“นี่เธอเห็นหน้าคนที่เป็นข่าวกับท่านประธานวันนี้ เธอคิดว่าไง”“ไอ้สวยก็สวยอยู่หรอก แต่อย่างอื่นไม่เห็นจะเท่าไหร่”“ท่านประธานชอบนังจิ้งจอกแบบนี้นี่เล่า คุณหนูตระกูลดังถึงไม่อยู่ในสายตา”คิก คิก คิก“ผู้หญิงแบบนี้ก็แค่ของเล่นชั่วคราว สุดท้ายก็ไปแต่งกับพวกตระกูลใหญ่อยู่ดี”“ใช่ ๆ เธอไม่คู่ควรกับท่านประธานหรอก”ปัง! ตึก...ตึก...เสียงเปิดประตูห้องน้ำในแถวด้านใน ทำให้หญิงสาวที่กำลังส่งเสียงนินทากันตรงอ่างล้างมือถึงกับเงียบกริบ!!!‘แย่แล้ว! ทำไมเป็นเธอได้ล่ะ!’‘ตายล่ะ...ได้ยินที่พูดหมดแล้วหรือเปล่านะ’หญิงสาวที่เดินออกมาจากโซนห้องน้ำ คือเจ้าตัวที่ถูกคนจากแผนกเลขาทั้งสองกำลังนินทา ใบหน้าคนปากไม่ดีจึงดูน่าเกลียดเพราะความกดดันหนาวเยือกจากหญิงสาวร่างบางคนนั้นไป๋เหม่ยถิงล้างมือเสร็จ ใช้เพียงหางตากวาดมองทั้งสองสาวหัวจรดเท้าแล้วยิ้มแสยะมุมปาก หยิบกระดาษมาซับน้ำอย่างไม่รีบร้อนแล้วจีบนิ้วชี้กับนิ้วโป้งหย่อนลงถังขยะ‘ท่าทางนี่มันดูถูกกันชัด ๆ’“นี่...นังจิ้งจอก กล้าดียังไงใช้สายตาแบบนั้นมามองพวกฉันสองคนน่ะฮะ!”หนึ่งในสองคนท่าทางเป็นคนเลือดร้อน รีบเดินไปดักหน้าก่อนที่เด็กฝึกงานในข่าวจะออกจากห้องน้ำไ
“คิดว่าเธอจะรับข้อเสนอไหมครับ”ผู้ช่วยเจียงสอบถามเจ้านาย หลังหญิงสาวออกจากห้องทำงานไปแล้ว“รับหรือไม่รับก็มีค่าเท่ากัน สุดท้ายเธอต้องรับแน่ เพราะต่อไปไม่แน่พวกเขาคงเริ่มหวาดระแวงกัน”เจ้านายยังตอบลูกน้องด้วยรอยยิ้มดุจเดิม แต่ดวงตามาดร้ายที่เขาเชิญเด็กสาวนั่นมาพบที่ห้องทำงานเพราะไม่ต้องการปิดบัง เมื่อมีคนคาบข่าวไปบอกหลานชายจะเป็นการจุดชนวนหวาดระแวงระหว่างคนทั้งสอง‘เขาแค่รอเวลา เธอจะเดินกลับมารับข้อเสนอเอง’ข่าวลือก็แพร่ไปไวตามคาด แถมเข้าหูฉินเฟยหลงในแบบที่พวกเขาคาดไม่ถึงคนบอกก็คือเด็กสาวที่เขาเชิญมาพบ“ท่านรองให้คนมาเชิญน้องไปพบค่ะ”ไป๋เหม่ยถิงเปิดปากเล่าการพบกับท่านรองทันที หลังนั่งลงบนโซฟากลางห้อง ประธานหนุ่มที่กำลังเซ็นเอกสารในมือถึงกับชะงักหน้าเคร่งเพราะอยู่ภายในบริษัทจึงให้หยางฝูเหว่ยกับเกาอี้ไปพักอยู่ชั้นห้องพักของเหล่าบอดี้การ์ด มีคนเข้าถึงตัวถิงถิงง่ายเกินไป“เรียกเกาอี้กับหยางฝูเหว่ยกลับมาตามน้องดีกว่านะ”“น้องไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยเจ้าหน้าที่ที่ติดอาวุธในตึกนี้ก็เป็นพวกเราทั้งนั้น ไม่มีอันตรายหรอกค่ะ” เพียงพูดออกมาเธอก็พอคาดเดาความคิดของเฮียหลงได้“เขาว่ายังไงบ้าง” คนตัว
