“ฉินโหรว เธอสับสนหรือเปล่า เขาแค่ต้องการจะทำร้ายคนด้วยมีด” เฉินเหมี่ยวกล่าว ฉินโหรวพูดคำเหล่านี้ล่วนแต่ถูกหานซานเฉียน แต่หลังจากโพล่งออกมา เธอรู้ว่าเธอได้เผลอหลุดปากไป แต่เธอไม่สามารถกลืนน้ำลายตัวเองได้กัดฟัดและพูดต่อ "ถ้ามีความสามารถ ก็ออกมาสู้กันซึ่ง ๆ หน้า พากเราก็อยากเห็นความตื่นเต้นนี้ด้วยเหมือนกัน" หานซานเฉียนยิ้มจาง ๆ ผู้หญิงคนนี้มีท่าทีเป็นศัตรูกับเขา เช่นเดียวกับมี่เฟยเอ๋อร์อย่างไม่มีสาเหตุหานซานเฉียนรู้สึกแบบนั้น แต่สองคนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกที่ถูกมี่เฟยเอ๋อร์นั้นไม่ชอบนั้นเป็นความรู้สึกแบบธรรมดาทั่วไป ในขณะที่ของฉินโหรวนั้นแตกต่างออกไป มันเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองบางอย่าง อย่างไรก็ตาม เธอก็เคยหลงเสน่ห์ของหานซานเฉียนมาก่อน หลังจากที่รู้ว่าเขาเป็นเด็กเลี้ยง จึงรู้สึกรังเกียจแบบนี้ แต่เพราะความรักของเธอที่มีต่อหานซานเฉียน ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วก็ยังมีความแตกต่างอย่างมาก หานซานเฉียนปล่อยมือของคนนั้นและพูดเรียบ ๆ ว่า "เรียกพวกทั้งหมดของแกมาจะดีกว่า แกคนเดียวอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน" ชายคนนั้นรู้ว่าหานซานเฉียนต้องการจัดการพวกเขาทั้งหมดไปด้วยกัน แน่นอนว่าเข
“ผมไม่อยากทำลายความมั่นใจในตัวเองของคุณ ออกไปเถอะ” หานซานเฉียนพูดเบา ๆ ฉินโหรวไม่คิดที่จะออกไปจึงพูดต่อ "คุณจงใจแสดงต่อหน้าฉัน คุณไม่ได้ต้องการเรียกร้องความสนใจจากฉันหรอกหรือ? แต่ให้ฉันบอกคุณว่า ฉันจะไม่มีวันชอบเด็กเลี้ยงอย่างคุณ ฉันหวังว่าคุณจะไม่แสดงตัวต่อหน้าฉันอีก อย่ามาทำให้ฉันขัดลูกหูลูกตา" ม่อหยางที่อยู่ด้านข้างมองไปที่หานซานเฉียนด้วยความประหลาดใจ เด็กที่ถูกเลี้ยงไว้! หานซานเฉียนกลายเป็นคนไม่ดีตั้งแต่เมื่อไหร่? ด้วยเงินจำนวนมาก เขายังต้องการการเลี้ยงดูหรือ? "ฉินโหรว เพื่อเห็นแก่ฉินหลิน ฉันไม่เอามันมาใส่ใจ เธอควรไปถามฉินหลินว่าฉันเป็นใคร" หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชา และผลักฉินโหรวออกไป ระหว่างทางไปห้อง ม่อหยางอดไม่ได้ที่จะถามหานซานเฉียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น "ซานเฉียนเกิดอะไรขึ้น เธอบอกว่ามีคนเลี้ยงดูนายคืออะไร" “นอกจากความเข้าใจผิดแล้ว นายคิดว่ามีความเป็นไปได้อื่นอีกไหม?” หานซานเฉียนพูดเบา ๆ ม่อหยางรู้ว่านี่เป็นความเข้าใจผิด ด้วยนิสัยของหานซานเฉียน จะมีคนมาเลี้ยงดูเขาได้อย่างไร และเขาไม่ใช่คนที่จะขัดสนเรื่องเงินทอง ก็แค่อยากรู้ว่าความเข้าใจผิดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรเท
"ฉินโหรว เธอไปทำอะไรมา บอกลุงมาเดี๋ยวนี้ ลุงอยากรู้ทุกอย่าง" ฉินหลินกัดฟันพูด เมื่อรู้สึกถึงความโกรธของฉินหลิน ฉินโหรวรู้สึกกลัวเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงบอกฉินหลินทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่รู้จักหานซานเฉียนจนถึงทุกวันนี้ หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ฉินหลินรู้สึกเวียนหัวและหัวหมุนเป็นอย่างมาก ไม่สำคัญว่าฉินโหรวจะปฏิบัติต่อหานซานเฉียนเหมือนเป็นไก่อ่อน แต่เธอก็พูดต่อหน้าเขา! สิ่งนี้ทำให้หานซานเฉียนโกรธอย่างไม่ต้องสงสัย มิฉะนั้นเขาจะไม่พูดถึงตัวเองกับฉินโหรว "ฉินโหรว ลุงต้องการให้เธอขอโทษเขาเดี๋ยวนี้ และขอให้เขาให้อภัย" ฉินหลินพูดอย่างเฉียบขาด ขอโทษ? ขออภัย! ฉินโหรวรู้สึกอธิบายไม่ถูก ทำไมเธอถึงต้องขอโทษไก่อ่อนนั่น และขออภัยนั่นอีกก็ยิ่งไร้สาระ เธอทำอะไรผิดหรือ? “คุณลุงรอง หนูไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมหนูต้องขอโทษเขาด้วย” ฉินโหรวพูดอย่างไม่พอใจ ฉินหลินหายใจเข้าลึก ถ้าฉินโหรวยืนอยู่ข้างหน้าเขาตอนนี้ เขาจะตบฉินโหรวสักทีสองทีโดยไม่ลังเล แม้ว่าเขาจะรักหลานสาวคนนี้มาก แต่เนื่องจากงานปัจจุบันของฉินโหรวนั้น เะอทำมันด้วยตนเองเพียงคนเดียว แม้ว่าเขาต้องการช่วย ฉินโหรวก็ไม่ยอมให้เขาช่วย ซึ่งทำให้
คนเหล่านี้ออกมาเร็วเพราะไม่มีเหยื่อที่จะได้ในคืนนี้ และพวกเขาก็ไม่กล้าสร้างปัญหาในไนท์คลับเมจิกซิตี้ ดังนั้นพวกเขาจึงออกมาข้างนอก พวกเขาไม่คิดว่าจะเจอสาวสวยที่หน้าประตู พวกเขาจึงมีความคิดที่ชั่วร้ายแวบเข้ามา เมื่ออยู่บนถนนพวกเขาจึงไม่กลัวว่าจะต้องมารับผิดชอบเกี่ยวข้องกับไนท์คลับเมจิกซิตี้ เมื่อมองไปที่สายตาที่มุ่งร้ายของคนหลายคน ฉินโหรวเริ่มรู้สึกกลัวเล็กน้อย เพราะตอนนี้เธอไม่มีเพื่อนอยู่ข้างกาย และในฐานะผู้หญิง เมื่อเธอพบคนเหล่านี้เมื่ออยู่ตัวคนเดียว ก็ต้องกังวลโดยไม่รู้ตัว "ขอโทษ ฉันไม่สนใจ" หลังจากพูดจบฉินโหรว และกำลังจะเข้าไปในไนท์คลับเมจิกซิตี้ เธอรู้ว่าข้างในนั้นปลอดภัย และคนเหล่านี้จะไม่กล้าทำให้เธออับอายในไนท์คลับเมจิกซิตี้ แต่ทันทีที่เธอก้าวออกไป คนเหล่านั้นก็ยืนขวางหน้าเธอไว้ ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ออกไป “สาวสวย แสดงสีหน้าท่าทางแบบนี้ ก็เพราะดูถูกพวกเราไม่ใช่เหรอ” “ใช่ เราเชิญด้วยความจริงใจ เธอไม่ไว้หน้าเช่นนี้ ไม่ละอายใจหน่อยหรือ?” "เรามีสถานที่ที่ดีกว่าที่จะแนะนำให้เธอ รับประกันเลยว่าเธอจะพอใจ มากับเราเถอะ" หลังจากหลายคนพูดจบลง มีคนสองคนเดินไปที่ด้านข้างของฉินโห
