยันว่าตัวเขาไม่เป็นอันตรายต่อค่ายจึงจะสามารถผ่านเข้ามาได้เหมือนกับภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่องที่เคยดูแต่ความเป็นจริงกลับต่างกันราวฟ้ากับเหวที่นี่มีการลงทะเบียนก่อนเข้าประตูค่ายจริง แต่แค่ยื่นบัตรประชาชนหรือบอกรหัสบัตรก็ได้ พอยืนยันว่าตรงกับฐานข้อมูล
2 ชั่วโมงต่อมานิโคลัสก็มาสมทบกับโจเซฟ เขาใช้เหตุผลว่าต้องการส่งทีโอไปตรวจร่างกายที่ศูนย์พยาบาลเนื่องจากได้รับผลกระทบเฉกเช่นเดียวกับตุ่นและหงส์ที่ถูกพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนสิงหายังคงปักหลักรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ถ้าไม่ได้เห็นว่าสองคนนั้นปลอดภัยเขาคงนอนไม่หลับแน่ในค่ำคืนนี้ หรือต่อให้กลับไปทำงานวิจัยต่อ สมองก็คงไม่แล่น และเมื่อได้เห็นทีโอที่ยังคงปกติทุกอย่างก็ทำให้เด็กหนุ่มนักวิจัยค่อยคลายความกังวลบนบ่าลงไปได้บ้าง“ภารกิจเป็นยังไงบ้าง” โจเซฟเห็นสมาชิกในทีมไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสก็โล่งใจ ถามถึงหน้างานต่อทันที“เรียบร้อยดีครับ เครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ถูกพวกเราเก็บบรรจุไว้ในกล่องเหล็ก ทีโอใช้พลังยึดมันไว้กับกระบะหลังรถรอให้หัวหน้านำไปส่งมอบ” นิโคลัสไม่รีบส่งงาน เขาอยากพาตัวเองและอีกสองคนมาหาหมอให้เร็วที่สุดมากกว่า“เอ๋! ภารกิจสำเร็จเหรอครับ!!” นักวิทยาศาสตร์อายุน้อยเบิกตาโต ทั้งที่เป็นภารกิจยากจะทำให้สำเร็จแท้ ๆ คนกลุ่มนี้ก็ยังทำได้อีกเหรอเนี่ย!สมแล้วที่ใครต่อใครเรียกพวกเขาว่าเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด!“ครับ ถ้าตรวจร่างกายเสร็จจะให้หัวหน้านำไปส่งมอบนะครับ” นิโคลัสจำหัวห
คนมีชนักปักหลังได้แต่กระอักกระอ่วนที่จะอยู่พูดคุยกับโจเซฟ ผู้ขึ้นชื่อเรื่องความรักพวกพ้อง แต่ก็ไม่กล้าเดินออกไปจากบริเวณนี้เช่นกัน ราวกับเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ทำแจกันใบโปรดของแม่แตกแล้วไม่กล้ารับว่าตนเป็นคนทำ ได้แต่ส่งเสียงเมี้ยว ๆ ป้ายความผิดให้คนอื่นติดก็ตรงที่สิงหาดันพูดไม่ออกสักคำ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องร้องเป็นภาษาสัตว์เพื่อป้ายความผิดเลย“คุณสิงหาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าไม่ดีเลย” คงกลัวว่าจะไม่ได้เครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์มากสินะ โจเซฟเองก็ค่อนข้างเป็นกังวล กลัวว่าทีโอจะพลาดท่าเสียที แม้อีกฝ่ายจะมีพลังระดับ 2 แต่หงส์ที่มีลางสังหรณ์ขั้นสุดยอดยังพลาดท่าเลยไม่ใช่หรือ?“เฮ้อ ผมไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนั้นเลยครับ” สิงหาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันไปยอมรับกับชายหนุ่มด้านข้าง “เห็ดที่พวกคุณเจออาจจะเป็นหนึ่งในการทดลองของผมที่ทำค้างไว้ก่อนวันสิ้นโลก” สารภาพเสียงอ่อย“เป็นงานวิจัยของคุณ” โจเซฟหันขวับมาทันที“ครับ เป็นงานที่ผมทำค้างไว้เอง” คนยอมรับก้มหน้าลงต่ำ แทบอยากจะโขกศีรษะลงกับพื้นเพื่อขอขมาเลยด้วยซ้ำ“...”“อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวเกินไป แต่ผมไม่รู้จริง ๆ ว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ ถ้ายังไงผม
