ซูหยิงเซี่ยนั่งหอบหายใจแรงอยู่ที่หัวเตียงด้วยความโกรธ หานซานเฉียนลอบมองเธอ สัมผัสได้ถึงคลื่นที่โหมซัดในใจ“น่าโมโหจริง ๆ เลย แม่ของฉันไม่มีเหตุผลที่สุด” ซูหยิงเซี่ยกล่าว เธอไม่ได้สังเกตเห็นสายตาของหานซานเฉียน ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอัดอั้นภายในใจ ไม่สามารถระบายออกมาได้หานซานเฉียนชินกับความรู้สึกแบบนี้มาหลายปีแล้ว นอกเหนือจากสิ่งที่ทำให้ซูหยิงเซี่ยไม่มีความสุขเท่านั้นที่จะทำให้เขาไม่พอใจ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่พุ่งเข้ามาหาหานซานเฉียน เขาสามารถทำเหมือนมันเป็นอากาศธาตุได้สามปีของการเก็บตัวเงียบ อุปนิสัยของคนทั่วไปนั้นเทียบไม่ได้กับหานซานเฉียน ความไม่ยุติธรรมและความอัปยศจากการโดนดูถูกเหยียดหยาม เขาขี้เกียจเกินกว่าจะคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้ก็เหมือนกับช้างตัวหนึ่งที่เผชิญหน้ากับมดที่เหยียดขาออกเพื่อทำให้มันสะดุด ช้างจะใส่ใจมันทำไม?อีกทั้งตอนอยู่ในตระกูลหาน หานซานเฉียนได้เรียนรู้การเก็บความรู้สึกอัดอั้นไว้ในใจ ไม่อย่างงั้นตอนนี้เขาอาจได้เป็นไอ้เศษวะจริง ๆ “จะโกรธไปทำไม เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง ไม่มีอะไรให้น่าโกรธหรอก” หานซานเฉียนพูดอย่างขำ ๆ ซูหยิงเซี่ยมองไปที่หานซานเฉียน ที่ไม่
เมื่อถึงเวลาอาหาร หญิงชราถึงปรากฏตัว เธอจงใจให้ทุกคนรอเธอเพียงคนเดียวตระกูลเล็ก ๆ แต่มีกฎเกณฑ์มากมาย น่าเสียดายที่ทั้งหมดเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น มันเทียบไม่ติดกับตระกูลชนชั้นสูงจริง ๆ เลยสักนิดเดียว แต่พวกเขาก็ยังสนุกไปกับมัน“คุณย่า”“คุณย่า”“คุณแม่”“คุณแม่”ทุกคนต่างทักทายกันทีละคน หลังจากที่หญิงชรานั่งลงแล้ว พวกเขาจึงกล้านั่งลงตามหานซานเฉียนก็ยังไม่ได้นั่งที่โต๊ะอาหารหลัก แต่นั่งที่โต๊ะอาหารเล็ก ๆ รวมกับกลุ่มคนใช้เช่นเดิมซูไห่เฉาจงใจเหลือบมองซูอี้หาน ซูอี้หานจึงถามซูหยิงเซี่ยออกไปว่า “หยิงเซี่ย เรื่องที่ครอบครัวของเธอซื้อรถมาสองคัน เธอจะไม่บอกคุณย่าหน่อยเหรอ?”หญิงชราขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เธอรู้ว่าซูหยิงเซี่ยเปลี่ยนรถแล้ว และเธอก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินว่าซูหยิงเซี่ยซื้อรถใหม่ถึงสองคัน“ตำแหน่งของหยิงเซี่ยตอนนี้ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ เพิ่งได้ตำแหน่งไม่นาน ก็ซื้อรถใหม่ถึงสอง” ซูไห่เฉาพูดเสริมหญิงชราจึงถามเสียงต่ำว่า “หยิงเซี่ย เธอซื้อรถสองคันเลยเหรอ?”