เทียนหลิงเอ๋อร์จ้องมองเทียนชางเฉิงด้วยสายตามุ่งมั่นเมื่อไม่นานมานี้ รอบบริเวณคฤหาสน์ก็มีคนแปลกที่ดูไม่คุ้นหูคุ้นตาหลายคนปรากฏ แม้เทียนหลิงเอ๋อร์จะไม่ได้เอ่ยปากถาม แต่เธอก็รู้ว่า นี่คงจะเป็นบอดี้การ์ดที่คุณปู่จ้างมาแน่นอนจู่ ๆ ก็จ้างคนมากมายมาคอยคุ้มกัน ถ้าไม่มีเรื่องใหญ่โตแล้วล่ะก็ เทียนหลิงเอ๋อร์ก็คิดไม่ออกว่าจะเป็นเรื่องอะไร ความจริงแล้วเทียนหลิงไม่ได้คิดจะถามถึงเรื่องนี้ แต่เทียนฉางเฉิงจู่ ๆ.ก็พูดถึงเรื่องจะส่งเธอไปเรียนต่างประเทศ จึงทำให้เทียนหลิงเอ๋อร์ต้องการรู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่คนคอยคุ้มกันคฤหาสน์พวกนี้ หลังจากที่เทียนหงฮุยและหานเหยียนเผชิญหน้ากันในวันนั้น เทียนฉางเฉิงถึงได้จัดเตรียมมา เพราะหานเหยียนดูเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก เขาเป็นห่วงว่าหานเหยียนจะทำอะไรไม่ดีสักอย่างกับตระกูลเทียน"หลิงเอ๋อร์ หนู…"ปัง! มีเสียงโครมครามดังขึ้น เทียนหลิงเอ๋อร์เด็กสาวตกใจกลัวจนตัวสั่นประตูของคฤหาสน์ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน ชาวต่างชาติคนหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มผู้คุ้มกันที่เทียนฉางเฉิงว่าจ้างมาถูกโยนลงบนพื้นอย่างแรงฉากนี้ทำให้เทียนฉางเฉิงรู้สึกประหม่าในใจ ขนาดนี
เทียนหลิงเอ๋อร์รู้สึกเจ็บหนังศีรษะมาก เธอจึงคว้ามือของหานชิงเพื่อขัดขืน แต่กลับโดนหานชิงตบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงเทียนหลิงเอ๋อร์เป็นใคร? เธอเป็นถึงทายาทของตระกูลเทียน ตั้งแต่เล็กจนโตยังไม่เคยถูกตบถูกตีมาก่อนความเจ็บปวดทำให้เทียนหลิงเอ๋อร์โกรธอย่างสุดขีด เธอจึงปลุกปล้ำต่อสู้กับหานชิงแต่ฝีมือระดับเธอ จะสู้หานชิงได้อย่างไร ?แม้ว่าหานชิงจะเป็นเพียงหญิงสาวใช้คนหนึ่ง แต่เธอก็มีฝึกฝนเทควันโดมาก่อน เธอเตะเข้าที่ท้องของเทียนหลิงเอ๋อร์ และต่อยเข้าที่ใบหน้าของเทียนหลิงเอ๋อร์อย่างไร้ความปราณีเมื่อเทียนฉางเฉิงเห็นฉากนี้ ก็รู้สึกโกรธมาก และกำลังจะลุกขึ้น แต่มีมือกดอยู่บนไหล่ของเขาไว้แน่น ทำให้เขาไม่มีแรงขัดขืน"อย่าขยับ ไม่อย่างนั้นฉันจะอัดแกด้วย" ตี้หยางพูดอย่างเลือดเย็น"คุณหนูหาน หลานสาวของผมไม่รู้เรื่อง ได้โปรดปล่อยเธอไป" เทียนฉางเฉียงของร้องหานเหยียนหานเหยียนยิ้มเยาะยังกับกำลังชมการแสดงอยู่ และพูดกับหานชิงว่า "คนที่ไม่รู้เรื่องอย่างยัยเด็กโง่คนนี้ต้องได้รับบทเรียน อย่าหยุด ทุบตีมันต่อไป"เมื่อได้ยินอย่างนั้น เทียนฉางเฉิงหัวใจแทบแตกสลาย เทียนหลิงเอ๋อร์เป็นหลานสาวที่รักของเขา เขาเองย
