“คฤหาสน์ไพรซ์มีห้องหับนับไม่ถ้วน ห้องนี้มันไม่เหมาะกับผู้หญิงที่คุณหิ้วมาหรอกค่ะ หรือคุณจะให้ฉันไปนอนห้องแม่บ้านหรือจะเอาฉันไปขังไว้ที่ห้องไหนก็ได้”
หญิงสาวไม่รู้ตัวว่าได้ตัดพ้อเขาด้วยความน้อยใจจากคำพูดของโมนิกา ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงอ้อมแขนแกร่งที่กอดรัดเธอแน่นขึ้น
“ซอนญ่า...คุณคงลืมไปแล้วว่าผมพาคุณมาที่นี่เพื่ออะไร ผมเคยบอกแล้วยังไงล่ะว่าจะไม่กักขังหรือหน่วงเหนี่ยวคุณไว้ด้วยอะไรทั้งสิ้น แต่คุณอยู่ในฐานะจำเลยที่ต้องทำตามคำสั่งของผมทุกอย่าง!”
“นี่มันยิ่งกว่าการมัดฉันไว้ในห้องขังนะคะแดน”
“คุณเป็นคนเลือกเอง ซอนญ่า! ถ้าคุณคิดว่าจะกำความลับของผมไว้กับตัวคุณต่อไปก็ต้องยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของคุณได้ทุกอย่าง”
“แดน...คุณมันเจ้าเล่ห์”
“ก็ยังน้อยกว่าจอมวางแผนอย่างคุณ และนี่คือบทเรียนสำหรับนักวางแผนที่มันจะเริ่มต้นนับตั้งแต่คืนนี้”
“แดน...ไม่!” อลินทิราเบิกตากว้างเมื่อแดเนียลใส่อะไรบางอย่างเข้าไปในปากของเขา มันเป็นยาเม็ดเล็กที่ชายหนุ่มไม่ยอมกลืนลงคอแต่กลับบังคับเรียวปากอิ่มให้อ้าออกเพื่อรับมันจากริมฝีปากหนาซึ่งประกบปิดลงมาอย่างรวดเร็ว
“อื้อ...อื้อ” หญิงสาวครางลึกเมื่อรู้สึกถึงสิ่งที่ถูกถ่ายเทมาทางปากไหลลงไปในลำคอแห้งผากอีกครั้ง นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มทำอย่างที่เขาพูดไว้ ตราบที่เขายังไม่ได้ข้อมูลกลับไปก็จะต้องบีบบังคับเพื่อเค้นความลับจากร่างกายของเธอ
บทที่ 6
ข้อมูลลับที่ถูกเก็บงำ
อลินทิราแทบไม่รู้ตัวว่าเธออ่อนเปลี้ยลงตอนไหนในอ้อมแขนทรงพลังนั้น รู้เพียงแรงกำลังเริ่มถดถอยราวกับถูกเขาสูบเอาไปพร้อม ๆ กับที่เธอกลืนยาเม็ดเล็กลงคอ สายลับสาวรู้สึกคล้ายจะทรงตัวไม่อยู่กระทั่งคนตัวโตถอนริมฝีปากออกแต่ช้อนร่างบอบบางกลับไปวางบนเตียงกว้างในเวลาต่อมา
“แดน...”
หญิงสาวไม่ทันได้ทักท้วงหรืออุทรใด ๆ ก็ถูกเขาจูบซ้ำอย่างรวดเร็วอีกครั้ง แดเนียลเหมือนไฟร้อนที่ผลาญเผาเธอและสิ่งที่จารชนสาวทำได้ก็คือปล่อยให้ลิ้นหนาตวัดพลิ้วไล้เลียดไปมาในอุ้งปากเล็กอย่างหิวกระหาย ชายหนุ่มแทบไม่เปิดโอกาสให้เธอได้หายใจ ทว่าช่างเป็นสัมผัสอันรัดรึงและชวนวาบหวามไม่ต่างกับตอนพบเขาที่ยูทาห์
อลินทิราไม่อยากเชื่อว่าเธอจะอ่อนแอลงมากถึงเพียงนี้ แม้แต่จะหาวิธีหลีกให้พ้นจากอ้อมแขนของแดเนียลก็ยังทำไม่ได้และดูเหมือนการที่สายลับสาวโอนอ่อนผ่อนตามก็ทำให้ชายหนุ่มรุกไล่เธอมากขึ้นทุกที
“แดน...ปล่อยฉันนะคะ”
ร่างอรชรร้องออกมาในจังหวะที่คนตัวโตซึ่งทาบทับเธอเอาไว้ปล่อยให้กลีบปากนุ่มเป็นอิสระ ในขณะที่เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องดวงหน้างามของผู้อยู่ใต้ร่างด้วยความรู้สึกมากมายที่ประดังเข้ามา ทำไมเขาถึงไม่ฆ่าออโซลย่าตั้งแต่ตอนนั้น หนำซ้ำยังท้าทายตัวตนที่ไม่เคยยอมใครด้วยการเข้าใกล้จิตวิญญาณของจารชนสาวมากขึ้นทุกขณะ เขากำลังก้าวข้ามเส้นแบ่งของตัวเองในเวลาเดียวกันก็สำนึกถึงความไหวหวั่นที่กำลังกัดเซาะความเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ซอนญ่า...แค่คุณบอกผมมา ทุกอย่างก็จบ”
เสียงแหบห้าวนั้นผะแผ่วขณะใบหน้าคมคายโน้มลงไปใกล้จมูกเล็ก ชายหนุ่มก็อยากสะกดกลั้นตัวเองจากความปรารถนาที่กำลังทะยานขึ้นสูง แต่แล้วคำตอบที่ได้รับกลับเป็นใบหน้าสวยหวานที่ส่ายไปมาเบา ๆ
“ข้อมูลของคุณ...มันมีความหมายเท่ากับชีวิตของฉัน”
“คุณหมายความวว่ายังไง?”