ซูหยิงเซี่ยไม่ได้เอาเงินมาจากบริษัทแม้แต่หยวนเดียว ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ จนสามารถได้ยินเสียงเข็มตกลงบนพื้นได้คำพูดของหานซานเฉียนทำให้ทั้งคฤหาสน์ตระกูลซูเงียบลงอย่างผิดปกติ และได้ยินเพียงเสียงหายใจของทุกคนเท่านั้นแต่ในไม่ช้าก็มีเสียงระเบิดหัวเราะออกมาทุกคนมองไปที่หานซานเฉียนราวกับเห็นเรื่องตลก และเยาะเย้ยกันอย่างไม่ปิดบัง“หานซานเฉียน แกไม่กลัวว่ามันจะเป็นคำพูดเกินจริงไปหน่อยเหรอ กล้าพูดใหญ่โตขนาดนี้ แกตั้งใจทำให้พวกเราขำกันรึไง?” ซูไห่เฉาเอามือกุมท้องและหัวเราะลั่นซูอี้หานหน้าแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด หัวเราะจนเลือดขึ้นสมอง เธอพูดเยาะเย้ยออกมาว่า “โอ้แม่เจ้า ฉันหัวเราะจนน้ำตาไหล นายอย่าตลกให้มากนัก ถึงแม้ว่าพวกเราคิดว่านายคือตัวตลก แต่นายก็ไม่จำเป็นต้องขายความโง่ขนาดนั้น นี่คิดว่าตัวเองเป็นตัวตลกจริง ๆ สินะ?”ญาติแต่ละคนต่างสลับกันพูดเยาะเย้ยฉีกหน้าหานซานเฉียน“จะคุยโวโอ้อวดก็พิจารณาถึงความจริงด้วย แกเป็นแค่ไอ้เศษสวะ จะมีเงินมากมายขนาดนี้ได้ยังไง?”“ซูหยิงเซี่ย นี่คงไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่เธอคิดว่าดีที่สุดแล้วหรอกนะ ให้หานซานเฉียนเป็นคนออกหน้าแทน เธอบ้าไปแล้วเหรอ หรือว่าเป็นพวกเราเองที่บ้า”“ใช่ จะหาเหตุผล ก็ควรหาที่มันน่าเชื่อ
“หยิงเซี่ย ฉันรู้ว่าเธอมีช่วงเวลาที่แย่ในหลายปีที่ผ่านมา แต่ว่าเธอไม่จำเป็นโจ่งแจ้งขนาดนี้ เธอคิดว่าหญิงชราคนนี้จะมองไม่เห็นอะไรเลยใช่ไหม?” หญิงชราเมินคำพูดของหานซานเฉียน เพราะเธอไม่เชื่อว่าการซื้อรถซื้อบ้านจะเป็นเงินของเขา มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย“คุณย่าคะ หนูยังคงยืนยันคำเดิม ถ้าหากคุณย่ามีข้อสงสัยในตัวหนู ก็สามารถตรวจสอบบัญชีได้ตลอดเวลาค่ะ” ซูหยิงเซี่ยมองไปที่หญิงชราอย่างไม่เกรงกลัวหญิงชราไม่คิดว่าซูหยิงเซี่ยจะดื้อดึงขนาดนี้ เพราะว่าทุกคนทุจริตเหมือนกัน เธอถึงกล้าให้ตรวจสอบบัญชีแบบนี้ เธอเป็นคนทำผิด และเธอต้องการลากทุกคนเข้าไปพัวพันด้วยหญิงชรารู้ดีว่าหากตรวจสอบบัญชี จะมีผลกระทบตามมามากขนาดไหน เมื่อข้อมูลการทุจริตของแต่ละครอบครัวถูกวางลงบนโต๊ะ ครอบครัวไหนยักยอกมากยักยอกน้อยก็จะถูกเปิดเผย ครอบครัวที่ได้น้อยกว่าก็จะไม่พอใจ และคงจะหาวิธีที่ยักยอกเงินในบริษัทมากขึ้นอีกในอนาคต เมื่อถึงเวลานั้นบริษัทก็จะยุ่งเหยิงอย่างสมบูรณ์“ซูหยิงเซี่ย คิดไม่ถึงเลยว่าหลายปีที่ผ่านมาฉันจะประเมินเธอต่ำไปจริง ๆ” หญิงชรากล่าว ซูหยิงเซี่ยไม่มีความกลัวใด ๆ เพราะรู้ว่าเธอไม่กล้าตรวจสอบบัญชี ในสายต