สภาพบนใบหน้าของเทียนหลิงเอ้อร์เหมือนถูกไฟลวกไปครึ่งหน้า แต่สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ คนที่ไม่เคยถูกทุบตีมาก่อนอย่างเธอ กลับไม่หลั่งน้ำตาออกมาสักหยด นอกจากความเกลียดชังที่รุนแรงในดวงตาของเธอเทียนฉางเฉิงยื่นมือออกไป เพื่อต้องการจับที่ใบหน้าของเทียนหลิงเอ้อร์ แต่เขากลัวว่าถ้าจับจะยิ่งทำให้เทียนหลิงเอ้อร์รู้สึกเจ็บปวดมากกว่าเดิม เขาจึงค่อย ๆ สัมผัสอย่างระมัดระวัง"ทั้งหมดนี้เป็นเพราะปู่ไม่ดี เพราะปู่ไม่ปกป้องหนูให้ดี" เทียนฉางเฉิงกล่าวเทียนหลิงเอ้อร์ส่ายหัวไปมา เธอรู้ว่าเทียนฉางเฉิงก็ไม่สามารถทำอะไรได้ในสถานการณ์ตอนนั้น"คุณปู่ หนูไม่โทษคุณปู่หรอกคะ แต่หนูจะต้องแก้แค้นให้ได้ พี่ซานเฉียนต้องช่วยหนูได้แน่ คุณปู่คิดอย่างนั้นไหมคะ?" เทียนหลิงเอ้อร์ถามเทียนชางเฉียนเทียนฉางเฉียนถอนหายใจหนึ่งที จากแรงกดดันของหาน กรุ๊ปตอนนี้ หานซานเฉียนคงจะหยุดอะไรไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชายที่ชื่อตี้หยางนั้นมีกำลังเก่งกาจทรงพลังมากมาย แม้แต่หานซานเฉียนก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้นจะหาวิธีไหนไปแก้แค้น? "หลิงเอ้อร์ ซานเฉียนคงไม่สามารถสู้กับหานเหยียนได้" เทียนฉางเฉิงพูดด้วยความสิ้นหวังเทียนหลิงเอ้อร์ไม
เทียนหงฮุยส่ายหัวเทียนฉางเฉิงเล่าว่า "สมัยก่อนเวลาหมดหนทางที่จะเอาชนะคู่แข่ง ฉันจะคิดหาวิธีอื่น ด้วยการใช้วิธีการที่ไม่สะอาด แต่ตอนนี้หาน กรุ๊ป สามารถทำกับเราอย่างนี้ได้ เงินก็เป็นส่วนหนึ่ง และต้องมีกำลังด้วย หากมีกำลังมากพอก็เอาชนะได้ เพียงเท่านั้นก็สามารถที่จะยืดหยันอยู่ได้""แต่พ่อมีศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เหรอครับ?" เทียนหงฮุยถาม"ศิลปะการต่อสู้?"คำนี้ทำให้เทียนฉางเฉิงหัวเราะออกมา ศิลปะการต่อสู้อย่างเดียวแล้วจะทำอะไรได้? ขนาดคนมีฝีทือที่จ้างมายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตี้หยาง แถมไอ้หมอนี่ดูท่าทางจะเก่งกว่าหานซานเฉียนอีกด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับศิลปะการต่อสู้ของคนพวกนี้ จะไปสู้ได้อย่างไร?"เกรงว่าในหยุนเฉิงจะไม่มีใครสามารถสู้ไอ้หมอนี่ได้ ถ้าแกไม่ทำตามที่ฉันสั่งล่ะก็…" เทียนฉางเฉิงจ้องมองไปที่เทียนหลิงเอ้อร์ด้วยความกังวลเทียนหงฮุยรู้อยู่แก่ใจ แม้เทียนฉางเฉิงไม่พูดอะไร แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่าสายตาแบบนี้มีความหมายว่าอะไรถ้าตระกูลเทียนไม่ถอนตัวออกแล้วล่ะก็ เป็นไปได้ว่าชีวิตของเทียนหลินเอ้อร์จะไม่ปลอดภัยในฐานะความเป็นพ่อ เทียนหงฮุยจะไม่ยอมให้เทียนหลินเอ้อร์ต้องเผชิญสิ่งนี้อย่างแน่นอน"พ
หานซานเฉียนพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ข่าวลือข้างนอกเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดมันก็เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น ถ้าต้องการรู้ความจริงของเรื่องนี้ทั้งหมด เขาต้องไปที่บ้านของตระกูลเทียนด้วยตนเองเท่านั้น"หลินหย่ง เดี๋ยวนายพาฉีฮู่ไปซื้อของใช้ที่จำเป็น แล้วพาเขาไปที่พักของฉัน" หานซานเฉียนพูดกับหลินหย่ง แม้ว่าจะไม่เหมาะที่ผู้ชายจะอยู่ด้วยกัน แต่ความเข้าใจของฉีฮู่ในสังคมนี้ยังอ่อนอยู่ หากปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวอาจมีปัญหาตามมา แถมเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะหาอาหารการกินอย่างไร ในขณะที่ฉีฮู่ยังไม่รู้ประสีประสา หานซานเฉียนจึงต้องอยู่เคียงข้างเขาไปก่อน"พี่ซานเฉียน พี่วางใจเถอะ" หลินหย่งพยักหน้าตอบรับ"ฉีฮู่ ที่นี่มีแต่คนกันเอง ฉันจะออกไปจัดการปัญหาบางอย่าง เสร็จแล้วจะรีบกลับมา" หานซานเฉียนพูดกับฉีฮู่ฉีฮู่ตอนนี้รู้สึกแปลกหูแปลกตากับสิ่งแวดล้อมใหม่ และเขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้ออกไปทำความรู้กับโลกภายนอก เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าหานซานเฉียนจะไปทำธุระอะไร เขาได้แต่พยักหน้าตอบรับเมื่อหานซานเฉียนขับรถมาถึงที่คฤหาสน์ตระกูลเทียน เขายืนกดกริ่งที่หน้าประตูคฤหาสน์เมื่อเทียนฉางเฉิงเปิดประตูมาพบหานซานเฉียน ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
"หานเหยียนทำอะไร?" หานซานเฉียนลุกขึ้น เดินไปข้างเทียนหลิงเอ้อร์พร้อมกับถาม"ใช่ค่ะ เธอมาพร้อมกับสาวใช้ของเธอ" เทียนหลิงเอ้อร์ตอบ ในดวงตาของเธอก็มีน้ำตาไหลออกมาลงสู่แก้มของเธอหานชิง!เป็นแค่สาวใช้ ยังทำตัวน่ารังเกียจได้ขนาดนี้จากวันที่หานซานเฉียนพบหานชิงครั้งนั้น ในฐานะสาวใช้ เธอแสดงความเย่อหยิ่งออกมาอย่างไม่รู้ตัว"เจ็บมากไหม?" หานซานเฉียนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"อืม" เทียนหลิงเอ้อร์พยักหน้าพร้อมพูดว่า "พี่ชาย พี่จะช่วยพวกเราแก้แค้นไหมคะ?""วางใจเถอะ พี่จะช่วยพวกเธอแก้แค้นอย่างแน่นอน ให้เวลาพี่สักหน่อย พี่จะพาเธอไปตบยัยนั่นให้หน้าเละเลย" หานซานเฉียนพูดอย่างเบา ๆน้ำตาเทียนหลินเอ้อร์ไหลออกมาอย่างกับน้ำพุ เธอรู้ดีว่าอย่างไรหานซานเฉียนก็จะช่วยเธอแก้แค้น สิ่งนี้ไม่ทำให้เธอต้องผิดหวัง"ดี ในช่วงเวลานี้ ฉันจะเริ่มฝึกความแข็งแกร่ง ฉันจะตอบแทนมันให้หนักกว่าเป็นสองเท่า" เทียนหลิงเอ้อร์กล่าวโรงแรมเพนนินซูล่า หานเหยียนเป็นคนจองโรงแรมทั้งหมดโดยไม่สนใจเรื่องเงินเลย สำหรับเธอแล้ว เศษเงินพวกนี้ยังไม่พอที่จะซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมของเธอเลยด้วยซ้ำ"คุณหนู ตระกูลเทียนนี่ก็น่าสนใจนะคะ ไม่คิดว่า
