แดเนียลคิดว่าเขาอาจจะเจออลินทิราขณะก้าวไปตามทางเดินว่างเปล่าบนเรือยอชต์ไพรซ์ที่มีขนาดใหญ่โตกระทั่งชายหนุ่มเดินกลับไปยังห้องอาหารบนดาดฟ้าเรือก็พบว่าโมนิกาซึ่งเปลี่ยนชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ทะมัดทะแมงเป็นชุดกระโปรงผ้าชีฟองกำลังนั่งรับลมทะเลอยู่บนเก้าอี้อาบแดดซึ่งมองเห็นจากห้องอาหารที่เปิดโล่ง
“โมนี่...พี่คิดว่าเธอกลับไปนอนแล้วเสียอีก”
ร่างสูงใหญ่เป็นฝ่ายเดินเข้าไปทักหญิงสาวซึ่งมีอาการสะดุ้งเล็กน้อยราวกับไม่รู้เลยว่ามีใครมาขณะนั่งทอดอารมณ์อยู่เดียวดาย แต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้โมนิกาก็ทำเหมือนไม่สนใจญาติผู้พี่ที่ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อาบแดดข้าง ๆ
“ฉันก็คิดว่าพี่จะรีบกลับไปที่ห้องพร้อมแม่สาว...” โมนิกากลืนคำว่า ยูทาห์ เข้าไปในลำคอก่อนปรับน้ำเสียงประชดประชันให้ราบเรียบ “เอ้อ...ซอนญ่า...แล้วเสียอีก”
“พี่กำลังหาซอนญ่า...เธอบอกว่าจะออกมาเดินชมเรือยอชต์ ไพรซ์ พี่ยังไม่พบเธอเลย”
“แดน...พี่คิดจะตกลงปลงใจกับผู้หญิงคนนี้อย่างนั้นหรือคะ?”
คำถามของโมนิกาทำให้ชายหนุ่มอึ้ง แดเนียลมองเห็นประกายในดวงตาคมวับคู่นั้นฉายความสงสัยในสิ่งที่เขาก็สับสนใจไม่แพ้กัน นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มยกยิ้มมุมปากเพื่อปกปิดความคิดอันแท้จริงก่อนพูด
“มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ใช่ไหมถ้าพี่จะมีใครสักคน”
“จากหลาย ๆ คนที่พี่ไม่เคยพามาหาคุณลุงคุณป้า...มันเป็นเรื่องแปลกประหลาดและค่อนข้างจะรบกวนใจฉัน แดเนียล ไพรซ์ ไม่เคยคิดตกลงปลงใจกับใคร แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งเขาก็พาผู้หญิงคนหนึ่งมาจากยูทาห์ เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ที่เขาก็ไม่เคยพาคู่ควงคนไหนมาเลย สำหรับฉันมันเป็นยิ่งกว่าเซอร์ไพรซ์”
“แล้วถ้าพี่ไม่ใช่แดเนียล ไพรซ์ ไม่ว่าเธอหรือคนอื่น ๆ ในสังคมก็คงจะไม่สนใจเรื่องนี้เลยใช่ไหม โมนิกา”
“แดน!“ หญิงสาวร้องเรียกชายหนุ่มที่ลุกขึ้นและกำลังจะหันหลังเดินจากไป ร่างระหงยืดลำตัวขึ้นยืนและมองแผ่นหลังกว้างของบุรุษผู้เยือกเย็นยิ่งกว่าผาน้ำแข็ง แดเนียลไม่เคยมีปากเสียงเวลาไม่พอใจ แต่เขาจะยุติปัญหาด้วยการเดินออกไปเหมือนที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้
“แดน..พี่เคยได้ยินหรือเปล่าคะว่า คนที่ลุกขึ้นมาทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมันเป็นการแสดงให้เห็นสัญญาณของความเปลี่ยนแปลง”
อีกครั้งที่คำพูดนั้นสะเทือนความรู้สึกของผู้รับฟัง ร่างสูงสง่าหันกลับมาทว่าต้องตระหนกเมื่อญาติผู้น้องสาวโถมตัวเข้ามากอดเขาไว้แน่น
“โมนี่!” แดเนียลออกอาการงุนงงทว่าก็เพียงชั่วอึดใจ เขารู้ดีว่าโมนิกามีอารมณ์อ่อนไหวรุนแรงกับทุกการกระทำของญาติผู้พี่
“แดน...ทำไมพี่ไม่เข้าใจสักทีว่าฉันรู้สึกยังไงบ้าง ทำไมพี่ถึงทำให้ฉันวุ่นวายใจแบบนี้!”
