เจี่ยงหลานไม่คิดถึงเรื่องที่เธอจะได้ร่วมมือกับหานเหยียนอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร เธอจึงพูดตามตรงว่า "หานซานเฉียน มันรู้ว่าเธอต้องการที่จะสร้างหมู่บ้านเฉิงจง ดังนั้นมันจึงวางแผนจะซื้อหมู่บ้านนี้อย่างเงียบ ๆ เพราะมันต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อมาขัดขวางการพัฒนาของหาน กรุ๊ป"เมื่อหานเหยียนได้ยินอย่างนี้แล้วก็รู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย เพราะเรื่องนี้มีแค่เธอและตลาดหลักทรัพย์หยุนเฉิงเท่านั้นที่รู้ แถมยังเป็นความลับอีกด้วย แต่ทำไมหานซานเฉียนกลับรู้เรื่องแล้ว ถ้าไม่แปลกใจก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว หลังจากที่ตระกูลเทียนถอนตัวออกไป หาน กรุ๊ปก็เจริญขึ้นในตลาดหลักทรัพย์หยุนเฉิงเป็นอย่างมาก กะอีแค่หมู่บ้านเล็ก ๆ อย่างเฉิงจง ทำไมหานเหยียนจะต้องสนใจด้วยเมื่อมองดูหานเหยียนไม่มีแสดงท่าทางอะไรออกมา เจี่ยงหลานก็รีบพูดต่อว่า "ถ้าเธอคิดที่จะสร้างหมู่บ้านเฉิงจงล่ะก็ ฉันขอเตือนเธอให้รีบทำสิ่งนี้ให้สำเร็จโดยเร็ว เพราะถ้าหานซานเฉียนมันทำสำเร็จก่อนล่ะก็ หมู่บ้านเฉิงจงก็จะตกไปเป็นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว สำหรับเธอแล้วคงจะไม่เป็นเรื่องดีเท่าไรสินะ" หานเหยียนยังคงเงียบอยู่ แต่เห็นได
“เว้นแต่จะมีการต่อสู้กันจริง ไม่มีใครสามารถคาดเดาผลที่ตามมาได้ แต่ในการต่อสู้จริงนั้น หากฉีฮู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตี้หยาง ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงมาก" หานซานเฉียนพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาเกือบจะเอาชีวิตตัวเองเพื่อแลกกับฉีฮู่มา แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมฉงหยางถึงเปลี่ยนใจ แต่ในตอนนั้นชีวิตของหานซานเฉียนถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย ดังนั้นเขาไม่ได้ต้องการให้ฉีฮู่เป็นเพียงแค่ผู้เบิกทางที่สำคัญคือฉีฮู่ยังต้องเติบโตขึ้นอีก ต่อไปจะได้สามารถช่วยหานซานเฉียนได้มากขึ้น ดังนั้นในช่วงนี้เขาจะไม่มีทางให้ฉีฮู่ต้องตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาดที่หานซานเฉียนต้องหาคนมีฝีมือมาคอยคุ้มกัน ก็เพราะคนของหานเหยียน แต่ตอนนี้เขามีอีกหนึ่งทางออก นั่นก็คือเรือนจำตี้ชินนานมากแล้วที่ตี้สู่ไม่ได้ส่งข่าวคราวมา เป็นตายร้ายดีอย่างไรเขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่า หานเทียนหยางยังมีชีวิตอยู่ในเรือนจำตี้ชินหรือไม่ เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะหาทางเข้าไปในเรือนจำตี้ชินนั้นด้วยตัวเอง ในเวลานั้น ฉีฮู่จะมีประโยชน์กับเขาอย่างมากผู้พูดไม่ได้ตั้งใจ แต่ผู้ฟังสนใจ ม่อหยางเขียนคำเหล่านี้อย่างเงียบ ๆ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการอ้างสิทธิ์โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจาก
กลับมาที่โรงแรม ฉินโหรวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปเดินชอปปิ้ง เธอชอบร้านอาหารริมทางในหยุนเฉิงมาก ที่นี่สามารถพบกับอาหารรสเลิศมากมายทุกครั้งที่มาหยุนเฉิง เธอจะชอบออกมาเดินเลือกหาของกินที่เธอชอบที่นี่ยังไม่ถึงสองทุ่มครึ่ง ฉินโหรวได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนร่วมงานคนนั้น โดยบอกว่าคืนนี้ต้องใส่ชุดทำงานของพวกเธอไป สิ่งนี้ทำให้ฉินโหรวไม่พอใจเล็กน้อย แต่เพื่อเงิน ก็ควรทำตามคำร้องขอของลูกค้า ฉินโหรวกลับมาที่โรงแรมหลังจากกินอิ่ม แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าก็ปาเข้าไปสองทุ่มครึ่งแล้ว จึงรีบโทรเรียกแท็กซี่ไปส่งที่ไนท์คลับเมจิกซิตี้ทางเข้าไนท์คลับมีคนคิวยาวมาก ถ้าไม่ถึงสามทุ่ม จะไม่อนุญาตให้ลูกค้าเข้า ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นผู้ชาย ดูเหมือนว่าพวกเขาเหล่านั้นมีจินตนาการมากมายเกี่ยวกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหานซานเฉียนนั่งอยู่บนชั้นสอง VIP ที่นี่จะไม่เปิดให้ลูกค้าใช้บริการ มีเพียงแค่หานซานเฉียนมาเท่านั้น ที่นี่ถึงจะเปิดให้ใช้บริการ"พี่ใหญ่ม่อ คนที่พวกเราจ้างมาถึงแล้ว ให้พวกเธอเข้ามาเลยไหมครับ?" หลินหย่งถามม่อหยางที่ยืนอยู่ด้านหลังหานซานเฉียนขึ้นมา"ให้พวกเธอเข้ามาได้ ดูสิว่าจะถูกใจพี่
สำหรับสาวพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินนั้น เป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการกับคนพวกนี้ที่มีความคิดสกปรกอยู่ในหัว เพราะพวกเธอทำงานในแวดวงการบริการ ผู้ชายพวกนี้ต้องการใช้ประโยชน์จากพวกเธอ หากพวกเธอไม่สมัครใจ พวกเขาจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยแน่นอน แต่ละคนก็มีเป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อยู่ที่ว่าพวกเธอจะเลือกปฏิบัติอย่างไร แม้ว่าพวกเธอจะถูกว่าจ้างด้วยเงิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะทำเพื่อเงินเท่านั้น หรือบางคนอาจทำเพราะเบื่อชีวิตที่ซ้ำซากจำเจ ผู้หญิงก็เป็นคนเหมือนกัน ก็แค่อยากจะเพิ่มสีสันให้ชีวิตกันบ้างข้อกำหนดในการเลือกคู่ครองของฉินโหรวนั้นสูงมาก ดังนั้นในสายตาของเธอไม่เคยคิดแลตามองผู้ชายพวกนี้ในไนท์คลับ หลังจากจัดการกับแมลงวันพวกนั้นแล้ว เธอกลับไปที่บูธเพื่อจะพักผ่อน ในขณะเดียวกัน เพื่อนร่วมงานอีกคนก็อยู่กับเธอด้วย"เฉินเหมี่ยว ทำไมเธอไม่ไปสนุกกับพวกนั้นล่ะ ฉันเห็นพวกนั้นดูสนุกกันจะตาย" ฉินโหรวมองไปที่ฟลอร์เต้นรำและถามเฉินเหมี่ยว เพื่อนร่วมงานแต่ละคนถูกรายล้อมไปด้วยผู้ชายสามสี่คน และดูเหมือนพวกเธอจะไม่กังวลว่าจะถูกลวนลามอะไรเลย แถมดูท่าทางมีความสุขมากเฉินเหมี่ยวจับขาของเธอชิดเข้าด้วย