“ฉันก็หมายความอย่างที่พูด ไม่ว่าคุณหรือไซออนเนตจะได้มันไปก็ต้องแลกกับความตายของฉันอยู่ดี”
“คุณกำลังบีบคั้นผมอยู่นะซอนญ่า”
“ไม่!...ฉันคือออโซลย่า ทำไมไม่ฆ่าฉันเลยล่ะ แดเนียล”
เปลือกตาบอบบางบนใบหน้างดงามปิดลงพร้อมหยดน้ำเล็ก ๆ ที่ไหลร่นลงไปตามขมับ
“ผมบอกคุณแต่แรกแล้วไงว่าผม...จะไม่ทำอย่างนั้น”
แดเนียลกระซิบก่อนก้มหน้าลงไปชิดและซับหยดน้ำบนขมับบางด้วยปลายลิ้น อลินทิราลืมตาขึ้นรับสัมผัสอันอ่อนโยนกับความร้อนภายในที่กำลังพวยพุ่งขึ้นมารวดเร็วพอกัน
“ผมบอกแล้วยังไงว่าผมรอได้...แต่คุณจะไหวหรือเปล่าถ้าต้องถูกกรอกยาทุกคืน”“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าฉันจะสูญเสียความทรงจำจากยากล่อมประสาทนั่นไหม”“อาจจะไม่...และตรงข้าม คุณอาจจะจดจำมันได้ดี ผมหมายถึง...ทุกอย่างหลังจากที่คุณกลืนยาลงไป”“ไม่...ไม่” เสียงหวานที่พร่ำปฏิเสธถูกกลืนหายเข้าไปในริมฝีปากหนาได้รูปที่ประกบปิดลงมา อลินทิราหมดข้อสงสัยและปราศจากเรี่ยวแรงจะต่อต้าน รับรู้เพียงสัมผัสอันหวานฉ่ำที่ปลายลิ้นและความเร่าร้อนใจกลางเรือนกายซึ่งถูกร่างสูงใหญ่กดทับพร้อมบดเบียดหนักขึ้นเรื่อย ๆ สายลับสาวน่าจะงัดกลยุทธการป้องกันตัวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ใช่ปล่อยให้นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มเปิดเปลือยร่างงามด้วยการเปลื้องชุดกระโปรงลายตารางพ้นออกไปจากตัวเธอจนหมดไม่เว้นแม้แต่อาภรณ์ชิ้นเล็กอันเป็นปราการด่านสุดท้าย “แดน...อือ” จารชนสาวครางเสียงหวิว หากทว่าครั้งนี้ไม่ใช่การตัดพ้อหรือปฏิเสธ อลินทิราบิดร่างกลมกลึงไปมาเมื่อรู้สึกถึงแรงกระตุ้นในกายทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ โอ...นี่เธอเป็นอะไรไปอีก ยานั่นกำลังออกฤทธิ์ทำให้เธอหลงใหลในกายใหญ่โตกำยำของแดเนียลที่ก็เปลือยเปล่าจนหมดแล้วเช่นกัน ทั้งท
แดเนียลเป็นฝ่ายรุกเร้าด้วยการแทรกตัวเข้าไปตรงกลางระหว่างเรียวขางามที่แยกออกและโอบรัดเอวของชายหนุ่มไว้อย่างจะบอกว่าถึงอย่างไรเธอก็ปฏิเสธเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ผู้หล่อเหลาไล้ริมฝีปากเบา ๆ ราวขนนกไปบนไหล่กลมกลึงโดยไม่ลืมกดปลายนิ้วลงบนบั้นท้ายงอนงามเพื่อดันให้เนินเนื้อสามเหลี่ยมบอบบางด้านหน้าแนบสนิทกับผิวสัมผัสกร้านหนาบนตัวเขามากยิ่งขึ้น“แดน...อือ...อา”อลินทิราหลุดเสียงครางออกมาหลายต่อหลายหนเมื่อส่วนอ่อนไหวถูกเสียดสีเนิบช้าทว่าเป็นจังหวะสม่ำเสมอ มือทั้งสองที่ค้ำยันบนที่นอนกรีดจิกผ้าคลุมเตียงจนมันแทบฉีกขาด“แดนคะ...ฉันอยากถามคุณ” หญิงสาววฝืนพูดเสียงขาดเป็นห้วง ๆ เมื่อเขาเลื่อนใบหหน้าขึ้นมาเผชิญกับเธอและหอบหายใจหนัก“คุณอยากถามอะไรผมตอนนี้หรือ ซอนญ่า”“คุณใช้วิธีการแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่น...บ่อยแค่ไหน?”“วิธีการแบบนี้?” ชายหนุ่มนิ่วหน้า“เหมือนอย่างที่ใช้กับฉัน...ใช้ยา”“ไม่เคย...แม้แต่ครั้งเดียว”คำตอบของแดเนียลทำให้สีหน้าของอลินทิราวูบลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงชายหนุ่มจะอยู่ในอารมณ์ปรารถนาเต็มที่หากแต่เขาก็ยังมีสัมปชัญญะเปี่ยมล้น หญิงสาวทอดถอนหายใจก่อนขยับร่างเปลือยห่างออกไ