“โมนิกา...ปล่อยพี่เถอะ ถ้าพ่อกับแม่มาเห็นตอนนี้มันจะไม่เหมาะ”
ร่างสูงใหญ่พยายามแกะแขนเรียวที่กอดรัด แต่โมนิกาลับดึงดันและเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตารื้นน้ำ
“แดน...ฉันทนไม่ไหวแล้วนะคะที่พี่ทำแบบนี้ เมื่อก่อนฉันคิดว่าจะไม่ใส่ใจที่พี่ควงผู้หญิงคนนั้นคนนี้ไปทั่ว เพราะพี่ไม่เคยคิดจริงจังถึงขนาดพาใครมาพบคุณลุงคุณป้าเลยแม้แต่คนเดียว”
“พี่ไม่เคยไม่จริงจังกับใครนะโมนิกา แต่ผู้หญิงพวกนั้นคบกับพี่ได้ไม่นานก็ยุติความสัมพันธ์แบบไม่มีสาเหตุ”
“พี่ก็เลยพยายามหาคนที่พี่คิดว่าเขาจะจริงจังอย่างนั้นหรือคะ ทำไมพี่ต้องมองคนอื่น ในเมื่อก็รู้อยู่เต็มอกว่าฉันคิดกับพี่ยังไง!”
“โมนิกา” แดเนียลชะงัก ทำไมเขาจะไม่เข้าใจการแสดงออกของญาติผู้เป็นลูกน้องตลอดระยะเวลาหลายปีที่โมนิกาเข้ามาอยู่ร่วมชายคา หญิงสาวแสดงออกชัดเจนว่าเธอคิดกับเขามากเกินคำว่า พี่น้อง แม้จะใกล้ชิดกันแค่ไหนชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดจะสนิทสนมและไม่อาจคิดกับเธอไปได้ไกลเกินคำว่า ญาติสนิท เพราะโดยสายเลือดทั้งเขาและโมนิกาใกล้กันเกินกว่าจะเป็นสามีภรรยาทั่วไปได้
นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มลดมือลงข้างลำตัวโดยปล่อยให้หญิงสาวกอดเขาไว้ โมนิการ้องไห้และพร่ำพูดเสียงสั่นเครือ
“แดน...พี่ก็รู้นี่คะว่าฉันคิดกับพี่แบบไหน เราอาจจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกันแต่ฉันทำใจไม่ให้รักพี่ไม่ได้เลย ฉันเจ็บปวดเวลาเห็นพี่ควงผู้หญิงพวกนั้น แล้วกับซอนญ่าล่ะคะ หล่อนเป็นใครกันพี่ถึงให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ วันหนึ่งผู้หญิงคนนั้นก็ต้องทอดทิ้งให้พี่อยู่เดียวดายไม่ต่างอะไรกับคู่ควงที่พี่คบมาก่อนหน้า ได้โปรดเถอะค่ะ...อย่ารังเกียจฉัน ฉันรักพี่นะคะ...ฉันรักพี่มากเหลือเกิน”