บอดี้การ์ดส่ายหัวและพูดว่า "คนแปลกหน้าห้ามขึ้นไป ถ้าเขารู้จักคุณ เขาต้องแจ้งผม และผมยังไม่ได้รับคำแจ้งเตือนดังกล่าว"ฉินโหรวรู้สึกไม่พอใจจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "ทางที่ดีนายควรไปแจ้งเขาให้รู้เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฉันเกรงว่านายจะมีความผิดร้ายแรงแน่" ในเวลานี้ เฉินเหมี่ยวก็ยื่นอยู่ข้างฉินโหรว จึงพูดกับบอดี้การ์ดด้วยน้ำเสียงโมโหว่า "นายมันก็แค่คนเฝ้าประตู รีบไปแจ้งเขาเร็วเข้าสิ นายคงไม่อยากถูกเจ้านายลงโทษเพราะเเรื่องแค่นี้รู้สินะ" เจ้านายก็อยู่ข้างบน แถมพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร ทำไมบอดี้การ์ดยังต้องไปแจ้งด้วย"เจ้านายของพวกเราก็อยู่ข้างบน แต่พวกท่านก็ไม่ได้แจ้งอะไรกับผมไว้ เชิญคุณผู้หญิงทั้งสองลงไปเถอะครับ" บอดี้การ์ดพูดอย่างมีมารยาทเมื่อพวกเธอได้ยินคำว่าเจ้านายอยู่ชั้นบน ทั้งฉินโหรวและเฉินเหมี่ยวก็มุ่งความสนใจไปที่รอบ ๆ ไนท์คลับ เพราะคงมีเพียงเขาเท่านั้นที่ดูเหมือนจะมีศักยภาพในการเป็นเจ้านายแน่นอน สำหรับคนภายนอก ม่อหยางเป็นเจ้าของไนท์คลับเมจิกซิตี้ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าไนท์คลับเมจิกซิตี้ที่แท้เป็นของหานซานเฉียน?"ซานเฉียน ดูสองคนนั้นพยายามจะขึ้นมาข้างบน จะเอายังไง จะ
หานซานเฉียนส่ายหัว ลางสังหรณ์ร้ายเกิดขึ้นในใจของเขา และเขารู้สึกเหมือนว่าคนพวกนี้มีจุดประสงค์ที่ไม่ดีนัก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้ออกล่าเหยื่อ แต่เหมือนกับรอโอกาสจะทำอะไรบางอย่างมากกว่า"ให้หลินหย่งจัดคนสองสามคนเพื่อเฝ้าดู เผื่อว่าพวกเขาจะสร้างปัญหา" หานซานเฉียนกล่าวม่อหยางสีหน้าดูเฉยเมย เพราะตั้งแต่ที่เขาเข้าคุมไนท์คลับเมจิกซิตี้ ยังไม่มีใครกล้ามาสร้างปัญหาที่นี่"นายก็อย่าตื่นตระหนกให้มาก ที่นี่ไนท์คลับเมจิกซีตี้นะเว้ย เว้นแต่จะเป็น…"หลังจากพูดแบบนี้ ม่อหยางก็มองไปที่หานซานเฉียนด้วยความสยดสยอง เขากระโดดลงมาจากชั้นสองอย่างกะทันหัน"เห้ย นี่นายจะทำอะไร!" ม่อหยางตะโกนถามในเวลาเดียวกัน ฉินโหรวและเฉินเหมี่ยวก็ได้เห็นฉากนี้ด้วย พวกเธอก็มีสีหน้าตกใจและตกตะลึง ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน"เขา…เขากระโดดลงมาแล้ว?" เฉินเหมี่ยวพูดติดอ่างและขยี้ตา สงสัยว่าตัวเองตาพร่าไปท่ามกลางสายตาผู้คนต่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หานซานเฉียนพุ่งตรงไปที่กลุ่มคนพวกนั้นที่เขาสงสัย ด้วยเหตุนี้เขาจึงกระโดดลงมา เป็นเพราะเขาเห็นว่ามีชายคนหนึ่งในกลุ่มคนพวกนั้นหยิบกมีดในมือออกมา แน่นอนว่าผู้ชายคนนี้มาที่ไนท์คลับไม่ใช
