2 วันต่อมาวันฝึกงานวันแรกได้เริ่มขึ้น รถที่ใช้ในวันนี้แต่เดิมคนขับเป็นคนงานของตระกูลไป๋ก็เปลี่ยนมาเป็นเกาอี้แทน พวกเขาไปกันเพียง 4 คนจะเหมาะสมกว่า“มีเอกสารต้องใช้ไปรายงานตัวไหมคะ พี่ฝูเหว่ย”“ของลี่จูเอาไปยื่นที่แผนกบุคคลครับ เดี๋ยวเขาจะทำเรื่องส่งไปแผนกเลขาเอง ส่วนของคุณหนูยื่นตรงกับประธานบริษัทไม่ต้องผ่านแผนกอะไรครับ”เวลาเริ่มงานคือ 9.00 น. รถยนต์ของพวกเขาขับมาถึงตึกเฮยอวิ๋นก่อนเวลา 20 นาที เกาอี้กำลังวนรถขึ้นไปยังลานจอดรถชั้น B จะมีโซนจอดของผู้บริหารและช่องจอดของประธานบริษัทเซี่ยอวิ๋นปรี๊ดดดดด!“ขออภัยครับ โซนนี้รถผู้มาติดต่อจอดไม่ได้ครับ” เจ้าหน้าที่เฝ้าลานจอดเป่านกหวีดแล้วรีบเดินมาแจ้ง“เราได้รับแจ้งจากเลขาโจวให้มาจอดชั้นนี้ข้างช่องจอดรถประธานครับ” เกาอี้ลดกระจกลงตอบ เจ้าหน้าที่น่าจะเป็นคนที่มาทำงานหลังจากเขาติดตามคุณหนูจึงไม่คุ้นหน้า“มีเอกสารหรือป้ายแสดงไหมครับ” เจ้าหน้าที่ยืนยันขอข้อมูลเพิ่มหยางฝูเหว่ยต่อสายโจวหมิงเจี่ยด้วยใบหน้าเย็นชา พูดคุยกันอยู่ 2 ประโยคก็ยื่นโทรศัพท์ให้เจ้าหน้าที่ไปคุย“ขอโทษครับ...เชิญเข้าจอดได้เลยครับ เลขาโจวติดต่อหัวหน้าผมมาแล้ว แต่ผิดพลาดที่ทางเร
ตอนเปิดประตูห้องทำงานเห็นชุดโต๊ะทั้งสองก็ไม่แปลกใจนัก คนเจ้าแผนการแบบเฮียหลงถ้าไม่เตรียมไว้สิแปลก‘ทำงานไปมองหน้ากันไปจะมีสมาธิไหม?’ “เหล่าโจวบอกว่านายให้คนมาจัดให้หลังกลับจากเยอรมันครับ“ที่เคยบอกว่าจัดหาที่พักไว้ให้…คงไม่ใช่ที่เพนต์เฮาส์?”“อ่า...ครับ”หยางฝูเหว่ยลอบปาดเหงื่อกับสายตาอันตรายที่ส่งมา ได้แต่อ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียงก๊อก ก๊อก…“ถิงถิง เฮียเข้าไปนะ”พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา แน่ล่ะนี่มันห้องทำงานเขานี่นะ นับว่าเขาให้เกียรติเธอมากทีเดียว ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องเคาะบอกจะเปิดเข้ามาเลยก็ได้“อรุณสวัสดิ์ มานานหรือยังครับ ชอบโต๊ะที่เฮียจัดไว้ให้ไหม?”ประธานผู้เย็นชาอารมณ์ดีตั้งแต่เช้า เข้ามาถึงก็เดินจับมือพาไปดูโต๊ะ“ผู้ช่วยต้องนั่งในห้องทำงานประธานด้วย เซี่ยอวิ๋นไม่เหมือนที่ไหนจริง ๆ” ถ้อยคำคล้ายประชด แต่ในใจไม่ได้คิดอะไรเด็กฝึกงาน จะให้อยู่ตรงไหนก็ได้อยู่ที่นี่… ดีเสียอีก เงียบสงบไม่ต้องวุ่นวายกับใครฉินเฟยหลงอมยิ้มแล้วไม่ได้วอแวอะไรอีก เดินไปที่โต๊ะของตัวเอง เรียกโจวหมิงเจี่ยให้ขึ้นมาแล้วเอางานมาให้ไป๋เหม่ยถิงศึกษาคนบนชั้นบนสุดต่างแยกย้ายทำงานส่วนของตัวเอง ไม่ได้รับรู้ข่าวลือที่แ
