หยางเหมิงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างว่างเปล่า ตั้งแต่วันแรกที่พวกเธอได้รู้จักหานซานเฉียน ทัศนคติของมี่เฟยเอ๋อร์ที่มีต่อหานซานเฉียนนั้นแย่มาก เธอไม่ได้มองเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ และสิ่งนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าเธอรู้จักตัวตนของหานซานเฉียนเลยด้วยซ้ำแต่ตอนนี้มี่เฟยเอ๋อร์กลับโทษว่าเป็นความผิดเธอที่ปิดบังเรื่องนี้แม้ว่าเธอจะไม่ได้ปกปิดเรื่องนี้ แล้วมันจะเปลี่ยนแปลงความจริงที่มี่เฟยเอ๋อร์ดูถูกเหยียดหยามหานซานเฉียนได้เหรอ?“พี่เฟยเอ๋อร์ ฉันไม่รู้จักตัวตนของพี่หานตั้งแต่วันแรก แต่พี่ดูถูกถากถางเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ” หยางเหมิงพูดนิ่ง ๆ"แต่ถ้าเธอบอกฉันเร็วกว่านี้ ฉันก็มีโอกาสที่จะได้ไถ่บาป และเรื่องมันก็คงจะไม่ได้เลยเถิดมาถึงขนาดนี้" มี่เฟยเอ๋อร์มองไปที่หยางเหมิงอย่างดุร้าย ไม่รู้สึกได้คิดว่าเป็นความผิดของตัวเองเลยสักนิด แต่เป็นเพราะหยางเหมิงจงใจปิดบังตัวตนของหานซานเฉียน และทำให้เธอจมอยู่กับการเข้าใจผิดหยางเหมิงยิ้มเบา ๆ เธอปฏิบัติต่อมี่เฟยเอ๋อร์เหมือนพี่สาวแท้ ๆ ของเธอเสมอ ดังนั้นบางครั้งที่ต้องเผชิญกับความเอาแต่ใจของมี่เฟยเอ๋อร์ เธอก็เลือกที่จะอดทน แต่ในเรื่องนี้หยางเหมิงทนไม่ไหวแล้ว เธอไม่
หานเหยียนไม่ได้บอกตี้หยางเกี่ยวกับสิ่งที่หานซานเฉียนพูด เพราะอย่างไรซะตี้หยางก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ภักดีของหานลี่ หากเรื่องนี้เขาไม่เห็นด้วย เธอก็จะไม่สามารถดำเนินแผนการได้แต่หากไม่มีความช่วยเหลือจากตี้หยาง หานเหยียนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร"ตี้หยาง คุณมีส่วนรู้เห็นในการฆ่าหานเฟิงด้วยเหมือนกัน" หานเหยียนกล่าวตี้หยางขมวดคิ้ว การที่หานเหยียนพูดถึงเรื่องนี้ทำให้เขาสับสน หรือว่าหานเหยียนต้องการเสียเรือเพื่อรักษาขุน และปล่อยให้เขารับผิดชอบคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?"คุณหนู คุณคงไม่ได้หมายว่าจะให้ผมเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดหรอกใช่ไหมครับ" ตี้หยางถามหานเหยียนส่ายหัว เดินไปหาตี้หยางและพูดว่า "ฉันมีวิธีนึงที่จะรับรองความปลอดภัยของพวกเราได้ แถมมันยังทำให้ฉันสามารถขึ้นนั่งตำแหน่งผู้นำตระกูลหาน และสามารถทำให้คุณมีตำแหน่งพิเศษในตระกูลหานได้ด้วยเช่นกัน""คุณหนู ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ ผมแก่มากแล้ว ไม่ต้องการเสียเวลากับการคาดเดา" ตี้หยางกล่าวหานเหยียนสูดหายใจเข้าลึก และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "ถ้าพ่อของฉันตาย ฉันก็จะสามารถควบคุมตระกูลหานในอนาคตได้ และจะไม่มีใครรู้ถึงการตายของหานเฟิง"ดวงตาของตี้
