ในวันที่สิบสี่ หลังจากหานซานเฉียนมารับซูหยิงเซี่ยที่บริษัทหลังเลิกงานแล้ว ซูหยิงเซี่ยก็ถามถึงเรื่องบ้านกับหานซานเฉียนในรถ เมื่อก่อนเธอไม่เคยเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ เพราะไม่ว่าหานซานเฉียนจะซื้อบ้านที่ไหน สำหรับเธอแล้วมันก็เป็นบ้านเหมือนกัน เธอจึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่วันนี้ซูหยิงเซี่ยกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เพราะถังหลงจะมาด้วย เธอไม่ต้องการเปิดโอกาสให้ถังหลงดูถูกเธอได้ ในใจยังคงเฝ้ารอคอยว่าบ้านใหม่จะไม่ได้แย่ไปกว่าบ้านของถังเฉิงเย่ “คราวก่อนผมชี้ให้คุณดูแล้วไม่ใช่เหรอ?” หานซานเฉียนพูดพลางยิ้มออกมา ซูหยิงเซี่ยถลึงตาหานซานเฉียน ที่เขาชี้คือคฤหาสน์ใจกลางภูเขาของโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง แล้วซูหยิงเซี่ยจะเอามาคิดจริงจังได้อย่างไร “จนป่านนี้แล้วคุณยังจะล้อเล่นกับฉันอยู่อีกเหรอ? พรุ่งนี้พวกเพื่อนนักเรียนของพ่อกับญาติ ๆ ตระกูลซูจะมากันทั้งหมดแล้ว คุณจะบอกใบ้กับฉันหน่อยไม่ได้หรือไง?” ซูหยิงเซี่ยถาม “สิ่งที่ผมพูดคือความจริง คุณไม่เชื่อเอง แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ” หานซานเฉียนพูดอย่างจนปัญญา ซูหยิงเซี่ยรู้สึกท้อใจ นี่หานซานเฉียนจงใจไม่บอกเธออย่างนั้นเหรอ “เมื่อวานอาถังโทรหาพ่อข
หานซานเฉียนยังคงไม่พูดอะไร และขับรถตรงเข้าไปถึงเนินเขา ซูหยิงเซี่ยในตอนนี้ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เธอมีคำถามมากมายในใจแต่ไม่กล้าถามออกไป เขาขับรถเข้ามาในโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงจริง ๆ! เขาขับรถมาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขาจริง ๆ! แม้ว่าซูหยิงเซี่ยจะไม่เคยมาที่โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงมาก่อน แต่เธอก็เคยได้ยินคนอื่นพูดถึงกฎเกณฑ์ของโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงนี้มามากมาย คฤหาสน์ทุกหลังต่างมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ ผู้บุกรุกล้วนถือเป็นการฝ่าฝืนกฎของโครงการคฤหาสน์ อีกทั้งโครงการคฤหาสน์ได้รับการพัฒนาจากตระกูลเทียนแห่งหยุนเฉิง ภายในโครงการคฤหาสน์ตระกูลเทียนเป็นผู้ดูแลจัดการด้วยตัวเอง ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าแหกกฎของโครงการคฤหาสน์ ที่เสี่ยงต่อการล่วงเกินมตระกูลเทียน ถ้าเป็นเช่นนั้น เหตุผลเดียวที่เขามาที่นี่ได้ก็คือ เขาเป็นเจ้าของคฤหาสน์นี้จริง ๆ เมื่อหานซานเฉียนเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับออก ซูหยิงเซี่ยยังคงรู้สึกตกตะลึงและไม่กล้าลงจากรถ เพราะกลัวว่าจะเหยียบเข้าไปในอาณาเขตของคนอื่นเข้า “มาถึงหน้าประตูบ้านตัวเองแล้ว คุณจะไม่ลงจากรถมาดูหน่อยเหรอ?” หานซานเฉียนพูดอย่างยิ้ม ๆ
ซูหยิงเซี่ยร้องไห้อยู่พักหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นมา เธอชี้ไปที่รูปแต่งงานบนผนังและพูดว่า “ปลดมันลงมา” “ทำไม?” หานซานเฉียนถามด้วยความสงสัย หรือว่าตอนนี้เธอก็ยังไม่เต็มใจยอมรับเรื่องนี้ แม้แต่ภาพเดียวก็ไม่อนุญาตให้มีอยู่เหรอ? ถ้าเป็นเช่นนั้น หานซานเฉียนก็ยินยอม เขาไม่อยากบังคับอะไรซูหยิงเซี่ยทั้งนั้น “คุณมองไม่เห็นความฝืนใจบนใบหน้าของเธอเหรอ? ทำไมยังทำดีกับเธอแบบนี้” ซูหยิงเซี่ยร่ำไห้ตัดพ้อ หานซานเฉียนเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียวว่า “ก็เพราะว่าเธอคือภรรยาของผมยังไงล่ะ แถมยังเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย” ซูหยิงเซี่ยโผเข้าหาอ้อมกอดของหานซานเฉียน โชคดีที่หานซานเฉียนเป็นคนที่ฝึกฝนมาก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะหงายหลังไปแล้ว “ฉันไม่อยากเห็นมัน คุณโยนมันทิ้ง หรือไม่ก็เผามันทิ้งไปเถอะนะ” “ได้” สำหรับหานซานเฉียนแล้ว เสียงร้องไห้ของซูหยิงเซี่ยนั้นเป็นพิษถึงตาย เรื่องใดที่ทำให้ซูหยิงเซี่ยมีความสุขได้ เขายินดีทำทุกอย่าง แค่รูปแต่งงานรูปเดียวเองไม่ใช่เหรอ? โยนทิ้งไปก็ไม่เป็นไร แม้ว่าหานซานเฉียนจะยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์ แต่เขายอมให้ตัวเองรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าทำให้ซูหยิงเซี่
ในวันที่สิบห้า ใต้อาคารบ้านหลังใหม่ของถังเฉิงเย่ เพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ “เจ้าซูกั๋วเย่าทำบ้าอะไร ทำไมต้องให้พวกเรามารอที่นี่?” “บ้านใหม่ของเขาคงไม่ได้อยู่ละแวกเดียวกับเถ้าแก่ถังหรอกนะ?” “มีความเป็นไปได้สูง ไม่อย่างนั้นจะให้พวกเรามารอที่นี่ทำไม?” ถังเฉิงเย่กัดฟันกรอด เจ้าซูกั่วเย่าร้ายกาจจริง ๆ ซื้อที่ไหนไม่ซื้อ แต่จงใจมาอยู่ชุมชนเดียวกับเขา มันเหมือนเป็นการอุดปากเขาให้พูดอะไรไม่ได้ไม่ใช่หรือไง? ถ้าหาว่าบ้านของเขาไม่ดี ก็เท่ากับตีค่าตัวเองให้ต่ำลงไปด้วย แต่ในตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรแน่นอน และถังเฉิงเย่ก็ไม่คิดว่าซูกั๋วเย่าจะมีปัญญาซื้อบ้านที่นี่ได้ ไม่ผิดที่ว่าตระกูลซูนั้นร่ำรวย แต่ซูกั๋วเย่ามีชื่อว่าเป็นปลาเน่าในตระกูลซู เหมือนกับลูกเขยเศษสวะของเขา เขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งสำคัญ และไม่มีตำแหน่งในบริษัทอะไร แล้วเขาจะสามารถซื้อบ้านที่นี่ได้อย่างไร “บางทีเขาอาจจะแค่เล่นตลกเท่านั้นแหละ เขาจะมีปัญญาซื้อบ้านที่นี่ได้ยังไง” ถังเฉิงเย่พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ถังหลงยังคงโอบเอวหญิงสาวคนเดียวกับเมื่อคราวที่แล้ว พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่แยแสว่า “พ่อคร
