สิ่งนี้ทำให้ซูอี้หานตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอเคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่เธอคิดว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ คนจากตระกูลหานในเหยียนจิงจะมาขอแต่งงานกับตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกลูซูได้อย่างไร?แล้วเรื่องที่หานซานเฉียนมาจากตระกูลหานในเหยียนจิงนั้น มันก็เหมือนเรื่องตลกที่ไร้สาระซะมากกว่า"ฉันว่าเธอคงจะป่วยแล้วล่ะ ถ้าหานซานเฉียนเป็นนายน้อยของตระกูลหาน เขาจะมาแต่งงานกับตระกูลซูทำไม" ซูอี้หานกล่าว“ถ้าเธอไม่เชื่อ ก็ลองกลับไปถามซูไห่เฉาดูแล้วกัน เขารู้จักหานซานเฉียนเป็นอย่างดี แต่ที่เขาไม่ได้บอกเธอ อาจเป็นเพราะเขากลัวว่าเธอจะเจ็บปวดน่ะสิ”ฉี๋อีหยุนยิ้มและพูด จากนั้นก็เดินไปที่ด้านข้างของซูอี้หานและเตือนเธอเบา ๆ "ฉันอยากจะเตือนเธอด้วยความหวังดี อย่าเผิดเผยตัวตนของหานซานเฉียน ใครก็ตามที่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้จะต้องได้พบกับความตาย เธอก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าตระกูลหานในเหยียนจิงนั้นทรงพลังขนาดไหน"หลังจากพูดจบ ฉี๋อีหยุนก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว เหตุผลที่เธอต้องพูดเรื่องนี้กับซูอี้หาน เพราะเธอรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนหานซานเฉียน ผู้หญิงในตลาดอย่างหล่อนมีสิทธิ์อะไรมาชี้นิ้วว่าเขา?และฉี๋อีหยุนก็มั่นใจว่าซูอี้หาน
หลังจากที่แม่ของเด็กน้อยคนนั้นพาเขาออกไปแล้ว หานซานเฉียนก็พูดกับฉี๋อีหยุนว่า "ความเอื้ออาทรแบบนี้ แม้แต่ผู้ใหญ่หลายคนก็ยังไม่มี""แม้ว่าเขาจะโชคไม่ดี แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ได้พบกับคุณ ในโลกนี้มีคนมากมายที่เป็นเหมือนเขา แต่ไม่มีโอกาสได้พบคุณแบบเขา" ฉี๋อีหยุนพูดเบา ๆ เธอรู้มานานแล้วว่าหานซานเฉียนเป็นคนจิตใจดี เพราะดูจากสิ่งต่าง ๆ ที่หานซานเฉียนเคยทำ ด้วยเหตุนี้ ฉี๋อีหยุนจึงรู้สึกว่าหานซานเฉียนมีเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่น ๆ"ผมหวังว่าจะช่วยเขาได้" หานซานเฉียนถอนหายใจและมองเชือกสีแดงในมือของเขา แม้ว่ามันจะไม่ได้มีราคาอะไร แต่เขาก็จะไม่ถอดมันออก บางทีเชือกสีแดงนี้อาจนำโชคมาให้เขาก็ได้แม้ว่าหานซานเฉียนเป็นคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า แต่เขาเชื่อในเรื่องของโชค เขาสามารถพัฒนาพลังของตัวเองได้โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากตระกูลหาน นอกจากความสามารถของตัวเองแล้วยังมีโชคช่วย ซึ่งนั่นเป็นที่เข้าใจได้ และแน่นอนว่าโชคยังถือเป็นจุดแข็งในบางจุดอีกด้วยฉี๋อีหยุนเข็นหานซานเฉียนกลับไปที่วอร์ดและพูดเบา ๆ "ในเมื่อเงินสามารถรักษาเขาได้ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแล้ว เพราะสำหรับคุณเงิน
