เมื่อหานชิงเห็นฉีฮู่เดินเข้ามา เธอก็ตัวสั่นด้วยความกลัว ในขณะนี้เธอเริ่มเสียใจกับสิ่งที่เธอทำกับซูหยิงเซี่ย ถ้าเธอไม่จับซูหยิงเซี่ยมา เธอก็จะไม่ตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ และตอนนี้เธอกำลังตายเพราะการเล่นกับไฟและจุดไฟเผาตัวเอง ความเสียใจของหานชิงนั้นไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้"หานซานเฉียน ได้โปรดให้โอกาสฉันด้วย ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ"หานชิงคุกเข่าขอความเมตตาจากหานซานเฉียน ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำหูน้ำตา เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้ตระหนักว่าตัวเธออยู่ในสถานะอะไร ใบหน้าของหานซานเฉียนเย็นชา เขามองไปที่หานชิงโดยไม่มีความสงสารเลยแม้แต่น้อย และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "ตั้งแต่วินาทีที่เธอจับหยิงเซี่ยไป เธอก็ถึงจุดจบแล้ว อย่าโทษฉันเลย ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของตัวเธอเอง" หลังจากพูดจบ หานซานเฉียนก็เข้ามาพยุงซูหยิงเซี่ย และทั้งคู่ก็เดินตัวสั่นเทาออกไปที่ด้านนอกโรงแรม เขาไม่ต้องการให้ซูหยิงเซี่ยเห็นเหตุการณ์นี้หานชิงตะโกนเสียงแหบห้าว โดยหวังว่าจะใช้กำลังทั้งหมดที่มีเพื่อแลกกับการขอให้หานซานเฉียนให้อภัย แต่ทั้งหมดก็เปล่าประโยชน์ หานซานเฉียนไม่แม้แต่จะมองมาที่เธอด้วยซ้ำฉีฮู่ยื่นมือไปบี
หากร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บ แรงของเจี่ยงหลานไม่สามารถทำอะไรหานซานเฉียนได้ แต่ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้แต่แรงเล็กน้อยของเจี่ยงหลานก็สามารถทำให้เขาล้มลงกับพื้นได้เขาไม่มีเรี่ยวแรงต้านทาน ได้แต่นั่งลงบนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดซูหยิงเซี่ยรีบนั่งลงอย่างกระวนกระวาย และถามหานซานเฉียน "ซานเฉียน คุณเป็นอะไรไหม"เจี่ยงหลานมีสีหน้าเย็นชา แม้ว่าเธอจะรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง แต่ชายร่างใหญ่อย่างหานซานเฉียนจะถูกเธอผลักลงง่ายดายได้อย่างไร?แต่เธอไม่ได้สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับหานซานเฉียน เพียงแค่เห็นหน้าเขา อารมณ์รังเกียจของเธอก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ"ซูกั๋วเย่า พาลูกสาวของคุณกลับเข้าไปในบ้านซะ" เจียงหลานพูดกับซูกั๋วเย่าซูกั๋วเย่าไม่กล้าขัดคำพูดของเจี่ยงหลาน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงดึงซูหยิงเซี่ยกลับเข้าไปในบ้านเจี่ยงหลานเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าของหานซานเฉียน เธอวางมือบนสะโพก และพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม "หานซานเฉียน ฉันขอเตือนแกว่าที่นี่เป็นที่ของตระกูซูของฉันแล้ว และคฤหาสน์นี้ก็เป็นชื่อหยิงเซี่ย ในเมื่อแกหย่ากับเธอแล้ว แกก็ไม่มีสิทธิ์กลับมาที่นี่”ท่าทางแบบนี้ของเจี่ยงหลาน หานซานเฉียนเห็น