“แดน...ฉะ...ฉัน...ไม่...” เสียงหวานครางหอบขาดเป็นห้วง ๆ จากความหวั่นหวามรัญจวนเกินจะต้านไหว หญิงสาวสอดปลายนิ้วเรียวเข้าไปในเรือนผมสีน้ำตาลเข้มประกายทองและขยุ้มเบา ๆ ราวส่งสัญญาณเรียกร้องว่าเธอมิอาจปฏิเสธได้อีกต่อไปแล้ว“อา...อืม...แดนคะ...ฉันต้องการ...ต้องการคุณค่ะ”อลินทิราละทิ้งความอายและก้มลงมองใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้สาละวนอยู่ใกล้ใจกลางของความเป็นสาว แดเนียลเลื่อนริมฝีปากผ่านหน้าท้องแบนราบลงไปบรรจบกับปลายนิ้วแกร่งซึ่งไล้อยู่บนรอยแยกที่เห็นกลีบบางสีชมพูรำไร“อ๊ะ...แดน...โอ...พระเจ้า!” ร่างอรชรนั่งแทบไม่ติดเมื่อชายหนุ่มเริ่มไล้เลียดปลายลิ้นหนาผ่านเส้นใยไหมและแทรกลึกลงไปถึงนิ่มเนื้อสีแดงเข้ม แดเนียลดูดซับทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่หยาดน้ำหวานที่เริ่มหลั่งรินออกมา ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมราวดอกไม้ป่าที่ล่อหมู่ภมรเพื่อดูดชิมความหวานจากหมู่ไม้ที่กำลังสยายกลีบดูเหมือนนักนิวเคลียร์ฟิสิกส์หนุ่มไม่อาจหยุดยั้งตัวเองได้เมื่อแทรกปลายลิ้นลึกเข้าไปสลับกับการลิ้มลองเกสรแสนอ่อนไหวจนร่างแน่งน้อยสั่นเทิ้มคล้ายเทียนหลอมละลายด้วยเปลวไฟระอุร้อน เขาล่อหลอกหญิงสาวให้จนมุมและต้องยอมจำนนต่อรสพิศวา
“ทำไมคะ แดน...ฉันก็แค่...อยากรู้ว่าคุณเป็นยังไงเท่านั้น” หญิงสาวกระซิบถามอีกครั้ง แววตาคู่นั้นยังเต็มไปด้วยความกังขา“ผมคิดว่าคุณคงพิสูจน์มันพอแล้ว” เสียงห้าวหนักพร่ำถามอยู่กับลำคอเรียวระหง จารชนสาวเลียริมฝีปากแห้งผากก่อนตอบ“ฉันต้องการเวลาอีกนิด”“แล้วผมจะให้เวลาคุณพิสูจน์อีกหลาย ๆ ครั้ง...หลังจากนี้...อืม”แดเนียลยืนยันด้วยเสียงค่อนข้างแน่นหนักก่อนเร่งจังหวะการสอดประสานกระชั้นถี่ ร่างสูงใหญ่จุดประกายความสุขอย่างประหลาดจากก้นบึ้งของสายลับสาว อลินทิราสัมผัสได้ถึงการหลอมรวมที่แตกต่างไปจากครั้งแรก เธอยังนึกถึงรสชาติฉ่ำล้ำของเขาในปากและบัดนี้ทุกอณูของบุรุษผู้ปราดเปรื่องนั้นถูกดูดดึงไว้ในความบอบบางของเธอจนหมดสิ้น“แดน...อา...อืม...อา”“ซอนญ่า...โอ...ไม่...พระเจ้า”คนตัวโตครางไม่ยอมหยุดเมื่อไม่อาจฉุดอารมณ์ปรารถนาที่กำลังทะยานขึ้นสูง ร่างสูงใหญ่โหมตัวตนเข้าสู่ใจกลางความเป็นสาวที่เหงื่อผุดพราวตามเนื้อตัวสีชมพูเรื่อ อลินทิรายกย้ายสะโพกผายเพื่อตอบรับทุกจังหวะที่ชายหนุ่มเสือกไสเข้าไปเต็มกำลังหญิงสาวช้อนนัยน์ตามองบุรุษที่ขยับความแข็งขันเข้าออกและบอกกับตัวเองว่าแดเนียลช่างเป็นผู้ชายที่เซ็กซี่ที่