ค่ายพันธมิตร“อ้าว คุณโจเซฟสวัสดีครับ” ทหารดูแลรักษาความปลอดภัยหน้าประตูเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาก็รีบตรงมารับรอง“ขอเข้าศูนย์พยาบาลด่วน!” โจเซฟชี้ให้ดูกระบะหลัง ตุ่นและหงส์ยังคงหมดสติอยู่ ตามตัวเต็มไปด้วยรอยตะปุ่มตะป่ำคล้ายกับเคยมีบางอย่างงอกออกมา เป็นโจเซฟที่ตัดเห็ดทุกดอกออกไปจากร่างกายของสมาชิกในทีม เพราะกลัวว่าถ้าหากพาเข้าไปที่ค่ายทั้งอย่างนี้ เห็ดเหล่านี้อาจปล่อยสปอร์ออกไปในอากาศและทำให้ค่ายผู้รอดชีวิตตกอยู่ในอันตรายได้“ได้ครับ!” ทหารนายนั้นไม่รอช้า รีบเปิดประตูทางฝั่งศูนย์พยาบาลให้ทันทีโดยปกติแล้วนอกจากจะผ่านเข้าไปในประตูค่ายโดยจ่ายค่าผ่านทาง ยังมีอีกช่องทางหนึ่งที่จะถูกใช้สำหรับเคสฉุกเฉิน อาทิ มีคนออกไปทำภารกิจและได้รับบาดเจ็บกลับมา สามารถขอเข้ารักษาที่ศูนย์พยาบาลก่อนได้ พอหายดีแล้วค่อยมาพูดคุยถึงเรื่องค่าผ่านทางที่ต้องเสีย หรือถ้าเป็นทหารประจำการที่่่ออกไปทำภารกิจก็จะเข้าทางประตูหลังเพื่อไม่ให้เอิกเกริกและเป็นที่จับตามองของผู้รอดชีวิตทั่วไป“พวกเขาถูกเห็ดวิวัฒนาการทำให้เกิดภาพหลอน จากนั้นพวกมันก็งอกออกมาจากร่างกายจนมีสภาพเป็นแบบนี้ ผมกับทีมช่วยกันตัดหมวกเห็ดออกไปจากตัวแล้ว บางชนิ
เฉินเฟิงไม่มีอุปกรณ์ครัวติดตัวมาด้วย ก็ได้ทีโอหลอมเหล็กให้มีความคมเทียบเท่ากับมีดชั้นดี พอบวกกับแรงมนุษย์กลายพันธุ์เข้าไป แม้แต่หนังตะโขงที่มีเกล็ดตะปุ่มตะป่ำก็หั่นได้เหมือนเนื้อหมูธรรมดา เฉินเฟิงหย่อนเมล็ดกล้วยลงพื้น เร่งให้โต ตัดใบตองมาใช้ห่อเนื้อ แล้วนำไปใส่กล่องเหล็กที่ขอให้ทีโอสร้างอีกตามเคย เขาจะใช้ความเย็นของน้ำด้านล่างถนอมให้อาหารอยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้เจ้ากระต่ายหวงเนื้อก้อนนี้ยิ่งนัก เขาจำที่โจเซฟเคยพูดถึงกฎการผ่านประตูค่ายนี้ได้ หากต้องการผ่านประตูต้องจ่ายเสบียงหรือของมีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตในค่ายจำนวนหนึ่งก่อนถึงจะสามารถผ่านได้ให้เขาปลูกผักจนหมดแรงยังดีกว่ายกเนื้อเหล่านี้ให้กับพวกคนในค่าย ซึ่งพอบอกเหตุผลนี้ออกไป ทั้งนิโคลัสและทีโอต่างก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่นานเนื้อจำนวนมากก็นอนอยู่ในกล่องเหล็กขนาดใหญ่ พร้อมกับหุ้มเหล็กอีกหลายต่อหลายชั้น หนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้า และสองเผื่อมีตัวเงินตัวทองกลายพันธุ์ตัวอื่นทำลายกล่องเฉินเฟิงแบ่งเนื้อออกมาก้อนหนึ่ง นำมาย่างเกลือแล้วแจกจ่ายให้กับทุกคน ส่วนมังคุดก็ได้ชิ้นใหญ่หน่อยให้สมกับขนาดตัว รวมถึงหัวขนาดใหญ่ของตะโ