ณ โรงแรมเพนนินซูล่า เมื่อกลับมาถึงห้องแล้วนั้น หานเหยียนก็รู้สึกไม่สบายใจ ถึงแม้จะหลับตาลงแต่เธอก็นอนไม่หลับ หลังจากพลิกตัวไปมาเป็นเวลานาน เธอก็ลุกขึ้นมานั่งแม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการตายของหานชิง และไม่ได้รู้สึกผิดใด ๆ ที่ไม่ได้ช่วยเธอ แต่การกระทำของหานซานเฉียนทำให้เธอรับไม่ได้ ตามคำกล่าวที่ว่าการตีสุนัข เจ้าของเท่านั้นที่จะตีได้ แต่หานซานเฉียนกลับไม่เห็นเธออยู่ในสายตา สิ่งนี้ทำให้เธอยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ"ถ้าพ่อไม่บอกว่าห้ามฉันฆ่าแกล่ะก็ แกได้ตายไปนานแล้ว ไม่มีวันได้มาเย่อหยิ่งต่อหน้าฉันแบบนี้หรอก" หานเหยียนกล่าวด้วยสายตาที่ชั่วร้ายและความไม่พอใจ ในเขตอเมริกันจีนเธอคือยอดหญิง ใครก็ตามที่พูดกับเธอต้องลดระดับเสียงลง และให้ความเคารพเธออย่างที่สุด แต่หานซานเฉียนนั้นดูหมิ่นเธอครั้งแล้วครั้งเล่าตอนนั้นเอง หานเหยียนจึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา ในเมื่อพ่อของเธอไม่ต้องการให้หานซานเฉียนตาย งั้นก็ลองบอกเรื่องนี้กับเขาดู บางทีมันอาจจะเปลี่ยนใจพ่อได้?หลังจากทำอารมณ์สักพัก หานเหยียนก็โทรหาพ่อของเธอเมื่อต่อสายแล้ว หานเหยียนก็ร้องไห้ออกมาทันที ทักษะการแสดงของเธอนั้นยอดเยี่ยม ทำให้ไม่มีใครสัง
วันรุ่งขึ้น ในห้องพักผู้ป่วยของหานซานเฉียนถูกห้อมล้อมไปด้วยแพทย์ที่มีชื่อเสียงมากมายที่ม่อหยางเป็นคนหามา เนื่องจากเมื่อวานนี้เขาออกจากโรงพยาบาลไป ม่อหยางกังวลว่าอาการบาดเจ็บของหานซานเฉียนจะแย่ลง และจะมีผลกระทบตามมา ดังนั้นเขาจึงได้หาแพทย์ที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาลมาตรวจร่างกายให้เขาโชคดีที่ร่างกายของหานซานเฉียนแข็งแกร่งอยู่แล้ว จึงไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก หากการฟื้นฟูเป็นไปได้ด้วยดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงหลังจากแพทย์จำนวนมากจากไป หานซานเฉียนก็พูดกับม่อหยางอย่างช่วยไม่ได้ว่า "อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้อีก ฉันไม่ใช่ลิงในสวนสัตว์นะ ทำไมต้องให้คนมากมายมาจ้องฉันคนเดียวด้วย"ม่อหยางชำเลืองมองหานซานเฉียนและพูดว่า "ถ้านายยอมพักฟื้นที่โรงพยาบาลดี ๆ ตั้งแต่แรก ฉันก็คงไม่ต้องเรียกแพทย์มามากมายแบบนี้หรอก"“ความผิดฉันรึไง?” หานซานเฉียนเลิกคิ้วพูดม่อหยางลูบจมูกอย่างกระอักกระอ่วนแล้วพูดว่า "ไม่ต้องกังวล ฉันส่งคนไปคุ้มครองน้องสะใภ้ใหม่แล้ว ครั้งนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกแน่นอน ฉันเอาหัวเป็นประกันเลย""ฉันจะเอาหัวนายมาทำอะไร? หน้าตาหน้าเกลียดแบบนี้ ฉันคงไม่เอามาเปลี่ยนกับหน้าตัวเองหรอก" หา