“ก็แค่ตอนนั้น หลังจากที่คุณรีบเอาข้อมูลลับกับเช็คเงินสดยี่สิบล้านดอลล่าห์ออกมาจากร้านกาแฟเพื่อมุ่งหน้าไปสนามบินเจเอฟเค!”จารชนขมวดคิ้วยุ่ง ทุกคำพูดของแดเนียลล้วนเป็นการเปิดเผยการกระทำของเธอราวเขาเห็นกับตา“คุณรู้ความเคลื่อนไหวของฉันทุกอย่างหรือคะ แดน ...คุณเป็นนักธุรกิจหรือนักวิทยาศาสตร์กันแน่”ร่างบางเอ่ยขึ้นขณะจับจ้องนัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงคู่นั้นอย่างค้นหา แดเนียลยังคงอยู่ในตัวเธอทว่าหญิงสาวกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นได้ระเหิดหายไปในความหนาวเยือก ชายหนุ่มขบกรามนูนเป็นสันก่อนพูด“ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ผมต้องดำเนินงานธุรกิจในครอบครัว ผมต้องพบกับผู้คนมากมายในแวดวงสังคม ทั้งที่ความเป็นจริงผมไม่ชอบนักหรอกกับการใช้ชีวิตท่ามกลางคนหมู่มาก แต่ผมก็ได้มาค้นพบสิ่งที่ตัวเองรักและหลงใหลอย่างแท้จริง นั่นคืองานด้านนิวเคลียร์ฟิสิกส์ มันเป็นการเล่นแร่แปรธาตุที่ท้าทายความสามารถของผมอย่างยิ่งยวด มันทำให้ผมหลีกห่างจากผู้คน แม้ว่าต้องทดลองอะไรซ้ำ ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อ ผมแค่อยากบอกคุณเท่านั้นว่าผมแทบไม่เคยตามติดชีวิตของใคร ยกเว้นก็แต่ออโซลย่า เพราะเธอทำให้งานของผมเสียศูนย์”“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยบอกฉันหน่อยสิ
อลินทิราถามเสียงเครียดบ้างแต่คนถูกถามกลับกระตุกยิ้มมุมปากก่อนเอนตัวลงนอนเหยียดยาวโดยประสานมือทั้งสองไว้ที่ท้ายทอยทั้งที่เรือนร่างนั้นยังเปล่าเปลือย“พ่อกับแม่ของผมถึงจะเดินทางไปอยู่ที่ไหน ๆ ในโลกก็ไม่เคยที่จะไม่รู้เรื่องลูกของท่าน แม่บอกว่ามีคนเห็นผมพาผู้หญิงมาจากยูทาห์ ท่านเลยสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน”“แต่ฉันไม่ได้อยู่ในฐานะของผู้หญิงที่คุณจะพาไปรู้จักกับพ่อแม่คุณหรอกนะคะ แดน...ฉันอยู่ที่นี่ในฐานะจำเลยต่างหาก”“ก็เพราะคุณเป็นจำเลยที่ผมจะปล่อยเอาไว้ลำพังไม่ได้ ผมถึงต้องพาคุณไปด้วยยังไงล่ะ”ชายหนุ่มกล่าวก่อนตะแคงร่างกำยำมาทางหญิงสาว อลินทิราเผลอมองความเป็นเขาที่เริ่มผงาดสู้สายตาขึ้นมาอีก นี่เขาจงใจยั่วยวนหรือเธอเองที่สติแตกจนความรู้สึกไม่อยู่กับเนื้อกับตัวกันแน่ สายลับสาวกำลังจะดึงผ้าห่มขึ้นมาปกปิดสัดส่วนคอดเว้าของตัวเองบ้างแต่กลับถูกมือหนาแกร่งฉวยมันไปกองไว้ข้าง ๆ“เอ๊ะ!...แดน ฉันอยู่ในสภาพแบบนี้ทั้งคืนไม่ได้นะคะ”“แต่เราก็ตกลงกันแล้วว่าคุณจะไม่ขัดใจผม”“อ๊ะ!” ร่างบอบบางร้องไม่เต็มเสียงเมื่อถูกร่างสูงใหญ่โถมทับจนเธอต้องอยู่เบื้องล่างเขาอีกครั้ง ทว่าคราวนี้นัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่ว
อลินทิราเห็นว่าทั้งแดเนียลและโมนิกาไม่พูดคุยเล่นอย่างสนิทสนมเหมือนญาติสนิททั่วไป ชายหนุ่มจะคุยกับญาติผู้น้องของเขาเฉพาะเรื่องงานที่บริษัทก็เท่านั้นกระทั่งทั้งหมดเดินทางมาถึงเมืองลา สเปเซีย ซึ่งเป็นเมืองท่าเต็มไปด้วยสีสันลานตาของตึกรามบ้านช่องบนผาสูงชันของประเทศอิตาลีอลินทิราในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายเสื้อแขนกุดก้าวลงจากรถเมอร์เซเดส เบนซ์สีดำเป็นมันปลาบพร้อมกับแดเนียลในชุดเสื้อโปโลกางเกงสแลคเมื่อคนขับจอดรถที่ท่าเรืออันเงียบสงบพร้อมด้วยรถที่ติดตามมาอีกสามคัน หญิงสาวหันไปทางโมนิกาที่ก้าวลงมาจากรถอีกคันและคนของแดเนียลอีกหลายคนที่กำลังกุลีกุจอขนกระเป๋าสัมภาระมากมายลงมาวางเรียงไว้ด้านล่างสายลับสาวสูดกลิ่นไอน้ำทะเลก่อนหันกลับไปพบกับภาพของชายในชุดสูทยืนเรียงแถวเหนือบันไดไม้สักบริเวณท้ายเรือยอชต์ขนาดใหญ่โตมโหฬารสีเทาดำทว่ารูปลักษณ์สุดทันสมัยปราดเปรียวสมส่วน โดยด้านข้างกราบเรือมีตัวอักษรภาษาอังกฤษเรียงกันเป็นคำว่า ไพรซ์ (PRIZE)“ไปกันเถอะ...