หลังจากส่งผู้เฒ่าฉินออกไป ทั้งสองคนก็ไม่มีแก่ใจจะกินอะไรกันต่อ ตามเวลาทำงานของพนักงานทั่วไป ไป๋เหม่ยถิงจะมีเวลาพัก 1 ชั่วโมง เธอจึงไม่ได้รีบลุกขึ้นไปทำงานทันทีช่วงเวลานี้แหละคือสิ่งที่ฉินเฟยหลงเฝ้ารอกริ๊ง!“สวัสดีค่ะคุณพ่อ”มือที่ยื่นออกมารั้งเอวของหญิงสาวหยุดชะงักพร้อมชื่อของปลายสายที่โทรเข้าเฮ้อ...‘ขนาดตัวไม่อยู่ ยังโทรมาขัดจังหวะ’ฉินเฟยหลงยอมรามือเอนตัวกับพนักโซฟา คว้ามือข้างที่ว่างของหญิงคนรักมาจับคลึงเล่น ‘คนรัก’ คิดถึงคำนี้ทีไรอารมณ์ขุ่น ๆ ก็หายเป็นปลิดทิ้ง“จะย้ายหลุมศพคุณแม่แล้วเหรอคะ”ไป๋เหม่ยถิงไม่ได้เลี่ยงออกไปรับสาย ถือว่าเราสองคนไม่จำเป็นต้องมีความลับต่อกันในเรื่องที่จะคุย“เราจะย้ายคุณแม่ไปที่ไว้ที่ไหนคะ”“ได้ค่ะ คุณพ่อแจ้งวันมาแล้วหนูจะลาที่ทำงานไปค่ะ”ทางไป๋จื้อหยางกล่าวอะไรมาสักอย่าง หญิงสาวนิ่งไปตอบไปชั่วคราว“เรื่องนั้น...ไว้จัดการทางนั้นเสร็จค่อยว่ากันเถอะนะคะ”“ค่ะ ระวังตัวด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ”งั่ม…พอไป๋เหม่ยถิงวางสาย ฉินเฟยหลงก็ยกข้อนิ้วขาวดุจลำเทียนขึ้นมางับเล่นเบา ๆ สลับจูบหลังมือ กดจมูกปัดป่ายนิ้วนางที่มีแหวนของเขาสวมใส่อยู่ความยินดีจากส่วนลึกพร่างพรูจนล
เย็นวันนั้น บ้านตระกูลไป๋“ถิงเออร์ อีก 2 เดือนปู่จะจัดงานวันเกิดพร้อมเปิดตัวหลาน หลานมีอะไรติดขัดไหม” กว่าจะปลีกตัวจากตึกเฮยอวิ๋นมาถึงบ้านตระกูลไป๋ก็เกือบจะถึงเวลาอาหารเย็นแล้วท่านผู้เฒ่าไป๋นั่งรอทุกคนอยู่ในห้องโถงพร้อมเอกสารต่าง ๆ วางกองบนโต๊ะ มีเซียวสืออิง หงหนิวอี ฝูหย่งอัน และพ่อบ้านเผยคอยช่วยออกความเห็นกันอย่างครื้นเครง“คุณหนูคะ ป้าเลือกอาหารกับขนมของโปรดคุณหนูไว้ตามรายการนี้นะคะ ส่วนอาหารอื่น ๆ จะเป็นของชอบของนายท่านผู้เฒ่าไป๋กับอาหารสำหรับจัดเลี้ยงทั่วไป...”“จัดการตามที่ทุกคนเห็นว่าดีได้เลยค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มทุกคนถามลี่จูดีกว่านะคะ พวกการจัดการงานลี่จูทำได้ดีมาก”ไป๋เหม่ยถิงก้าวถอยหลัง ดันจ้าวลี่จูไปทางแม่นม แล้วส่งสายตาชักชวนหยางฝูเหว่ยกับเกาอี้ให้ชิ่งหนีตามกันมาจ้าวลี่จูถูกทิ้งให้เผชิญหน้ากับงานจุกจิกอย่างการจัดงานเลี้ยง ได้แต่ทำใจว่าคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย‘ต้องไปขอขึ้นเงินเดือนเพิ่มอีก!’ ให้กำลังใจตัวเองไม่พอยังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ตามหลังประธานไปด้วย งานนี้ประธานลืมไม่ลงแน่3 วันต่อมาฝึกงานไม่ถึงอาทิตย์ เรื่องของหญิงสาวที่เป็นเด็กเส้นในบริษัทเซี่ยอวิ๋นเล่าลือกันกระจายวงก