“ฉินโหรว เธอสับสนหรือเปล่า เขาแค่ต้องการจะทำร้ายคนด้วยมีด” เฉินเหมี่ยวกล่าว ฉินโหรวพูดคำเหล่านี้ล่วนแต่ถูกหานซานเฉียน แต่หลังจากโพล่งออกมา เธอรู้ว่าเธอได้เผลอหลุดปากไป แต่เธอไม่สามารถกลืนน้ำลายตัวเองได้กัดฟัดและพูดต่อ "ถ้ามีความสามารถ ก็ออกมาสู้กันซึ่ง ๆ หน้า พากเราก็อยากเห็นความตื่นเต้นนี้ด้วยเหมือนกัน" หานซานเฉียนยิ้มจาง ๆ ผู้หญิงคนนี้มีท่าทีเป็นศัตรูกับเขา เช่นเดียวกับมี่เฟยเอ๋อร์อย่างไม่มีสาเหตุหานซานเฉียนรู้สึกแบบนั้น แต่สองคนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกที่ถูกมี่เฟยเอ๋อร์นั้นไม่ชอบนั้นเป็นความรู้สึกแบบธรรมดาทั่วไป ในขณะที่ของฉินโหรวนั้นแตกต่างออกไป มันเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองบางอย่าง อย่างไรก็ตาม เธอก็เคยหลงเสน่ห์ของหานซานเฉียนมาก่อน หลังจากที่รู้ว่าเขาเป็นเด็กเลี้ยง จึงรู้สึกรังเกียจแบบนี้ แต่เพราะความรักของเธอที่มีต่อหานซานเฉียน ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วก็ยังมีความแตกต่างอย่างมาก หานซานเฉียนปล่อยมือของคนนั้นและพูดเรียบ ๆ ว่า "เรียกพวกทั้งหมดของแกมาจะดีกว่า แกคนเดียวอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน" ชายคนนั้นรู้ว่าหานซานเฉียนต้องการจัดการพวกเขาทั้งหมดไปด้วยกัน แน่นอนว่าเข
“ผมไม่อยากทำลายความมั่นใจในตัวเองของคุณ ออกไปเถอะ” หานซานเฉียนพูดเบา ๆ ฉินโหรวไม่คิดที่จะออกไปจึงพูดต่อ "คุณจงใจแสดงต่อหน้าฉัน คุณไม่ได้ต้องการเรียกร้องความสนใจจากฉันหรอกหรือ? แต่ให้ฉันบอกคุณว่า ฉันจะไม่มีวันชอบเด็กเลี้ยงอย่างคุณ ฉันหวังว่าคุณจะไม่แสดงตัวต่อหน้าฉันอีก อย่ามาทำให้ฉันขัดลูกหูลูกตา" ม่อหยางที่อยู่ด้านข้างมองไปที่หานซานเฉียนด้วยความประหลาดใจ เด็กที่ถูกเลี้ยงไว้! หานซานเฉียนกลายเป็นคนไม่ดีตั้งแต่เมื่อไหร่? ด้วยเงินจำนวนมาก เขายังต้องการการเลี้ยงดูหรือ? "ฉินโหรว เพื่อเห็นแก่ฉินหลิน ฉันไม่เอามันมาใส่ใจ เธอควรไปถามฉินหลินว่าฉันเป็นใคร" หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชา และผลักฉินโหรวออกไป ระหว่างทางไปห้อง ม่อหยางอดไม่ได้ที่จะถามหานซานเฉียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น "ซานเฉียนเกิดอะไรขึ้น เธอบอกว่ามีคนเลี้ยงดูนายคืออะไร" “นอกจากความเข้าใจผิดแล้ว นายคิดว่ามีความเป็นไปได้อื่นอีกไหม?” หานซานเฉียนพูดเบา ๆ ม่อหยางรู้ว่านี่เป็นความเข้าใจผิด ด้วยนิสัยของหานซานเฉียน จะมีคนมาเลี้ยงดูเขาได้อย่างไร และเขาไม่ใช่คนที่จะขัดสนเรื่องเงินทอง ก็แค่อยากรู้ว่าความเข้าใจผิดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรเท