“ถังหลง นายเคยไปบริษัทลั่วเฉวก็เท่ากับว่าทำงานให้ตระกูลหานไม่ใช่เหรอ?” แม้ว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้คนระดับล่างของสังคม แต่ด้วยชื่อเสียงของตระกูลหานนั้นเลื่องลือไกลจนแทบไม่มีใครไม่รู้จัก พวกเขาตกตะลึงอ้าปากค้าง ขณะเดียวกันความอิจฉาที่มีต่อถังเฉิงเย่ก็มากขึ้นเกินคำบรรยาย ได้ทำงานให้กับตระกูลหาน ถังหลงจะมีอนาคตที่สดใสในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน ถังเฉิงเย่ไม่มีอะไรต้องกังวลในวัยแก่แล้วจริง ๆ “ถังหลง ทำไมลูกไม่เคยเล่าให้พ่อฟังเลยล่ะ?” ถังเฉิงเย่เอ่ยถามถังหลงด้วยความประหลาดใจ “แค่เปลี่ยนบริษัทเท่านั้นเองครับ หาเงินเพิ่มได้นิดหน่อย มันไม่ได้มีความแตกต่างอะไรสำหรับผม ก็เลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอกพ่อ” ถังหลงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม สองพ่อลูกเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย สร้างความอิจฉาให้กับคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ เป็นอย่างมาก ขณะนั้นเอง รถบัสคันหนึ่งได้จอดลงตรงหน้าทุกคน มีคนลงมาจากรถเข้ามาทักทายพวกเขา และเรียกทุกคนขึ้นไปบนรถ ทำเอาทุกคนงุนงงไปตาม ๆ กัน “ลูก นี่มันอะไรกัน?” ถังเฉิงเย่ถามเสียงขรึม ซูกั๋วเย่าเล่นใหญ่โตเอิกเกริกแบบนี้ ดูท่าทางบ้านที่ซื้อนั้นต้องไม่ธรรมดา เขาค่อนข้างเป็นกังวลว่ามันจะดีกว่าบ้าน
รถบัสทั้งสองคันจอดที่บริเวณเนินเขา หลังจากที่คนทั้งสองกลุ่มลงจากรถก็มีสีหน้าสับสน ทำตัวไม่ถูก และรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อย โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง! ที่นี่เป็นสถานที่ที่หรูหราที่สุดในเมืองหยุนเฉิง ไหนจะตำแหน่งที่อยู่ใจกลางภูขาอีก เป็นที่รู้กันดีว่าไม่กี่วันก่อนสถานที่แห่งนี้ถูกประมูลซื้อในราคาสูงเสียดฟ้าราวแปดสิบล้าน ทุกคนในเมืองหยุนเฉิงต่างก็เดากันว่าใครคือผู้เป็นเจ้าของจำนวนมหาศาลคนนั้น พวกเขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าวันหนึ่งจะได้ยืนอยู่ที่นี่! “นี่...นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงพาพวกเรามาส่งที่นี่ล่ะ” สองเท้าของซูอี้หานแตะถึงพื้นก็ยังไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเหยียบย่ำกรวดทรายที่นี่เข้า ซูไห่เฉาก็รู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน อาณาเขตส่วนตัวของโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงไม่ใช่ที่ที่ใครจะสามารถรุกล้ำเข้าไปได้ตามใจชอบ มิฉะนั้นจะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังยืนอยู่บนพื้นที่ของคฤหาสน์ใจกลางภูเขา “ซูหยิงเซี่ยคงไม่ได้วางยาพวกเราหรอกนะ” ซูไห่เฉากัดฟันพูด ให้คนพาพวกเขามาส่งที่นี่คงคิดจะปั้นเรื่องใส่ร้าย ถ้าคนในตระกูลเทียนรู้เข้า พวกเขาจะมีใครรอดไปได้? “ซูหยิงเซี่ยรนหา