พ่อกับแม่ของผมรออยู่ที่ห้องอาหารบนดาดฟ้าเรือ”แดเนียลกล่าวสั้น ๆ ก่อนจูงมืออลินทิราก้าวผ่านชายชุดสูทเหล่านั้นขึ้นเรือยอชต์ซึ่งภาพเบื้องหน้าอยู่ในสายตาของโมนิกาที
สายลับสาวตอบกลับขณะเหลือบมองอาหารในจานก่อนทำให้โมนิกาเบิกตากว้างด้วยการสาธยายต่อ“นี่เป็นไข่ทอดกรอบเสิร์ฟกับหน่อไม้ฝรั่งและพาร์เมซาน เป็นจานที่ใช้วัตถุดิบอิตาเลี่ยนคลาสสิคสามอย่างค่ะ เนยพาร์เมซานนี่เอามาตีกับนมแบบแคปปูชิโน หน่อไม้ฝรั่งก็เอามาบดเป็นปูเร่ ส่วนไข่ไก่ฟองใหญ่ ๆ นี่เป็นของอิตาลี่แท้ ๆ ต้องต้มแล้วทอด ทำให้กรอบด้วยเกล็ดขนมปัง พอตัดผ่านไข่ขาวก็จะพบกับไข่แดงเป็นยางมะตูม เป็นเทคนิคที่ทำยากมาก ๆ เลยค่ะ คุณโมนิกา”จบคำพูดยืดยาวโฮเวิร์ดก็ปรบมือลั่น เขายกแก้วไวน์ขึ้นจิบก่อนพูดอย่างอารมณ์ดี“ยอดเยี่ยม! ซอนญ่า...ฉันไม่นึกเลยนะว่าเจ้าแดนมันจะพบกับแม่ศรีเรือนเข้าให้แล้วคงไม่ต้องสาธยายล่ะว่าสาวยูทาห์มีเสน่ห์ดึงดูดลูกชายฉันตรงไหน”“ที่สำคัญเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากครับพ่อ”คิลเลียนหันมาสำทับทว่านั่นทำให้พี่ชายของเขาเกิดอาการกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย โดยปกติน้องชายของเขาไม่ใคร่ออกปากชื่นชมใครต่อหน้าแม้แต่คู่หมั้นของเขาเอง อลินทิราเป็นคนแรกที่ทำให้คิลเลียนหลุดคำเหล่านั้นออกมา แดเนียลยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกก่อนพูด“ผมก็ไม่เคยรู้เหมือนกันครับพ่อว่าซอนญ่าจะทำอาหารอิตาเลี่ยนเป็นเหมือนกัน”“ก็ลูกชายแม
“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”“ค่ะ...แม่”
“แดน...ที่ผ่านมาคุณไม่คิดบ้างหรือคะว่าฉันเคยทำอะไรแย่ ๆ กับคุณบ้าง อย่างเช่นวางยาคุณ หรือตั้งใจจะเอาคืนให้คุณเจ็บแสบ”“อะไร ๆ อาจแย่กว่านี้ถ้าผมไม่ได้รู้จักคุณ...ออโซลย่า”หญิงสาวเอียงคอเพื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ลดจมูกลงมาเคลียบนแก้มนุ่ม“คุณคงยังไม่ลืมเธอซีนะคะ”“ผมไม่เคยลืมสายลับสาวแสนสวยที่เก่งกาจถึงขนาดถอดรหัสผ่านประตูนิรภัยของผมได้ และยิ่งกว่านั้นเสน่ห์ของเธอก็มัดใจผมไว้จนดิ้นไม่หลุด”“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะแดน...ฉันน่ะไม่เห็นว่าคุณจะพูดดีกับฉันสักหน” อลินทิราอดที่จะตั้งคำถามกับคนที่เธอรักไม่ได้แม้เวลานั้นจะล่วงเลยมาแล้วก็ตาม“อืม...คงตั้งแต่พบกันครั้งแรกในแคนยอน แลนด์ ผู้หญิงอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดทั้งที่รู้ว่าสู้ผมไม่ได้”“ฉันอยากจะฆ่าคุณ” เธอย่นจมูก “ทึ้งคุณให้หลุดเป็นชิ้น ไม่เคยมีใครตามติดและต้อนฉันจนมุมได้เหมือนคุณ”“ตอนแรกคุณจินตนาการว่าผมเป็นคนแบบไหนกัน ซอนญ่า” ชายหนุ่มจุดความอบอุ่นในกายหญิงสาวด้วยการขบเม้มเบา ๆ ที่ใบหูเล็กบาง“ตอนที่ฉันจะรับงานนี้ ฉันแทบไม่สนใจข้อมูลเจ้าของชิปนั่นเลยสักนิดเดียว ฉันคิดเอาเองว่า แดเนียล ไพรซ์ คงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เขาคงเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง
“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะขอคุณแต่งงาน แต่ผมยังไม่ได้พบแม่บุญธรรมของคุณ ไม่รู้ท่านจะว่ายังไงบ้าง”“ฉันจะว่ายังไงได้ล่ะคะ”เสียงของหญิงสูงวัยที่แทรกขึ้นมาทำให้สองหนุ่มสาวหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน“แม่!” อลินทิราอุทานออกมา เธอลืมตัวจะผละห่างจากชายหนุ่มทว่าแดเนียลยังกอบกุมมือเรียวบางไว้แน่น ดาเลียซึ่งยืนอยู่ที่ประตูยิ้มกับผู้มาใหม่ นางมองเขาด้วยสายตาบอกความประหลาดใจหากก็เต็มไปด้วยความตื้นตัน“สวัสดีค่ะ...ฉันคือดาเลีย เฮอเกรล ฉันเป็นแม่บุญธรรมของอัลลี่เองค่ะ”ดาเลียแนะนำตัวในขณะที่ชายหนุ่มคลายมือจากหญิงสาว“สวัสดีครับคุณแม่ ผม แดเนียล ไพรซ์”“แม่กลับมาตอนไหนคะ ทำไมหนูไม่ได้ยินเสียงเลย”ร่างบางถามแก้เก้อ เธอดูเงอะงะไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือจะแสดงท่าทางอย่างไรต่อหน้าแม่บุญธรรมในสถานการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้“แม่ลืมของที่จะเอาไปฝากลุงเคิร์คน่ะจ้ะ เลยกลับมาและก็ทันได้ยินว่า คุณแดเนียลจะขอหนูแต่งงาน นี่เป็นความจริงหรือจ๊ะ?”“เป็นความจริงครับคุณแม่”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสูงวัย นางจ้องมองเขาไม่วาง แดเนียล ไพรซ์ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์ดึงดูด เขาทำให้ดาเลียพรึงเพริศราวถูกสะกดด้วยนัย
แดเนียลอธิบายในขณะที่อาการตื่นกลัวของอีกฝ่ายเริ่มคลายลง อลินทิราเห็นแววตาคู่นั้นหม่นแสงเมื่อเขาพูดต่อไป“เธอแอบจัดตั้งมูลนิธิในนาม ไพรซ์ คอร์ป เพื่อซออนเนต และถ่ายโอนเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยงเพื่อองค์กรของตัวเอง พอเออร์วิ่งรายงานเรื่องนี้พร้อมทั้งยืนยันด้วยเอกสาร ผมก็เริ่มส่งคคนตามประกบจนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ข้อมูลว่าโมนิกานัดพบกับ อลัน ทีทอน เจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามของยุโรป...ผมตามเธอไปพร้อมกับตำรวจและหน่วยสวาทติดอาวุธครบมือ”“ตำรวจคงจับเธอได้แล้วใช่ไหมคะ แดเนียล?”หญิงสาวถามอย่างกระตือรือร้น ความตื่นเต้นประดังอยู่ในอกแทบระเบิดด้วยอยากรู้วาระสุดท้ายของนายใหญ่แห่งไซออนเนต ทว่าแดเนียลกลับยิ้มขื่นและตอบว่า“โมนิกาเป็นคนเก่ง เธอเป็นอัจฉริยะ แต่...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถาม“เธอหนีไปได้ใช่ไหมคะ?”ร่างสูงส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก “โมนิกา...ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ...วิสามัญ”“พระเจ้า!”“เราจัดพิธีศพให้เธอและฝังเธอไว้ในสุสานของตระกูล เมื่อไม่มีนายใหญ่ ไซออนเนตก็ถึงจุดจบ”“บางที...อาจจะไม่” อลินทิราขืนตัวออกจากแขนแกร่ง ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำและแดงก่ำ“อาจเป็นจุดจบของไซออนเนต แต่คุณ