เมื่อก่อนทุกครั้งที่ซูอี้หานมาที่บริษัท เธอมักจะเชิดหน้าชูตาเสมอ เพราะถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเพียงพนักงาน แต่ด้วยความสัมพันธ์ของเธอกับซูไห่เฉา จึงทำให้เธอรู้สึกว่าอยู่เหนือกว่าคนอื่นแต่วันนี้ซูอี้หานเอาแต่ก้มหน้าตลอดทาง ไม่ว่าจะเจอใคร ซูอี้หานก็รู้สึกราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มเยาะเธออยู่“วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับซูอี้หาน? จู่ ๆ ถึงได้ถ่อมตัวแบบนี้”"ใช่ แปลกจริง ๆ เมื่อก่อนพอมาถึงบริษัทยังไม่ทันได้ยืนดี ๆ ก็เริ่มชี้นิ้วสั่งคนอื่นแล้ว แต่วันนี้กลับดูเหมือนว่ากลัวคนอื่นจะเห็นตัวเองยังไงอย่างงั้น""หรือว่าเธอทำอะไรผิดมารึเปล่า?" ความคิดเห็นกระจายไปทั่ว และในไม่ช้าก็มีข่าวลือในบริษัทว่าซูอี้หานจะถูกไล่ออก นี่คือพลังของคำพูดของคนเมื่อมาถึงห้องทำงานของซูไห่เฉา ท่าทางเงอะ ๆ งะ ๆ ของซูอี้หานทำให้ซูไห่เฉารู้สึกงงมาก“เธอกำลังทำอะไร?” ซูไห่เฉาเริ่มได้กลิ่นแปลก ๆ“ฉันมีเรื่องอยากจะถามนายสักหน่อย นายต้องตอบมาตามความจริงนะ” ซูอี้หานกล่าวซูไห่เฉายิ้มอย่างเย็นชา ตั้งแต่เขาเปิดบริษัท เขาก็ไม่เคยนับญาติกับคนตระกูลซูอีกเลย อย่างมากก็แค่ให้การเงินเดือนที่แตกต่างจากพนักงานทั่วไปเท่านั้น ตอนนี้ซูอี้หานกล
สำหรับซูอี้หาน เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ มันไม่ได้สร้างความแตกต่างใด ๆ กับเธอหากคนนอกรู้เรื่องนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอได้รับรู้ความจริง และความจริงก็ตอกหน้าเธอ ทำให้เธอได้รู้ว่าความโง่เขลานั้นเป็นอย่างไร และทำให้เธอรู้ว่ามันน่าเกลียดแค่ไหนหลังจากฟองสบู่ในฝันแตกสลายจนถึงวันนี้ เธอยังรู้สึกว่าซูหยิงเซี่ยไม่สมควรได้รับสินสอดเหล่านั้น ทั้งหมดเป็นเพราะการกุศลขอฉือจิง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าซูหยิงเซี่ยสมควรได้รับทั้งหมดนี้ และคนที่เป็นตัวตลกแท้จริงแล้วคือเธอเองแต่ซูอี้หานจะไม่ยอมแพ้เพราะเรื่องแค่นี้ ตราบใดที่เธอสามารถแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยได้ในอนาคต เธอก็สามารถล้างคราบเหตุการณ์เหล่านี้ออกไปได้“ไห่เฉา ถ้านายช่วยให้ฉันได้แต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยได้ ฉันจะช่วยนายทำทุกอย่าง” ซูอี้หานกล่าวอย่างหนักแน่นซูไห่เฉายิ้มเบา ๆ ด้วยความไม่พอใจของซูอี้หานในตอนนี้ ทำให้เธอยอมทำทุกสิ่งตามที่เขาบอก อย่างไรก็ตาม ซูไห่เฉาจะยังไม่ใช้การ์ดใบนี้ เพราะมันสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นต้องใช้มันในช่วงเวลาที่เหมาะสม เมื่อสามารถโจมตีหานซานเฉียนได้แล้ว ค่อยแทงเขาแรง
