ในโรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหยุนเฉิง หลังจากเหยียนจุนกดวางสาย เขาก็ไม่ได้รีบร้อนออกเดินทางในช่วงเวลานี้เขาอยู่ในหยุนเฉิงมาโดยตลอด เพื่อปกป้องหานซานเฉียน แต่เขาไม่ต้องการให้หานซานเฉียนรู้เรื่องนี้ เพราะเขาไม่อยากทำให้หานซานเฉียนรู้สึกถึงการพึ่งพาใด ๆ เหยียนจุนไม่ได้เข้าไปแทรกแซงเรื่องที่หานซานเฉียนถูกทุบตีที่โรงแรมเพนนินซูล่า เพราะเขารู้ว่าหานเหยียนจะไม่ฆ่าหานซานเฉียน ในเมื่ออันตรายไม่ถึงชีวิต เหยียนจุนก็ไม่มีเหตุผลที่จะเข้าไปช่วยแต่วันนี้ เนื่องจากหานซานเฉียนร้องขอความช่วยเหลือ นั่นหมายความว่าเขามาถึงจุดที่สิ้นหวังแล้ว และเหยียนจุนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยื่นมือเข้าไปช่วยครึ่งชั่วโมงต่อมา เหยียนจุนก็มาถึงคลับเมจิกซิตี้เมื่อฉีฮู่เห็นเหยียนจุน เขาก็ก้มหัวลงอัตโนมัติ ชายชราคนนี้ แม้แต่อาจารย์ของเขานั้นก็ยังไม่กล้ายุ่งด้วย แค่คำพูดจากเขาเพียงคำเดียว ฉงหยางก็ตกลงตามเงื่อนไขของเขาฉีฮู่เปรียบเทียบเหยียนจุนและตี้หยางในใจโดยไม่รู้ตัว ในความเห็นของเขา ตี้หยางดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเหยียนจุน เพราะบาดแผลที่เขาได้รับจากตี้หยางนั้นรุนแรงมากกว่าบาดแผลที่ได้รับจากเหยียนจุน"คุณปู่เหยียน หยิง
เมื่อฉีฮู่เดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านั้นอย่างพร้อมต่อสู้ คนเหล่านั้นก็แตกกระเจิงกันไปคนละทิศละทาง และไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางฉีฮู่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เหยียดหยาม "ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ไม่กล้าต่อสู้กับฉัน แล้วยังมาทำตัวหยิ่งยโสอีก"ฉี๋อีหยุนเข็นหานซานเฉียนเข้าไปในโรงแรม และฉีฮู่ก็ตะโกนเสียงดัง "รีบเรียกหานเหยียนออกมาเร็ว ๆ ไม่งั้น ฉันจะทุบสถานที่ห่วย ๆ แห่งนี้ทิ้งซะ"หลังจากพูดจบ รูปปั้นทองสัมฤทธิ์ที่มีน้ำหนักหนึ่งร้อยสลึงก็ถูกฉีฮู่ผลักลงไปที่พื้นส่งเสียงดังกราวหานเหยียนที่กำลังอยู่ในความฝันที่แสนหวาน จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น ทำให้เธอหงุดหงิดมาก และเมื่อมองดูเวลา มันยังเป็นเวลาเที่ยงคืน นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกรำคาญมากขึ้นไปอีก“ใคร ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม กล้าดียังไงมารบกวนเวลาพักผ่อนของฉัน” หานเหยียนรับโทรศัพท์พลางกัดฟันพูดอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์คือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เมื่อได้ยินหานเหยียนโกรธ เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า "คุณหนูหาน ชายร่างใหญ่คนนั้นบุกเข้ามาในโรงแรมอีกแล้วครับ และเขาต้องการพบคุณหนู ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโทรมาแจ้งคุณหนู"ทันใดนั้นหาน
หานเหยียนไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเรื่องการต่อสู้นัก ตอนนี้เธอกำลังขมวดคิ้วมุ่น เพราะในสายตาของเธอ ไม่ว่าตี้หยางจะเผชิญหน้ากับใคร เขาก็สามารถจัดการได้ภายในสิบกระบวนท่าเท่านั้น แต่สถานการณ์ปัจจุบันกลับไม่สามารถแยกได้ว่าใครแพ้ใครชนะได้ มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!หานซานเฉียน ไอ้คนไร้ประโยชน์ ทำไมเขาถึงได้มีผู้ช่วยที่ทรงพลังแบบนี้ แม้แต่ตี้หยางก็ยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าสามารถเอาชนะเขาได้! ตี้หยางเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหานในอเมริกา แม้แต่บอดี้การ์ดของตระกูลหานก็สู้เขาไม่ได้“หานซานเฉียน ฉันประเมินแกต่ำไปงั้นเหรอ?” หานเหยียนพึมพำกับตัวเองตี้หยางที่อยู่ระหว่างการต่อสู้ อารมณ์ของเขาแปรปรวนอย่างรุนแรง เขาเคยเป็นนักฆ่าอันดับต้น ๆ และเคยเห็นปรมาจารย์มานับไม่ถ้วน แม้ว่าบางคนจะแข็งแกร่งจนเขาสู้ไม่ได้ แต่พวกเขาล้วนเป็นตัวละครที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกทั้งนั้น ทำไมถึงได้มีคนที่ทรงพลังแบบนี้อยู่ในหัวเซี่ยกัน?อันเนื่องมาจากตระกูลหานในอเมริกาดูถูกหัวเซี่ยอยู่แล้ว ตี้หยางจึงมีทัศนคติที่ดูถูกเหยียดหยามหัวเซี่ยเช่นกัน เขาไม่เคยคิดเลยว่าหัวเซี่ยจะมีคนที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้ แต่ตอนนี้คน ๆ นั้นไ