2 วันต่อมาหลังหยุดงานไป 2 วัน ตอนไป๋เหม่ยถิงกำลังขึ้นลิฟต์ ได้รับสายตาสอดส่องจากทุกทิศทาง บางคนก็ป้องปากหัวเราะเหมือนต้องการให้รู้ว่าพูดถึงเธออยู่เธอเพียงใช้สายตาเย็นชาปรายมองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง‘เธอไม่ได้ยินเองกับหูก็แล้วไปเถอะ’ยิ่งหญิงสาวทำไม่ยี่หระ คนที่รอชมต่างพากันผิดหวัง บางคนถึงขนาดไม่พอใจกับท่าทาง“ดูสิ สงสัยเขาว่าเป็นเด็กท่านประธานคงจะจริง หยิ่งจนไม่เห็นหัวใครเลย”“วางท่าสูงส่งมาจากไหนกัน เหอะ!”ใช้เวลาไม่นานก็ขึ้นมาถึงห้องทำงาน เธอจัดการเดินไปชงชาให้ตัวเอง กับชงกาแฟดำเผื่อประธานบริษัท พร้อมทั้งนำแซนด์วิชจากที่บ้านจัดใส่จานไว้ด้วย“อรุณสวัสดิ์ครับ” ฉินเฟยหลงทักทายคนใจดีที่ชงกาแฟมาวางให้บนโต๊ะพร้อมแซนด์วิชจุ๊บ...“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” หญิงสาวเดินมาเขย่งจูบสันกรามแล้วเบี่ยงตัววิ่งกลับไปที่โต๊ะ แลบลิ้นให้คนด้านหลังที่มองมาอย่างคาดโทษ“ฝากไว้ก่อน ตอนนี้ไม่มีเวลา...เดี๋ยวถิงถิงลองเอาเอกสารนี่ไปอ่าน เฮียจะให้เราเข้าประชุมด้วยวันนี้ มีเวลาเตรียมตัว 30 นาที”ฟอด!เดินเอาเอกสารวางให้บนโต๊ะแล้วขอเก็บค่าเดินไปหนึ่งฟอดใหญ่ดวงตาพราวมองริมฝีปากแดงอย่างมีความหมายก๊อก...ก๊อก...“ท่านประธาน
“นี่เธอเห็นหน้าคนที่เป็นข่าวกับท่านประธานวันนี้ เธอคิดว่าไง”“ไอ้สวยก็สวยอยู่หรอก แต่อย่างอื่นไม่เห็นจะเท่าไหร่”“ท่านประธานชอบนังจิ้งจอกแบบนี้นี่เล่า คุณหนูตระกูลดังถึงไม่อยู่ในสายตา”คิก คิก คิก“ผู้หญิงแบบนี้ก็แค่ของเล่นชั่วคราว สุดท้ายก็ไปแต่งกับพวกตระกูลใหญ่อยู่ดี”“ใช่ ๆ เธอไม่คู่ควรกับท่านประธานหรอก”ปัง! ตึก...ตึก...เสียงเปิดประตูห้องน้ำในแถวด้านใน ทำให้หญิงสาวที่กำลังส่งเสียงนินทากันตรงอ่างล้างมือถึงกับเงียบกริบ!!!‘แย่แล้ว! ทำไมเป็นเธอได้ล่ะ!’‘ตายล่ะ...ได้ยินที่พูดหมดแล้วหรือเปล่านะ’หญิงสาวที่เดินออกมาจากโซนห้องน้ำ คือเจ้าตัวที่ถูกคนจากแผนกเลขาทั้งสองกำลังนินทา ใบหน้าคนปากไม่ดีจึงดูน่าเกลียดเพราะความกดดันหนาวเยือกจากหญิงสาวร่างบางคนนั้นไป๋เหม่ยถิงล้างมือเสร็จ ใช้เพียงหางตากวาดมองทั้งสองสาวหัวจรดเท้าแล้วยิ้มแสยะมุมปาก หยิบกระดาษมาซับน้ำอย่างไม่รีบร้อนแล้วจีบนิ้วชี้กับนิ้วโป้งหย่อนลงถังขยะ‘ท่าทางนี่มันดูถูกกันชัด ๆ’“นี่...นังจิ้งจอก กล้าดียังไงใช้สายตาแบบนั้นมามองพวกฉันสองคนน่ะฮะ!”หนึ่งในสองคนท่าทางเป็นคนเลือดร้อน รีบเดินไปดักหน้าก่อนที่เด็กฝึกงานในข่าวจะออกจากห้องน้ำไ
