คำพูดนี้ทำให้หานซานเฉียนและเตาสือเอ้อร์ยิ้มออกมาด้วยความกลัวเล็กน้อย ดูจากสภาพต้นไม้ที่ถูกสับเป็นท่อนขนาดนี้ ถ้าเป็นคนสภาพอวัยวะข้างในคงแหลกละเอียดแน่ ๆ ใครจะทนอยู่ได้?"วางใจเถอะ! ต้นไม้พวกนี้ไม่ใช่ถูกฉันทำลายภายในครั้งเดียว ฉันไม่ได้เก่งอย่างที่พวกนายคิดหรอก" ชายผู้นี้กล่าวอย่างถ่อมตัวแต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ง่ายที่จะผ่านด่านนี้ไปได้"ฉันพร้อมแล้ว เข้ามาสิ!" เตาสือเอ้อร์ขยับมาข้างหน้าหนึ่งขั้น ตาจ้องไปที่ชายผู้นี้แล้วพูด"เรียกฉันว่าฉีฮู่ เผื่อเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น นายก็แค่บอกชื่อของฉันให้อาจารย์หยานรู้ ฉันว่าอาจารย์ก็คงจำฉันได้" ฉีฮู่พร้อมหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หานซานเฉียนถึงกับขนลุกไปทั้งตัว และดูท่าเขาจะไม่มีทางออมมือ การมาเชิญผู้มีฝีมือออกจากเขาในครั้งนี้ หานซานเซียนคิดไม่ถึงว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ หากเตาสือเอ้อร์เป็นอะไรไป มันจะคุ้มค่ากันไหม?"หรือไม่พวกเราเป็นทำอย่างอื่น มาเล่นเกมกันไหม ถ้าพวกเราชนะ คุณก็พาพวกเราไปพบอาจารย์ของคุณ แต่ถ้าพวกเราแพ้ พวกเราก็แค่ลงเขากลับไป เป็นยังไง ?" หานซานเฉียนชักชวนฉีฮู่ฉีฮู่เพ่งดูหานซานเฉียนถามว่า "จะให้ทำอะไร?""ฉันเป็นคน
"เขาหลอกง่าย แต่อาจารย์ของเขาดูท่าทางไม่น่าจะง่าย หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี" หานซานเฉียบพูดด้วยเสียงกระซิบที่แผ่วเบา ทริกเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้คงจะใช้ได้แต่กับคนอย่างฉีฮู่ ถ้าเป็นฉงหยางคงไม่ได้ผลหลังจากเดินไปได้ไม่ถึงสิบนาที ทั้งสามคนก็หยุดอยู่หน้าถ้ำ ข้างในถ้ำลึกนี้ดูมืดมิด ทันทีที่พวกเขาหยุดอยู่ก็มีเสียงชายแก่ดังมาจากข้างใน"ฉีฮู่ ฉันให้แกไปฝึกฝนไม่ใช่หรือ? ทำไมแกถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ หรือว่าแกขี้เกียจ?""ท่านอาจารย์ มีคนแปลกหน้าสองคนเข้ามา ผมพ่ายแพ้ต่อพวกเขา ก็เลยพาพวกเขามาพบท่านครับ" ฉีฮู่กล่าวด้วยความสิ้นหวังเมื่อความเงียบปกคลุมในถ้ำชั่วขณะหนึ่ง มีชายชราคนหนึ่งค่อย ๆ เดินออกมา ท่าทางหลังค่อมเหมือนกับจะทรงตัวไม่ค่อยอยู่ฉงหยางเพ่งดูหานซานเฉียนและเตาสือเอ้อร์ แล้วหันไปพูดกับฉีฮู่ว่า "กับอีแค่คนไม่มีน้ำยาสองคน แกยังสู้ไม่ได้?ฉีฮู่ซบหน้าลงพูดว่า "ผมเล่นเป่ายิงฉุบแพ้พวกเขาครับ"เมื่อฉงหยางได้ยินอย่างนั้นแล้ว ก็ยิ้มแบบมีเลศนัย จ้องไปที่หานซานเฉียนและเตาสือเอ้อร์ พอจะรู้ว่าพวกเขามีเจตนาอะไร"คิดจะกลั่นแกล้งลูกศิษย์ฉันอย่างนั้นเหรอ?" ฉงหยางพูดอย่างเยือกเย็นการถูกจ้องมองด้
