"เรื่องแบบนี้มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ รอวันที่เธอได้พบคนที่เธอรัก เธอก็จะเข้าใจเอง" ซูหยิงเซี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มเฉินหลิงเหยาถอนหายใจ เธอไม่แน่ใจว่าเธอจะได้เจอกับผู้ชายที่เธอรักไหม แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถปฏิเสธความรักอันแรงกล้าที่มีต่อหานซานเฉียนในหัวใจของเธอได้นับตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าหานซานเฉียนเป็นเจ้าชายเปียโนตัวน้อย ความรู้สึกที่เฉินหลิงเหยามีต่อหานซานเฉียนก็มากขึ้นทุกวัน แม้ว่าเธอจะพยายามยับยั้งตัวเองแล้ว แต่ความรู้สึกของเธอก็เหมือนฤดูใบไม้ผลิที่ไม่สามารถควบคุมมันได้แน่นอนว่าเฉินหลิงเหยามีเหตุผลพอ เธอจะไม่ทำอะไรเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยอย่างแน่นอน"ประธานซู คนข้างนอกตีกันแล้วครับ" ขณะนั้นเอง พนักงานคนหนึ่งของบริษัทก็วิ่งเข้ามาที่ห้องทำงานของซูหยิงเซี่ยด้วยความตื่นตระหนกและพูดขึ้นมาพวกคนที่ตามจีบซูหยิงเซี่ยด้านนอกประตูนั้น ตอนแรกก็แค่ทะเลาะถกเถียงกัน แต่ตอนนี้มันกลายเป็นการต่อยตีจนเริ่มเกิดความโกลาหลแล้วหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น เฉินหลิงเหยาก็พูดขึ้นว่า "คนเหล่านี้รักเธอจนคลั่ง ดูเหมือนว่าพวกเขาพวกเขากำลังจะขึ้นสังเวียนประชันกันว่าใครมีคุณสมบัติในการ
"คุณเป็นใคร" ซูหยิงเซี่ยมองคน ๆ นั้นด้วยดวงตาที่ลุกโชน ราวกับต้องการมองให้ทะลุหน้ากากของเธอ"ฟ้ามีตาสักที เธอถูกจับหลังจากหานซานเฉียนถูกทุบตีเข้าโรงพยาบาล ช่างเป็นปีที่อับโชคของพวกเธอจริง ๆ นะ" คนที่มาคือหานชิง แม้ว่าเธอจะเห็นหานซานเฉียนถูกทุบตีเมื่อวานนี้ แต่นั่นก็ไม่ถือเป็นการแก้แค้นส่วนตัว ดังนั้นหานชิงจึงไม่หยุดแผนการที่จะจับกุมซูหยิงเซี่ย แต่เธอไม่คิดว่าสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้นพร้อมกันเร็วขนาดนี้ หานซานเฉียนเพิ่งเข้าโรงพยาบาล และซูหยิงเซี่ยก็ถูกจับ"ซานเฉียนเข้าโรงพยาบาล? เกิดอะไรขึ้น!" อารมณ์สงบของซูหยิงเซี่ยระเบิดขึ้นในทันที เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่โรงแรมเพนนินซูล่า แต่เมื่อเธอได้ยินหานชิงพูดอย่างนั้น จู่ ๆ เธอก็รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมาทันที"เธอไม่รู้เหรอ?" หานชิงภายใต้หน้ากากแสดงรอยยิ้ม และพูดต่อ "เมื่อวานนี้เขาถูกทุบตีเหมือนสุนัข และเขาก็อาเจียนเป็นเลือดด้วยนะ ตอนนี้นอนอยู่ที่โรงพยาบาลขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ""เป็นไปไม่ได้ เธอตั้งใจโกหกฉันใช่ไหม" ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างกระหืดกระหอบ เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคือใคร และเธอก็ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เธอพูด"โกหกงั้นเหรอ? เธออยากดูว่าเขาถูกซ้อมย
