เทียนหงฮุยส่ายหัวเทียนฉางเฉิงเล่าว่า "สมัยก่อนเวลาหมดหนทางที่จะเอาชนะคู่แข่ง ฉันจะคิดหาวิธีอื่น ด้วยการใช้วิธีการที่ไม่สะอาด แต่ตอนนี้หาน กรุ๊ป สามารถทำกับเราอย่างนี้ได้ เงินก็เป็นส่วนหนึ่ง และต้องมีกำลังด้วย หากมีกำลังมากพอก็เอาชนะได้ เพียงเท่านั้นก็สามารถที่จะยืดหยันอยู่ได้""แต่พ่อมีศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เหรอครับ?" เทียนหงฮุยถาม"ศิลปะการต่อสู้?"คำนี้ทำให้เทียนฉางเฉิงหัวเราะออกมา ศิลปะการต่อสู้อย่างเดียวแล้วจะทำอะไรได้? ขนาดคนมีฝีทือที่จ้างมายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตี้หยาง แถมไอ้หมอนี่ดูท่าทางจะเก่งกว่าหานซานเฉียนอีกด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับศิลปะการต่อสู้ของคนพวกนี้ จะไปสู้ได้อย่างไร?"เกรงว่าในหยุนเฉิงจะไม่มีใครสามารถสู้ไอ้หมอนี่ได้ ถ้าแกไม่ทำตามที่ฉันสั่งล่ะก็…" เทียนฉางเฉิงจ้องมองไปที่เทียนหลิงเอ้อร์ด้วยความกังวลเทียนหงฮุยรู้อยู่แก่ใจ แม้เทียนฉางเฉิงไม่พูดอะไร แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่าสายตาแบบนี้มีความหมายว่าอะไรถ้าตระกูลเทียนไม่ถอนตัวออกแล้วล่ะก็ เป็นไปได้ว่าชีวิตของเทียนหลินเอ้อร์จะไม่ปลอดภัยในฐานะความเป็นพ่อ เทียนหงฮุยจะไม่ยอมให้เทียนหลินเอ้อร์ต้องเผชิญสิ่งนี้อย่างแน่นอน"พ
หานซานเฉียนพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ข่าวลือข้างนอกเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดมันก็เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น ถ้าต้องการรู้ความจริงของเรื่องนี้ทั้งหมด เขาต้องไปที่บ้านของตระกูลเทียนด้วยตนเองเท่านั้น"หลินหย่ง เดี๋ยวนายพาฉีฮู่ไปซื้อของใช้ที่จำเป็น แล้วพาเขาไปที่พักของฉัน" หานซานเฉียนพูดกับหลินหย่ง แม้ว่าจะไม่เหมาะที่ผู้ชายจะอยู่ด้วยกัน แต่ความเข้าใจของฉีฮู่ในสังคมนี้ยังอ่อนอยู่ หากปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวอาจมีปัญหาตามมา แถมเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะหาอาหารการกินอย่างไร ในขณะที่ฉีฮู่ยังไม่รู้ประสีประสา หานซานเฉียนจึงต้องอยู่เคียงข้างเขาไปก่อน"พี่ซานเฉียน พี่วางใจเถอะ" หลินหย่งพยักหน้าตอบรับ"ฉีฮู่ ที่นี่มีแต่คนกันเอง ฉันจะออกไปจัดการปัญหาบางอย่าง เสร็จแล้วจะรีบกลับมา" หานซานเฉียนพูดกับฉีฮู่ฉีฮู่ตอนนี้รู้สึกแปลกหูแปลกตากับสิ่งแวดล้อมใหม่ และเขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้ออกไปทำความรู้กับโลกภายนอก เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าหานซานเฉียนจะไปทำธุระอะไร เขาได้แต่พยักหน้าตอบรับเมื่อหานซานเฉียนขับรถมาถึงที่คฤหาสน์ตระกูลเทียน เขายืนกดกริ่งที่หน้าประตูคฤหาสน์เมื่อเทียนฉางเฉิงเปิดประตูมาพบหานซานเฉียน ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