สายตาของหานซานเฉียนเริ่มเบลอ และรู้สึกเหมือนว่าหนังตาของเขาเริ่มหนักขึ้น เขามองไปที่เตาสือเอ้อร์ที่หมดสติอยู่ และจากนั้นเขาก็ได้ยินว่า "หาที่ซ่อนสักที และจัดการให้เรียบร้อย"นี่ฉันกำลังจะตายใช่ไหม?แม้ว่าหานซานเฉียนต้องการที่จะออกจากเหตุการณ์เลวร้ายในตอนนี้มาก แต่เขาไม่สามารถแม้แต่จะลืมตาได้ ดังนั้นเขาก็ล้มลงในที่สุดฉีฮู่ตั้งใจจะพาทั้งสองไปที่หน้าผา เพื่อโยนพวกเขาลงไป ที่นั่นทั้งมืดและลึกลับ เพียงไม่กี่วันคงจะกลืนกินพวกเขาจนหมดสิ้น แถมไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครเข้ามาพบ"ฉงหยาง ไม่ได้เจอกันนาน ไม่คิดว่าแกจะมาหลบซ่อนอยู่ที่นี่"ขณะที่ฉงหยางกำลังจะกลับเข้าไปในถ้ำ มีเสียงที่เขาไม่ได้ยืนมานานหลายปี แต่รู้สึกคุ้นเคยมากดังขึ้นข้างหูของเขาร่างกายฉงหยางรู้สึกเริ่มเกร็ง ค่อย ๆ หันมามองเงานั้นอย่างช้า ๆเขา…ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้!"กับอีแค่คนแก่ธรรมดาหนึ่งคน ตายสะเถอะ!" ฉีฮู่ไม่ลังเลที่จะพุ่งใส่ฉงหยางตะโกนด้วยเสียงดัง "ฉีฮู่! ยั้งมือไว้ก่อน"แต่สายเกินไป ฉีฮู่พุ่งตัวมาไวมากเกินกว่าที่จะหยุดเขาได้"ไหนล่ะคน!" ทั้ง ๆ ที่เห็นคนยืนอยู่ จู่ ๆ หายไปไหนกัน ฉีฮู่รู้สึกประหลาดใจทันใดนั้น ฉี
“ถ้านายไม่สะดวกจะไปช่วยเขา ฉันสามารถให้ฉีฮู่ติดตามเขาลงเขาไป แต่นายต้องไว้ชีวิตฉีฮู่” ฉงหยางให้ข้อเสนอได้ยินข้อเสนอนี้ หยันจุนก็หยุดชะงักอยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เพ่งมองไปที่ฉงหยางฉงหยางรู้สึกเสียวหนังหัวมาก สายตาของหยานจุนที่จ้องมองเขาราวกับอยากจะถลกหนังเขาออกมาอย่างไรอย่างนั้น“ฉันรับปาก ฉีฮู่จะไม่มีวันทรยศหักหลังเขา ฉันเลี้ยงดูฉีฮู่มาตั้งแต่เล็กจนโต เขาเชื่อฟังคำสั่งฉัน ต่อให้ฉันจะสั่งให้เขาไปตาย เขาก็จะทำตามนั้นอย่างแน่นอน” ฉงหยางรับปาก“ไม่พบกันตั้งหลายปี นายไม่คิดจะดวลกับฉันสักตั้งหรือไง?” หยานจุนกล่าว“ไม่คิด” ฉงหยางตอบอย่างไม่ลังเล เพราะปัญหานี้สำหรับเขาแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปสู้กับคนอย่างหยานจุน นอกจากตาย ยังจะมีทางออกอื่นอีกเหรอ?หลายปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ฉงหยางไม่เคยคิดที่จะเอาชนะหยานจุน แต่การที่จะชนะหยานจุนได้ เขารู้ตัวเองดีว่าคงเป็นได้แค่ในความฝันเท่านั้น"ดูเหมือนว่าที่นี่ทำให้นายควบคุมตัวเองได้มาก เมื่อก่อนนายดูหยิ่งมากเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน" หยานจุนกล่าวเมื่อก่อนฉงหยางเป็นคนหยิ่งผยองมาก ครั้งแรกที่เขาและหยานจุนได้พบกัน เขาไม่เคยเห็นหยานจุนอยู่ในสายตา กระ