ในห้องนั่งเล่น ซูกั๋วหลินและคนอื่น ๆ พูดกับซูกั๋วเย่าถึงเรื่องของวันที่สิบห้า พวกเขาก็อยากไปร่วมสนุกด้วย ถ้าหากว่าบ้านใหม่ดีกว่าที่คิด พวกเขาก็จะมีข้ออ้างไปพูดนินทาต่อหน้าหญิงชรา แต่ถ้าหากเป็นบ้านธรรมดา ๆ ก็สามารถใช้โอกาสนี้หัวเราะเยาะได้เช่นกันสิ่งที่เจี่ยงหลานกังวลที่สุดก็คือ การที่คนในตระกูลซูรู้เรื่องนี้ แผนการของเธอคือเช่าบ้านเพื่อรับมือกับถังเฉิงเย่ การหลอกลวงเพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไป และในอนาคตก็ติดต่อกับถังเฉิงเย่ให้น้อยลง ก็คงจะไม่โดนเปิดโปง แต่ถ้าคนในตระกูลซูรู้เรื่องนี้ ก็จะทำให้เรื่องมันยุ่งยากมากขึ้น ไม่ต้องพูดถึงปัญหาที่ยากขึ้นในการหลอกลวงคนอื่น อีกไม่นานก็คงจะโดนเปิดโปงเรื่องนี้เช่นกัน เมื่อถึงตอนนั้นให้คนตระกุลซูรู้ว่าเธอเป็นพวกหน้าใหญ่ใจโต และจะไม่โดนหาว่าเป็นตัวตลกไปจนตายเลยเหรอ?แม้ว่าข่าวนี้หานซานเฉียนจะไม่ใช่คนเปิดเผย แต่เรื่องทั้งหมดมันก็เริ่มต้นมาจากเขา ในใจของเจี่ยงหลานตอนนี้แทบจะอดใจไม่ไหวที่กำจัดหานซานเฉียนออกไป“กั๋วเย่า นายคงไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่เชิญพวกเราหรอกใช่ไหม?” ซูกั๋วหลินพูดอย่างไม่พอใจ“นี่คืองานมงคล พวกเราเป็นญาติพี่น้องกัน ยังไงก็ตามต้องไปแ
ในวันที่สิบสี่ หลังจากหานซานเฉียนมารับซูหยิงเซี่ยที่บริษัทหลังเลิกงานแล้ว ซูหยิงเซี่ยก็ถามถึงเรื่องบ้านกับหานซานเฉียนในรถ เมื่อก่อนเธอไม่เคยเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ เพราะไม่ว่าหานซานเฉียนจะซื้อบ้านที่ไหน สำหรับเธอแล้วมันก็เป็นบ้านเหมือนกัน เธอจึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่วันนี้ซูหยิงเซี่ยกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เพราะถังหลงจะมาด้วย เธอไม่ต้องการเปิดโอกาสให้ถังหลงดูถูกเธอได้ ในใจยังคงเฝ้ารอคอยว่าบ้านใหม่จะไม่ได้แย่ไปกว่าบ้านของถังเฉิงเย่ “คราวก่อนผมชี้ให้คุณดูแล้วไม่ใช่เหรอ?” หานซานเฉียนพูดพลางยิ้มออกมา ซูหยิงเซี่ยถลึงตาหานซานเฉียน ที่เขาชี้คือคฤหาสน์ใจกลางภูเขาของโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง แล้วซูหยิงเซี่ยจะเอามาคิดจริงจังได้อย่างไร “จนป่านนี้แล้วคุณยังจะล้อเล่นกับฉันอยู่อีกเหรอ? พรุ่งนี้พวกเพื่อนนักเรียนของพ่อกับญาติ ๆ ตระกูลซูจะมากันทั้งหมดแล้ว คุณจะบอกใบ้กับฉันหน่อยไม่ได้หรือไง?” ซูหยิงเซี่ยถาม “สิ่งที่ผมพูดคือความจริง คุณไม่เชื่อเอง แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ” หานซานเฉียนพูดอย่างจนปัญญา ซูหยิงเซี่ยรู้สึกท้อใจ นี่หานซานเฉียนจงใจไม่บอกเธออย่างนั้นเหรอ “เมื่อวานอาถังโทรหาพ่อข