คำพูดของหานซานเฉียนทำให้ซูอี้หานหัวเราะขึ้นอย่างเหยียดหยาม น่าสังเวชขนาดนี้แล้วยังมีอารมณ์มาล้อเล่นอีก“ดูเหมือนว่านายจะอารมณ์ดีไม่น้อยเลยนะ” ซูอี้หานกล่าว“มีเรื่องอะไรให้ฉันต้องเศร้าใจรึไง?” หานซานเฉียนถามกลับซูอี้หานพยักหน้าและพูดว่า "หากเป็นคนอื่น ถ้าถูกผู้หญิงทิ้งมันคงจะเป็นเรื่องน่าอายจนไม่กล้าเจอผู้คน แต่คนหน้าหนาอย่างนายคงจะชินไปแล้วสินะ ก็เป็นคนไร้ค่ามาตั้งหลายปีแล้ว คงจะมีภูมิต้านทานต่อคำด่าไม่น้อย”“ในเมื่อเธอก็รู้ว่าฉันมีภูมิต้านทาน แล้วมาหัวเราะเยาะฉันแบบนี้ ก็เท่ากับเปลืองน้ำลายเปล่า ๆ ไม่ใช่เหรอ?” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มซูอี้หานรู้สึกรำคาญมากกับท่าทีที่ดูไม่ใส่ใจของหานซานเฉียน หลังจากที่เธอเห็นเขา เธอก็จงใจดูถูกการบาดเจ็บของเขา แต่หานซานเฉียนกลับไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย“ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเศษขยะแบบนายมีชีวิตอยู่มาได้ยังไงจนถึงวันนี้ ถ้าเป็นฉันคงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว” ซูอี้หานกัดฟันพูด “ฉันเพิ่งบอกไปเมื่อกี้นี้ไง ว่าฉันฆ่าตัวตายไปครึ่งทางแล้ว แต่เกิดนึกเสียใจขึ้นมา และนี่ก็ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ยังไม่ฆ่าฉัน” หานซานเฉียนกล่าวเพียงสองสามคำก็ทำเอาซูอี้หานโกรธจนขว
สิ่งนี้ทำให้ซูอี้หานตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอเคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่เธอคิดว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ คนจากตระกูลหานในเหยียนจิงจะมาขอแต่งงานกับตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกลูซูได้อย่างไร?แล้วเรื่องที่หานซานเฉียนมาจากตระกูลหานในเหยียนจิงนั้น มันก็เหมือนเรื่องตลกที่ไร้สาระซะมากกว่า"ฉันว่าเธอคงจะป่วยแล้วล่ะ ถ้าหานซานเฉียนเป็นนายน้อยของตระกูลหาน เขาจะมาแต่งงานกับตระกูลซูทำไม" ซูอี้หานกล่าว“ถ้าเธอไม่เชื่อ ก็ลองกลับไปถามซูไห่เฉาดูแล้วกัน เขารู้จักหานซานเฉียนเป็นอย่างดี แต่ที่เขาไม่ได้บอกเธอ อาจเป็นเพราะเขากลัวว่าเธอจะเจ็บปวดน่ะสิ”ฉี๋อีหยุนยิ้มและพูด จากนั้นก็เดินไปที่ด้านข้างของซูอี้หานและเตือนเธอเบา ๆ "ฉันอยากจะเตือนเธอด้วยความหวังดี อย่าเผิดเผยตัวตนของหานซานเฉียน ใครก็ตามที่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้จะต้องได้พบกับความตาย เธอก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าตระกูลหานในเหยียนจิงนั้นทรงพลังขนาดไหน"หลังจากพูดจบ ฉี๋อีหยุนก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว เหตุผลที่เธอต้องพูดเรื่องนี้กับซูอี้หาน เพราะเธอรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนหานซานเฉียน ผู้หญิงในตลาดอย่างหล่อนมีสิทธิ์อะไรมาชี้นิ้วว่าเขา?และฉี๋อีหยุนก็มั่นใจว่าซูอี้หาน