“ตอนผมไปโรงพยาบาลและพบหมอที่รักษาคุณ เขาบอกว่าภรรยาของผมอาการดีขึ้นมากและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หมอกำชับผมให้ดูแลคุณเป็นพิเศษ ผมคิดว่าจะไม่ถามอะไรต่อจนคุณหมอเข้ามาแสดงความยินดีที่ผมจะได้เป็นพ่อคน เพราะภรรยาของผมตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก เธอรับฟังทุกอย่างแต่เหมือนยังมีสิ่งค้างคาใจ“แดนคะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีหรือปกปิดเรื่องนี้ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณกลับไปแคลิฟอเนียเป็นเพราะคุณต้องรีบกลับไปหาโมนิกาหรือเปล่า”“ใช่...โมนิกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่น”ชายหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเลและทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายหมองลงอย่างเหนได้ชัด กระทั่งเขาพูดต่อทั้งที่กอดเธอไว้แน่น“ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นหลังจากหมอผ่าตัดเอากระสุนฝังในออก ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์วิ่ง เขาเป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่ผมจ้างมาสืบเรื่องนี้ เออร์วิ่งให้ผมรีบกลับไปที่ซานตาโมนิกาด่วนเพราะเขามีข้อมูลบางอย่างให้ผมดู มันเป็นข้อมูลความผิดปกติทางด้านการเงินของบริษัท ตอนแรกที่เขาเข้ามาสืบเรื่องชิปที่หายไป เขารู้แค่ว่ามันเชื่อมโยงกับองค์กรลับไซออนเนต แต่การล้วงข้อมูลลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้เออร์วิ่งพบกับสิ่งที่น่าต
“ที่ร้านอาหารของลุงเคิร์คในเมืองกำลังหาพนักงานเสริ์ฟเพิ่ม...เอ้อ...ถ้าลูกสนใจจะทำ”“ก็ไม่เลวนะคะ แต่หนูขอเวลาอีกสักพัก”“เมื่อไหร่ก็ได้จ้ะ เมื่อไหร่ก็ได้ที่หนูพร้อม”หญิงสูงวัยยังไม่ทันยกน้ำชาขึ้นจิบก็ได้ยินเสียงแตรรถดังที่หน้าบ้าน“โอ...ตายจริง แม่ลืมซะสนิทเลย” นางวางแก้วชาและเบิกกว้าง “แม่ลืมว่าเช้านี้นัดกับคุณแบรดฟอร์ด เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ กันเข้าไปซื้อของในเมือง อัลลี่จ๊ะ...หนูคงต้องกินอาหารเช้าคนเดียวแล้วล่ะจ้ะ”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไปส่งนะคะ”“ไม่ต้องจ้ะ อัลลี่ หนูกินไปเถอะ แม่ไปก่อนนะจ๊ะ อาจกลับมาตอนบ่าย ๆ”อลินทิราเอียงศีรษะเป็นเชิงรับรู้และเมื่อแม่บุญธรรมของเธอลุกออกไปหญิงสาวจึงเลื่อนจานพาสต้าตรงหน้าไปไว้ด้านข้าง เธออยากกินอาหารฝีมือดาเลียมากที่สุดตั้งแต่กลับมาถึงที่นี่และนางก็จัดเตรียมขอที่บุตรสาวบุญธรรมโปรดปรานมากที่สุดนั่นคือเมนูอาหารอิตาเลียนแต่หญิงสาวกลับลืนมันไม่ลง ผะอืดผะอมจนบางครั้งแทบไม่อยากหันไปมอง นี่คงเป็นอาการแพ้ท้อง ถึงเธอไม่บอกแต่ดาเลียก็จะต้องรู้ในสักวันด้วยตัวนางเองร่างบอบบางลุกขึ้นไปหยุดยืนที่หน้าต่างห้องครัว ภาพภูเขาสีน้ำตาลแดงบนที่ราบทุ่งหญ้าเบื้องนอกท