เสียงร่ำไห้ที่มาพร้อมคำสารภาพในใจทำให้แดเนียลนิ่งอึ้ง ชายหนุ่มยืนตัวแข็งเหมือนรูปปั้นในขณะสำเหนียกเสียงสะอื้นของร่างระหงที่กอดเขาไว้แนบแน่นคลอเคล้าไปกับเสียงคลื่นรอบลำเรือ ทุกอย่างราวหยุดนิ่งโดยที่ร่างสูงใหญ่ไม่ได้สังเกตเห็นว่าใครกำลังยืนมองภาพที่ทำให้เข้าใจว่านั่นคือการพลอดรักของญาติสนิทบนดาดฟ้าเรือ“แดน...” อลินทิราอุทานกับตัวเองเบา ๆ ขณะยืนอยู่ตรงมุมมืดหลังบาร์เครื่องดื่มเมื่อเดินกลับขึ้นมาบนนี้และต้องหยุดชะงักกับสิ่งที่เธอไม่ได้ตั้งใจมาค้นพบที่แท้โมนิกาก็มีความรู้สึกพิเศษกับแดเนียล...ญาติผู้พี่ของเธอ ก็จะเป็นไรไปล่ะถ้าคนทั้งสองจะรักกันในเมื่อพวกเขาก็ไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวที่คลานตามกันออกมาเสียเมื่อไหร่ ปรากฏการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นที่ไหน ๆ ในโลกแต่...ทำไมเธอถึงได้รุ่มร้อนขึ้นมา และไม่อาจทนยืนมองภาพนั้นได้ราวกับมันบาดทะลุจอตาของเธอให้หมองมืด อลินทิราเป็นล่าถอยกลับลงไปยังชั้นล่างของเรือยอชต์สุดหรู เธอไม่ได้กลับไปที่ห้องรับแขกซึ่งที่นั่นบิดามารดาของแดเนียลยังนั่งพูดคุยกันตามประสาคู่ชีวิต แต่กลับเดินเรื่อยเปื่อยไปหยุดที่หน้าห้องซึ่งได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของอุปกรณ์บางอย่างดังออกมา“ไฮ...
“โอเคค่ะ คิลเลียน” หญิงสาวทำหน้ารับทราบ “ขอโทษทีนะคะ บางครั้งฉันอาจยังรู้สึกสับสนกับ...ตัวตนของแดน ฉันว่าฉันขอตัวก่อนดีกว่านะคะ ออกกำลังกายต่อเถอะค่ะ”“ไม่เป็นไรครับ อ๊ะ! ซอนญ่า...ระวัง!”คิลเลียนร้องตกใจทว่าก็ทันได้คว้าร่างบอบบางที่สะดุดขาตัวเองเอาไว้ไม่ให้เธอล้ม อลินทิราก็มีสีหน้าตื่นตระหนกเช่นกัน เธอไม่เคยใจลอยถึงขนาดก้าวพลาดจนเดินสะดุดขาตัวเอง ชายหนุ่มซึ่งประคองร่างนั้นไว้รีบถามอย่างห่วงใย“ซอนญ่า เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีใช่มั้ย?”“ไม่เป็นไรค่ะ คิลเลียน...ขอบคุณมาก...ขอบคุณ”สายลับสาวกล่าวขณะยังไม่หายมึนงงกับตัวเอง แต่ไม่ทันที่คิลเลียนซึ่งรั้งร่างบอบบางไว้ในอ้อมแขนจะว่าอะไรต่อก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามีใครยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า“แดน! มาได้จังหวะเลย แฟนพี่หน้ามืดจะเป็นลม ผมว่าพี่รีบพาเธอกลับไปที่ห้องจะดีกว่า”ชายหนุ่มรีบบอกพี่ชายแต่ลืมไปว่ายังประคองว่าที่พี่สะใภ้ไว้ในอ้อมแขนกระทั่งอลินทิราเป็นฝ่ายผละจากคิลเลียนเองก่อนจะได้ยินคำถามจากแดเนียล“คุณไม่สบายหรือซอนญ่า?”