ในอีกห้องหนึ่งของโรงแรม หานลี่ยืนอยู่หน้าหน้าต่างด้วยสีหน้าเฉยเมย ในช่วงสองวันมานี้การสืบเรื่องหานเฟิงไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เลย แต่เขากลับพบบางสิ่งที่แปลกเกี่ยวกับหานเหยียนหานลี่รู้นิสัยลูกสาวของตัวเองดี และพฤติกรรมผิดปกติที่เธอแสดงออกมาบ่งบอกว่าเธอกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่“หานหลง นายสังเกตเห็นอะไรแปลก ๆ ของหานเหยียนในสองวันมานี้ไหม?” หานลี่ถามหานหลง"คุณหนูดูกระวนกระวายใจครับ การหายตัวไปของนายน้อยอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเธอ" หานหลงพูดอย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าความทะเยอทะยานของหานเหยียนจะไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา แต่เมื่อดูจากทัศนคติของเธอที่มีต่อหานเฟิง ก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอต้องการตำแหน่งผู้นำตระกูล?หานลี่หายใจเข้าลึกและพูดว่า "ฉันไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้ พี่น้องทั้งสองคนนี้เป็นลูกของฉัน"“ท่านผู้นำ ท่านต้องระวังตัวด้วยนะครับ” จู่ ๆ หานหลงก็เตือนขึ้นดวงตาของหานลี่แข็งทื่อ เขาหันไปมองหานหลงด้วยดวงตาลุกโชนและพูดว่า "นายหมายความว่ายังไง?"“ท่านผู้นำ ผมไม่ได้ตั้งใจจะก้าวก่าย แต่ความทะเยอทะยานของคุณหนูมาถึงจุดที่ไม่สามารถควบคุมมันได้แล้ว บางทีตอนนี้เธออาจกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่มีทา
ในจานนี้มียาพิษร้ายแรง เมื่อกินเข้าไป แม้แต่เทพเจ้าลงมายังโลกก็ช่วยอะไรไม่ได้“อะไรกัน พ่อแค่ขอให้ลูกช่วยชิมอาหารแค่นั้นเอง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทำให้พ่อไม่ได้หรือไง?” หานลี่พูดสีหน้าของหานเหยียนดูแทบไม่ได้ เธอพูดว่า "พ่อคะ วันนี้หนูรู้สึกไม่ค่อยสบาย เหมือนจะเป็นลำไส้อักเสบเลยกินอะไรไม่ค่อยได้ค่ะ""อ่อ อย่างงั้นเองเหรอ" หานลี่ยิ้ม และในขณะที่หานเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก หานหลงก็คว้าบริกรของโรงแรมเข้ามา“ลองชิมให้ฉันหน่อยสิ” หานลี่พูดกับบริกรด้วยรอยยิ้มแม้ว่าบริกรจะรู้สึกงงงวย แต่เขาจะกล้าปฏิเสธคำขอของคนใหญ่คนโตเช่นนี้ได้อย่างไรขณะที่บริกรหยิบชามและตะเกียบขึ้นมา หานเหยียนก็ลุกลี้ลุกลนรีบพูดขึ้นมาว่า "เอาจานไปเททิ้ง ให้พ่อครัวออกมาดูว่าเขาทำอาหารอะไร ทำไมกลิ่นเหม็นขนาดนี้ เขาไม่รู้หรือไงว่านี่เป็นอาหารจานโปรดของพ่อฉัน ทำไมถึงได้ทำออกมาชุ่ย ๆ แบบนี้”บริกรหดหัวด้วยความตกใจ เขาเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ระเบิดอารมณ์รุนแรงหลายครั้งแล้ว แถมเธอยังตีคนที่กล้าขัดคำสั่งของเธอด้วย ในขณะที่เขากำลังจะวางชามและตะเกียบ และไปตามหาพ่อครัว หานลี่ก็พูดว่า "อย่าไปฟังเธอ ฉันบอกให้กิน นายก็กิน""พ่อ
ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับหานซานเฉียนหรือไม่ แต่หานลี่รู้ดีว่าหากมีตี้หยางคอยคุ้มกัน หานเหยียนก็ไม่มีทางถูกหานซานเฉียนข่มขู่ได้ความจริงคือเธอฆ่าหานเฟิงเพื่อตำแหน่งผู้นำตระกูล ไม่ว่าเธอจะโต้แย้งอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์"ตำแหน่งผู้นำตระกูลมันสำคัญกับแกมากขนาดนั้นเลยเหรอ? เขาคือครอบครัวที่เติบโตมากับแกนะ" หานลี่พูดด้วยสีหน้าเศร้าใจ หานเฟิงเสียชีวิต สิ่งที่เขาสูญเสียไปไม่ใช่แค่ลูกชาย แต่ยังรวมถึงลูกสาวด้วย เพราะหลังจากเหตุการณ์นี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะตามใจหานเหยียนในฐานะลูกสาวได้อีก และตระกูลหานในอเมริกาก็ไม่สามารถยอมรับเธอได้อีกต่อไปผมของหานเหยียนถูกกระชากอย่างเจ็บปวด เธออยากจะขอร้องอ้อนวอนให้หานลี่ให้อภัย แต่เธอรู้ดีว่าหานลี่ไม่มีทางยกโทษให้เธอแน่นอนในเมื่อถ่อมตัวไปก็เปล่าประโยชน์ แล้วทำไมจะต้องอ้อนวอนให้เสียเวลาด้วย!"หนูทุ่มเทไปตั้งมากมาย เขามีสิทธิ์อะไร แค่พูดคำเดียวพวกคุณก็ยกตระกูลหานให้กับเขา พ่อเคยคิดถึงความรู้สึกของหนูบ้างไหม?" หานเหยียนตะโกนใส่หานลี่อย่างบ้าคลั่ง"คุณค่าของแกอยู่ที่การช่วยให้ตระกูลหานเอาชนะกองกำลังท้องถิ่นที่แข็งแกร่งกว่าในอเมริกา ด้วยวิธีนี้ ตระ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซูไห่เฉาติดต่อเธอ แถมยังแสดงท่าทางประจบประแจง และบอกว่าอยากร่วมมือกับเธอ นั่นทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกแปลกใจมากความบาดหมางระหว่างซูไห่เฉากับเธอมีมาตั้งแต่หลายปี จู่ ๆ ซูไห่เฉาจะแสดงความปรารถนาดีต่อเธอได้อย่างไร? ดังนั้นจากมุมมองของซูหยิงเซี่ย ที่ผู้ชายคนนี้เข้าหาเธอจะต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่นอน"หยิงเซี่ย เธอพิจารณาดูหรือยัง หากบริษัทของเราร่วมมือกันจะต้องเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งแน่นอน และเรายังสามารถเปิดโลกใหม่ในหยุนเฉิงได้อีกด้วยนะ" ซูไห่เฉากล่าว“ซูไห่เฉานายต้องการอะไรกันแน่?” ซูหยิงเซี่ยถามอย่างช่วยไม่ได้ ในสิ่งที่ซูไห่เฉาพูดเธอไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว"ฉันต้องการร่วมมือกับเธอจริง ๆ ฉันไม่ได้พยายามวางแผนต่อต้านเธอนะ ถ้าเธอไม่เชื่อ ฉันยินดีที่จะแสดงความจริงใจโดยการมอบหุ้นของบริษัทฉันให้เธอ 50% เลย” ซูไห่เฉากล่าว จะให้หุ้น 50% ฟรี ๆ อย่างนั้นเหรอ?สิ่งที่ได้มาโดยไม่ต้องออกแรงแบบนี้ ซูหยิงเซี่ยยิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่ “ฉันแค่ต้องการพัฒนาตระกูลซูให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่คุณย่าจะได้มีความสุขอยู่บนท้องฟ้า ไม่ได้มีความหมายอื่นแอบแฝงอย่างแน
ณ บ้านเช่าของหานซานเฉียนเมื่อฉี๋อีหยุนพบว่าหลังจากที่หานซานเฉียนวางสายโทรศัพท์ สีหน้าของเขาก็จริงจัง และมีแววตาที่โกรธจัด เธอก็รู้ได้ทันทีว่าฝั่งของหานเหยีนจะต้องเกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมายขึ้นอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ทำให้หานซานเฉียนเคร่งเครียด “หานเหยียนทำไม่สำเร็จเหรอ?” ฉี๋อีหยุนถามหานซานเฉียนยืนขึ้น หายใจเข้าลึกและพูดว่า "หานลี่อยู่ที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขา"เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉี๋อีหยุนก็ลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนกและพูดว่า "เขาทำอะไรหยิงเซี่ย!"แม้ว่าฉี๋อีหยุนจะชอบหานซานเฉียน แต่สิ่งนี้ไม่ได้ขัดขวางความสัมพันธ์เพื่อนรักระหว่างเธอกับซูหยิงเซี่ย แม้ว่าเธอเคยคิดที่จะยอมเสียความสัมพันธ์นี้เพื่อหานซานเฉียน แต่เมื่อซูหยิงเซี่ยตกอยู่ในอันตราย เธอก็ไม่เคยมีความคิดที่จะฉวยโอกาสเอาเปรียบเลยหานซานเฉียนส่ายหัวและพูดว่า "ผมก็ไม่รู้ แต่เขาบอกให้ผมไปที่นั่นเดี๋ยวนี้""ฉันจะไปกับคุณ" หลังจากที่ฉี๋อีหยุนพูดจบ เธอก็กลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า"ไม่ต้อง คุณอยู่ที่บ้านนี่แหละ" หานซานเฉียนพูดเสียงทุ้ม เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหากไปที่นั่น ถ้าเขาไม่สามารถมีลมห
ปาฏิหาริย์อย่างนั้นเหรอ?เทียนหงฮุยยิ้มอย่างขมขื่น โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นมันริบหรี่มาก"ในหยุนเฉิงไม่มีพื้นที่สำหรับตระกูลเทียนอีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาที่ต้องออกไปจากที่นี่จริง ๆ ซะแล้ว" พลังของเทียนหงฮุยส่วนใหญ่นั้นน้อยลงไปมาก แม้ว่าตระกูลเทียนจะยังมีโอกาสพัฒนาหลังจากออกไปจากหยุนเฉิงก็จริง แต่ที่นี่เป็นบ้านเกิดของเขา เทียนหงฮุยยังคงรับไม่ได้กับการที่ต้องจากไปอย่างกะทันหันแบบนี้“รออีกหน่อย” เทียนฉางเฉิงกล่าวเทียนหงฮุยมองเทียนฉางเฉิงด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจและถามว่า "คุณพ่อยังเชื่อในตัวหานซานเฉียนอยู่อีกเหรอครับ? มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีปาฏิหาริย์"“หนูเชื่อเขาค่ะ” ตอนนั้นเองเสียงของเทียนหลิงเอ๋อร์ดังมาจากบันไดเมื่อเทียนหลิงเอ๋อร์เดินไปข้างหน้าทั้งสองคนด้วยสีหน้าแน่วแน่ เทียนหงฮุยก็พูดว่า "ทำไมลูกยังไม่ไปนอนอีก"เทียนหลิงเอ๋อร์เพิกเฉยต่อคำถามของเทียนหงฮุยและพูดว่า "หนูเชื่อในตัวพี่ชายของหนู เขาจะต้องอาชนะหานลี่ได้อย่างแน่นอนค่ะ"เทียนหงฮุยยิ้มเบา ๆ เมื่อก่อนเขาคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่เทียนหลิงเอ๋อร์เรียกหานซานเฉียนว่าพี่ชาย เพราะหานซานเฉียนสามารถนำผลประโย