ทางด้านคู่เดตทั้งสอง หลังไป๋เหม่ยถิงปรับอารมณ์ได้ เธอก็รู้ว่าการมาซื้อของกับฉินเฟยหลงสนุกกว่าที่คิด“เฮียหลงคู่นี้เป็นไงคะ”“สีนี้ถ้าไม่ใช่ถิงถิง คงเหมาะกับหญิงแก่อมทุกข์”“คู่นี้ล่ะค่ะ”“ส้นสูงหน้าต่ำ ตอนเขาดีไซน์นึกถึงนกกระยางเหรอ”หญิงสาวเพิ่งรู้ว่าเฮียหลงปากร้ายไม่เบา เธอหันไปส่งยิ้มแหยให้พนักงานขายที่หน้าเขียวหน้าเหลือง สีหน้าที่พยายามรักษารอยยิ้มดูน่าสงสารคิก คิก“เฮียคะ ทำไมปากร้ายแบบนี้ เฮียไม่เห็นหน้าพนักงานร้านเหรอคะ ตอนเฮียติแต่ละคู่เขาแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว” จนต้องหยุดถามความเห็นจึงได้รองเท้าสีคอปเปอร์บลอนด์มา เธอต้องรีบลากแขนเขาออกจากร้าน“เฮียพูดเรื่องจริงทั้งนั้น เย็นแล้วไปเตรียมตัวทานอาหารกันเถอะ”“เราจะไปทานที่ไหนเหรอคะ” โปรแกรมเดตเฮียหลงไม่ได้บอกไว้ก่อน เธอมีหน้าที่ตามเขาไปแล้วสนุกกับมัน“ความลับ…ขออนุญาตนะครับ”ฉินเฟยหลงยิ้มเจ้าเล่ห์ ถือผ้าไหมแถบยาวสีฟ้ายกขึ้นมา แล้วนำมาทาบกับดวงตาดวงท้อของไป๋เหม่ยถิง ชายหนุ่มขับรถพากระต่ายน้อยที่เชื่องเชื่อชนิดให้ทำอะไรก็ยอมเขาเสียหมดหลังถูกจับจูงลงจากรถ ไป๋เหม่ยถิงได้ยินเสียงเปิดประตูของลิฟต์‘ตึกเฮยอวิ๋น ลิฟต์ของประธานบริษัท’ติ๊
บ่ายวันถัดมาตามตารางการทำงานปกติของประธานบริษัท ต่อให้ตอนเย็นมีงานเลี้ยง ช่วงเวลาปกติก็ยังทำงาน ไป๋เหม่ยถิงจึงไม่ได้หยุดงานการแต่งตัวไปร่วมงานเลี้ยง จะใช้ห้องเพนต์เฮาส์ของฉินเฟยหลง ชุดราตรีที่ไปเลือกซื้อกันจึงให้ร้านนำมาส่งที่บริษัทโจวหมิงเจี่ยเป็นคนลงมารับ“โลโก้นั่นร้านมาดามฟรองซ์นี่เธอ แสดงว่าท่านประธานจะพาเด็กฝึกงานไปงานเลี้ยงด้วย”ข่าวนี้ได้ยินมาถึงห้องทำงานของรองประธานเช่นกัน“หลานชายฉันนี่ลงทุนกับแม่หนูนั่นไม่เบาเลยนะ” ฉินเล่อฉีพูดกับผู้ช่วยส่วนตัวที่มารายงาน“นายว่าแปลกไหมครับ ข่าวคุณหนูตระกูลดังนั่นเงียบหายไป แถมตอนนี้ท่านประธานยังใช้เวลาไปกับเด็กคนนี้ตลอดเวลา”“ฉันถึงให้นายคอยตามข่าวทั้งสองทาง แต่ประวัติของเด็กฝึกงานตรวจสอบแน่ชัดแล้วใช่ไหม”“ไม่ผิดพลาดแน่ครับ เป็นข่าวดังเมื่อหลายปีก่อน”ลูกน้องรีบรายงานเอาความดีความชอบ อย่างน้อยมีเรื่องที่สืบความได้“ทำดีมาก แสดงว่าเธอก็คงพอมีเงินสินะ ถึงไม่ได้สนใจข้อเสนอของเรา แต่ไม่มีใครหนุนหลังแบบนั้นก็จัดการง่าย ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล”ก็แค่เด็กกำพร้าคนหนึ่งที่พอมีมรดก ไร้ตระกูลหนุนหลัง ต่อให้ไม่รับข้อเสนอก็ไม่ได้มีผลอะไรกับแผนการที่เข
“ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรน้องหรือเปล่า” ฉินเฟยหลงมองสำรวจทั่วตัวคนหาร่องรอยที่อาจมีหรือรอดสายตาไปไป๋เหม่ยถิงได้แต่ยิ้มขำ แม้จะดีใจในความเป็นห่วงหยางฝูเหว่ยอยากกลอกตาให้กับเจ้านาย‘คุณหนูคนนั้นดูอ่อนแอบอบบาง จะทำอะไรคุณหนูได้ คนของเราไม่ไปรังแกเขาก่อนถือว่าดีแล้ว’“ไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ แต่เธอมีความเป็นศัตรูกับน้องเลยอยากรู้ขึ้นมา สรุปแล้วก็เป็นศัตรูกันจริง ๆ”“พี่ฝูเหว่ย รู้ไหมคะว่าเธอมาทำอะไรที่เซี่ยงไฮ้” บอกเล่าสาเหตุให้ฉินเฟยหลงได้สบายใจแล้วจึงหันไปให้ความสนใจกับข้อมูลของผู้หญิงแซ่หลินต่อ“หึ...เอาวัตถุโบราณมาประมูลการกุศลที่จะจัดขึ้นในอีก เกือบ 2 เดือนข้างหน้าครับ”หยางฝูเหว่ยหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันไป๋เหม่ยถิงได้ยินเข้าถึงกับใบหน้าเปลี่ยน ความเอื่อยเฉื่อยหายไป ดวงหน้าหวานเย็นชา ลำตัวยืดตั้งตรงหึ หึ หึ…“ตระกูลหลิน ดี ดี ดีจริง ๆ เสวยสุขบนสมบัติของแม่ฉันกันเพลินดีเหลือเกินนะ”หญิงสาวข่มความเดือดดาลลงจนราบเรียบ นัยน์ตาลุกวาบเย็นจัดเวลาประจวบเหมาะเหลือเกินไม่ถึง 2 เดือนหรือ หึ... ได้!ฉันจะปล่อยให้พวกมันหลงระเริงกันไปถึงเวลาที่ฉันทวงคืนทุกอย่างกลับมา แม้แต่การแสวงหาความตายก็จะไม่ง
‘ประธานฉินเฟยหลง เปิดตัวคนรักกลางงานสังคม งานนี้เด็กฝึกงานมาแรงถึงขนาดทำให้ประธานบริษัทที่ไร้ข่าวอื้อฉาวถึงกับออกปากเองได้ ว่าแต่...แล้วสาวคนรักปริศนาที่สนามบินวันนั้นล่ะ เธอกับครอบครัวจะยอมอยู่เฉยหรือไม่’ข่าวสังคมที่วนเวียนอยู่กับประธานบริษัท ทำให้วงสนทนาของพนักงานบริษัทในสัปดาห์เดียวมีเรื่องให้พูดถึงมากกว่า 10 ปีที่ผ่านมารวมกัน“เธอว่าประธานจะเอาเด็กฝึกงานมาเป็นคุณผู้หญิงของพวกเราจริงเหรอ”“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ ใครจะเป็นคนรักประธาน ฉันก็ยังทำงานตำแหน่งเดิม”จ้าวลี่จูที่นั่งฟังเขาพูดคุยก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างลืมตัว“พักข่าวประธานมาฟังเรื่องนี้ดีกว่า ดีไม่ดีมีผลกับพวกเราทั้งหมด” พี่เลขาคนหนึ่งที่เดินหายไปสักพักกลับมาด้วยหน้าตาไม่สู้ดี“ก็แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ”“ยัยเสี่ยวซานที่ฉันพูดถึงเรื่องโปรเจกต์เคสต์เนอร์ วันนี้ยัยนั่นมายื่นหนังสือลาออก ฉันเจอหล่อนตรงหน้าทางไปห้องหัวหน้าฝ่ายบุคคลพอดี”“หา! หล่อนถึงกับลาออกจริงเหรอ ทำแบบนั้นทำไมกัน”“หรือว่าเรื่องที่ฉันได้ยินมาจะจริง แสดงว่าหล่อนเตรียมทิ้งทุ่นแล้วน่ะสิ” จู่ ๆ พี่เลขาที่นั่งเงียบมาตลอดก็พูดขึ้นมาเหมือนเปรยกับตัวเอง แต่เป็นในจ
ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ พอร์ต D12“เฮ้ย! มาแล้ว ๆ ตั้งแถว ตั้งแถวโว้ย”เสียงโวยวายผ่านโทรโข่งดังลั่นพื้นที่ท่าเรือขนส่งสินค้าของบริษัทไป๋ซิ่นซู่ คนงานที่กำลังขมักเขม้นขนของรีบวางมือจากงานที่ทำอยู่ มาตั้งแถวใช่ตั้งแถวต้อนรับ!‘โอ้...ไม่นะ!’ไป๋เหม่ยถิงอยากยกมือก่ายหน้าผาก จนใจกับธรรมเนียมรอต้อนรับของลูกน้องคุณพ่อ แม้จะวางมือมาจับงานด้านสว่าง แต่พฤติกรรมบางอย่างยังคงเดิม“ยินดีต้อนรับคุณหนูเหม่ยถิง!”“เฮ้ย พวกแกมีเสียงกันแค่นี้เหรอวะ เสียงเบากว่าตดหมา คุณหนูอับอายจนไม่อยากลงมาเจอแล้ว ตะโกนให้มันดัง ๆ ไม่ได้กินข้าวกันรึไง”“ยินดีต้อนรับคุณหนูเหม่ยถิง!!!”“ดังอีก!!!”เอาเถอะ...ลงไปให้มันจบ ๆปึง! ด้วยความหงุดหงิด ไป๋เหม่ยถิงจึงเปิดประตูแรงเกินปกติ ก้าวลงจากรถมาเธอเพียงปรายตามองคนที่ยืนรอรับอยู่สองฝั่งอย่างเย็นชา พร้อมพยักหน้าตอบรับสั้น ๆเฮ!แทนที่คนเหล่านี้จะรู้สึกไม่ดีกับท่าทางของไป๋เหม่ยถิง กลับโห่ร้องด้วยความชอบใจ“ข้าบอกแล้วไม่เชื่อ! เป็นไง คุณหนูดูโหดเหี้ยมเหมือนนายตอนหนุ่ม ๆ ไม่มีผิด”“คุณหนูอะไรฟังนุ่มนิ่ม ต้องเรียกนายน้อย”“ใช่ ๆ นี่แหละนายน้อย”“นายน้อย”“นายน้อย”ไ
1 อาทิตย์ต่อมาข่าวลือเรื่องของไป๋เหม่ยถิงสวมหมวกเขียวให้ประธานฉินเฟยหลง โด่งดังกลบข่าวอื่น ๆ ที่ผ่านมาทั้งหมด และเหมือนเดิมต้นตอข่าวลือยังคงไม่ออกมาตอบรับหรือปฏิเสธทั้งคู่ในบริษัททั้งสองยังคงทำงานแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเหมือนเดิม ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาก็มีคนตาดีเห็นคู่รักที่เป็นข่าวยังควงกันไปซื้อของหรือดินเนอร์ตามร้านดัง“สร้างภาพไปอย่างนั้นหรือเปล่า หมวกเขียวไม่มีใครอยากรับหรอก น่าอายจะตาย”“ข่าวลืออาจจะไม่ใช่เรื่องจริง เขาถึงยังคบกันปกติ ฉันว่าเธอฟังผ่าน ๆ ก็พอ”เสียงนินทาเองก็เริ่มแตกเป็นสองทาง ส่วนใหญ่ก็เตรียมเปิดหูรอฟังด้วยกันทั้งนั้นทั้งนี้พอได้ยินข่าวร้ายเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ กลับมีคนยินดีไม่น้อยรวมถึงหญิงสาวคนหนึ่งที่ตื่นเต้นดีใจอยู่ลึก ๆ‘คนรักของเขาไม่ได้ดีอย่างที่คิด ไม่คู่ควรกับความอ่อนโยนของเขาเลย'“คุณหนูหลิน ใจลอยคิดถึงใครอยู่หรือเปล่า?”เพื่อนในกลุ่มสาวสังคมที่เพิ่งจับกลุ่มนินทาเรื่องข่าวฉาวของประธานฉินถามขึ้นหลินเหวินหลานถูกทักยังไม่ทันตั้งตัวจึงเก็บสีหน้าไม่อยู่ ใบหน้างามมีริ้วแดงพาดจาง“อุ๊ย! จริงเหรอเนี่ย...ใครกัน คนที่ลั่วหยางหรือคนในช่างไห่กันล่ะ”“เห..