"หานซานเฉียน ฉันไม่ใช่คนที่เลวร้ายขนาดนั้น ในเมื่อหานชิงได้ทำสิ่งที่น่าละอาย งั้นฉันก็จะให้โอกาสคุณแก้แค้น แต่ถ้าปัญหาของคุณไม่เกี่ยวกับหานชิง คุณจะต้องขอโทษฉันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้" หานเหยียนพูดหานซานเฉียนพยักหน้า เขามั่นใจว่าซูหยิงเซี่ยถูกหานชิงลักพาตัวไป และเขาก็รู้ว่าหานเหยียนพูดแบบนี้เพื่อรักษาหน้าตัวเองเมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปที่ห้องของหานชิงและเคาะประตู หานชิงก็เปิดประตูอย่างไม่พอใจและตะโกนใส่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย "มีอะไร ดึกดื่นขนาดนี้แล้วยังมารบกวนเวลาพักผ่อนของฉันอีก"ยกเว้นคนของตระกูลหาน หานชิงก็ทำตัวหยิ่งยโสกับทุกคน"คุณหนูหานสั่งให้คุณลงไปข้างล่างครับ" เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดกับหานชิงเมื่อได้ยินคำว่าคุณหนูหานสามคำนี้ หานชิงก็ควบคุมท่าทางของเธอและถามกลับไปว่า "ดึกขนาดนี้แล้วคุณหนูเรียกฉันไปทำไม?""เมื่อไปถึงคุณก็จะรู้เอง" เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าวหานชิงมีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่ในใจ หรือว่าหานเหยียนจะรู้เรื่องที่เธอแอบทำแล้วงั้นเหรอ?แต่แม้ว่าเธอจะรู้เรื่องแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกพบเธอในตอนกลางดึกแบบนี้ หานเหยียนให้ความส
บ่อยครั้งที่หานชิงใช้อำนาจของเธอในการกลั่นแกล้งผู้อื่น เมื่อมีเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ หรือทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นธรรม เธอจะใช้ชื่อของหานเหยียนเพื่อแก้แค้น เธอคิดว่าหานเหยียนไม่รู้เรื่องพวกนี้ แต่เธอกลับรู้ทุกอย่างเพียงแค่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้น"คุณหนู ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่กล้าอีกแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วยนะคะ" หานชิงคุกเข่าลงบนพื้นทันที และร้องขอความเมตตาจากหานเหยียน"โทรซะ" หานเหยียนกัดฟันพูดทีละคำหานชิงหยิบโทรศัพท์ออกมาติดต่ออันธพาลสองสามคน และสั่งให้พวกเขาพาซูหยิงเซี่ยมาที่โรงแรมเพนนินซูล่าหานซานเฉียนนั่งรออยู่บนรถเข็นเงียบ ๆ ไม่ถึงสิบนาทีคนเหล่านั้นก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับซูหยิงเซี่ยเมื่อหานซานเฉียนเห็นซูหยิงเซี่ยที่มีรอยแผล ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธซูหยิงเซี่ยที่ไม่สามารถยืนได้ เธอทรุดตัวลงบนพื้น เมื่อเธอเห็นหานซานเฉียน มุมปากของเธอก็ยกยิ้มขึ้นด้วยความเจ็บปวด “ฉันรู้ว่ายังไงคุณก็ต้องมาช่วยฉัน” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างมีความสุขหานซานเฉียนเดินไปที่ด้านข้างของซูหยิงเซี่ย และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ผมขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ผมปกป้องคุณได้ไม่ดี