“ถังหลง นายเคยไปบริษัทลั่วเฉวก็เท่ากับว่าทำงานให้ตระกูลหานไม่ใช่เหรอ?” แม้ว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้คนระดับล่างของสังคม แต่ด้วยชื่อเสียงของตระกูลหานนั้นเลื่องลือไกลจนแทบไม่มีใครไม่รู้จัก พวกเขาตกตะลึงอ้าปากค้าง ขณะเดียวกันความอิจฉาที่มีต่อถังเฉิงเย่ก็มากขึ้นเกินคำบรรยาย ได้ทำงานให้กับตระกูลหาน ถังหลงจะมีอนาคตที่สดใสในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน ถังเฉิงเย่ไม่มีอะไรต้องกังวลในวัยแก่แล้วจริง ๆ “ถังหลง ทำไมลูกไม่เคยเล่าให้พ่อฟังเลยล่ะ?” ถังเฉิงเย่เอ่ยถามถังหลงด้วยความประหลาดใจ “แค่เปลี่ยนบริษัทเท่านั้นเองครับ หาเงินเพิ่มได้นิดหน่อย มันไม่ได้มีความแตกต่างอะไรสำหรับผม ก็เลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอกพ่อ” ถังหลงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม สองพ่อลูกเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย สร้างความอิจฉาให้กับคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ เป็นอย่างมาก ขณะนั้นเอง รถบัสคันหนึ่งได้จอดลงตรงหน้าทุกคน มีคนลงมาจากรถเข้ามาทักทายพวกเขา และเรียกทุกคนขึ้นไปบนรถ ทำเอาทุกคนงุนงงไปตาม ๆ กัน “ลูก นี่มันอะไรกัน?” ถังเฉิงเย่ถามเสียงขรึม ซูกั๋วเย่าเล่นใหญ่โตเอิกเกริกแบบนี้ ดูท่าทางบ้านที่ซื้อนั้นต้องไม่ธรรมดา เขาค่อนข้างเป็นกังวลว่ามันจะดีกว่าบ้าน
รถบัสทั้งสองคันจอดที่บริเวณเนินเขา หลังจากที่คนทั้งสองกลุ่มลงจากรถก็มีสีหน้าสับสน ทำตัวไม่ถูก และรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อย โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง! ที่นี่เป็นสถานที่ที่หรูหราที่สุดในเมืองหยุนเฉิง ไหนจะตำแหน่งที่อยู่ใจกลางภูขาอีก เป็นที่รู้กันดีว่าไม่กี่วันก่อนสถานที่แห่งนี้ถูกประมูลซื้อในราคาสูงเสียดฟ้าราวแปดสิบล้าน ทุกคนในเมืองหยุนเฉิงต่างก็เดากันว่าใครคือผู้เป็นเจ้าของจำนวนมหาศาลคนนั้น พวกเขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าวันหนึ่งจะได้ยืนอยู่ที่นี่! “นี่...นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงพาพวกเรามาส่งที่นี่ล่ะ” สองเท้าของซูอี้หานแตะถึงพื้นก็ยังไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเหยียบย่ำกรวดทรายที่นี่เข้า ซูไห่เฉาก็รู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน อาณาเขตส่วนตัวของโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงไม่ใช่ที่ที่ใครจะสามารถรุกล้ำเข้าไปได้ตามใจชอบ มิฉะนั้นจะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังยืนอยู่บนพื้นที่ของคฤหาสน์ใจกลางภูเขา “ซูหยิงเซี่ยคงไม่ได้วางยาพวกเราหรอกนะ” ซูไห่เฉากัดฟันพูด ให้คนพาพวกเขามาส่งที่นี่คงคิดจะปั้นเรื่องใส่ร้าย ถ้าคนในตระกูลเทียนรู้เข้า พวกเขาจะมีใครรอดไปได้? “ซูหยิงเซี่ยรนหา
นี่คือบ้านใหม่ของหานซานเฉียนเหรอ? คฤหาสน์ใจกลางภูเขาเนี่ยนะ! มือเท้าของเจี่ยงหลานสั่นเทา บ้านมือสองหลังนี้มีคุณค่ามากจนเธอไม่อาจจินตนาการได้! “พวกคุณจะกลัวอะไร? ฉันก็แค่กลับบ้านเท่านั้น ตระกูลเทียนจะมาเอาเรื่องได้ยังไง?” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “กลับบ้าน? เธอบ้าไปแล้วเหรอ เรื่องแบบนี้ก็กล้าโอ้อวดออกมาได้ คฤหาสน์ใจกลางภูเขาหลังนี้เป็นบ้านของเธอรึไง?” ซูอี้หานพูดอย่างเย็นชาและดูถูก เมื่อซูหยิงเซี่ยเห็นแววตาที่โกรธแค้นของผู้คนในตระกูลซู รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ คนเหล่านี้ดูถูกคนในครอบครัวของเธอมาโดยตลอด เป็นพวกที่เก่งแต่ในบ้านเท่านั้น แต่พอมาถึงโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง พวกเขาทุกคนกลับกลัวกันแทบตาย “ถ้าไม่ใช่บ้านฉัน แล้วจะเป็นบ้านของเธอเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยเหลือบมองซูอี้หาน แล้วถือกุญแจเดินไปที่ประตู เมื่อเห็นท่าทางที่มั่นอกมั่นใจของซูหยิงเซี่ย ซูอี้หานก็รู้สึกตกตะลึง นี่...นี่คือบ้านของเธอเหรอ เป็นไปได้อย่างไร! เธอมีสิทธิ์อะไรมาอยู่ในคฤหาสน์ใจกลางภูเขา! แม้ว่าเธอจะเป็นผู้รับผิดชอบโครงการเฉิงซี แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมีกำลังทรัพย์ที่น่าตกใจเช่นนี้! ถ้าเอาทรัพย์สินทั้งห
อารมณ์ความรู้สึกของเจี่ยงหลานตอนนี้เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ จนสะกดมาดผู้หญิงปากร้ายของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ เธอไม่สนใจที่มาของคฤหาสน์ใจกลางภูเขานี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความเธอมีหน้ามีตาท่ามกลางญาติพี่น้องในตระกูลซู และต่อหน้าเพื่อนนักเรียนเก่าอย่างถังเฉิงเย่ พอเห็นสีหน้าของซูกั๋วเย่า ถังเฉิงเย่ และคนอื่น ๆ เจี่ยงหลานก็ยิ้มกว้างจนหน้าย่นไปหมด “ทุกคนอย่ามัวตกตะลึง รีบมาชื่นชมบ้านหลังใหม่ของฉันสิ” เจี่ยงหลานเน้นคำว่าของฉัน สองคำนี้ให้ชัดเจนเป็นพิเศษ ทั้งเน้นเสียงหนักและทำสีหน้าโอ้อวด แม้ในใจถังเฉิงเย่จะไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็สงสัยว่าคฤหาสน์มูลค่ากว่าแปดสิบล้านนั้นน่าตาเป็นอย่างไร ถึงจะรู้ว่าต้องเสียหน้า แต่ก็จะเข้าไปดู ญาติ ๆ ของตระกูลซูต่างรู้สึกเช่นเดียวกัน คฤหาสน์ใจกลางภูเขาที่ได้แต่มองอยู่ไกล ๆ ไม่อาจเข้าใกล้ได้ ตอนนี้มีโอกาสได้เข้าไปแล้วพวกเขาจะพลาดได้อย่างไร ซูไห่เฉาและซูอี้หานเดินรั้งท้ายในกลุ่ม “ไห่เฉา นี่มันเกิดอะไรขึ้น ซูหยิงเซี่ยจะมีปัญญาซื้อคฤหาสน์ที่นี่ได้ยังไง” ซูอี้หานรู้สึกไม่อยากยอมรับ แม้แต่ตัวเธอยังไม่มีสิทธิ์อาศัยอยู่ในสถานที่หรูหราเช่นนี้ แล้วซูหยิงเซี่ยมีสิทธ