เย็นวันนั้น บ้านตระกูลไป๋รอบตัวบ้านปราศจากความสงบเงียบเหมือนทุกวัน ตอนนี้มีผู้คนแปลกหน้าเดินง่วนไปทั่วสวนไม้ดอกไม้ประดับได้รับการแต่งเล็มใหม่ มีการนำกระถางดอกไม้สดมาวางแซมเพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบสวนให้ดูสดชื่นขึ้นอีก 3 วันจะถึงงานวันเกิดของผู้เฒ่าไป๋ ซึ่งปีนี้จะจัดเป็นงานเลี้ยงเชิญคนนอกเข้ามาร่วมงาน จึงต้องจ้างบริษัทออกแบบและตกแต่งสถานที่จัดงาน“เลขากู้ครับ พื้นที่จะทำเป็นเวทีตอนนี้คนงานจัดการเรียบร้อยแล้วครับ” พ่อบ้านเผยเดินมาแจ้งกับเลขากู้ที่กำลังยืนคุยกับคนจากบริษัทรับจัดงานเลี้ยง“ต้นไม้ใหญ่คนงานริดกิ่งใหม่ ส่วนต้นที่เป็นพุ่มก็ได้รับการตัดแต่งแล้วครับ นำดอกไม้สดไปแซมตามจุดครบแล้ว”พ่อบ้านฝูเดินตามมาทีหลังก็แจ้งตามติด ๆกู้ชิงอวิ๋นขีดฆ่ารายการที่ต้องจัดการในลิสต์ ขณะที่กำลังจะถามอะไรเพิ่มก็เห็นสิ่งผิดปกติเข้าเสียก่อน“คนงานตรงนั้นหยุด! ผมบอกทางคุณแล้วไงว่าห้ามเข้าไปในคฤหาสน์ จะเข้าห้องน้ำหรืออะไรให้คนของคุณไปใช้เรือนด้านหลัง!!!”ชายหนุ่มหันมาเล่นงานคนที่เขากำลังสนทนาด้วยเสียงเหี้ยม สองพ่อบ้านมองแววตาขอความช่วยเหลือของหญิงสาวด้วยความนิ่งเฉยตอนนี้เจ้านายกำลังคุยเรื่องคอขาดบาดตาย จึ
ปัง!“อาหลง!!! ลื้อทำอะไร แกยังเห็นปู่อยู่ในสายตาไหม?”“โอะ โอ๊ย!”ผู้เฒ่าฉินหายจากอาการตะลึง ก็โกรธจัดลุกขึ้นมาชี้หน้าหลานชายด้วยความโกรธจัด หัวใจปวดแปลบหายใจยากลำบากจนต้องยกขึ้นมากุมอก“นายท่าน! ระงับอารมณ์ด้วยครับ อย่าโกรธ หายใจลึก ๆ”หลานที่ท่านแสนจะภาคภูมิใจมาวันนี้กลับประกาศตัดขาดตัวเองออกจากตระกูล“ไม่ได้! ปู่ไม่ยอม!”“ผมไม่ได้มาขอความยินยอมนะครับ”ฉินเฟยหลงมองปู่ตัวเองอย่างเต็มตาครั้งแรกตั้งแต่ลงมาแถลงข่าว ดวงตาเรียบนิ่งที่เคยเรียบนิ่งบัดนี้แข็งกร้าวดุดัน“คุณฉินเฟยหลงหมายถึงต้องการตัดขาดออกจากตระกูลเหรอครับ ช่วยอธิบายความหมายที่ชัดเจนให้หน่อยครับ”นักข่าวที่เหี่ยวเฉาเพราะเหมือนถูกหลอกให้ดมกลิ่นเลือด ว่ายน้ำมาตามหาเหยื่อกลับโดนตบจนเป็นผักเหี่ยว ฟื้นตัวด้วยข่าวใหม่“จากนี้กิจการงานทุกอย่างที่เป็นของตระกูลฉิน ไม่เกี่ยวข้องกับผม ไม่ว่าพวกเขาจะเจริญขึ้นหรือแย่ลงไม่เกี่ยวกัน ไม่ต้องนับญาติไม่ต้องไปมาหาสู่ ตายก็ไม่ร่วมฝังในสุสาน”นักข่าวและคนที่ฟังความสูดหายใจอย่างตระหนกตายไปไม่เผาผี!นี่มันแทบจะเหมือนจากไปด้วยความคับแค้นเกิดอะไรกับตระกูลนี้กันแน่!ทุกคนต่างความคิดอยากสืบเสาะเบื้
ห้องทำงานของฉินเฟยหลงพรึ่บ!ร่างกายบอบบางถูกดึงรั้งเข้าด้านในทันทีที่ประตูเปิดออกเพียงเล็กน้อยปัง! คลิก!ประตูถูกปิดลงกลอนจากด้านในรวดเดียว หญิงสาวไม่ทันส่งเสียงถามไถ่ตัวคนก็ถูกอุ้มกระเตงขึ้น เอกสารและกระเป๋าร่วงลงกองที่พื้นเพื่อกันไม่ให้ตัวเองหล่น เรียวขาจึงเกี่ยวรัดช่วงเอวสอบเพรียวแข็งแกร่งด้วยมวลกล้ามเนื้อ“เฮียหลง!” อุทานด้วยความแตกตื่นเขินอายเพราะทิศทางเดินของคนที่ไม่พูดไม่จาคือประตูเชื่อมไปยังเพนต์เฮาส์ อีกทั้งกลางตัวที่กำลังตื่นตัวขยับขยายเพราะการเสียดสีก็บอกได้เป็นอย่างดี“เรามาฉลองกันเถอะ เฮียเป็นอิสระแล้ว” เสียงแหบพร่าขยี้หางเสียงพอเซ็กซี่กระซิบแผ่วตามด้วยการขบเม้มก้านหูนุ่มนิ่มไป๋เหม่ยถิงที่เริ่มตั้งสติได้ลดสายตาลงมองความเร่าร้อนที่ดิ้นเร่าในดวงตาหงส์ หางตาชี้ขึ้นมีสีแดงจากแรงอารมณ์ที่ข่มกลั้นจุมพิตร้อนแรงบดขยี้ลงบนกลีบปากบางของคนตัวสูง สองมือประคองคางสากระคายจากไรหนวดที่เริ่มผุดตอขึ้น จับเบี่ยงใบหนาคมให้รับสัมผัสหนักหน่วงชายหนุ่มตอบสนองจุมพิตกลับด้วยความร้อนแรงไม่แพ้กัน ริมฝีปากกับลิ้นร้อนบุกเข้าไปกวาดชิมความหอมหวาน ช่วงชิงเป็นฝ่ายนำจังหวะรักตามใจตนใบหน้าแนบสัมผัสด
“พิจารณาลงจากตำแหน่ง!”ถังไฉหย่งกดเสียงต่ำเคร่งขรึม ทำราวกับได้ตัดสินใจในเรื่องที่ยากที่สุดไปแล้ว ผู้อำนวยการฝั่งรองประธานแอบยกนิ้วโป้งให้คนกล้าออกตัว‘มารดามันเถอะ! ฉี่จะราดอยู่แล้ว เมื่อไหร่จะจบสักที’ผู้อำนวยการอาวุโสน้ำท่วมปาก มองไปที่ฉินเฟยหลงด้วยความกระวนกระวาย แต่จะช่วยเอ่ยแก้ต่างก็หาเหตุผลดี ๆ ไม่ได้สำหรับไป๋เหม่ยถิงงิ้วที่แสดงกันอยู่ น่าดูไม่น้อย มีหน่วยกล้าตายผู้ภักดีเป็นคนออกหน้า ลิ่วล้อขาหมาตามหลังไม่ห่าง มีตั๊กแตนรอจับจักจั่น และบอสผู้เมตตาคอยไกล่เกลี่ยอ้อ...เกือบลืมหนอนบ่อนไส้ที่โดนตัดสินโทษตายไม่รู้ตัว“ถ้าจะให้ฉันลงจากตำแหน่ง ใครจะขึ้นมาแทน? ขึ้นมาแล้วมีวิธีแก้ปัญหาของเคสต์เนอร์?”ฉินเฟยหลงโยนคำถามเรื่อย ๆ ราวสายน้ำไหล เพียงสองข้อผู้อำนวยการทุกคนแสดงสีหน้าแทบดูไม่ได้“อาไม่แน่ใจว่าวิธีที่จะเสนอนี้ได้ผลไหม แต่อามีที่ดินผืนหนึ่งที่เตรียมไว้สำหรับโครงการส่วนตัว แม้จะสู้ที่กลางเมืองตรงนั้นไม่ได้ แต่ขยับมาไม่ไกลแถมกำลังจะมีการสร้างเส้นทางพิเศษเดี๋ยวอาจะให้ผู้ช่วยส่งเอกสารให้ทุกคนพิจารณาดู ถ้าใช้ได้จะได้เสนอเป็นทางเลือกให้เคสต์เนอร์”ฉินเล่อฉีแสดงความรู้สึกผิดทางสีหน้า
5 วันต่อมาบริษัทเซี่ยอวิ๋นเรียกประชุมบอร์ดบริหาร วาระประชุมนี้ไม่ได้เป็นความลับ มีการแบ่งฝักฝ่าย ตลอดอาทิตย์ประธานไม่ได้เข้าบริษัท แต่กลับลาพักร้อนยาวชนิดที่ไม่เคยทำมาตลอด 10 ปี“ท่านประธานคิดอะไรอยู่กันนะ” เลขาว่านหวาดวิตกแทนเจ้านาย แม้จะดูน่ากลัวไปบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าบริษัทมาได้จนถึงทุกวันนี้เพราะประธาน“พี่ว่านคะ เราเอาเอกสารการประชุมไปจัดเรียงเถอะค่ะ ค่อยไปคุยกันด้านในดีกว่า ในนั้นเงียบเชียบไม่มีใครได้ยิน”จ้าวลี่จูกระซิบกระซาบกับเลขารุ่นพี่“จริงของเธอไปกันเถอะ”สองสาวต่างวัยรีบหยิบข้าวของที่ในส่วนงานของเลขาต้องจัดเตรียมเข้าไปในห้องประชุมมีเอกสารเกี่ยวกับวาระประชุม 1 ชุด พร้อมด้วยป้ายชื่อของบอร์ดแต่ละคน เลขาคนอื่นก็กำลังไปจัดเตรียมน้ำชาและของว่างที่ห้องเเพนทรีของชั้นห้องประชุม“เดี๋ยวพี่มาช่วยนะ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”“ไม่ต้องรีบหรอกค่ะพี่ เดี๋ยวตรงนี้ฉันทำคนเดียวได้”จ้าวลี่จูตอบรับแบบคุ้นเคยกันดี สาวรุ่นพี่จึงเดินออกไปอย่างสบายใจ หญิงสาวรุ่นน้องมองประตูที่ปิด ก่อนจะลดสายตามองเอกสาร รอยยิ้มค่อย ๆ ขยับ ดวงตาระริกไหว‘ไปนาน ๆ เลยก็ได้นะคะ’ห้องประชุมใหญ่ บริษัทเซี่ยอวิ๋นการประชุ
เช้าวันต่อมาท่าเรือ บริษัทไป๋ซิ่นซู่ไป๋จื้อหยาง ประธานบริษัทกำลังคุมคนงานขนของออกจากตู้สินค้าขึ้นรถบรรทุกเตรียมนำส่งไปต่างมณฑล“ประธานครับ รองประธานบริษัทเซี่ยอวิ๋นขอพบครับ” เลขากู้ชิงอวิ๋นเดินมากระซิบเสียงเบาดวงตาดอกท้อของประธานใช้หางตามองไปยังทางเข้าสำนักงาน ใช้มือส่งสัญญาณให้เลขา ส่วนตัวเองเดินส่ายอาด ๆ ด้วยท่าทางนักเลงโตไปทางออฟฟิศ“เด็ก ๆ มีคนมา ปิดประตูต้อนรับแขก!!!”กู้ชิงอวิ๋นได้สัญญาณมือรีบเดินออกไปตะโกนแจ้งข่าวเสียงเหี้ยมจนลั่นท่าเรือเด็ก ๆ ที่เขาเรียกคือ ชายฉกรรจ์ที่เป็นคนงานกำลังขนของ ทุกคนหยุดชะงักทิ้งงานในมือ ท่าทางหัวเราะสรวลเสเฮฮาไม่เหลือคนงาน 4-5 คน เดินไปลากประตูเหล็กมากั้นทางเข้า ยืนเรียงบังทางออกทางเดียวของท่าเรือที่อยู่ปลายอ่าว อีก 2 คนมายืนคุมหน้ารถยนต์ คนที่เหลือเดินหายเข้าไปในตู้สินค้าข้างออฟฟิศคนเหล่านั้นกลับออกมาพร้อมอาวุธครบมือ ทั้งท่อเหล็ก สนับมือ มีดแล่เนื้อแบบยาว เดินมายืนล้อมออฟฟิศกระจกดำทึบ แต่คนด้านในมองเห็นข้างนอกได้ชัดเจน“โฮ่...รองฉิน กับซานฉิน มาเป็นแขกหรือมาหาเรื่องกันล่ะ จู่ ๆ ก็โผล่มาไม่นัดล่วงหน้า”ตุบ! ตึง!ไป๋จื้อหยางเดินไปนั่งทิ้งตัวบน
เช้าวันต่อมาลั่วหยาง มณฑลเหอหนานไป๋เหม่ยถิงกับฉินเฟยหลงจองเครื่องบินมาลั่วหยาง ชายหนุ่มให้เลขาติดต่อกับผู้ช่วยของเลขาพรรคระดับมณฑลเหอหนาน ขอเข้าพบผู้นำระดับมณฑลเรื่องนี้ไป๋เหม่ยถิงต้องมาส่งข้อมูลร้องเรียนและทวงความเป็นธรรมให้มารดาด้วยตนเองได้เส้นสายจากนายพลเทียน ทำให้ได้รับการนัดหมายเป็นช่วงบ่าย“พี่ฝูเหว่ยส่งคนไปสืบข่าวคนตระกูลหลินให้หน่อย ฉันอยากรู้ว่าผู้คนพูดถึงพวกเขาว่ายังไง”ก่อนจะเข้าไปพบท่านเลขาพรรค ยังเหลือเวลาอีก 3 ชั่วโมง สมควรทำความเข้าใจสถานะของศัตรูที่นี่เสียก่อน พวกเขาแฝงตัวอยู่ในสังคมที่นี่นานจนกลายเป็นส่วนหนึ่งไปแล้วเส้นสายและตระกูลชิดเชื้อย่อมต้องระวัง“ไปย่านเมืองเก่า” ฉินเฟยหลงเลือกสถานที่ไปฆ่าเวลาก่อนเวลานัดลั่วหยางเป็นเมืองหลวงโบราณของกษัตริย์จีนหลายราชวงศ์ มีพื้นที่แบ่งเป็นเขตเมืองเก่าและเมืองใหม่ย่านเมืองเก่ามีบ้านเรือนโบราณที่ยังมีผู้อยู่อาศัย บางหลังรกร้างไม่ได้รับการทำนุบำรุง ซึ่งก็มีเกินครึ่งที่ไม่มีคนอยู่อาศัยบ้านบรรพบุรุษตระกูลหลินเองก็อยู่ในย่านเมืองเก่า“นั่งพักในร้านนั้นก่อนดีไหมคะ” ไป๋เหม่ยถิงชี้ไปยังเรือนขนาดใหญ่ 2 ชั้น ด้านล่างประตูไม้สีแดงเป
บ้านตระกูลไป๋“คุณหนู ผมหวางอู๋ซวนครับ”“สวัสดีคุณหวางหวังว่าจะเป็นข่าวดีนะ”ไป๋เหม่ยถิงพูดเชิงสัพยอกแต่ใบหน้าเรียบเฉย แถมสุ้มเสียงไร้อารมณ์ คนฟังรีบกลืนคำพูดล้อเล่นที่กำลังจะหลุดปาก“ฮะ ฮะ…ข่าวดีอยู่แล้วครับ ไม่กล้าให้เป็นข่าวร้ายหรอกครับ เดี๋ยวฮองเฮาทรงกริ้วผมจะไม่เหลือคอไว้กินข้าว”เสียงแหย ๆ รีบรับประกัน ตอนท้ายก็เบาเหมือนบ่นลอย ๆ รายงานแต่ละทีดูช่างยากเย็น เป็นหวางอู๋ซวนต้องรองรับอารมณ์เจ้านาย ลำบากดีแท้...“เข้าเรื่องเถอะค่ะ”“พะยะค่ะ ฮองเฮา เอ๊ย…คุณหนู ผมรวบรวมหลักฐานวัตถุ พร้อมพยานบุคคลเพื่อชี้ตัวคนจ้างวานเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้ต่อให้มีปีกบินก็หนีไม่รอด”รายงานเป็นการเป็นงานด้วยน้ำเสียงอวดโอ่ คดีที่เขาตามมีทั้งช่วงที่ยากและง่ายราวพลิกฝ่ามือ แถมปิดคดีหลังตามได้ไม่นานแม้หลักฐานได้จากการชี้แนะ แต่ปิดได้ก็คือปิดได้เสียงรายงานจึงเบิกบาน“คุณหนูจะให้ทำอะไรต่อดีครับ”“เก็บหลักฐานพวกนั้นไว้ก่อนค่ะ รอฉันติดต่อกลับไป แน่ใจใช่ไหมคะว่าไม่มีใครจับตามอง” ไป๋เหม่ยถิงยิ้มเย็น แววตาเย็นเยียบแฝงแววอำมหิต“ผมให้คนไปจับตามองทางตระกูลนั้นแล้วครับ ไม่มีใครระแคะระคายเลยว่าเราจะสืบสาวเรื่องมาถึงตั
วันถัดมาสนามบินนานาชาติเซี่ยงไฮ้“มิสเตอร์เคสต์เนอร์ มิสเคสต์เนอร์ยินดีต้อนรับสู่ชางไห่ครับ ผมโจวหมิงเจี่ย เลขาของท่านประธานฉินยินดีที่ได้พบครับ” โจวหมิงเจี่ยเดินเข้าไปต้อนรับคู่ค้าจากเยอรมัน“อ้าว…มิสเตอร์ฉินไม่มาหรือครับ”คำถามแท้จริงคือ ทำไมฉินเฟยหลงถึงไม่มาต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง‘ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์’โจวหมิงเจี่ยเหลือบมองสองพ่อลูกเคสต์เนอร์ ตัวลูกสาวดูไม่สบอารมณ์ ส่วนคนพ่อแม้ปากยิ้มแต่ส่งไปไม่ถึงดวงตา พบหน้าก็ถามคำถามชวนหาเรื่อง“ท่านประธานกำลังประชุมเรื่องโปรเจกต์อยู่ครับ”โจวหมิงเจี่ยตอบกลับด้วยมารยาทอันดี ทางเคสต์เนอร์ก็ไม่คิดหักหน้าหรือหาเรื่องต่อ โจวหมิงเจี่ยเรียกบอดี้การ์ดมารับสัมภาระจากมือของผู้ช่วยของตระกูลเคสต์เนอร์“เข้าห้องพักก่อน หรือจะไปรับประทานอาหารก่อนไหมครับ”“คุณพ่อคะ เข้าไปพักก่อนเถอะค่ะ อาหารสั่งเอาจากโรงแรมก็ได้”“โอเคเอาตามที่ลูกว่า”สองพ่อลูกคุยกันด้วยภาษาเยอรมันโดยไม่สนใจโจวหมิงเจี่ยว่าจะฟังออกหรือไม่ก็ตาม การกระทำนี้เป็นการดูถูกและไม่ให้เกียรติแม้แต่น้อยเลขาหนุ่มสั่งงานบอดี้การ์ดที่ขับรถด้วยน้ำเสียงปกติ โรงแรมที่จัดให้คู่ค้าคนสำคัญของบริษัทเป็นโรงแรมอันดับ