บ่อยครั้งที่หานชิงใช้อำนาจของเธอในการกลั่นแกล้งผู้อื่น เมื่อมีเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ หรือทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นธรรม เธอจะใช้ชื่อของหานเหยียนเพื่อแก้แค้น เธอคิดว่าหานเหยียนไม่รู้เรื่องพวกนี้ แต่เธอกลับรู้ทุกอย่างเพียงแค่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้น"คุณหนู ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่กล้าอีกแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วยนะคะ" หานชิงคุกเข่าลงบนพื้นทันที และร้องขอความเมตตาจากหานเหยียน"โทรซะ" หานเหยียนกัดฟันพูดทีละคำหานชิงหยิบโทรศัพท์ออกมาติดต่ออันธพาลสองสามคน และสั่งให้พวกเขาพาซูหยิงเซี่ยมาที่โรงแรมเพนนินซูล่าหานซานเฉียนนั่งรออยู่บนรถเข็นเงียบ ๆ ไม่ถึงสิบนาทีคนเหล่านั้นก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับซูหยิงเซี่ยเมื่อหานซานเฉียนเห็นซูหยิงเซี่ยที่มีรอยแผล ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธซูหยิงเซี่ยที่ไม่สามารถยืนได้ เธอทรุดตัวลงบนพื้น เมื่อเธอเห็นหานซานเฉียน มุมปากของเธอก็ยกยิ้มขึ้นด้วยความเจ็บปวด “ฉันรู้ว่ายังไงคุณก็ต้องมาช่วยฉัน” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างมีความสุขหานซานเฉียนเดินไปที่ด้านข้างของซูหยิงเซี่ย และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ผมขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ผมปกป้องคุณได้ไม่ดี
เมื่อหานชิงเห็นฉีฮู่เดินเข้ามา เธอก็ตัวสั่นด้วยความกลัว ในขณะนี้เธอเริ่มเสียใจกับสิ่งที่เธอทำกับซูหยิงเซี่ย ถ้าเธอไม่จับซูหยิงเซี่ยมา เธอก็จะไม่ตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ และตอนนี้เธอกำลังตายเพราะการเล่นกับไฟและจุดไฟเผาตัวเอง ความเสียใจของหานชิงนั้นไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้"หานซานเฉียน ได้โปรดให้โอกาสฉันด้วย ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ"หานชิงคุกเข่าขอความเมตตาจากหานซานเฉียน ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำหูน้ำตา เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้ตระหนักว่าตัวเธออยู่ในสถานะอะไร ใบหน้าของหานซานเฉียนเย็นชา เขามองไปที่หานชิงโดยไม่มีความสงสารเลยแม้แต่น้อย และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "ตั้งแต่วินาทีที่เธอจับหยิงเซี่ยไป เธอก็ถึงจุดจบแล้ว อย่าโทษฉันเลย ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของตัวเธอเอง" หลังจากพูดจบ หานซานเฉียนก็เข้ามาพยุงซูหยิงเซี่ย และทั้งคู่ก็เดินตัวสั่นเทาออกไปที่ด้านนอกโรงแรม เขาไม่ต้องการให้ซูหยิงเซี่ยเห็นเหตุการณ์นี้หานชิงตะโกนเสียงแหบห้าว โดยหวังว่าจะใช้กำลังทั้งหมดที่มีเพื่อแลกกับการขอให้หานซานเฉียนให้อภัย แต่ทั้งหมดก็เปล่าประโยชน์ หานซานเฉียนไม่แม้แต่จะมองมาที่เธอด้วยซ้ำฉีฮู่ยื่นมือไปบี