คำถามที่ออกจากปากเจ้าของใบหน้าคร้ามเข้มไม่ได้ทำให้คนถูกถามรู้สึกสบายใจ ตรงข้ามอลินทิรากลับรู้สึกเหมือนกับว่านั่นเป็นคว
“ซอนญ่า...ที่จริงคุณมีโอกาสจะฆ่าผมได้หลายครั้ง แต่คุณไม่ทำ ผมชักไม่แน่ใจว่าที่ผมสงสัยจะเป็นเรื่องจริง““ฉันคือออโซลย่า ฉันเป็นสายลับแห่งไซออนเนต”“ผมไม่ถียงคุณหรอก...แต่...”ร่างสูงใหญ่เว้นวรรคขณะปล่อยลมหายใจเป่ารดไปบนใบหน้าของร่างระหงที่กำลังจะหลอมละลายจากกระไอรอนแรงที่แผ่มาจากตัวเขา“แต่อะไรคะแดน” อลินทิราถามอย่างใคร่รู้“ทำไมตัวคุณถึงได้สั่นแบบนี้”เสียงกระซิบแผ่วทว่าดุดันนั้นกระตุกประสาทรับรู้ของหญิงสาวให้ตื่นตัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ อลินทิรากำลังนึกหวาดกลัวในส่วนลึก แดเนียลไม่ใช่คนโง่ และการอยู่ใกล้กันแนบสนิทเช่นนี้ทำให้เขาเริ่มมองเห็นหลายสิ่งหลายอย่างในตัวเธอได้เกือบจะทะลุปรุโปร่ง แม้แต่สิ่งที่จารชนสาวแอบซ่อนไว้ก็อาจไม่รอดพ้นจากความหลักแหลมของนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มซึ่งอาจค้นพบมันได้ในสักวัน“ร่างกายของฉันอาจกำลังเรียกร้องยาของคุณอยู่ก็เป็นได้”อลินทิราแสร้งบ่ายเบี่ยง เธอจะให้เขาล่วงรู้ได้อย่างไรว่าเรือนร่างกำยำที่กำลังบดเบียดทำใหกายสาวรวดร้าวมากแค่ไหน ถึงมียานั่นหญิงสาวก็รู้ดีว่ากำลังควบคุมตัวเองได้ยากขึ้นทุกที“แน่ใจหรือว่าคุณต้องการมัน?”แดเนียลก้มลงมาจนจมูกโด่งชนโหนกแก้มสี
“แดน” อลินทิราสะดุดลมหายใจหลายต่อหลายครั้งและหอบเหนื่อยเมื่อแดเนียลทิ้งน้ำหนักตัวลงบดเบียดบนร่างนุ่ม นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มกดจูบบนกลีบปากละมุนอย่างกระหายหิวก่อนเลื่อนริมฝีปากออกและสบนัยน์ตาวาววามบนใบหน้างามอย่างมีความหมาย“เอาเลย...ออโซลย่า ผมให้โอกาสคุณถ้าคิดว่าจะฆ่าผมตอนนี้”“ไม่ค่ะ แดน...