นี่คือบ้านใหม่ของหานซานเฉียนเหรอ? คฤหาสน์ใจกลางภูเขาเนี่ยนะ! มือเท้าของเจี่ยงหลานสั่นเทา บ้านมือสองหลังนี้มีคุณค่ามากจนเธอไม่อาจจินตนาการได้! “พวกคุณจะกลัวอะไร? ฉันก็แค่กลับบ้านเท่านั้น ตระกูลเทียนจะมาเอาเรื่องได้ยังไง?” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “กลับบ้าน? เธอบ้าไปแล้วเหรอ เรื่องแบบนี้ก็กล้าโอ้อวดออกมาได้ คฤหาสน์ใจกลางภูเขาหลังนี้เป็นบ้านของเธอรึไง?” ซูอี้หานพูดอย่างเย็นชาและดูถูก เมื่อซูหยิงเซี่ยเห็นแววตาที่โกรธแค้นของผู้คนในตระกูลซู รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ คนเหล่านี้ดูถูกคนในครอบครัวของเธอมาโดยตลอด เป็นพวกที่เก่งแต่ในบ้านเท่านั้น แต่พอมาถึงโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง พวกเขาทุกคนกลับกลัวกันแทบตาย “ถ้าไม่ใช่บ้านฉัน แล้วจะเป็นบ้านของเธอเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยเหลือบมองซูอี้หาน แล้วถือกุญแจเดินไปที่ประตู เมื่อเห็นท่าทางที่มั่นอกมั่นใจของซูหยิงเซี่ย ซูอี้หานก็รู้สึกตกตะลึง นี่...นี่คือบ้านของเธอเหรอ เป็นไปได้อย่างไร! เธอมีสิทธิ์อะไรมาอยู่ในคฤหาสน์ใจกลางภูเขา! แม้ว่าเธอจะเป็นผู้รับผิดชอบโครงการเฉิงซี แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมีกำลังทรัพย์ที่น่าตกใจเช่นนี้! ถ้าเอาทรัพย์สินทั้งห
อารมณ์ความรู้สึกของเจี่ยงหลานตอนนี้เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ จนสะกดมาดผู้หญิงปากร้ายของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ เธอไม่สนใจที่มาของคฤหาสน์ใจกลางภูเขานี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความเธอมีหน้ามีตาท่ามกลางญาติพี่น้องในตระกูลซู และต่อหน้าเพื่อนนักเรียนเก่าอย่างถังเฉิงเย่ พอเห็นสีหน้าของซูกั๋วเย่า ถังเฉิงเย่ และคนอื่น ๆ เจี่ยงหลานก็ยิ้มกว้างจนหน้าย่นไปหมด “ทุกคนอย่ามัวตกตะลึง รีบมาชื่นชมบ้านหลังใหม่ของฉันสิ” เจี่ยงหลานเน้นคำว่าของฉัน สองคำนี้ให้ชัดเจนเป็นพิเศษ ทั้งเน้นเสียงหนักและทำสีหน้าโอ้อวด แม้ในใจถังเฉิงเย่จะไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็สงสัยว่าคฤหาสน์มูลค่ากว่าแปดสิบล้านนั้นน่าตาเป็นอย่างไร ถึงจะรู้ว่าต้องเสียหน้า แต่ก็จะเข้าไปดู ญาติ ๆ ของตระกูลซูต่างรู้สึกเช่นเดียวกัน คฤหาสน์ใจกลางภูเขาที่ได้แต่มองอยู่ไกล ๆ ไม่อาจเข้าใกล้ได้ ตอนนี้มีโอกาสได้เข้าไปแล้วพวกเขาจะพลาดได้อย่างไร ซูไห่เฉาและซูอี้หานเดินรั้งท้ายในกลุ่ม “ไห่เฉา นี่มันเกิดอะไรขึ้น ซูหยิงเซี่ยจะมีปัญญาซื้อคฤหาสน์ที่นี่ได้ยังไง” ซูอี้หานรู้สึกไม่อยากยอมรับ แม้แต่ตัวเธอยังไม่มีสิทธิ์อาศัยอยู่ในสถานที่หรูหราเช่นนี้ แล้วซูหยิงเซี่ยมีสิทธ