หานซานเฉียนแทบไม่อยากจะเชื่อ.เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทำไมช่างดูแตกต่างจากตอนนั้นโดยสิ้นเชิง ทำให้หานซานเฉียนสงสัยว่า หรือเขาอาจจะเป็นคนสองบุคลิก ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?ก่อนหน้าที่ยังอยากจะฆ่าเขากับเตาสือเอ้อร์ แต่มาตอนนี้ จะให้เขาพาฉีฮู่กลับไปด้วย ฟังดูแปลกชอบกลเมื่อเตาสือเอ้อร์รู้สึกตัวขึ้น หานซานเฉียนรู้สึกไม่สบายใจ จึงพาเตาสือเอ้อร์เดินออกมาจากถ้ำ“พี่ซานเฉียน เกิดอะไรขึ้น?” เตาสือเอ้อร์ถามด้วยความสงสัย ตอนที่ถูกฉีฮู่ทำร้ายในตอนนั้น เขาคิดว่าต้องตายแน่ แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับตาลปัตร เตาสือเอ้อร์ยังจำสิ่งที่ฉงหยางได้ดูถูกเหยียดหยามพวกเขาในตอนนั้นได้ แต่เดี๋ยวนี้ฉงหยางดูควบคุมอารมณ์ได้ดี“ฉันก็รู้สึกแปลก ๆ ฉงหยางตอนนั้นกับตอนนี้ ดูเหมือนไม่ใช่คนเดียวกัน คนแก่หัวร้อนคนนี้ คงไม่น่าจะเป็นคนสองบุคลิกใช่ไหม?” หานซานเฉียนถามกลับเตาสือเอ้อร์เคยติดต่อกับฉงหยางบ้างเป็นครั้งคราว แต่เขาก็ไม่เคยรู้อะไรมากเกี่ยวกับคน ๆ นี้ เขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วฉงหยางเป็นคนแบบไหนกันแน่ เขาเลยไม่กล้าที่จะยืนยัน“พี่ซานเฉียน ถ้างั้นเรารีบออกจากที่นี่กันเถอะ! ผมเป็นห่วงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอ
"นายเริ่มมาอยู่ในภูเเขานี้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่" หานซานเฉียนถามด้วยความสงสัย ถ้าพูดถึงรถยนต์ในสมัยนี้เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก แม้ว่าเด็กบางคนที่มาจากครอบครัวยากจนจะไม่เคยนั่ง แต่อย่างน้อยพวกเขาก็เคยเห็นมัน แต่ฉีฮู่อย่าว่าแต่ได้นั่ง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ“ท่านอาจารย์บอกว่าผมมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่สองสามขวบ” ฉีฮู่กล่าว“ไม่เคยออกจากภูเขามาก่อนเลยเหรอ ?” หานซานเฉียนรีบถามต่อ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงล่ะก็ ความเป็นอยู่ของฉีฮู่ในตอนนี้เหมือนถูกตัดออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง“ใช่แล้ว” ฉีฮู่ตอบด้วยความมั่นใจ “ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยออกจากภูเขานี้ แล้วฉันจะกล้าออกไปได้ยังไง? นายรีบบอกฉันมาว่านี่คืออะไรกันแน่”“นี่คือรถยนต์ คนสามารถขึ้นไปนั่งข้างในได้ แถมรถยนต์นี้มีสามารถวิ่งได้เร็วมาก ถ้านายอยากรู้ว่าจริงอย่างที่ฉันพูดไหม งั้นนายรีบขึ้นไปนั่ง จะได้รู้ว่าเป็นยังไง” หานซานเฉียนช่วยเปิดประตูรถให้ฉีฮู่ฉีฮู่รู้สึกตื่นเต้นมาก จึงรีบกระโดดขึ้นไปอย่างเร็ว หานซานเฉียนกลั้นขำไว้ในใจ บอกกับเตาสือเอ้อร์ว่า “ดูท่าแล้ว คงจะได้เปลี่ยนรถคันใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม”เหมือนจะเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น แต่สำหรับฉีฮ
หัวหน้ามองดูที่ฉีฮู่ การแสดงออกบนใบหน้าของฉีฮู่ในเวลานี้เหมือนคนบ้านนอกจริง ๆ เพราะไม่ว่าสิ่งธรรมดาจะธรรมดาแค่ไหน มันก็แปลกใหม่ในสายตาของเขาไปซะทุกอย่าง เมื่อกับคนบ้านนอกที่ไม่เคยเข้ากรุงอย่างไรอย่างนั้น“เฮ้! เจ้าซื่อบื่อ นี่นายมองอะไร?” หัวหน้าถามฉีฮู่ฉีฮู่เหลือบไปมองเขา แล้วหันไปถามหานซานเฉียนว่า “พี่หานเฉียน เขากำลังพูดถึงผมใช่ไหม?”หานซานเฉียนพยักหน้าตอบว่า “เขาไม่เพียงแต่พูดถึงนาย แต่เขายังด่านายอีกด้วย”เมื่อฉีฮู่ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเขาก็เริ่มโกรธขึ้นมา เขาเดินไปที่ข้างหน้าของหัวหน้าแล้วกล่าวว่า “นายด่าฉันงั้นเหรอ?”สีหน้าของฉีฮู่ดูท่าจะเอาเรื่องมาก เขายืนเผชิญหน้ากับพวกอันธพาลเหล่านั้น ทำให้พวกเขาหนักใจเป็นอย่างมาก แต่หัวหน้าคุ้นเคยกับสถานการณ์แห่งนี้มานาน ไม่คิดว่าฉีฮู่จะกล้าทำอะไรพวกเขาหัวหน้าพูดต่อโดยไม่คิดว่า “ด่านายแล้วจะทำไม ไอ้ซื่อบื้อ ตอนแม่นายคลอดนาย คง…" พูดยังไม่ทันจบ ฉีฮู่ก็จับเข้าที่คอของหัวหน้าด้วยมือเดียว ยกขึ้นลอยในอากาศ และทุ่มลงอย่างแรงร่างของหัวหน้าลอยอยู่ในอากาศอย่างสวยงาม ลอยไปไกลถึงสิบเมตร ฝุ่นตลบอบอวลเมื่อร่างกระทบลงกับพื้นส่วนคนที่เหลือจ้อ
หานซานเฉียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ฉีฮู่ไม่ใช่คนโง่ แต่เขาแค่ไร้เดียงสาเกินไป แถมไม่รู้เรื่องของโลกภายนอก คนอันธพาลพวกนั้นวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว คงไม่ทางย้อนกลับมาอีก"เขาไม่ได้จะไปเรียกคนมา แต่พวกเขาหนีไปแล้ว คงไม่กลับมาอีก" หานซานเฉียนอธิบายฉีฮู่รู้สึกงง ๆ ถามว่า "เขาหลอกผม?""ใช่! นายโดนหลอก นี่นายยังไม่รู้ตัวอีก" หานซานเฉียนพูด ลักษณะนิสัยของเขา เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา เพราะมันง่ายต่อควบคุม แต่ในทางกลับกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะหานซานเฉียนต้องการคือ ไม่ใช่แค่ต่อสู้เป็น แต่หากฉีฮู่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ฉีฮู่อาจจะช่วยอะไรเขาไม่ได้มากฉีฮู่กำหมัดแน่น และพูดด้วยความโกรธว่า "รู้แบบนี้ ฉันน่าจะสั่งสอนพวกนั้นให้หนักกว่านี้ กล้าหลอกฉันได้""ต่อไปโอกาสที่นายจะได้ต่อสู้มีอีกเยอะ แถมยังมีคนมีฝีมือมากกว่านี้อีก นี่แค่น้ำจิ้ม เก็บแรงของนายไว้ดีกว่า ไปกันเถอะ"เมื่อกลับขึ้นรถ หานซานเฉียนก็มุ่งหน้าไปเมืองหยุนเฉิงในขณะเดียวกัน หานเหยียนก็ปรากฏตัวขึ้นในสนามบินหยุนเฉิง เหมือนกับว่ากำลังรอใครบางคนอยู่หลังจากนั้นไม่นาน ชายชราผมบลอนด์ก็ปรากฏตัวขึ้น จมูกโด่ง ใบหน้าลึก และรูม่านตาเหมือน