อย่าบังคับฉัน”หญิงสาวแสดงความหวั่นหวามออกมาทางสีหน้าเมื่อถูกรุกเร้า มือเรียวบางค่อย ๆ เลื่อนขึ้นมาตามลำแขนแกร่งซึ่งสัมผัสได้ถึงความแน่นของมัดกล้ามใต้เชิ้ตผ้าไหมก่อนจะหยุดลงบนสันกรามที่ถูกขบเข้าหากันจนนูนบนใบหน้าหล่อเหลาคมคายซึ่งอยู่ใกล้จนเธอสูดเอาลมหายใจหนักนั้นเข้าไปเต็มปอด เห็นได้ชัดว่าเขาเองกำลังเคร่งเครียดขณะปลายเล็บบนนิ้วเรียวเริ่มกดลงบนผิวแก้มสากระคาย ชายหนุ่มทำอย่างจะรอคอยการตัดสินใจกระทั่งปลายนิ้วทั้งห้านั้นเริ่มคลายและเปลี่ยนเป็นลูบไล้กรามแกร่งก่อนที่อลินทิราจะทำให้แดเนียลประหลาดใจด้วยการผงกศีระษะเพื่อเสนอจูบหนักให้เขาเองบรรยากาศภายในห้องเริ่มผ่อนคลายลง แดเนียลตอบสนองสัมผัสรัญจวนที่อลินทิรามอบให้แทนการทำร้ายอย่างที่เขาปรารถนา ร่างงามเบียดเนื้อตัวเข้ากับความกำยำใหญ่โตโดยปราศจากการกระตุ
แทนคำตอบชายหนุ่มกลับรั้งชุดกระโปรงแสนสวยช่วงบนให้ลงไปกองอยู่ที่บั้นเอวอ้อนแอ้นและเร่งรีบปลดตะขอบราเซียเนื้อบางที่แทบไม่ได้ช่วยปกปิดเนินเนื้ออวบใหญ่ที่ล้นทะลักออกมาใกล้หมดอยู่รอมร่อ เขาเหวี่ยงอาภรณ์ตัวเล็กไปข้างเตียงก่อนหันกลับมาสนใจสองเต้าที่กระเพื่อมไหวอยู่กลางร่างหนา“ซอนญ่า...ผมแค่อยากสัมผัสมัน ตอนคุณกำลังจะฆ่าผม”“อูว...พระเจ้า...แดน...ได้โปรดเถอะค่ะ”จารชนสาวสั่นสะท้านไปหมดเมื่อมือสากหนาไล้เลื่อนมากอบกุมบัวดอกใหญ่ทั้งสอง เขาสัมผัสเนื้อนิ่มอย่างเบามือ ลูบโลมไปรอบ ๆ ก่อนค่อย ๆ หยอกเอินส่วนปลายสีชมพูเข้มจัดที่กำลังชูชันท้าทายสายตา“”แดน...อ๊า” อลินทิราแลกสิ่งที่เธอปรารถนากลับไปด้วยการโน้มใบหน้าหวานลงต่ำเพื่อแหย่ลิ้นในร่องสะดือลึกของชายหนุ่มซึ่งแอ่นตัวรับอย่างเสียวซ่าน เขากำลังจะคลั่งตายด้วยคลื่นพิศวาสที่ถาโถมจกลางลำตัวนับสิบระลอก ร่างบางไล้เลียดอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานขณะเดียวกันที่พวงถันอวบอิ่มก็ถูกคลึงเคล้นหนักขึ้นทุกที่กระทั่งใบหน้างามเลื่อนลงต่ำกว่านั้นเพื่อจะหยุดตรงขอบกางเกงซึ่งเข็มขัดถูกคลายออกหลวม ๆ หญิงสาวช้อนนัยน์ตาเปี่ยมเสน่ห์ไปยังใบหน้าหล่อเหลาที่บิดเบ้ราวกับทุกข์ทรมาน“แดน..
อลินทิราหยุดทุกอย่างลงชั่วขณะเมื่อเห็นเขาสั่นสะท้านเต็มที่ ร่างแน่งน้อยเลื่อนริมฝีปากนุ่มจากแกนกายกำยำขึ้นมาหยุดบนร่องสะดือกลางหน้าท้องซิกซ์แพ็คและนั่นเป็นการเปิดโอกาสให้นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มเปลี่ยนท่าขึ้นมาทาบทับบนร่างอรชร“แดน...ทำไมล่ะคะ คุณไม่ชอบมันหรือคะ?”เจ้าของกลีบปากฉ่ำเยิ้มสีกุหลาบถามเบา ๆ คล้ายยังเสียดายรสชาติของเขาที่ปลายลิ้น แดเนียลประทับจูบอลินทิราเนิ่นนานขณะช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากเรือนร่างกลมกลึงจนหมด“ไม่” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงพร่า “ผมชอบที่คุณทำแบบนั้น แต่...ผมกลัวว่าตัวเองจะรอไม่ไหว”แดเนียลสารภาพและไล้ปลายนิ้วไปบนเรียวปากเย้ายวน ชายหนุ่มถูกแม่สายลับสาวปลุกปั่นจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอฉุดรั้งเขามาไกลเกินกว่าเขตแดนที่ตัวเขาพยายามขีดคั่น และความรู้สึกเช่นเดียวกันนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากอลินทิรา ร่างบางสั่นสะท้านอยู่ใต้ความกำยำใหญ่โต เธอกำลังรอคอยบางอย่างแม้ตระหนักรู้ว่าต้องพบกับความเจ็บปวดที่ปลายทางก็ตามที“ซอนญ่า...คุณตัดสินใจได้หรือยัง หลังจากที่ได้คุยกับพ่อของผม”คำถามที่แทรกขึ้นมาทำให้บรรยากาศดื่มด่ำแปรเปลี่ยนไป ทว่าอลินทิรากลับยังรู้สึกว่าเรือนร่างของเขายังค
อลินทิรายกย้ายสะโพกผายรับแรงกระแทกจากความเครียดเขม็งที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะอ่อนแอใต้ร่างสูงใหญ่หากเธอก็ไม่ยอมพ่ายแพ้ให้แก่กำลังของเขาที่มีมหาศาล หญิงสาวตอบสนองในทุกท่วงท่าไม่ว่าเขาขยับไปทางใด ใช่แต่กายเธอที่เปิดรับหากทว่าหัวใจดวงนั้นก็ปลื้มเปรมดิ์อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน“ซอนญ่า...ซอนญ่า”“แดนคะ...แดน”เสียงครวญครางที่สะท้อนก้องราวกับว่าต่างคนต่างเปิดเปลือยกำหนัดในเบื้องลึก ต่างคนต่างมองทะลุเข้าไปในสำนึกผ่านเรือนร่างที่แนบชิด หญิงสาวไม่ใส่ใจต่อกลีบงามใจกลางแก่นกายว่าจะชอกช้ำหรือไม่จากแรงกระแทกที่ถั่งโถม รอยยิ้มจางระบายบนเรียวปากอิ่มที่สัมผัสรอยเค็มจากหยดเหงื่อบนร่างสูงใหญ่ซึ่งใบหน้าคร้ามเข้มช่างหล่อเหลาจับใจยามที่เขาโหมกระทั้นไม่มีสิ่งใดกั้นขวางระหว่างเธอและเขา ปราศจากความกินแหนงโดนสิ้นเชิงในหวงเวลานี้ เวลาที่พลังอันแข็งแกร่งถูกปลดปล่อยไปยังเรือนร่างบอบบาง“แดน...อ๊ะ...อา...พระเจ้า” แขนเรียวตวัดรัดรอบแผ่นหลังกว้างพร้อมเสียงครางเขย่าอารมณ์ที่ดังต่อเนื่อง จารชนสาวทำให้เขาหมดความยับยั้งชั่งใจและโหมกระแทกไม่ยั้งหยุด นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มหอบและครางลึกพร้อมบดริมฝีปากไปบนยอดทับทิมอ