“คิดว่าเธอจะรับข้อเสนอไหมครับ”ผู้ช่วยเจียงสอบถามเจ้านาย หลังหญิงสาวออกจากห้องทำงานไปแล้ว“รับหรือไม่รับก็มีค่าเท่ากัน สุดท้ายเธอต้องรับแน่ เพราะต่อไปไม่แน่พวกเขาคงเริ่มหวาดระแวงกัน”เจ้านายยังตอบลูกน้องด้วยรอยยิ้มดุจเดิม แต่ดวงตามาดร้ายที่เขาเชิญเด็กสาวนั่นมาพบที่ห้องทำงานเพราะไม่ต้องการปิดบัง เมื่อมีคนคาบข่าวไปบอกหลานชายจะเป็นการจุดชนวนหวาดระแวงระหว่างคนทั้งสอง‘เขาแค่รอเวลา เธอจะเดินกลับมารับข้อเสนอเอง’ข่าวลือก็แพร่ไปไวตามคาด แถมเข้าหูฉินเฟยหลงในแบบที่พวกเขาคาดไม่ถึงคนบอกก็คือเด็กสาวที่เขาเชิญมาพบ“ท่านรองให้คนมาเชิญน้องไปพบค่ะ”ไป๋เหม่ยถิงเปิดปากเล่าการพบกับท่านรองทันที หลังนั่งลงบนโซฟากลางห้อง ประธานหนุ่มที่กำลังเซ็นเอกสารในมือถึงกับชะงักหน้าเคร่งเพราะอยู่ภายในบริษัทจึงให้หยางฝูเหว่ยกับเกาอี้ไปพักอยู่ชั้นห้องพักของเหล่าบอดี้การ์ด มีคนเข้าถึงตัวถิงถิงง่ายเกินไป“เรียกเกาอี้กับหยางฝูเหว่ยกลับมาตามน้องดีกว่านะ”“น้องไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยเจ้าหน้าที่ที่ติดอาวุธในตึกนี้ก็เป็นพวกเราทั้งนั้น ไม่มีอันตรายหรอกค่ะ” เพียงพูดออกมาเธอก็พอคาดเดาความคิดของเฮียหลงได้“เขาว่ายังไงบ้าง” คนตัว
ทางด้านคู่เดตทั้งสอง หลังไป๋เหม่ยถิงปรับอารมณ์ได้ เธอก็รู้ว่าการมาซื้อของกับฉินเฟยหลงสนุกกว่าที่คิด“เฮียหลงคู่นี้เป็นไงคะ”“สีนี้ถ้าไม่ใช่ถิงถิง คงเหมาะกับหญิงแก่อมทุกข์”“คู่นี้ล่ะค่ะ”“ส้นสูงหน้าต่ำ ตอนเขาดีไซน์นึกถึงนกกระยางเหรอ”หญิงสาวเพิ่งรู้ว่าเฮียหลงปากร้ายไม่เบา เธอหันไปส่งยิ้มแหยให้พนักงานขายที่หน้าเขียวหน้าเหลือง สีหน้าที่พยายามรักษารอยยิ้มดูน่าสงสารคิก คิก“เฮียคะ ทำไมปากร้ายแบบนี้ เฮียไม่เห็นหน้าพนักงานร้านเหรอคะ ตอนเฮียติแต่ละคู่เขาแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว” จนต้องหยุดถามความเห็นจึงได้รองเท้าสีคอปเปอร์บลอนด์มา เธอต้องรีบลากแขนเขาออกจากร้าน“เฮียพูดเรื่องจริงทั้งนั้น เย็นแล้วไปเตรียมตัวทานอาหารกันเถอะ”“เราจะไปทานที่ไหนเหรอคะ” โปรแกรมเดตเฮียหลงไม่ได้บอกไว้ก่อน เธอมีหน้าที่ตามเขาไปแล้วสนุกกับมัน“ความลับ…ขออนุญาตนะครับ”ฉินเฟยหลงยิ้มเจ้าเล่ห์ ถือผ้าไหมแถบยาวสีฟ้ายกขึ้นมา แล้วนำมาทาบกับดวงตาดวงท้อของไป๋เหม่ยถิง ชายหนุ่มขับรถพากระต่ายน้อยที่เชื่องเชื่อชนิดให้ทำอะไรก็ยอมเขาเสียหมดหลังถูกจับจูงลงจากรถ ไป๋เหม่ยถิงได้ยินเสียงเปิดประตูของลิฟต์‘ตึกเฮยอวิ๋น ลิฟต์ของประธานบริษัท’ติ๊
เย็นวันนั้น บ้านตระกูลไป๋รอบตัวบ้านปราศจากความสงบเงียบเหมือนทุกวัน ตอนนี้มีผู้คนแปลกหน้าเดินง่วนไปทั่วสวนไม้ดอกไม้ประดับได้รับการแต่งเล็มใหม่ มีการนำกระถางดอกไม้สดมาวางแซมเพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบสวนให้ดูสดชื่นขึ้นอีก 3 วันจะถึงงานวันเกิดของผู้เฒ่าไป๋ ซึ่งปีนี้จะจัดเป็นงานเลี้ยงเชิญคนนอกเข้ามาร่วมงาน จึงต้องจ้างบริษัทออกแบบและตกแต่งสถานที่จัดงาน“เลขากู้ครับ พื้นที่จะทำเป็นเวทีตอนนี้คนงานจัดการเรียบร้อยแล้วครับ” พ่อบ้านเผยเดินมาแจ้งกับเลขากู้ที่กำลังยืนคุยกับคนจากบริษัทรับจัดงานเลี้ยง“ต้นไม้ใหญ่คนงานริดกิ่งใหม่ ส่วนต้นที่เป็นพุ่มก็ได้รับการตัดแต่งแล้วครับ นำดอกไม้สดไปแซมตามจุดครบแล้ว”พ่อบ้านฝูเดินตามมาทีหลังก็แจ้งตามติด ๆกู้ชิงอวิ๋นขีดฆ่ารายการที่ต้องจัดการในลิสต์ ขณะที่กำลังจะถามอะไรเพิ่มก็เห็นสิ่งผิดปกติเข้าเสียก่อน“คนงานตรงนั้นหยุด! ผมบอกทางคุณแล้วไงว่าห้ามเข้าไปในคฤหาสน์ จะเข้าห้องน้ำหรืออะไรให้คนของคุณไปใช้เรือนด้านหลัง!!!”ชายหนุ่มหันมาเล่นงานคนที่เขากำลังสนทนาด้วยเสียงเหี้ยม สองพ่อบ้านมองแววตาขอความช่วยเหลือของหญิงสาวด้วยความนิ่งเฉยตอนนี้เจ้านายกำลังคุยเรื่องคอขาดบาดตาย จึ
ปัง!“อาหลง!!! ลื้อทำอะไร แกยังเห็นปู่อยู่ในสายตาไหม?”“โอะ โอ๊ย!”ผู้เฒ่าฉินหายจากอาการตะลึง ก็โกรธจัดลุกขึ้นมาชี้หน้าหลานชายด้วยความโกรธจัด หัวใจปวดแปลบหายใจยากลำบากจนต้องยกขึ้นมากุมอก“นายท่าน! ระงับอารมณ์ด้วยครับ อย่าโกรธ หายใจลึก ๆ”หลานที่ท่านแสนจะภาคภูมิใจมาวันนี้กลับประกาศตัดขาดตัวเองออกจากตระกูล“ไม่ได้! ปู่ไม่ยอม!”“ผมไม่ได้มาขอความยินยอมนะครับ”ฉินเฟยหลงมองปู่ตัวเองอย่างเต็มตาครั้งแรกตั้งแต่ลงมาแถลงข่าว ดวงตาเรียบนิ่งที่เคยเรียบนิ่งบัดนี้แข็งกร้าวดุดัน“คุณฉินเฟยหลงหมายถึงต้องการตัดขาดออกจากตระกูลเหรอครับ ช่วยอธิบายความหมายที่ชัดเจนให้หน่อยครับ”นักข่าวที่เหี่ยวเฉาเพราะเหมือนถูกหลอกให้ดมกลิ่นเลือด ว่ายน้ำมาตามหาเหยื่อกลับโดนตบจนเป็นผักเหี่ยว ฟื้นตัวด้วยข่าวใหม่“จากนี้กิจการงานทุกอย่างที่เป็นของตระกูลฉิน ไม่เกี่ยวข้องกับผม ไม่ว่าพวกเขาจะเจริญขึ้นหรือแย่ลงไม่เกี่ยวกัน ไม่ต้องนับญาติไม่ต้องไปมาหาสู่ ตายก็ไม่ร่วมฝังในสุสาน”นักข่าวและคนที่ฟังความสูดหายใจอย่างตระหนกตายไปไม่เผาผี!นี่มันแทบจะเหมือนจากไปด้วยความคับแค้นเกิดอะไรกับตระกูลนี้กันแน่!ทุกคนต่างความคิดอยากสืบเสาะเบื้
ห้องทำงานของฉินเฟยหลงพรึ่บ!ร่างกายบอบบางถูกดึงรั้งเข้าด้านในทันทีที่ประตูเปิดออกเพียงเล็กน้อยปัง! คลิก!ประตูถูกปิดลงกลอนจากด้านในรวดเดียว หญิงสาวไม่ทันส่งเสียงถามไถ่ตัวคนก็ถูกอุ้มกระเตงขึ้น เอกสารและกระเป๋าร่วงลงกองที่พื้นเพื่อกันไม่ให้ตัวเองหล่น เรียวขาจึงเกี่ยวรัดช่วงเอวสอบเพรียวแข็งแกร่งด้วยมวลกล้ามเนื้อ“เฮียหลง!” อุทานด้วยความแตกตื่นเขินอายเพราะทิศทางเดินของคนที่ไม่พูดไม่จาคือประตูเชื่อมไปยังเพนต์เฮาส์ อีกทั้งกลางตัวที่กำลังตื่นตัวขยับขยายเพราะการเสียดสีก็บอกได้เป็นอย่างดี“เรามาฉลองกันเถอะ เฮียเป็นอิสระแล้ว” เสียงแหบพร่าขยี้หางเสียงพอเซ็กซี่กระซิบแผ่วตามด้วยการขบเม้มก้านหูนุ่มนิ่มไป๋เหม่ยถิงที่เริ่มตั้งสติได้ลดสายตาลงมองความเร่าร้อนที่ดิ้นเร่าในดวงตาหงส์ หางตาชี้ขึ้นมีสีแดงจากแรงอารมณ์ที่ข่มกลั้นจุมพิตร้อนแรงบดขยี้ลงบนกลีบปากบางของคนตัวสูง สองมือประคองคางสากระคายจากไรหนวดที่เริ่มผุดตอขึ้น จับเบี่ยงใบหนาคมให้รับสัมผัสหนักหน่วงชายหนุ่มตอบสนองจุมพิตกลับด้วยความร้อนแรงไม่แพ้กัน ริมฝีปากกับลิ้นร้อนบุกเข้าไปกวาดชิมความหอมหวาน ช่วงชิงเป็นฝ่ายนำจังหวะรักตามใจตนใบหน้าแนบสัมผัสด
“พิจารณาลงจากตำแหน่ง!”ถังไฉหย่งกดเสียงต่ำเคร่งขรึม ทำราวกับได้ตัดสินใจในเรื่องที่ยากที่สุดไปแล้ว ผู้อำนวยการฝั่งรองประธานแอบยกนิ้วโป้งให้คนกล้าออกตัว‘มารดามันเถอะ! ฉี่จะราดอยู่แล้ว เมื่อไหร่จะจบสักที’ผู้อำนวยการอาวุโสน้ำท่วมปาก มองไปที่ฉินเฟยหลงด้วยความกระวนกระวาย แต่จะช่วยเอ่ยแก้ต่างก็หาเหตุผลดี ๆ ไม่ได้สำหรับไป๋เหม่ยถิงงิ้วที่แสดงกันอยู่ น่าดูไม่น้อย มีหน่วยกล้าตายผู้ภักดีเป็นคนออกหน้า ลิ่วล้อขาหมาตามหลังไม่ห่าง มีตั๊กแตนรอจับจักจั่น และบอสผู้เมตตาคอยไกล่เกลี่ยอ้อ...เกือบลืมหนอนบ่อนไส้ที่โดนตัดสินโทษตายไม่รู้ตัว“ถ้าจะให้ฉันลงจากตำแหน่ง ใครจะขึ้นมาแทน? ขึ้นมาแล้วมีวิธีแก้ปัญหาของเคสต์เนอร์?”ฉินเฟยหลงโยนคำถามเรื่อย ๆ ราวสายน้ำไหล เพียงสองข้อผู้อำนวยการทุกคนแสดงสีหน้าแทบดูไม่ได้“อาไม่แน่ใจว่าวิธีที่จะเสนอนี้ได้ผลไหม แต่อามีที่ดินผืนหนึ่งที่เตรียมไว้สำหรับโครงการส่วนตัว แม้จะสู้ที่กลางเมืองตรงนั้นไม่ได้ แต่ขยับมาไม่ไกลแถมกำลังจะมีการสร้างเส้นทางพิเศษเดี๋ยวอาจะให้ผู้ช่วยส่งเอกสารให้ทุกคนพิจารณาดู ถ้าใช้ได้จะได้เสนอเป็นทางเลือกให้เคสต์เนอร์”ฉินเล่อฉีแสดงความรู้สึกผิดทางสีหน้า
5 วันต่อมาบริษัทเซี่ยอวิ๋นเรียกประชุมบอร์ดบริหาร วาระประชุมนี้ไม่ได้เป็นความลับ มีการแบ่งฝักฝ่าย ตลอดอาทิตย์ประธานไม่ได้เข้าบริษัท แต่กลับลาพักร้อนยาวชนิดที่ไม่เคยทำมาตลอด 10 ปี“ท่านประธานคิดอะไรอยู่กันนะ” เลขาว่านหวาดวิตกแทนเจ้านาย แม้จะดูน่ากลัวไปบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าบริษัทมาได้จนถึงทุกวันนี้เพราะประธาน“พี่ว่านคะ เราเอาเอกสารการประชุมไปจัดเรียงเถอะค่ะ ค่อยไปคุยกันด้านในดีกว่า ในนั้นเงียบเชียบไม่มีใครได้ยิน”จ้าวลี่จูกระซิบกระซาบกับเลขารุ่นพี่“จริงของเธอไปกันเถอะ”สองสาวต่างวัยรีบหยิบข้าวของที่ในส่วนงานของเลขาต้องจัดเตรียมเข้าไปในห้องประชุมมีเอกสารเกี่ยวกับวาระประชุม 1 ชุด พร้อมด้วยป้ายชื่อของบอร์ดแต่ละคน เลขาคนอื่นก็กำลังไปจัดเตรียมน้ำชาและของว่างที่ห้องเเพนทรีของชั้นห้องประชุม“เดี๋ยวพี่มาช่วยนะ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”“ไม่ต้องรีบหรอกค่ะพี่ เดี๋ยวตรงนี้ฉันทำคนเดียวได้”จ้าวลี่จูตอบรับแบบคุ้นเคยกันดี สาวรุ่นพี่จึงเดินออกไปอย่างสบายใจ หญิงสาวรุ่นน้องมองประตูที่ปิด ก่อนจะลดสายตามองเอกสาร รอยยิ้มค่อย ๆ ขยับ ดวงตาระริกไหว‘ไปนาน ๆ เลยก็ได้นะคะ’ห้องประชุมใหญ่ บริษัทเซี่ยอวิ๋นการประชุ
เช้าวันต่อมาท่าเรือ บริษัทไป๋ซิ่นซู่ไป๋จื้อหยาง ประธานบริษัทกำลังคุมคนงานขนของออกจากตู้สินค้าขึ้นรถบรรทุกเตรียมนำส่งไปต่างมณฑล“ประธานครับ รองประธานบริษัทเซี่ยอวิ๋นขอพบครับ” เลขากู้ชิงอวิ๋นเดินมากระซิบเสียงเบาดวงตาดอกท้อของประธานใช้หางตามองไปยังทางเข้าสำนักงาน ใช้มือส่งสัญญาณให้เลขา ส่วนตัวเองเดินส่ายอาด ๆ ด้วยท่าทางนักเลงโตไปทางออฟฟิศ“เด็ก ๆ มีคนมา ปิดประตูต้อนรับแขก!!!”กู้ชิงอวิ๋นได้สัญญาณมือรีบเดินออกไปตะโกนแจ้งข่าวเสียงเหี้ยมจนลั่นท่าเรือเด็ก ๆ ที่เขาเรียกคือ ชายฉกรรจ์ที่เป็นคนงานกำลังขนของ ทุกคนหยุดชะงักทิ้งงานในมือ ท่าทางหัวเราะสรวลเสเฮฮาไม่เหลือคนงาน 4-5 คน เดินไปลากประตูเหล็กมากั้นทางเข้า ยืนเรียงบังทางออกทางเดียวของท่าเรือที่อยู่ปลายอ่าว อีก 2 คนมายืนคุมหน้ารถยนต์ คนที่เหลือเดินหายเข้าไปในตู้สินค้าข้างออฟฟิศคนเหล่านั้นกลับออกมาพร้อมอาวุธครบมือ ทั้งท่อเหล็ก สนับมือ มีดแล่เนื้อแบบยาว เดินมายืนล้อมออฟฟิศกระจกดำทึบ แต่คนด้านในมองเห็นข้างนอกได้ชัดเจน“โฮ่...รองฉิน กับซานฉิน มาเป็นแขกหรือมาหาเรื่องกันล่ะ จู่ ๆ ก็โผล่มาไม่นัดล่วงหน้า”ตุบ! ตึง!ไป๋จื้อหยางเดินไปนั่งทิ้งตัวบน
เช้าวันต่อมาลั่วหยาง มณฑลเหอหนานไป๋เหม่ยถิงกับฉินเฟยหลงจองเครื่องบินมาลั่วหยาง ชายหนุ่มให้เลขาติดต่อกับผู้ช่วยของเลขาพรรคระดับมณฑลเหอหนาน ขอเข้าพบผู้นำระดับมณฑลเรื่องนี้ไป๋เหม่ยถิงต้องมาส่งข้อมูลร้องเรียนและทวงความเป็นธรรมให้มารดาด้วยตนเองได้เส้นสายจากนายพลเทียน ทำให้ได้รับการนัดหมายเป็นช่วงบ่าย“พี่ฝูเหว่ยส่งคนไปสืบข่าวคนตระกูลหลินให้หน่อย ฉันอยากรู้ว่าผู้คนพูดถึงพวกเขาว่ายังไง”ก่อนจะเข้าไปพบท่านเลขาพรรค ยังเหลือเวลาอีก 3 ชั่วโมง สมควรทำความเข้าใจสถานะของศัตรูที่นี่เสียก่อน พวกเขาแฝงตัวอยู่ในสังคมที่นี่นานจนกลายเป็นส่วนหนึ่งไปแล้วเส้นสายและตระกูลชิดเชื้อย่อมต้องระวัง“ไปย่านเมืองเก่า” ฉินเฟยหลงเลือกสถานที่ไปฆ่าเวลาก่อนเวลานัดลั่วหยางเป็นเมืองหลวงโบราณของกษัตริย์จีนหลายราชวงศ์ มีพื้นที่แบ่งเป็นเขตเมืองเก่าและเมืองใหม่ย่านเมืองเก่ามีบ้านเรือนโบราณที่ยังมีผู้อยู่อาศัย บางหลังรกร้างไม่ได้รับการทำนุบำรุง ซึ่งก็มีเกินครึ่งที่ไม่มีคนอยู่อาศัยบ้านบรรพบุรุษตระกูลหลินเองก็อยู่ในย่านเมืองเก่า“นั่งพักในร้านนั้นก่อนดีไหมคะ” ไป๋เหม่ยถิงชี้ไปยังเรือนขนาดใหญ่ 2 ชั้น ด้านล่างประตูไม้สีแดงเป