“แม่ตีหน้าตัวเองทำไมครับ” ตอนนั้นเองเด็กชายตัวเล็ก ๆ บนเตียงในโรงพยาบาลก็ตื่นขึ้นมาเห็นพอดีจึงเอ่ยถามขึ้นหญิงสาวเดินไปที่เตียงในโรงพยาบาลด้วยความตื่นเต้น จับมือเด็กน้อยแล้วพูดทั้งน้ำตาว่า "ลูกเอ๋ย ลูกรอดแล้ว มีคนบริจาคค่ารักษาพยาบาลให้ลูก ลูกจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว" เด็กน้อยยังคงอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น เขาฟังคำพูดของแม่ด้วยความงุนงง และยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่เขาก็เป็นคนที่มีเหตุผลและรู้ความ และเขารู้ดีว่าต้องใช้เงินมากมายแค่ไหนในการรักษาตัวเอง แล้วจะมีคนยอมบริจาคเงินมากมายนี้ให้เขาได้อย่างไร“แม่ครับ แม่คงจะเหนื่อยเกินไป ที่นี่ไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเรา” เด็กน้อยพูดด้วยความปวดใจหญิงสาวหันศีรษะไปมอง และเห็นว่าจงเหลียงออกไปแล้วเธอจึงรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตามออกไปทันที แต่พอเปิดประตูก็ไม่พบร่างของจงเหลียงเสียแล้ว นั่นทำให้หญิงวัยกลางคนตกตะลึงไปชั่วขณะหรือว่าทุกอย่างเมื่อครู่เป็นเพียงภาพหลอน? ตอนนั้นเองพยาบาลเดินมาที่วอร์ดเพื่อตรวจร่างกายของเด็กน้อยหญิงสาวจับมือพยาบาลแล้วถามเธอว่า "คุณพยาบาล คุณเห็นชายอายุประมาณสามสิบ รูปร่างผอมสูง ที่บอกว่าเขาจะจ
ที่หานซานเฉียนออกจากโรงพยาบาล นั่นเป็นเพราะเขาไม่ชอบสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาลจริง ๆ ยิ่งเขาพักฟื้น เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายเพราะยาฆ่าเชื้อและกลิ่นฉุนของยา ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เขาต้องทำในเวลานี้คือการพักผ่อน เพราะงั้นกลับมาพักที่บ้านก็คงไม่ต่างกัน“ตอนนี้คุณอาศัยอยู่ในสถานที่แบบนี้เหรอ?”เมื่อมองไปที่บ้านเช่าของหานซานเฉียน ฉี๋อีหยุนก็ถึงกับหมดคำจะพูด แม้ว่าเขาจะไม่สามารถอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ใจกลางภูเขาได้หลังจากหย่าร้าง แต่ก็ไม่น่าจะต้องลดระดับลงมาขนาดนี้ อย่างไรเขาก็เป็นนายน้อยของตระกูลหานนะ“ทำไมล่ะ? น้ำไฟก็มีครบ แถมยังมีมุ้งลวดอีกด้วย ดีกว่าสะพานลอยตั้งเยอะ” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม“คุณนี่ช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริง ๆ จำเป็นต้องเปรียบเทียบตัวเองกับคนจรจัดด้วยรึไง?” ฉี๋อีหยุนไม่เข้าใจความคิดของหานซานเฉียน ด้วยตัวตนของเขาทำไมจะต้องเปรียบเทียบตัวเองกับคนจรจัดแบบนั้นด้วย? “คนเราไม่มีความแตกต่างไม่ว่าจะสูงหรือต่ำ ก็ล้วนแต่มีเลือดมีเนื้อ แล้วทำไมจะเปรียบเทียบกันไม่ได้” หานซานเฉียนกล่าว"สถานะของคนจะเหมือนกันได้ยังไง ตรรกวิทยาของคุณข้าง ๆ คู ๆ ชะมัด" ฉี๋อีหยุนผลักหานซานเฉียนเข้าไปในบ้านแ