นอกจากเรื่องงานแล้ว ซูหยิงเซี่ยยังมีอีกเรื่องที่ทำให้เธอทุกข์ใจมากไม่กี่วันมานี้ เจี่ยงหลานเอาแต่ถามเธอเกี่ยวกับเรื่องของหานซานเฉียน ความกังวลที่มากเกินไปแบบนี้ทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกแปลกใจเธอเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาตลอด ซูหยิงเซี่ยในฐานะที่เป็นลูกสาวเธอรู้ดี ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าหานซานเฉียนจะนำผลประโยชน์มาสู่ตระกูลซูมากแค่ไหน เจี่ยงหลานก็ยังคิดว่าหานซานเฉียนเป็นหนี้ตระกูลซู และมองข้ามสิ่งที่ตระกูลซูเคยได้รับไป แล้วอย่างนี้เธอจะเป็นห่วงหานซานเฉียนได้อย่างไร?คำถามนี้ทำให้สมองของซูหยิงเซี่ยคิดไม่ออก แต่เรื่องของหานซานเฉียน เธอก็ยังปากแข็งไม่ยอมพูดในห้องนอนใหญ่ชั้นสอง ความอดทนของเจี่ยงหลานเริ่มจะหมดลง เธอไม่พบอะไรเกี่ยวกับหานซานเฉียนมาหลายวันแล้ว จึงทำให้เธอกระวนกระวายใจมาก“ซูกั๋วเย่า วันนี้ไม่ว่าจะยังไง คุณต้องร่วมมือกับฉันเปิดปากของหยิงเซี่ยให้ได้ ฉันอยากจะรู้ว่าตอนนี้หานซานเฉียนกำลังทำอะไรอยู่” เจี่ยงหลานจ้องดูที่ซู่กั๋วเย่าด้วยสีหน้าจริงจังซูกั๋วเย่าได้ถามเจี่ยงหลานหลายครั้งว่าเธอต้องการทำอะไรกันแน่ เธอดูจะเป็นห่วงหานซานเฉียนจนเกินไป ไม่เพียงแต่ซูหยิงเซี่ยสงสัยเท่านั้น แต่แ
เมื่อเห็นการแสดงออกที่จริงใจของซูกั๋วเย่า ซูหยิงเซี่ยก็เริ่มใจอ่อน เธอไม่สนใจทัศนคติของเจี่ยงหลาน เพราะเจี่ยงหลานเป็นคนเห็นแก่ตัว และไม่เคยทำเพื่อประโยชน์ของหานซานเฉียน แต่ซูกั๋วเย่าต่างออกไป ก็จริงอยากที่เขาพูด บางทีช่วยกันคิดหาทางออกคงจะดีกว่าเมื่อเห็นซูหยิงเซี่ยเริ่มลังเล เจี่ยงหลานก็รีบพูดขึ้นแทรกขณะที่เครื่องกำลังติดอยู่ว่า “พวกเราเป็นห่วง เพราะอยากให้ลูกกับหานซานเฉียนได้ดี ที่จริงแม่ก็คิดได้แล้ว ถ้าไม่มีเขา พวกเราก็ไม่มีวันนี้ ดังนั้นแม่อยากจึงอยากจะหาทางช่วย แถมลูกก็รักเขามาก นอกจากแม่จะต้องยอมรับเขา ยังจะมีหนทางอื่นอีกเหรอ? แม่ไม่มีทางให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักได้ยังไง”รอยยิ้มจาง ๆ เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูหยิงเซี่ย เธอพูดว่า "แม่ ถ้าแม่คิดได้แบบนี้ หนูก็มีความสุขมาก"“มีความสุขจะช่วยอะไรได้ ตอนนี้หานซานเฉียนปัญหาของตัวเองยังไม่สามารถแก้ไขได้ แม่ดูแกแล้ว ไม่ช้าก็เร็วแกคงได้แต่งงานใหม่” เจี่ยงหลานกล่าวซูหยิงเซี่ยทำหน้าย่นและพูดว่า "แม่ ซานเฉียนมีแผนอยู่แล้ว พวกเราต้องเชื่อมั่นในเขา เขาจะต้องผ่านปัญหานี้ไปได้อย่างแน่นอน""มีแผนอะไร แกต้องบอกพวกเรามา ฉันจะได