หากร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บ แรงของเจี่ยงหลานไม่สามารถทำอะไรหานซานเฉียนได้ แต่ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้แต่แรงเล็กน้อยของเจี่ยงหลานก็สามารถทำให้เขาล้มลงกับพื้นได้เขาไม่มีเรี่ยวแรงต้านทาน ได้แต่นั่งลงบนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดซูหยิงเซี่ยรีบนั่งลงอย่างกระวนกระวาย และถามหานซานเฉียน "ซานเฉียน คุณเป็นอะไรไหม"เจี่ยงหลานมีสีหน้าเย็นชา แม้ว่าเธอจะรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง แต่ชายร่างใหญ่อย่างหานซานเฉียนจะถูกเธอผลักลงง่ายดายได้อย่างไร?แต่เธอไม่ได้สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับหานซานเฉียน เพียงแค่เห็นหน้าเขา อารมณ์รังเกียจของเธอก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ"ซูกั๋วเย่า พาลูกสาวของคุณกลับเข้าไปในบ้านซะ" เจียงหลานพูดกับซูกั๋วเย่าซูกั๋วเย่าไม่กล้าขัดคำพูดของเจี่ยงหลาน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงดึงซูหยิงเซี่ยกลับเข้าไปในบ้านเจี่ยงหลานเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าของหานซานเฉียน เธอวางมือบนสะโพก และพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม "หานซานเฉียน ฉันขอเตือนแกว่าที่นี่เป็นที่ของตระกูซูของฉันแล้ว และคฤหาสน์นี้ก็เป็นชื่อหยิงเซี่ย ในเมื่อแกหย่ากับเธอแล้ว แกก็ไม่มีสิทธิ์กลับมาที่นี่”ท่าทางแบบนี้ของเจี่ยงหลาน หานซานเฉียนเห็น
ณ โรงแรมเพนนินซูล่า เมื่อกลับมาถึงห้องแล้วนั้น หานเหยียนก็รู้สึกไม่สบายใจ ถึงแม้จะหลับตาลงแต่เธอก็นอนไม่หลับ หลังจากพลิกตัวไปมาเป็นเวลานาน เธอก็ลุกขึ้นมานั่งแม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการตายของหานชิง และไม่ได้รู้สึกผิดใด ๆ ที่ไม่ได้ช่วยเธอ แต่การกระทำของหานซานเฉียนทำให้เธอรับไม่ได้ ตามคำกล่าวที่ว่าการตีสุนัข เจ้าของเท่านั้นที่จะตีได้ แต่หานซานเฉียนกลับไม่เห็นเธออยู่ในสายตา สิ่งนี้ทำให้เธอยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ"ถ้าพ่อไม่บอกว่าห้ามฉันฆ่าแกล่ะก็ แกได้ตายไปนานแล้ว ไม่มีวันได้มาเย่อหยิ่งต่อหน้าฉันแบบนี้หรอก" หานเหยียนกล่าวด้วยสายตาที่ชั่วร้ายและความไม่พอใจ ในเขตอเมริกันจีนเธอคือยอดหญิง ใครก็ตามที่พูดกับเธอต้องลดระดับเสียงลง และให้ความเคารพเธออย่างที่สุด แต่หานซานเฉียนนั้นดูหมิ่นเธอครั้งแล้วครั้งเล่าตอนนั้นเอง หานเหยียนจึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา ในเมื่อพ่อของเธอไม่ต้องการให้หานซานเฉียนตาย งั้นก็ลองบอกเรื่องนี้กับเขาดู บางทีมันอาจจะเปลี่ยนใจพ่อได้?หลังจากทำอารมณ์สักพัก หานเหยียนก็โทรหาพ่อของเธอเมื่อต่อสายแล้ว หานเหยียนก็ร้องไห้ออกมาทันที ทักษะการแสดงของเธอนั้นยอดเยี่ยม ทำให้ไม่มีใครสัง