ที่พ่อของฉี๋อีหยุนเลี้ยงลูกแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหลักเหตุและผล นั่นทำให้หานซานเฉียนรู้สึกชื่นชมเขาไม่น้อย “เทียบกับผู้หญิงที่ร่ำรวยคนอื่น ๆ คุณโชคดีมากแล้ว” หานซานเฉียนนกล่าวฉี๋อีหยุนที่กำลังเช็ดขี้เถ้าอยู่นั้นหยุดชะงัก เธอหันไปมองหานซานเฉียนและพูดว่า "คุณรู้ไหมว่าอะไรคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผู้หญิง?"เปลือกตาของหานซานเฉียนกระตุกเมื่อรู้ว่าฉี๋อีหยุนต้องการพูดอะไร แต่เมื่อเขากำลังจะเปลี่ยนเรื่อง ฉี๋อีหยุนก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที "ผู้หญิงไม่ต้องการยืนอยู่บนตำแหน่งที่สูงหรืออาชีพที่แข็งแกร่ง ในความคิดของฉัน ความสุขที่สุดสำหรับผู้หญิงคือการได้อยู่กับผู้ชายที่เธอชอบ มีลูกสาวเป็นของตัวเอง และได้คอยดูแลสามีและลูก ๆ ของเธอ”ดวงตาของฉี๋อีหยุนแผดเผา เห็นได้ชัดว่าผู้ชายที่เธอชอบคือหานซานเฉียน และจากท่าทีของเธอ ดูเหมือนว่าเธอยังคงรอคำตอบของหานซานเฉียนอยู่ ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่รู้ว่าใครเป็นคนมา หานซานเฉียนก็รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากแม้ว่าเขาจะปฏิเสธฉี๋อีหยุนมากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว แต่เขารู้ดีว่าการปฏิเสธทุกครั้งนั้นสร้างบาดแผลต่อเธอไม่น้อยการได้ใช้เ
เมื่อความคิดที่ว่าฉี๋อีหยุนเป็นแฟนของหานซานเฉียนเกิดขึ้นในใจของมี่เฟยเอ๋อร์ เธอก็ส่ายหัวปฏิเสธความคิดนี้ทันทีผู้หญิงคนนี้ต้องถูกเขาหลอกแน่ ไม่อย่างงั้นหน้าตาสวย ๆ แบบเธอจะมาคบกับไอ้คนธรรมดาคนนี้ทำไม! มี่เฟยเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยสายตาดูถูก หากไม่ใช่การลักพาตัวหรือการหลอกล่อ เขาคงไม่มีทางมีแฟนได้หรอกตอนนั้นเอง มี่เฟยเอ๋อร์ก็คิดเองเออเอง เธออยากจะช่วยฉี๋อีหยุน ไม่อยากให้เธอโดนหลอก และต้องบอกให้เธอรู้ให้ได้ว่าหานซานเฉียนเป็นคนแบบไหนขณะที่หยางเหมิงกำลังคุยกับหานซานเฉียนอยู่นั้น มี่เฟยเอ๋อร์ก็เดินเข้าไปหาฉี๋อีหยุนอย่างเงียบ ๆ และถามเธอเสียงเบา "คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นคนแบบไหน?"เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกถามฉี๋อีหยุนจึงรู้สึกงุนงง หานซานเฉียนเป็นคนแบบไหน เธอยังต้องพูดอีกเหรอ?"คุณมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไปเหรอ?" ฉี๋อีหยุนถาม ในเมื่อมี่เฟยเอ๋อร์ถามคำถามนี้ แสดงว่าเธอมีบางอย่างที่อยากจะพูด และฉี๋อีหยุนอยากรู้ว่าเธออยากจะพูดอะไร“ถึงแม้ว่าฉันจะรู้จักเขาได้ไม่นาน แต่ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนกระจอกคนนึง คุณสวยขนาดนี้แต่ยังเต็มใจอยู่กับเขา แสดงว่าเขาต้องหลอกอะไรคุณแน่ ๆ” มี่เฟยเอ๋อร์พูดฉี๋อีหยุนยิ้มจาง