"หานเหยียนทำอะไร?" หานซานเฉียนลุกขึ้น เดินไปข้างเทียนหลิงเอ้อร์พร้อมกับถาม"ใช่ค่ะ เธอมาพร้อมกับสาวใช้ของเธอ" เทียนหลิงเอ้อร์ตอบ ในดวงตาของเธอก็มีน้ำตาไหลออกมาลงสู่แก้มของเธอหานชิง!เป็นแค่สาวใช้ ยังทำตัวน่ารังเกียจได้ขนาดนี้จากวันที่หานซานเฉียนพบหานชิงครั้งนั้น ในฐานะสาวใช้ เธอแสดงความเย่อหยิ่งออกมาอย่างไม่รู้ตัว"เจ็บมากไหม?" หานซานเฉียนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"อืม" เทียนหลิงเอ้อร์พยักหน้าพร้อมพูดว่า "พี่ชาย พี่จะช่วยพวกเราแก้แค้นไหมคะ?""วางใจเถอะ พี่จะช่วยพวกเธอแก้แค้นอย่างแน่นอน ให้เวลาพี่สักหน่อย พี่จะพาเธอไปตบยัยนั่นให้หน้าเละเลย" หานซานเฉียนพูดอย่างเบา ๆน้ำตาเทียนหลินเอ้อร์ไหลออกมาอย่างกับน้ำพุ เธอรู้ดีว่าอย่างไรหานซานเฉียนก็จะช่วยเธอแก้แค้น สิ่งนี้ไม่ทำให้เธอต้องผิดหวัง"ดี ในช่วงเวลานี้ ฉันจะเริ่มฝึกความแข็งแกร่ง ฉันจะตอบแทนมันให้หนักกว่าเป็นสองเท่า" เทียนหลิงเอ้อร์กล่าวโรงแรมเพนนินซูล่า หานเหยียนเป็นคนจองโรงแรมทั้งหมดโดยไม่สนใจเรื่องเงินเลย สำหรับเธอแล้ว เศษเงินพวกนี้ยังไม่พอที่จะซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมของเธอเลยด้วยซ้ำ"คุณหนู ตระกูลเทียนนี่ก็น่าสนใจนะคะ ไม่คิดว่า
นอกจากเรื่องงานแล้ว ซูหยิงเซี่ยยังมีอีกเรื่องที่ทำให้เธอทุกข์ใจมากไม่กี่วันมานี้ เจี่ยงหลานเอาแต่ถามเธอเกี่ยวกับเรื่องของหานซานเฉียน ความกังวลที่มากเกินไปแบบนี้ทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกแปลกใจเธอเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาตลอด ซูหยิงเซี่ยในฐานะที่เป็นลูกสาวเธอรู้ดี ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าหานซานเฉียนจะนำผลประโยชน์มาสู่ตระกูลซูมากแค่ไหน เจี่ยงหลานก็ยังคิดว่าหานซานเฉียนเป็นหนี้ตระกูลซู และมองข้ามสิ่งที่ตระกูลซูเคยได้รับไป แล้วอย่างนี้เธอจะเป็นห่วงหานซานเฉียนได้อย่างไร?คำถามนี้ทำให้สมองของซูหยิงเซี่ยคิดไม่ออก แต่เรื่องของหานซานเฉียน เธอก็ยังปากแข็งไม่ยอมพูดในห้องนอนใหญ่ชั้นสอง ความอดทนของเจี่ยงหลานเริ่มจะหมดลง เธอไม่พบอะไรเกี่ยวกับหานซานเฉียนมาหลายวันแล้ว จึงทำให้เธอกระวนกระวายใจมาก“ซูกั๋วเย่า วันนี้ไม่ว่าจะยังไง คุณต้องร่วมมือกับฉันเปิดปากของหยิงเซี่ยให้ได้ ฉันอยากจะรู้ว่าตอนนี้หานซานเฉียนกำลังทำอะไรอยู่” เจี่ยงหลานจ้องดูที่ซู่กั๋วเย่าด้วยสีหน้าจริงจังซูกั๋วเย่าได้ถามเจี่ยงหลานหลายครั้งว่าเธอต้องการทำอะไรกันแน่ เธอดูจะเป็นห่วงหานซานเฉียนจนเกินไป ไม่เพียงแต่ซูหยิงเซี่ยสงสัยเท่านั้น แต่แ
เมื่อเห็นการแสดงออกที่จริงใจของซูกั๋วเย่า ซูหยิงเซี่ยก็เริ่มใจอ่อน เธอไม่สนใจทัศนคติของเจี่ยงหลาน เพราะเจี่ยงหลานเป็นคนเห็นแก่ตัว และไม่เคยทำเพื่อประโยชน์ของหานซานเฉียน แต่ซูกั๋วเย่าต่างออกไป ก็จริงอยากที่เขาพูด บางทีช่วยกันคิดหาทางออกคงจะดีกว่าเมื่อเห็นซูหยิงเซี่ยเริ่มลังเล เจี่ยงหลานก็รีบพูดขึ้นแทรกขณะที่เครื่องกำลังติดอยู่ว่า “พวกเราเป็นห่วง เพราะอยากให้ลูกกับหานซานเฉียนได้ดี ที่จริงแม่ก็คิดได้แล้ว ถ้าไม่มีเขา พวกเราก็ไม่มีวันนี้ ดังนั้นแม่อยากจึงอยากจะหาทางช่วย แถมลูกก็รักเขามาก นอกจากแม่จะต้องยอมรับเขา ยังจะมีหนทางอื่นอีกเหรอ? แม่ไม่มีทางให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักได้ยังไง”รอยยิ้มจาง ๆ เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูหยิงเซี่ย เธอพูดว่า "แม่ ถ้าแม่คิดได้แบบนี้ หนูก็มีความสุขมาก"“มีความสุขจะช่วยอะไรได้ ตอนนี้หานซานเฉียนปัญหาของตัวเองยังไม่สามารถแก้ไขได้ แม่ดูแกแล้ว ไม่ช้าก็เร็วแกคงได้แต่งงานใหม่” เจี่ยงหลานกล่าวซูหยิงเซี่ยทำหน้าย่นและพูดว่า "แม่ ซานเฉียนมีแผนอยู่แล้ว พวกเราต้องเชื่อมั่นในเขา เขาจะต้องผ่านปัญหานี้ไปได้อย่างแน่นอน""มีแผนอะไร แกต้องบอกพวกเรามา ฉันจะได
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่น่ากลัวของหยางเหมิง หานซานเฉียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อหยางเหมิงนั้นเหมือนน้องสาว เพราะความเรียบง่ายของหยางเหมิงเป็นสิ่งหาได้ยากในสังคมปัจจุบัน ผู้หญิงแบบนี้ทำให้เขามีพลังที่จะอยากปกป้องโดยไม่รู้ตัวแน่นอน ความอยากปกป้องนี้ไม่ใช่ความรู้สึกระหว่างชายและหญิง เพราะความรู้สึกของหานซานเฉียนที่มีต่อซูหยิงเซี่ยนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง“เป็นอะไรไป” หานซานเฉียนถามหยางเหมิง"พี่หาน บ้านของพี่มีลูกบ้านมาอยู่ใหม่เหรอ? ผู้ชายตัวใหญ่คนนั้นท่าทางดูดุมาก" หยางเหมิงย่นจมูกแล้วพูดดูท่าเธอจะเห็นฉีฮู่เข้าแล้ว เพราะฉีฮู่ดูสูงกว่าคนทั่วไป และเขาก็ไม่ค่อยยิ้มแย้ม ดูแล้วก็อาจจะน่ากลัวไปสักหน่อย“เขาอาจจะดูน่ากลัวไปหน่อย แต่เขาเป็นคนดี แถมยังคล้ายกับเธอ เป็นคนที่เรียบง่ายมาก” หานซานเฉียนกล่าว ในแง่ของความรู้ความเข้าใจทางสังคม ความเรียบง่ายของฉีฮู่ดูจะมีมากกว่าหยางเหมิงด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้เขาเป็นเพียงกระดานขาวที่ว่างเปล่า“ชิ ฉันไม่ใช่คนเรียบง่ายสักหน่อย พวกเพื่อนที่ทำงานชอบบอกว่าฉันแปลก" หยางเหมิงกล่าวอย่างไม่พอใจ ราวกับว่าเธอไม่พอใจอย่างมากกับของคำว่า “เรียบง่าย”