วันรุ่งขึ้น ในห้องพักผู้ป่วยของหานซานเฉียนถูกห้อมล้อมไปด้วยแพทย์ที่มีชื่อเสียงมากมายที่ม่อหยางเป็นคนหามา เนื่องจากเมื่อวานนี้เขาออกจากโรงพยาบาลไป ม่อหยางกังวลว่าอาการบาดเจ็บของหานซานเฉียนจะแย่ลง และจะมีผลกระทบตามมา ดังนั้นเขาจึงได้หาแพทย์ที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาลมาตรวจร่างกายให้เขาโชคดีที่ร่างกายของหานซานเฉียนแข็งแกร่งอยู่แล้ว จึงไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก หากการฟื้นฟูเป็นไปได้ด้วยดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงหลังจากแพทย์จำนวนมากจากไป หานซานเฉียนก็พูดกับม่อหยางอย่างช่วยไม่ได้ว่า "อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้อีก ฉันไม่ใช่ลิงในสวนสัตว์นะ ทำไมต้องให้คนมากมายมาจ้องฉันคนเดียวด้วย"ม่อหยางชำเลืองมองหานซานเฉียนและพูดว่า "ถ้านายยอมพักฟื้นที่โรงพยาบาลดี ๆ ตั้งแต่แรก ฉันก็คงไม่ต้องเรียกแพทย์มามากมายแบบนี้หรอก"“ความผิดฉันรึไง?” หานซานเฉียนเลิกคิ้วพูดม่อหยางลูบจมูกอย่างกระอักกระอ่วนแล้วพูดว่า "ไม่ต้องกังวล ฉันส่งคนไปคุ้มครองน้องสะใภ้ใหม่แล้ว ครั้งนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกแน่นอน ฉันเอาหัวเป็นประกันเลย""ฉันจะเอาหัวนายมาทำอะไร? หน้าตาหน้าเกลียดแบบนี้ ฉันคงไม่เอามาเปลี่ยนกับหน้าตัวเองหรอก" หา
คำพูดของหานซานเฉียนทำให้ซูอี้หานหัวเราะขึ้นอย่างเหยียดหยาม น่าสังเวชขนาดนี้แล้วยังมีอารมณ์มาล้อเล่นอีก“ดูเหมือนว่านายจะอารมณ์ดีไม่น้อยเลยนะ” ซูอี้หานกล่าว“มีเรื่องอะไรให้ฉันต้องเศร้าใจรึไง?” หานซานเฉียนถามกลับซูอี้หานพยักหน้าและพูดว่า "หากเป็นคนอื่น ถ้าถูกผู้หญิงทิ้งมันคงจะเป็นเรื่องน่าอายจนไม่กล้าเจอผู้คน แต่คนหน้าหนาอย่างนายคงจะชินไปแล้วสินะ ก็เป็นคนไร้ค่ามาตั้งหลายปีแล้ว คงจะมีภูมิต้านทานต่อคำด่าไม่น้อย”“ในเมื่อเธอก็รู้ว่าฉันมีภูมิต้านทาน แล้วมาหัวเราะเยาะฉันแบบนี้ ก็เท่ากับเปลืองน้ำลายเปล่า ๆ ไม่ใช่เหรอ?” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มซูอี้หานรู้สึกรำคาญมากกับท่าทีที่ดูไม่ใส่ใจของหานซานเฉียน หลังจากที่เธอเห็นเขา เธอก็จงใจดูถูกการบาดเจ็บของเขา แต่หานซานเฉียนกลับไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย“ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเศษขยะแบบนายมีชีวิตอยู่มาได้ยังไงจนถึงวันนี้ ถ้าเป็นฉันคงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว” ซูอี้หานกัดฟันพูด “ฉันเพิ่งบอกไปเมื่อกี้นี้ไง ว่าฉันฆ่าตัวตายไปครึ่งทางแล้ว แต่เกิดนึกเสียใจขึ้นมา และนี่ก็ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ยังไม่ฆ่าฉัน” หานซานเฉียนกล่าวเพียงสองสามคำก็ทำเอาซูอี้หานโกรธจนขว