มีไนท์คลับมากมายบนถนนสายนี้ แต่เนื่องจากพวกเขาพาฉินโหรวออกไป พวกเขาจึงไม่ไปดื่มต่ออย่างแน่นอน ตามปกติแล้วพวกเขาจะต้องไปที่โรงแรมแห่งใดแห่งหนึ่ง หานซานเฉียนมาที่โรงแรมที่ใกล้ที่สุด เมื่อเขาถามแผนกต้อนรับว่าเห็นผู้ชายสองสามคนพาผู้หญิงมาเปิดห้องหรือไม่ แผนกต้อนรับพูดอย่างกระวนกระวาย "นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของลูกค้า ฉันจะบอกคุณได้อย่างไร?” หานซานเฉียนมีสีหม่นลง เฉินเหมียวทนรอแทบไม่ไหวจึงพูดว่า "เพื่อนของฉันถูกพวกเขาบังคับมา โปรดบอกเราด้วยเถอะนะคะ ไม่อย่างนั้นจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่" เกือบทุกวันที่แผนกต้อนรับจะเห็นผู้หญิงขี้เมาถูกผู้ชายพามาเปิดห้อง สำหรับเธอเป็นเรื่องปกติ และผู้หญิงเหล่านั้นเองก็สกปรกพอสมควร "ขออภัยค่ะ ฉันไม่สามารถบอกได้ค่ะ" แผนกต้อนรับส่วนหน้ากล่าว ในเวลานี้ผู้จัดการได้เข้ามาและมองไปที่เฉินเหมี่ยว ที่สวมเครื่องแบบพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ซึ่งค่อนข้างคล้ายกับผู้หญิงที่ขึ้นไปชั้นบน เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่าคนเหล่านี้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ กับการเล่น และแม้กระทั่งการจัดฉากของเครื่องแบบ “พวกคุณทำอะไร ถ้าไม่เข้าพักก็ออกไป อย่ามารบกวนธุรกิจของเรา” ผู้จัดการพูดด้วยน้ำเสีย
ม่อหยางเดินไปหาหานซานเฉียนทีละสองก้าว โดยไม่แม้แต่จะชายตามองผู้จัดการและถามว่า "ซานเฉียนเกิดอะไรขึ้น?" "ฉินโหรวอาจจะอยู่ที่นี่" หานซานเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เมื่อผู้จัดการได้ยินม่อหยางพูดกับหานซานเฉียน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากความพึงพอใจเป็นความสิ้นหวังทันที เห็นได้ชัดว่าม่อหยางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชายหนุ่มคนนี้ และม่อหยางดูเหมือนว่าจะเพ่งเล็งมาที่เขา แต่เขาต้องการม่อหยางเพื่อให้ช่วยเขาล้างแค้น นั่นไม่ใช่เรื่องตลกเหรอ? ม่อหยางมองไปที่ผู้จัดการอย่างเย็นชาและพูดว่า "คนอยู่ที่ไหน? ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น วันพรุ่งนี้แกก็ไม่ต้องหวังว่าจะได้เห็นดวงอาทิตย์อีก" ผู้จัดการรู้สึกหวาดกลัวกับประโยคนี้ ม่อหยางบอกเขาว่าไม่ต้องหวังจะได้เห็นดวงอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้ และเขาจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันอย่างแน่นอน ในพื้นที่นี้ สถานะของม่อหยางทียบเท่ากับพระราชา ใครก็ตามที่เขาอยากให้ตาย ก็ต้องตาย!"อยู่ อยู่ 302 ที่ 302 พี่ใหญ่ม่อ ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของคุณ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ" ผู้จัดการคุกเข่าลงในทันที และรีบทำความเคารพหานซานเฉียนอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของพนักงานที่แผนกต้อนรับตอนนี้ถึงกับซีดเซียว เ