"จะกลัวทำไม? แม้ว่าจะตีจนตายพวกแกก็ไม่ต้องรับผิดชอบ ถ้ายังอยากได้เงินก็ตีต่อไป" หานชิงกล่าวหลายคนต่างมองหน้ากัน ในสายตานั้นอดที่จะสงสารไม่ได้ อย่างไรซะซูหยิงเซี่ยก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง มันคงจะน่าอายไม่น้อยที่ชายร่างใหญ่หลายคนรุมกลั่นแกล้งเธอ ยิ่งกว่านั้นพวกเขาไม่ได้มีความแค้นส่วนตัวกับซูหยิงเซี่ย ทุบตีเธอเขนาดนนี้ก็คงเพียงพอแล้วแต่เงินยังอยู่ในมือของหานชิง และพวกเขาต้องฟังคำสั่งของเธอการเตะต่อยยังคงดำเนินต่อไป ซูหยิงเซี่ยไม่สามารถแม้แต่จะส่งเสียงร้องเจ็บปวดได้ มุมปากของเธอเต็มไปด้วยรอยแดงที่น่าตกใจ และดูเหมือนว่าใกล้จะไม่ไหวแล้วและตอนนั้นเองหานชิงจึงสั่งให้พวกเขาหยุด ก่อนจะเดินไปหาซูหยิงเซี่ย เธอคุกเข่าลงและพูดว่า "นังผู้หญิงโสโครก ตอนนี้รู้แล้วรึยังว่าถ้าหากทำให้ฉันโมโหจะต้องเจอกับอะไร?"ซูหยิงเซี่ยรู้สึกเหมือนร่างกายของเธอกำลังจะแตกสลาย ไม่มีส่วนใดที่ไม่รู้สึกเจ็บปวด คำพูดของหานชิง เธอก็ได้ยินไม่ชัดสักคำ เธอพูดขึ้นด้วยเสียงงึมงำ "ซานเฉียนจะต้องล้างแค้นให้ฉันแน่"หานชิงยิ้มอย่างเย็นชา เธอจับผมของซูหยิงเซี่ยบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นและพูดว่า "ดูใบหน้าที่น่าสงสารของเธอสิ หานซ
ม่อหยางขบฟันกรามแน่น เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเตรียมการมาอย่างดี ปิดป้ายทะเบียนรถ พอไปถึงเมืองอื่นแล้วค่อยเปิดป้ายทะเบียนออก มีรถตู้มากมายบนถนน ใครจะรู้ว่ารถคันที่ลักพาตัวซูหยิงเซี่ยพาเธอไปไหนแล้ว ยิ่งพิถีพิถันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้มาดี และตอนนี้ซูหยิงเซี่ยจะต้องตกอยู่ในอันตรายมากแน่ ๆ ในระหว่างที่หานซานเฉียนกำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล เขาไม่สามารถปล่อยให้ซูหยิงเซี่ยได้รับอันตรายใด ๆ ได้ และนี่เป็นข้อผิดพลาดจากคนของเขาเอง หากเขาไม่สามารถให้คำอธิบายกับหานซานเฉียนได้ แล้วจะกล้าเอาหน้าไปโผล่ต่อหน้าหานซานเฉียนได้อย่างไร?“เรียกทุกคนรวมตัว ตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งหมู่บ้านและเมืองเล็ก ๆ ในเขตชานเมืองก็ห้ามปล่อยผ่าน” ม่อหยางกล่าวหลินหย่งออกความคิดเห็นว่า "เราควรรวมทุกคนในพื้นที่สีเทาดีไหมครับ ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งมีพลัง""เล่นใหญ่ขนาดนี้ นายกลัวว่าซานเฉียนจะไม่รู้เรื่องหรือไง?" ม่อหยางจ้องหลินหย่งและพูดขึ้น แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะดูมีเหตุผล แต่เมื่ออิทธิพลแพร่กระจายออกไป ความเป็นไปได้ที่หานซานเฉียนจะได้รับข่าวก็จะเพิ่มขึ้น ในสถานการณ์นี้ม่อหยางไม่สามารถให้หานซานเฉียนรู้เรื่องนี้ไ