สิ่งนี้ทำให้ซูอี้หานตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอเคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่เธอคิดว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ คนจากตระกูลหานในเหยียนจิงจะมาขอแต่งงานกับตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกลูซูได้อย่างไร?แล้วเรื่องที่หานซานเฉียนมาจากตระกูลหานในเหยียนจิงนั้น มันก็เหมือนเรื่องตลกที่ไร้สาระซะมากกว่า"ฉันว่าเธอคงจะป่วยแล้วล่ะ ถ้าหานซานเฉียนเป็นนายน้อยของตระกูลหาน เขาจะมาแต่งงานกับตระกูลซูทำไม" ซูอี้หานกล่าว“ถ้าเธอไม่เชื่อ ก็ลองกลับไปถามซูไห่เฉาดูแล้วกัน เขารู้จักหานซานเฉียนเป็นอย่างดี แต่ที่เขาไม่ได้บอกเธอ อาจเป็นเพราะเขากลัวว่าเธอจะเจ็บปวดน่ะสิ”ฉี๋อีหยุนยิ้มและพูด จากนั้นก็เดินไปที่ด้านข้างของซูอี้หานและเตือนเธอเบา ๆ "ฉันอยากจะเตือนเธอด้วยความหวังดี อย่าเผิดเผยตัวตนของหานซานเฉียน ใครก็ตามที่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้จะต้องได้พบกับความตาย เธอก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าตระกูลหานในเหยียนจิงนั้นทรงพลังขนาดไหน"หลังจากพูดจบ ฉี๋อีหยุนก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว เหตุผลที่เธอต้องพูดเรื่องนี้กับซูอี้หาน เพราะเธอรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนหานซานเฉียน ผู้หญิงในตลาดอย่างหล่อนมีสิทธิ์อะไรมาชี้นิ้วว่าเขา?และฉี๋อีหยุนก็มั่นใจว่าซูอี้หาน
หลังจากที่แม่ของเด็กน้อยคนนั้นพาเขาออกไปแล้ว หานซานเฉียนก็พูดกับฉี๋อีหยุนว่า "ความเอื้ออาทรแบบนี้ แม้แต่ผู้ใหญ่หลายคนก็ยังไม่มี""แม้ว่าเขาจะโชคไม่ดี แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ได้พบกับคุณ ในโลกนี้มีคนมากมายที่เป็นเหมือนเขา แต่ไม่มีโอกาสได้พบคุณแบบเขา" ฉี๋อีหยุนพูดเบา ๆ เธอรู้มานานแล้วว่าหานซานเฉียนเป็นคนจิตใจดี เพราะดูจากสิ่งต่าง ๆ ที่หานซานเฉียนเคยทำ ด้วยเหตุนี้ ฉี๋อีหยุนจึงรู้สึกว่าหานซานเฉียนมีเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่น ๆ"ผมหวังว่าจะช่วยเขาได้" หานซานเฉียนถอนหายใจและมองเชือกสีแดงในมือของเขา แม้ว่ามันจะไม่ได้มีราคาอะไร แต่เขาก็จะไม่ถอดมันออก บางทีเชือกสีแดงนี้อาจนำโชคมาให้เขาก็ได้แม้ว่าหานซานเฉียนเป็นคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า แต่เขาเชื่อในเรื่องของโชค เขาสามารถพัฒนาพลังของตัวเองได้โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากตระกูลหาน นอกจากความสามารถของตัวเองแล้วยังมีโชคช่วย ซึ่งนั่นเป็นที่เข้าใจได้ และแน่นอนว่าโชคยังถือเป็นจุดแข็งในบางจุดอีกด้วยฉี๋อีหยุนเข็นหานซานเฉียนกลับไปที่วอร์ดและพูดเบา ๆ "ในเมื่อเงินสามารถรักษาเขาได้ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแล้ว เพราะสำหรับคุณเงิน
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