หลังจากเยี่ยมชมบ้านเสร็จแล้ว พวกเขาก็นั่งรวมตัวกันอยู่ในห้องนั่งเล่น การเยินยอของเพื่อนนักเรียนเก่าทำให้เจี่ยงหลานหัวเราะจนตัวสั่น แต่สีหน้าท่าทางของคนในตระกูลซูกลับไม่รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง เดิมทีเธอเคยอยู่ในระดับล่างสุดในตระกูลซู แต่ตอนนี้กลับได้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่ดีที่สุด ก็เหมือนกับกำลังนั่งอยู่บนหัวของทุกคน “กั๋วเย่า คฤหาสน์หลังนี้นายเป็นคนซื้อเองเหรอ?” ซูกั๋วหลินเอ่ยถาม เขาจำเป็นต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น คฤหาสน์หลังนี้ถูกประมูลไปนี่นา แล้วมันมาตกอยู่ในมือของซูกั๋วเย่าได้อย่างไร ซูกั๋วเย่าไม่รู้ว่าคฤหาสน์นี้มาได้อย่างไร แต่ทันใดนั้นเจี่ยงหลานก็ชิงพูดขึ้นมาว่า “พี่ใหญ่ คฤหาสน์หลังนี้เราใช้เงินออมซื้อมา มีปัญหาอะไรเหรอ? หรือว่าฉันต้องแจกแจงรายการทรัพย์สินให้คุณดูด้วย?” “น้าหลาน ฐานะครอบครัวของพวกคุณเป็นอย่างไร คิดว่าพวกเราจะไม่รู้เหรอครับ? คุณมีเงินมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซูไห่เฉาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “นี่นายกำลังดูถูกกันนี่นา” เจี่ยงหลานเหลือบมองหานซานเฉียน เรื่องนี้จะให้เขาได้หน้าไม่ได้ และถึงจะพูดออกไปก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี แต่การจะหาเหตุผลที่ทำให้คนอื่นเชื่อนั้นก็ไม่ง
เหตุผลที่ไม่มีใครสงสัยเรื่องแต่งของเจี่ยงหลานเพราะว่าเวลานั้นเหมาะเจาะ หานซานเฉียนกับซูหยิงเซี่ยเพิ่งจะแต่งงานกันครบสามปี และพวกเขาก็ซื้อรถยนต์ ซื้อบ้านใหม่ทันที จึงไม่มีใครจับพิรุธของเธอได้ หนึ่งร้อยล้าน! สามคำนี้กลายเป็นความเจ็บปวดในใจของญาติพี่น้องตระกูลซู พวกเขามองไปที่หานซานเฉียน อยากให้หานซานเฉียนเป็นลูกเขยของตัวเองเหลือเกิน แม้ว่าเขาจะเป็นแค่ไอ้เศษสวะคนหนึ่งแต่ในตัวมีเงินร้อยล้าน พวกเขาก็จะรับเศษสวะนี้ไว้เอง เมื่อนึกถึงการดูถูกซูกั๋วเย่าและการเยาะเย้ยซูหยิงเซี่ยตลอดสามปีที่ผ่านมา ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาจะเก็บกดความรู้สึกเอาไว้ไม่ระเบิดออกมา ที่แท้ก็เพราะว่ามีเงินหนึ่งร้อยล้านซ่อนอยู่ในกระเป๋านี่เอง “น่าเสียดายที่คุณแม่ไม่ได้มา ไม่อย่างนั้นคุณแม่จะต้องดีใจมากแน่นอน เดิมทีพวกเราสามารถใช้ชีวิตที่มีความสุขได้ด้วยเงินหนึ่งร้อยล้าน แต่เห็นแก่คุณแม่ พวกเราจึงปรึกษากันว่าจะซื้อคฤหาสน์ใจกลางภูเขานี้ เฮ้อ…” เจี่ยงหลานถอนหายใจ เธอพูดเป็นนัยแฝงไว้อย่างชัดเจน ซูกั๋วหลินปฏิเสธแทนหญิงชรา ดังนั้นความรับผิดชอบทั้งหมดจึงตกอยู่ที่เขาไปโดยปริยาย ในใจของซูกั๋วหลินยังไม่อยากยอมรับ แม้