“อาการของคุณดีขึ้นมากแล้วนะครับหลังจากพักฟื้นมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน หมอว่าตอนนี้คุณซอนญ่าคงกลับบ้านได้แล้วล่ะครับ”นายแพทย์สูงวัยเอ่ยกับหญิงสาวร่าบอบบางในชุดกระโปรงสีน้ำเงินเข้มซึ่งนั่งฟังผลการวินิจฉัยครั้งสุดท้ายบนเตียงผู้ป่วย เขาก้มลงดูแผ่นชาร์ตพลางยิ้มรื่น“จะให้พยาบาลแจ้งคุณแดเนียล ไพรซ์ ไหมครับว่าคุณจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คงไม่ต้องหรอกค่ะ...เอ้อ...ตอนนี้เขาคงกำลังยุ่งอยู่กระมังคะ ถ้ายังไงฉันจะบอกให้เขาทราบเองค่ะ”“ครับ...ถ้าอย่างนั้นก็อยาลืมบอกข่าวดีกับเขาด้วยก็แล้วกันนะครับว่าตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว ผมจะบอกคุณแดเนียลตั้งแต่วันที่เขากลับแคลิฟอเนีย แต่วันนั้นเขาดูเร่งร้อนมากก็เลยไม่ทันได้พูดอะไร แต่ผมคิดว่าถ้าเขารู้ก็คงจะดีใจมาก”นายแพทย์สูงวัยกล่าวอย่างอารมณ์ดีโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของคนไข้“ค่ะ...คุณหมอ ขอบคุณมากนะคะ”อลินทิรายิ้มรับแต่หัวใจดวงนั้นทั้งหวาดหวั่นและรันทดท้อด้วยคิดไปต่าง ๆ นานา หลังถูกกระสุนปืนสไนเปอร์ของเฟลรอฟตอนหนีเข้าไปในแคนยอน แลนด์กับแดเนียลเธอก็ถูกส่งมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดและหลับไม่รู้สึกตัวนานเกือบสัปดาห์ กระส
แดเนียลตะโกนทว่าหญิงสาวกลับยืนนิ่ง เธอมองไปรอบตัวซึ่งถูกโอบล้อมด้วยหน่วยสวาท ร่างเพรียวระหงกำหมัดแน่น เธอจะไม่ยอมถูกจับที่นี่เป็นเด็ดขาด“ได้...แดเนียล แต่ฉันอยากคุยกับพี่ก่อนมอบตัวกับตำรวจ”โมนิกายื่นข้อเสนอสักครู่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งยืนข้าง ๆ แดเนียลก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบ“ว่ายังไงครับ คุณแดเนียล จะเข้าไปคุยกับเธอหรือเปล่า?”คนถูกถามพยักหน้าก่อนตอบ “ครับ...ผมจะคุยกับเธอ”“ระวังตัวด้วยนะครับ เราไม่รู้ว่าเธอมีแผนอะไรบ้าง”“ขอบคุณครับ ผมจะระวัง” แดเนียลรับปากก่อนเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับญาติผู้น้อง ทุกอย่างเงียบกริบ บรรยากาศรอบตัวบีบคั้นจนน่าอึดอัด เจ้าหน้าที่หน่วยสวาททุกนายซึ่งมีอาวุธครบมืออยู่ในท่าเตรียมพร้อมตลอดเวลากระทั่งชายหนุ่มเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าหญิงสาว“โมนี่” แดเนียลลดเสียงต่ำ เขาเครียดเกร็งในช่องท้องเมื่อต้องมาอยู่ในสภาวการณ์ล่อแหลมและอาจเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ เขาเหมือนตัวประกันของโมนิกา ญาติผู้น้องที่จับจ้องไม่วางตาเมื่อบทสนทนาเริ่มขึ้น“โมนิกา...ตอนนี้คนในองค์กรของเธอถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไว้เกือบหมดแล้ว มูลนิธิถูกสั่งปิด ไซออนเนต...จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว”“พี่คิดว่าเรื่องทุกอย่