เมื่อหานชิงเห็นฉีฮู่เดินเข้ามา เธอก็ตัวสั่นด้วยความกลัว ในขณะนี้เธอเริ่มเสียใจกับสิ่งที่เธอทำกับซูหยิงเซี่ย ถ้าเธอไม่จับซูหยิงเซี่ยมา เธอก็จะไม่ตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ และตอนนี้เธอกำลังตายเพราะการเล่นกับไฟและจุดไฟเผาตัวเอง ความเสียใจของหานชิงนั้นไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้"หานซานเฉียน ได้โปรดให้โอกาสฉันด้วย ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ"หานชิงคุกเข่าขอความเมตตาจากหานซานเฉียน ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำหูน้ำตา เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้ตระหนักว่าตัวเธออยู่ในสถานะอะไร ใบหน้าของหานซานเฉียนเย็นชา เขามองไปที่หานชิงโดยไม่มีความสงสารเลยแม้แต่น้อย และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "ตั้งแต่วินาทีที่เธอจับหยิงเซี่ยไป เธอก็ถึงจุดจบแล้ว อย่าโทษฉันเลย ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของตัวเธอเอง" หลังจากพูดจบ หานซานเฉียนก็เข้ามาพยุงซูหยิงเซี่ย และทั้งคู่ก็เดินตัวสั่นเทาออกไปที่ด้านนอกโรงแรม เขาไม่ต้องการให้ซูหยิงเซี่ยเห็นเหตุการณ์นี้หานชิงตะโกนเสียงแหบห้าว โดยหวังว่าจะใช้กำลังทั้งหมดที่มีเพื่อแลกกับการขอให้หานซานเฉียนให้อภัย แต่ทั้งหมดก็เปล่าประโยชน์ หานซานเฉียนไม่แม้แต่จะมองมาที่เธอด้วยซ้ำฉีฮู่ยื่นมือไปบี
หากร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บ แรงของเจี่ยงหลานไม่สามารถทำอะไรหานซานเฉียนได้ แต่ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้แต่แรงเล็กน้อยของเจี่ยงหลานก็สามารถทำให้เขาล้มลงกับพื้นได้เขาไม่มีเรี่ยวแรงต้านทาน ได้แต่นั่งลงบนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดซูหยิงเซี่ยรีบนั่งลงอย่างกระวนกระวาย และถามหานซานเฉียน "ซานเฉียน คุณเป็นอะไรไหม"เจี่ยงหลานมีสีหน้าเย็นชา แม้ว่าเธอจะรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง แต่ชายร่างใหญ่อย่างหานซานเฉียนจะถูกเธอผลักลงง่ายดายได้อย่างไร?แต่เธอไม่ได้สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับหานซานเฉียน เพียงแค่เห็นหน้าเขา อารมณ์รังเกียจของเธอก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ"ซูกั๋วเย่า พาลูกสาวของคุณกลับเข้าไปในบ้านซะ" เจียงหลานพูดกับซูกั๋วเย่าซูกั๋วเย่าไม่กล้าขัดคำพูดของเจี่ยงหลาน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงดึงซูหยิงเซี่ยกลับเข้าไปในบ้านเจี่ยงหลานเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าของหานซานเฉียน เธอวางมือบนสะโพก และพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม "หานซานเฉียน ฉันขอเตือนแกว่าที่นี่เป็นที่ของตระกูซูของฉันแล้ว และคฤหาสน์นี้ก็เป็นชื่อหยิงเซี่ย ในเมื่อแกหย่ากับเธอแล้ว แกก็ไม่มีสิทธิ์กลับมาที่นี่”ท่าทางแบบนี้ของเจี่ยงหลาน หานซานเฉียนเห็น
ณ โรงแรมเพนนินซูล่า เมื่อกลับมาถึงห้องแล้วนั้น หานเหยียนก็รู้สึกไม่สบายใจ ถึงแม้จะหลับตาลงแต่เธอก็นอนไม่หลับ หลังจากพลิกตัวไปมาเป็นเวลานาน เธอก็ลุกขึ้นมานั่งแม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการตายของหานชิง และไม่ได้รู้สึกผิดใด ๆ ที่ไม่ได้ช่วยเธอ แต่การกระทำของหานซานเฉียนทำให้เธอรับไม่ได้ ตามคำกล่าวที่ว่าการตีสุนัข เจ้าของเท่านั้นที่จะตีได้ แต่หานซานเฉียนกลับไม่เห็นเธออยู่ในสายตา สิ่งนี้ทำให้เธอยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ"ถ้าพ่อไม่บอกว่าห้ามฉันฆ่าแกล่ะก็ แกได้ตายไปนานแล้ว ไม่มีวันได้มาเย่อหยิ่งต่อหน้าฉันแบบนี้หรอก" หานเหยียนกล่าวด้วยสายตาที่ชั่วร้ายและความไม่พอใจ ในเขตอเมริกันจีนเธอคือยอดหญิง ใครก็ตามที่พูดกับเธอต้องลดระดับเสียงลง และให้ความเคารพเธออย่างที่สุด แต่หานซานเฉียนนั้นดูหมิ่นเธอครั้งแล้วครั้งเล่าตอนนั้นเอง หานเหยียนจึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา ในเมื่อพ่อของเธอไม่ต้องการให้หานซานเฉียนตาย งั้นก็ลองบอกเรื่องนี้กับเขาดู บางทีมันอาจจะเปลี่ยนใจพ่อได้?หลังจากทำอารมณ์สักพัก หานเหยียนก็โทรหาพ่อของเธอเมื่อต่อสายแล้ว หานเหยียนก็ร้องไห้ออกมาทันที ทักษะการแสดงของเธอนั้นยอดเยี่ยม ทำให้ไม่มีใครสัง