บ้านตระกูลไป๋“คุณหนู ผมหวางอู๋ซวนครับ”“สวัสดีคุณหวางหวังว่าจะเป็นข่าวดีนะ”ไป๋เหม่ยถิงพูดเชิงสัพยอกแต่ใบหน้าเรียบเฉย แถมสุ้มเสียงไร้อารมณ์ คนฟังรีบกลืนคำพูดล้อเล่นที่กำลังจะหลุดปาก“ฮะ ฮะ…ข่าวดีอยู่แล้วครับ ไม่กล้าให้เป็นข่าวร้ายหรอกครับ เดี๋ยวฮองเฮาทรงกริ้วผมจะไม่เหลือคอไว้กินข้าว”เสียงแหย ๆ รีบรับประกัน ตอนท้ายก็เบาเหมือนบ่นลอย ๆ รายงานแต่ละทีดูช่างยากเย็น เป็นหวางอู๋ซวนต้องรองรับอารมณ์เจ้านาย ลำบากดีแท้...“เข้าเรื่องเถอะค่ะ”“พะยะค่ะ ฮองเฮา เอ๊ย…คุณหนู ผมรวบรวมหลักฐานวัตถุ พร้อมพยานบุคคลเพื่อชี้ตัวคนจ้างวานเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้ต่อให้มีปีกบินก็หนีไม่รอด”รายงานเป็นการเป็นงานด้วยน้ำเสียงอวดโอ่ คดีที่เขาตามมีทั้งช่วงที่ยากและง่ายราวพลิกฝ่ามือ แถมปิดคดีหลังตามได้ไม่นานแม้หลักฐานได้จากการชี้แนะ แต่ปิดได้ก็คือปิดได้เสียงรายงานจึงเบิกบาน“คุณหนูจะให้ทำอะไรต่อดีครับ”“เก็บหลักฐานพวกนั้นไว้ก่อนค่ะ รอฉันติดต่อกลับไป แน่ใจใช่ไหมคะว่าไม่มีใครจับตามอง” ไป๋เหม่ยถิงยิ้มเย็น แววตาเย็นเยียบแฝงแววอำมหิต“ผมให้คนไปจับตามองทางตระกูลนั้นแล้วครับ ไม่มีใครระแคะระคายเลยว่าเราจะสืบสาวเรื่องมาถึงตั
วันถัดมาสนามบินนานาชาติเซี่ยงไฮ้“มิสเตอร์เคสต์เนอร์ มิสเคสต์เนอร์ยินดีต้อนรับสู่ชางไห่ครับ ผมโจวหมิงเจี่ย เลขาของท่านประธานฉินยินดีที่ได้พบครับ” โจวหมิงเจี่ยเดินเข้าไปต้อนรับคู่ค้าจากเยอรมัน“อ้าว…มิสเตอร์ฉินไม่มาหรือครับ”คำถามแท้จริงคือ ทำไมฉินเฟยหลงถึงไม่มาต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง‘ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์’โจวหมิงเจี่ยเหลือบมองสองพ่อลูกเคสต์เนอร์ ตัวลูกสาวดูไม่สบอารมณ์ ส่วนคนพ่อแม้ปากยิ้มแต่ส่งไปไม่ถึงดวงตา พบหน้าก็ถามคำถามชวนหาเรื่อง“ท่านประธานกำลังประชุมเรื่องโปรเจกต์อยู่ครับ”โจวหมิงเจี่ยตอบกลับด้วยมารยาทอันดี ทางเคสต์เนอร์ก็ไม่คิดหักหน้าหรือหาเรื่องต่อ โจวหมิงเจี่ยเรียกบอดี้การ์ดมารับสัมภาระจากมือของผู้ช่วยของตระกูลเคสต์เนอร์“เข้าห้องพักก่อน หรือจะไปรับประทานอาหารก่อนไหมครับ”“คุณพ่อคะ เข้าไปพักก่อนเถอะค่ะ อาหารสั่งเอาจากโรงแรมก็ได้”“โอเคเอาตามที่ลูกว่า”สองพ่อลูกคุยกันด้วยภาษาเยอรมันโดยไม่สนใจโจวหมิงเจี่ยว่าจะฟังออกหรือไม่ก็ตาม การกระทำนี้เป็นการดูถูกและไม่ให้เกียรติแม้แต่น้อยเลขาหนุ่มสั่งงานบอดี้การ์ดที่ขับรถด้วยน้ำเสียงปกติ โรงแรมที่จัดให้คู่ค้าคนสำคัญของบริษัทเป็นโรงแรมอันดับ