เมื่อเห็นการแจ้งเตือนเป็นเบอร์ของหานซานเฉียน ม่อหยางก็มีรางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก แต่เรื่องมันเพิ่งเกิดไม่นาน หานซานเฉียนอยู่ในโรงพยาบาลจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร"ไม่ต้องห่วง ฉันส่งคนออกไปตามหาแล้ว" ม่อหยางพูด ในเมื่อหานซานเฉียนรู้เรื่องแล้ว เขาจึงไม่สามารถปกปิดมันต่อไปได้ ทำได้เพียงต้องบอกความจริงกับหานซานเฉียนเท่านั้น“นายคิดว่าฉันจะวางใจได้ไหม?” หานซานเฉียนกล่าว“ฉันจะตามหาน้องให้เจอโดยเร็วที่สุด และจะไม่ให้เธอได้รับบาดเจ็บเด็ดขาด สภาพของนายตอนนี้ ต้องพักผ่อนไปก่อน วางใจและฝากเรื่องนี้ไว้กับฉันเถอะ หรือว่านายไม่เชื่อใจฉัน?” ม่อหยางกล่าวหานซานเฉียนเชื่อในตัวม่อหยาง แต่ตอนนี้เขายังไม่รู้ตำแหน่งของซูหยิงเซี่ย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถวางใจได้แต่หานซานเฉียนก็รู้สภาพของตัวเองดี ร่างกายของเขาในตอนนี้ไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ และแม้ว่าจะออกไป เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี "หากได้ข่าวอะไรต้องรีบบอกฉันทันที"หานซานเฉียนกล่าว“โอเค ไม่ต้องกังวล ถ้าได้ข่าวฉันจะรีบบอกนายทันที”หลังจากวางสาย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อมองไปก็โชว์เบอร์ของเจี่ยงหลาน ฉี๋อีหยุนจึงถามขึ้น "จะรับสายไหม?"
ในสายตาของคนภายนอก ความสุขของซูหยิงเซี่ยนั้นไกลเกินกว่าจะบรรยายได้ แต่ในสายตาของหานซานเฉียน ทั้งหมดนี้ถือเป็นสิ่งที่เธอสมควรจะได้รับ ไม่ว่าจะเป็นความรักหรือการปกป้องจากเขาเมื่อเห็นไหล่ที่สั่นไหวและเสียงสะอื้นของฉี๋อีหยุน หานซานเฉียนก็ไม่แม้แต่จะใจอ่อน เพราะความคิดของเขาอยู่ที่ซูหยิงเซี่ยเท่านั้น เขาไม่ได้สนใจความรู้สึกของผู้หญิงคนอื่น เวลาผ่านไปแต่ละนาทีสำหรับหานซานเฉียน กว่าจะผ่านไปได้แต่ละวินาทีนั้นยากมาก เขาไม่แน่ใจว่าซูหยิงเซี่ยจะปลอดภัยไหม ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้"ถ้าคุณต้องการออกจากโรงพยาบาล ฉันจะไปหารถเข็นให้คุณ" ฉี๋อีหยุนพูดกับหานซานเฉียนหานซานเฉียนพยักหน้าโดยไม่ลังเล อารมณ์ของเขาในตอนนี้จะอยู่ในโรงพยาบาลราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร เขาพูดขึ้น "ขอบคุณมาก""คุณแน่ใจแล้วใช่ไหม หากคุณไม่รักษาตัวให้ดี มันอาจจะส่งผลกระทบระยาวกับคุณก็ได้" ฉี๋อีหยุนเตือนหานซานเฉียนยิ้มเล็กน้อย ผลกระทบที่ตามมาไม่มีความหมายสำหรับเขา“แม้ฟ้าจะถล่มลงมาก็หยุดผมไม่ได้” หานซานเฉียนกล่าว ฉี๋อีหยุนพยักหน้า เธอเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย และจากนั้นไม่นานก็เข็นรถเข็นกลับมาเธอพยุ
ในโรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหยุนเฉิง หลังจากเหยียนจุนกดวางสาย เขาก็ไม่ได้รีบร้อนออกเดินทางในช่วงเวลานี้เขาอยู่ในหยุนเฉิงมาโดยตลอด เพื่อปกป้องหานซานเฉียน แต่เขาไม่ต้องการให้หานซานเฉียนรู้เรื่องนี้ เพราะเขาไม่อยากทำให้หานซานเฉียนรู้สึกถึงการพึ่งพาใด ๆ เหยียนจุนไม่ได้เข้าไปแทรกแซงเรื่องที่หานซานเฉียนถูกทุบตีที่โรงแรมเพนนินซูล่า เพราะเขารู้ว่าหานเหยียนจะไม่ฆ่าหานซานเฉียน ในเมื่ออันตรายไม่ถึงชีวิต เหยียนจุนก็ไม่มีเหตุผลที่จะเข้าไปช่วยแต่วันนี้ เนื่องจากหานซานเฉียนร้องขอความช่วยเหลือ นั่นหมายความว่าเขามาถึงจุดที่สิ้นหวังแล้ว และเหยียนจุนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยื่นมือเข้าไปช่วยครึ่งชั่วโมงต่อมา เหยียนจุนก็มาถึงคลับเมจิกซิตี้เมื่อฉีฮู่เห็นเหยียนจุน เขาก็ก้มหัวลงอัตโนมัติ ชายชราคนนี้ แม้แต่อาจารย์ของเขานั้นก็ยังไม่กล้ายุ่งด้วย แค่คำพูดจากเขาเพียงคำเดียว ฉงหยางก็ตกลงตามเงื่อนไขของเขาฉีฮู่เปรียบเทียบเหยียนจุนและตี้หยางในใจโดยไม่รู้ตัว ในความเห็นของเขา ตี้หยางดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเหยียนจุน เพราะบาดแผลที่เขาได้รับจากตี้หยางนั้นรุนแรงมากกว่าบาดแผลที่ได้รับจากเหยียนจุน"คุณปู่เหยียน หยิง
เมื่อฉีฮู่เดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านั้นอย่างพร้อมต่อสู้ คนเหล่านั้นก็แตกกระเจิงกันไปคนละทิศละทาง และไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางฉีฮู่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เหยียดหยาม "ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ไม่กล้าต่อสู้กับฉัน แล้วยังมาทำตัวหยิ่งยโสอีก"ฉี๋อีหยุนเข็นหานซานเฉียนเข้าไปในโรงแรม และฉีฮู่ก็ตะโกนเสียงดัง "รีบเรียกหานเหยียนออกมาเร็ว ๆ ไม่งั้น ฉันจะทุบสถานที่ห่วย ๆ แห่งนี้ทิ้งซะ"หลังจากพูดจบ รูปปั้นทองสัมฤทธิ์ที่มีน้ำหนักหนึ่งร้อยสลึงก็ถูกฉีฮู่ผลักลงไปที่พื้นส่งเสียงดังกราวหานเหยียนที่กำลังอยู่ในความฝันที่แสนหวาน จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น ทำให้เธอหงุดหงิดมาก และเมื่อมองดูเวลา มันยังเป็นเวลาเที่ยงคืน นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกรำคาญมากขึ้นไปอีก“ใคร ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม กล้าดียังไงมารบกวนเวลาพักผ่อนของฉัน” หานเหยียนรับโทรศัพท์พลางกัดฟันพูดอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์คือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เมื่อได้ยินหานเหยียนโกรธ เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า "คุณหนูหาน ชายร่างใหญ่คนนั้นบุกเข้ามาในโรงแรมอีกแล้วครับ และเขาต้องการพบคุณหนู ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโทรมาแจ้งคุณหนู"ทันใดนั้นหาน