วันรุ่งขึ้น หานซานเฉียนไปวิ่งนั้นมีฉีฮู่อยู่ข้างกายด้วย เนื่องจากมี่เฟ่ยเอ๋อร์รู้ว่าหานซานเฉียนจะลงมาชั้นล่างตอนกี่โมง เพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับหานซานเฉียน เธอจึงจงใจเดินหลบไปขณะกำลังวิ่งอยู่นั้น ในหัวสมองของหานซานเฉียนก็คิดถึงปัญหาเรื่องหนึ่ง เมื่อวานที่เทียนฉางเฉิงพูดถึงคนชื่อตี้หยาง ที่มีฝีมือเหนือกว่าคนคุ้มกันที่เทียนฉางเฉิงว่าจ้างมา เพราะคนเหล่านั้น แม้แต่หานซานเฉียนก็สามารถจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่ายดายแต่มีบางสิ่งที่หานซานเฉียนพอจะเดาได้ ตี้หยางคนนี้ ฝีมือศิลปะการต่อสู้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ไม่อย่างนี้ หานเหยียนไม่มีทางให้เขามาแทนที่อู๋เฟิง "พี่ซานเฉียน พี่เอาแต่จ้องมองผมทำไม?" เมื่อฉีฮู่รู้สึกตัวว่าหานซานเฉียนเอาแต่จ้องมองตัวเอง จึงถามด้วยความสงสัย"ฉันกำลังคิดว่านายจะใช่คู่ต่อสู้ของมันหรือเปล่า" หานซานเฉียนพูด ถึงแม้ฉีฮู่จะเก่งไม่น้อย แต่ถ้าเทียบกับตี้หยางล่ะก็ หานซานเฉียนยังไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของตี้หยางได้ฉีฮู่หัวเราะออกมาและพูดว่า "จะใช่หรือไม่ใช่คู่ต่อสู้ ก็ลองสู้กันดูสักตั้งจะได้รู้ งั้นพี่ก็ไปพามันมาสู้กับผมดูสิ?"หานซานเฉียนส่ายหัว ฉีฮู่เปรียบ
คำพูดของหานชิงทำให้เจี่ยงหลานไม่พอใจ เธอคิดว่าเธอมีคุณสมบัติที่จะทัดเทียมกับหานเหยียนได้แล้ว เพราะเธอมีข้อมูลบางอย่างที่สำคัญมาก แถมยังมีผลกับหาน กรุ๊ป โดยตรงแต่พอเห็นกริยาท่าทางของหานชิงนั้นไม่เข้าตาเลยสักนิดเธอจะเทียบกับหานเหยียนได้เหรอ?เจี่ยงหลานพูดกับหานเหยียนว่า "เรื่องที่ฉันรู้มาสำหรับหาน กรุ๊ป แล้วล่ะก็มันสำคัญมาก ดังนั้นฉันขอเตือนเธอ ทางที่ดีควรจะให้สาวใช้ของเธอทำความเคารพฉันบ้าง"หานเหยียนดีใจที่ได้ยินคำพูดนี้ ไม่ว่าเจี่ยงหลานจะมีเรื่องอะไร สำหรับเธอแล้ว ก็ไม่เท่าที่เจี่ยงหลานนั้นตั้งใจจะแทงข้างหลังหานซานเฉียน คุณค่าของข่าวนั้นไม่ได้มีความสำคัญมากนัก เพราะไม่ว่าหานซานเฉียนจะวางแผนอะไรอยู่ หานเหยียนก็สามารถใช้อำนาจเพื่อปราบปรามมันได้การสมรู้ร่วมคิดและเล่ห์เหลี่ยมจะมีประโยชน์อะไร เมื่อต้องเผชิญกับอำนาจที่แท้จริง?"เจี่ยงหลาน คนนอกอย่างเธอมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาสั่งสอนสาวใช้ของฉัน?" หานเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเมื่อได้ยินคำพูดนี้ หานชิงก็เดินมายืนต่อหน้าเจี่ยงหลาน ตามลักษณะพฤติกรรมก่อนหน้านี้ เธอตบหน้าเจี่ยงหลานก่อนจะพูดว่า "แกคิดว่าแกเป็นใคร?"เจี่ยงหลานรู้สึกแปลกใ