หานซานเฉียนยังคงไม่พูดอะไร และขับรถตรงเข้าไปถึงเนินเขา ซูหยิงเซี่ยในตอนนี้ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เธอมีคำถามมากมายในใจแต่ไม่กล้าถามออกไป เขาขับรถเข้ามาในโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงจริง ๆ! เขาขับรถมาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขาจริง ๆ! แม้ว่าซูหยิงเซี่ยจะไม่เคยมาที่โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงมาก่อน แต่เธอก็เคยได้ยินคนอื่นพูดถึงกฎเกณฑ์ของโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงนี้มามากมาย คฤหาสน์ทุกหลังต่างมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ ผู้บุกรุกล้วนถือเป็นการฝ่าฝืนกฎของโครงการคฤหาสน์ อีกทั้งโครงการคฤหาสน์ได้รับการพัฒนาจากตระกูลเทียนแห่งหยุนเฉิง ภายในโครงการคฤหาสน์ตระกูลเทียนเป็นผู้ดูแลจัดการด้วยตัวเอง ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าแหกกฎของโครงการคฤหาสน์ ที่เสี่ยงต่อการล่วงเกินมตระกูลเทียน ถ้าเป็นเช่นนั้น เหตุผลเดียวที่เขามาที่นี่ได้ก็คือ เขาเป็นเจ้าของคฤหาสน์นี้จริง ๆ เมื่อหานซานเฉียนเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับออก ซูหยิงเซี่ยยังคงรู้สึกตกตะลึงและไม่กล้าลงจากรถ เพราะกลัวว่าจะเหยียบเข้าไปในอาณาเขตของคนอื่นเข้า “มาถึงหน้าประตูบ้านตัวเองแล้ว คุณจะไม่ลงจากรถมาดูหน่อยเหรอ?” หานซานเฉียนพูดอย่างยิ้ม ๆ
ซูหยิงเซี่ยร้องไห้อยู่พักหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นมา เธอชี้ไปที่รูปแต่งงานบนผนังและพูดว่า “ปลดมันลงมา” “ทำไม?” หานซานเฉียนถามด้วยความสงสัย หรือว่าตอนนี้เธอก็ยังไม่เต็มใจยอมรับเรื่องนี้ แม้แต่ภาพเดียวก็ไม่อนุญาตให้มีอยู่เหรอ? ถ้าเป็นเช่นนั้น หานซานเฉียนก็ยินยอม เขาไม่อยากบังคับอะไรซูหยิงเซี่ยทั้งนั้น “คุณมองไม่เห็นความฝืนใจบนใบหน้าของเธอเหรอ? ทำไมยังทำดีกับเธอแบบนี้” ซูหยิงเซี่ยร่ำไห้ตัดพ้อ หานซานเฉียนเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียวว่า “ก็เพราะว่าเธอคือภรรยาของผมยังไงล่ะ แถมยังเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย” ซูหยิงเซี่ยโผเข้าหาอ้อมกอดของหานซานเฉียน โชคดีที่หานซานเฉียนเป็นคนที่ฝึกฝนมาก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะหงายหลังไปแล้ว “ฉันไม่อยากเห็นมัน คุณโยนมันทิ้ง หรือไม่ก็เผามันทิ้งไปเถอะนะ” “ได้” สำหรับหานซานเฉียนแล้ว เสียงร้องไห้ของซูหยิงเซี่ยนั้นเป็นพิษถึงตาย เรื่องใดที่ทำให้ซูหยิงเซี่ยมีความสุขได้ เขายินดีทำทุกอย่าง แค่รูปแต่งงานรูปเดียวเองไม่ใช่เหรอ? โยนทิ้งไปก็ไม่เป็นไร แม้ว่าหานซานเฉียนจะยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์ แต่เขายอมให้ตัวเองรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าทำให้ซูหยิงเซี่