ร่างบอบบางค่อย ๆ ย่างขึ้นไปตามขั้นบันใดอย่างเงียบกริบ เธอรู้สึกคุ้นเหลือเกินกับเสียงทุ้มต่ำที่ดังอยู่ท่ามกลางความเงียบนั้น กระทั่งก้าวไปถึงด้านหลังของตู้เครื่องดื่มจารชนสาวก็แทบจะหยุดหายใจเมื่อเห็นชัด ๆ ว่าเจ้าของร่างสูงใหญ่นั้นเป็นใครจากแสงไฟที่ส่องลงตกกระทบบนใบหน้าเหี้ยมเกรียม เฟลรอฟ!! นี่เขายังไม่ตาย เจ้าวายร้ายรัสเซียนมหาภัยที่ฆ่าทุกคนได้ไม่มีละเว้น อลินทิราค่อย ๆ ลดตัวลงนั่งในมุมมืดหลังตู้ของบาร์เครื่องดื่มและลอบมองเหตุการณ์เบื้องหน้าที่เธอไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง คนที่เธอรัวยิงและคิดว่าตายไปแล้วที่ร้านอาหารในนิวยอร์คเมื่อวันก่อนยังดูสบายดีในชุดหนังสีดำสนิทและกางเกงเดนิมบนร่างสูงใหญ่น่าเกรงขาม เขายืนคู่กันกับชายผิวขาวอีกคนที่เธอไม่คุ้นเคยซึ่งแต่งกายในลักษณะเดียวกัน คนพวกนี้ดูคล้ายกันไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าและจิตใจอำมหิตผิดมนุษย์ซึ่งหญิงสาวรู้จักนักฆ่าในองค์กรเป็นอย่างดี เธอกำลังถูกตลบหลังหรือนี่จารชนสาวพยายามกลั้นลมหายใจตัวเองเมื่อเธอเห็นร่างระหงเพรียวบางของใครคนหนึ่งในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงเข้ารูปที่ยืนหันเสี้ยวหน้าด้านข้างและกำลังพูดคุยด้วยอารมณ์เคร่งเครียด“จนป
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต
“ที่ร้านอาหารของลุงเคิร์คในเมืองกำลังหาพนักงานเสริ์ฟเพิ่ม...เอ้อ...ถ้าลูกสนใจจะทำ”“ก็ไม่เลวนะคะ แต่หนูขอเวลาอีกสักพัก”“เมื่อไหร่ก็ได้จ้ะ เมื่อไหร่ก็ได้ที่หนูพร้อม”หญิงสูงวัยยังไม่ทันยกน้ำชาขึ้นจิบก็ได้ยินเสียงแตรรถดังที่หน้าบ้าน“โอ...ตายจริง แม่ลืมซะสนิทเลย” นางวางแก้วชาและเบิกกว้าง “แม่ลืมว่าเช้านี้นัดกับคุณแบรดฟอร์ด เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ กันเข้าไปซื้อของในเมือง อัลลี่จ๊ะ...หนูคงต้องกินอาหารเช้าคนเดียวแล้วล่ะจ้ะ”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไปส่งนะคะ”“ไม่ต้องจ้ะ อัลลี่ หนูกินไปเถอะ แม่ไปก่อนนะจ๊ะ อาจกลับมาตอนบ่าย ๆ”อลินทิราเอียงศีรษะเป็นเชิงรับรู้และเมื่อแม่บุญธรรมของเธอลุกออกไปหญิงสาวจึงเลื่อนจานพาสต้าตรงหน้าไปไว้ด้านข้าง เธออยากกินอาหารฝีมือดาเลียมากที่สุดตั้งแต่กลับมาถึงที่นี่และนางก็จัดเตรียมขอที่บุตรสาวบุญธรรมโปรดปรานมากที่สุดนั่นคือเมนูอาหารอิตาเลียนแต่หญิงสาวกลับลืนมันไม่ลง ผะอืดผะอมจนบางครั้งแทบไม่อยากหันไปมอง นี่คงเป็นอาการแพ้ท้อง ถึงเธอไม่บอกแต่ดาเลียก็จะต้องรู้ในสักวันด้วยตัวนางเองร่างบอบบางลุกขึ้นไปหยุดยืนที่หน้าต่างห้องครัว ภาพภูเขาสีน้ำตาลแดงบนที่ราบทุ่งหญ้าเบื้องนอกท