"งั้นเธอก็อยู่พักผ่อนที่นี่สักครู่ก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะไล่พวกนี้ออกไป" หานซานเฉียนกล่าว เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินโหรวก็เงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน เธอมีภาพที่ค้างคาจิตใจกับสถานที่แห่งนี้ เธอจะกล้าพักผ่อนได้อย่างไร "ฉันไม่พักแล้ว ฉันเดินได้" ฉินโหรวประคองร่างของเธอ แต่พอลงจากเตียง ขาของเธอก็อ่อนลงและนั่งลงบนพื้น หานซานเฉียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ หยิบผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำแล้วสวมให้ฉินโหรว จากนั้นจึงโอบฉินโหรวด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วเดินออกจากห้อง ในอ้อมแขนของหานซานเฉียน ฉินโหรวรู้สึกถึงความปลอดภัยที่แข็งแกร่งมาก เธอเคยประทับใจหานซานเฉียนบนเครื่องบินมาก่อน แต่พราะเธอเชื่อคำพูดของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ดังนั้นเธอจึงเกลียดหานซานเฉียน แต่ตอนนี้เธอรู้ตัวตนของหานซานเฉียนแล้ว และหานซานเฉียนก็ช่วยชีวิตเธอ อารมณ์ที่ไม่คงที่เช่นนี้ทำให้เธอชอบหานซานเฉียนมากขึ้น "ฉันขอโทษที่ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจคุณผิด" ฉินโหรวกล่าวพร้อมกับก้มหน้าลง “ฉันไม่ต้องการคำขอโทษจากเธอ” หานซานเฉียนพูดเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงของหานซานเฉียน ฉินโหรวได้ยินถึงความเฉยเมยอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้เธอเจ็บปวดอย่างอธ
หลังจากที่ผู้จัดการพูดจบ เขาก็มองไปที่หานซานเฉียนอย่างระมัดระวัง และพบว่าเขาไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงผ่อนคลายเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจของผู้จัดการ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับม่อหยาง และดูเหมือนว่าสถานะของเขาก็ไม่ต่ำต้อยเลย เขาจะทนให้คนอื่นเรียกเขาว่าคนไร้ค่าได้อย่างไร? และเป็นเวลากว่าสามปีที่แม้แต่ขอทานข้างถนนยังหัวเราะเยาะเขาได้ ในสายตาของผู้จัดการ แม้แต่เขาก็ยังทนความอับอายแบบนี้ไม่ได้ เมื่อฉินโหรวและเฉินเหมี่ยวได้ยินคำว่าแต่งออก พวกเธอแสดงสีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่เพียงแต่แต่งงานแล้ว แต่ยังแต่งออกอีกด้วย! แม้ว่าปรากฏการณ์แบบนี้จะไม่ใช่เรื่องแปลกในสังคมปัจจุบัน แต่ในสายตาของคนส่วนใหญ่ การแต่งออกหมายถึงคนที่ไร้ความสามารถ และหมายความว่าผู้ชายไม่มีความสามารถซึ่งเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของผู้ชายเอง และหลายคนก็ไม่ยอมรับสภาพนี้ เขาดีขนาดนี้ ทำไมถึงอยากแต่งออก? เมื่อเทียบกับเฉินเหมี่ยว ฉินโหรวรู้สึกตกใจมากยิ่งกว่าเพราะเธอรู้จักตัวตนของหานซานเฉียนจากฉินหลิน นี่คือนายน้อยของตระกูลหานในเหยียนจิง มาถึงเมืองหยุนเฉิงแล้วกลับเลือกที่จะแต่งงานออกไป? "ตอนนี