หลังจากที่แม่ของเด็กน้อยคนนั้นพาเขาออกไปแล้ว หานซานเฉียนก็พูดกับฉี๋อีหยุนว่า "ความเอื้ออาทรแบบนี้ แม้แต่ผู้ใหญ่หลายคนก็ยังไม่มี""แม้ว่าเขาจะโชคไม่ดี แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ได้พบกับคุณ ในโลกนี้มีคนมากมายที่เป็นเหมือนเขา แต่ไม่มีโอกาสได้พบคุณแบบเขา" ฉี๋อีหยุนพูดเบา ๆ เธอรู้มานานแล้วว่าหานซานเฉียนเป็นคนจิตใจดี เพราะดูจากสิ่งต่าง ๆ ที่หานซานเฉียนเคยทำ ด้วยเหตุนี้ ฉี๋อีหยุนจึงรู้สึกว่าหานซานเฉียนมีเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่น ๆ"ผมหวังว่าจะช่วยเขาได้" หานซานเฉียนถอนหายใจและมองเชือกสีแดงในมือของเขา แม้ว่ามันจะไม่ได้มีราคาอะไร แต่เขาก็จะไม่ถอดมันออก บางทีเชือกสีแดงนี้อาจนำโชคมาให้เขาก็ได้แม้ว่าหานซานเฉียนเป็นคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า แต่เขาเชื่อในเรื่องของโชค เขาสามารถพัฒนาพลังของตัวเองได้โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากตระกูลหาน นอกจากความสามารถของตัวเองแล้วยังมีโชคช่วย ซึ่งนั่นเป็นที่เข้าใจได้ และแน่นอนว่าโชคยังถือเป็นจุดแข็งในบางจุดอีกด้วยฉี๋อีหยุนเข็นหานซานเฉียนกลับไปที่วอร์ดและพูดเบา ๆ "ในเมื่อเงินสามารถรักษาเขาได้ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแล้ว เพราะสำหรับคุณเงิน
เมื่อก่อนทุกครั้งที่ซูอี้หานมาที่บริษัท เธอมักจะเชิดหน้าชูตาเสมอ เพราะถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเพียงพนักงาน แต่ด้วยความสัมพันธ์ของเธอกับซูไห่เฉา จึงทำให้เธอรู้สึกว่าอยู่เหนือกว่าคนอื่นแต่วันนี้ซูอี้หานเอาแต่ก้มหน้าตลอดทาง ไม่ว่าจะเจอใคร ซูอี้หานก็รู้สึกราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มเยาะเธออยู่“วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับซูอี้หาน? จู่ ๆ ถึงได้ถ่อมตัวแบบนี้”"ใช่ แปลกจริง ๆ เมื่อก่อนพอมาถึงบริษัทยังไม่ทันได้ยืนดี ๆ ก็เริ่มชี้นิ้วสั่งคนอื่นแล้ว แต่วันนี้กลับดูเหมือนว่ากลัวคนอื่นจะเห็นตัวเองยังไงอย่างงั้น""หรือว่าเธอทำอะไรผิดมารึเปล่า?" ความคิดเห็นกระจายไปทั่ว และในไม่ช้าก็มีข่าวลือในบริษัทว่าซูอี้หานจะถูกไล่ออก นี่คือพลังของคำพูดของคนเมื่อมาถึงห้องทำงานของซูไห่เฉา ท่าทางเงอะ ๆ งะ ๆ ของซูอี้หานทำให้ซูไห่เฉารู้สึกงงมาก“เธอกำลังทำอะไร?” ซูไห่เฉาเริ่มได้กลิ่นแปลก ๆ“ฉันมีเรื่องอยากจะถามนายสักหน่อย นายต้องตอบมาตามความจริงนะ” ซูอี้หานกล่าวซูไห่เฉายิ้มอย่างเย็นชา ตั้งแต่เขาเปิดบริษัท เขาก็ไม่เคยนับญาติกับคนตระกูลซูอีกเลย อย่างมากก็แค่ให้การเงินเดือนที่แตกต่างจากพนักงานทั่วไปเท่านั้น ตอนนี้ซูอี้หานกล