“อาการของคุณดีขึ้นมากแล้วนะครับหลังจากพักฟื้นมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน หมอว่าตอนนี้คุณซอนญ่าคงกลับบ้านได้แล้วล่ะครับ”นายแพทย์สูงวัยเอ่ยกับหญิงสาวร่าบอบบางในชุดกระโปรงสีน้ำเงินเข้มซึ่งนั่งฟังผลการวินิจฉัยครั้งสุดท้ายบนเตียงผู้ป่วย เขาก้มลงดูแผ่นชาร์ตพลางยิ้มรื่น“จะให้พยาบาลแจ้งคุณแดเนียล ไพรซ์ ไหมครับว่าคุณจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คงไม่ต้องหรอกค่ะ...เอ้อ...ตอนนี้เขาคงกำลังยุ่งอยู่กระมังคะ ถ้ายังไงฉันจะบอกให้เขาทราบเองค่ะ”“ครับ...ถ้าอย่างนั้นก็อยาลืมบอกข่าวดีกับเขาด้วยก็แล้วกันนะครับว่าตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว ผมจะบอกคุณแดเนียลตั้งแต่วันที่เขากลับแคลิฟอเนีย แต่วันนั้นเขาดูเร่งร้อนมากก็เลยไม่ทันได้พูดอะไร แต่ผมคิดว่าถ้าเขารู้ก็คงจะดีใจมาก”นายแพทย์สูงวัยกล่าวอย่างอารมณ์ดีโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของคนไข้“ค่ะ...คุณหมอ ขอบคุณมากนะคะ”อลินทิรายิ้มรับแต่หัวใจดวงนั้นทั้งหวาดหวั่นและรันทดท้อด้วยคิดไปต่าง ๆ นานา หลังถูกกระสุนปืนสไนเปอร์ของเฟลรอฟตอนหนีเข้าไปในแคนยอน แลนด์กับแดเนียลเธอก็ถูกส่งมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดและหลับไม่รู้สึกตัวนานเกือบสัปดาห์ กระส
แดเนียลตะโกนทว่าหญิงสาวกลับยืนนิ่ง เธอมองไปรอบตัวซึ่งถูกโอบล้อมด้วยหน่วยสวาท ร่างเพรียวระหงกำหมัดแน่น เธอจะไม่ยอมถูกจับที่นี่เป็นเด็ดขาด“ได้...แดเนียล แต่ฉันอยากคุยกับพี่ก่อนมอบตัวกับตำรวจ”โมนิกายื่นข้อเสนอสักครู่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งยืนข้าง ๆ แดเนียลก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบ“ว่ายังไงครับ คุณแดเนียล จะเข้าไปคุยกับเธอหรือเปล่า?”คนถูกถามพยักหน้าก่อนตอบ “ครับ...ผมจะคุยกับเธอ”“ระวังตัวด้วยนะครับ เราไม่รู้ว่าเธอมีแผนอะไรบ้าง”“ขอบคุณครับ ผมจะระวัง” แดเนียลรับปากก่อนเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับญาติผู้น้อง ทุกอย่างเงียบกริบ บรรยากาศรอบตัวบีบคั้นจนน่าอึดอัด เจ้าหน้าที่หน่วยสวาททุกนายซึ่งมีอาวุธครบมืออยู่ในท่าเตรียมพร้อมตลอดเวลากระทั่งชายหนุ่มเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าหญิงสาว“โมนี่” แดเนียลลดเสียงต่ำ เขาเครียดเกร็งในช่องท้องเมื่อต้องมาอยู่ในสภาวการณ์ล่อแหลมและอาจเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ เขาเหมือนตัวประกันของโมนิกา ญาติผู้น้องที่จับจ้องไม่วางตาเมื่อบทสนทนาเริ่มขึ้น“โมนิกา...ตอนนี้คนในองค์กรของเธอถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไว้เกือบหมดแล้ว มูลนิธิถูกสั่งปิด ไซออนเนต...จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว”“พี่คิดว่าเรื่องทุกอย่