“จากที่เจี่ยงหลานพูด หานซานเฉียนแต่งงานเข้ามาเมื่อสามปีก่อน คุณพ่อต้องการชดเชยให้ซูหยิ่งเซี่ย ดังนั้นจึงแอบให้เงินหนึ่งร้อยล้านแก่ซูกั๋วเย่าเป็นการส่วนตัวครับ แต่คุณพ่อมีกฎระบุไว้ว่า เงินหนึ่งร้อยล้านนี้จะสามารถใช้ได้ในอีกสามปีข้างหน้า ซึ่งตอนนี้ก็เวลาที่เหมาะสมไม่น่าครับ” ซูกั๋วหลินอธิบาย ตาเฒ่าให้เงินซูหยิงเซี่ยหนึ่งร้อยล้าน! ปฏิกิริยาแรกของหญิงชราคือมันเป็นไปไม่ได้ เธอรู้ดีว่าตระกูลซูมีเงินมากน้อยแค่ไหน เมื่อก่อนเพื่อไม่ให้ตาเฒ่านำไปเลี้ยงดูเมียน้อย เธอจะตรวจสอบเงินทุกหยวนในบริษัทด้วยตัวเอง แล้วจะปล่อยให้เขามีเงินส่วนตัวตั้งหนึ่งร้อยล้านได้อย่างไร? แต่ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนให้ ซูกั๋วเย่าจะเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน! หญิงชราตัดสินใจว่าต้องคุยกับซูกั๋วเย่าต่อหน้าให้รู้เรื่องจึงกล่าวว่า “ฉันจะไปที่คฤหาสน์เดี๋ยวนี้” หลังจากวางสาย ซูกั๋วหลินได้กลับไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วพูดกับเจี่ยงหลานว่า “เดี๋ยวคุณแม่จะมาที่นี่ ท่านต้องการตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เจี่ยงหลานยังคงมีท่าทีสงบ ชายชราเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ เธอพูดอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น ต่อให้หญิงชรามา
เมื่อมาถึงเชิงเขา หญิงชราก็บอกให้หานซานเฉียนปล่อยเธอลง พลางมองดูคฤหาสน์อันหรูหราที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น นี่คือสถานที่ที่แสดงถึงสถานะในเมืองหยุนเฉิง เดิมทีหญิงชราคิดว่าชั่วชีวิตนี้คงจะพาตระกูลซูไปได้มากที่สุดแค่เชิงเขาเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีสิทธิ์เข้ามาถึงที่นี่ “ตาเฒ่า ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าจะตำหนิคุณ หรือว่าขอบคุณคุณดี หากไม่มีคุณ ชั่วชีวิตนี้ฉันก็คงไม่ได้มาที่นี่ แต่ทำไมคุณต้องให้เงินกับซูกั๋วเย่าด้วย?” หญิงชราพูดออกมาต่อหน้าซูหยิงเซี่ยโดยไม่ปิดบังใด ๆ ทำให้รูัว่าครอบครัวของซูกั๋วเย่านั้นไม่มีตัวตนในหัวใจของเธอสักนิดเดียว ซูหยิงเซี่ยมีสีหน้าขุ่นเคือง เธอชำเลืองมองหานซานเฉียนอย่างทำอะไรไม่ถูก หลังจากที่หญิงชราเดินมาถึงคฤหาสน์แล้ว เสียงพูดคุยจอแจในห้องนั่งเล่นก็เงียบลงทันที บรรดาญาติพี่น้องของตระกูลซูก็ลุกขึ้นจากโซฟา ซูไห่เฉาวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปหาหญิงชราอย่างคล่องแคล่วและพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณย่าครับ คุณย่าคงจะเหนื่อยใช่ไหม รีบนั่งพักก่อนครับ” เมื่อหานซานเฉียนเห็นภาพนี้ สายตาก็เต็มไปด้วยความเย็นชา ในตระกูลหานก็มีคนแบบนี้เหมือนกัน เป็นเพราะความปากหวานของเขา หานซ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