"หานเหยียนทำอะไร?" หานซานเฉียนลุกขึ้น เดินไปข้างเทียนหลิงเอ้อร์พร้อมกับถาม"ใช่ค่ะ เธอมาพร้อมกับสาวใช้ของเธอ" เทียนหลิงเอ้อร์ตอบ ในดวงตาของเธอก็มีน้ำตาไหลออกมาลงสู่แก้มของเธอหานชิง!เป็นแค่สาวใช้ ยังทำตัวน่ารังเกียจได้ขนาดนี้จากวันที่หานซานเฉียนพบหานชิงครั้งนั้น ในฐานะสาวใช้ เธอแสดงความเย่อหยิ่งออกมาอย่างไม่รู้ตัว"เจ็บมากไหม?" หานซานเฉียนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"อืม" เทียนหลิงเอ้อร์พยักหน้าพร้อมพูดว่า "พี่ชาย พี่จะช่วยพวกเราแก้แค้นไหมคะ?""วางใจเถอะ พี่จะช่วยพวกเธอแก้แค้นอย่างแน่นอน ให้เวลาพี่สักหน่อย พี่จะพาเธอไปตบยัยนั่นให้หน้าเละเลย" หานซานเฉียนพูดอย่างเบา ๆน้ำตาเทียนหลินเอ้อร์ไหลออกมาอย่างกับน้ำพุ เธอรู้ดีว่าอย่างไรหานซานเฉียนก็จะช่วยเธอแก้แค้น สิ่งนี้ไม่ทำให้เธอต้องผิดหวัง"ดี ในช่วงเวลานี้ ฉันจะเริ่มฝึกความแข็งแกร่ง ฉันจะตอบแทนมันให้หนักกว่าเป็นสองเท่า" เทียนหลิงเอ้อร์กล่าวโรงแรมเพนนินซูล่า หานเหยียนเป็นคนจองโรงแรมทั้งหมดโดยไม่สนใจเรื่องเงินเลย สำหรับเธอแล้ว เศษเงินพวกนี้ยังไม่พอที่จะซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมของเธอเลยด้วยซ้ำ"คุณหนู ตระกูลเทียนนี่ก็น่าสนใจนะคะ ไม่คิดว่า
นอกจากเรื่องงานแล้ว ซูหยิงเซี่ยยังมีอีกเรื่องที่ทำให้เธอทุกข์ใจมากไม่กี่วันมานี้ เจี่ยงหลานเอาแต่ถามเธอเกี่ยวกับเรื่องของหานซานเฉียน ความกังวลที่มากเกินไปแบบนี้ทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกแปลกใจเธอเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาตลอด ซูหยิงเซี่ยในฐานะที่เป็นลูกสาวเธอรู้ดี ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าหานซานเฉียนจะนำผลประโยชน์มาสู่ตระกูลซูมากแค่ไหน เจี่ยงหลานก็ยังคิดว่าหานซานเฉียนเป็นหนี้ตระกูลซู และมองข้ามสิ่งที่ตระกูลซูเคยได้รับไป แล้วอย่างนี้เธอจะเป็นห่วงหานซานเฉียนได้อย่างไร?คำถามนี้ทำให้สมองของซูหยิงเซี่ยคิดไม่ออก แต่เรื่องของหานซานเฉียน เธอก็ยังปากแข็งไม่ยอมพูดในห้องนอนใหญ่ชั้นสอง ความอดทนของเจี่ยงหลานเริ่มจะหมดลง เธอไม่พบอะไรเกี่ยวกับหานซานเฉียนมาหลายวันแล้ว จึงทำให้เธอกระวนกระวายใจมาก“ซูกั๋วเย่า วันนี้ไม่ว่าจะยังไง คุณต้องร่วมมือกับฉันเปิดปากของหยิงเซี่ยให้ได้ ฉันอยากจะรู้ว่าตอนนี้หานซานเฉียนกำลังทำอะไรอยู่” เจี่ยงหลานจ้องดูที่ซู่กั๋วเย่าด้วยสีหน้าจริงจังซูกั๋วเย่าได้ถามเจี่ยงหลานหลายครั้งว่าเธอต้องการทำอะไรกันแน่ เธอดูจะเป็นห่วงหานซานเฉียนจนเกินไป ไม่เพียงแต่ซูหยิงเซี่ยสงสัยเท่านั้น แต่แ
เมื่อเห็นการแสดงออกที่จริงใจของซูกั๋วเย่า ซูหยิงเซี่ยก็เริ่มใจอ่อน เธอไม่สนใจทัศนคติของเจี่ยงหลาน เพราะเจี่ยงหลานเป็นคนเห็นแก่ตัว และไม่เคยทำเพื่อประโยชน์ของหานซานเฉียน แต่ซูกั๋วเย่าต่างออกไป ก็จริงอยากที่เขาพูด บางทีช่วยกันคิดหาทางออกคงจะดีกว่าเมื่อเห็นซูหยิงเซี่ยเริ่มลังเล เจี่ยงหลานก็รีบพูดขึ้นแทรกขณะที่เครื่องกำลังติดอยู่ว่า “พวกเราเป็นห่วง เพราะอยากให้ลูกกับหานซานเฉียนได้ดี ที่จริงแม่ก็คิดได้แล้ว ถ้าไม่มีเขา พวกเราก็ไม่มีวันนี้ ดังนั้นแม่อยากจึงอยากจะหาทางช่วย แถมลูกก็รักเขามาก นอกจากแม่จะต้องยอมรับเขา ยังจะมีหนทางอื่นอีกเหรอ? แม่ไม่มีทางให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักได้ยังไง”รอยยิ้มจาง ๆ เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูหยิงเซี่ย เธอพูดว่า "แม่ ถ้าแม่คิดได้แบบนี้ หนูก็มีความสุขมาก"“มีความสุขจะช่วยอะไรได้ ตอนนี้หานซานเฉียนปัญหาของตัวเองยังไม่สามารถแก้ไขได้ แม่ดูแกแล้ว ไม่ช้าก็เร็วแกคงได้แต่งงานใหม่” เจี่ยงหลานกล่าวซูหยิงเซี่ยทำหน้าย่นและพูดว่า "แม่ ซานเฉียนมีแผนอยู่แล้ว พวกเราต้องเชื่อมั่นในเขา เขาจะต้องผ่านปัญหานี้ไปได้อย่างแน่นอน""มีแผนอะไร แกต้องบอกพวกเรามา ฉันจะได
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่น่ากลัวของหยางเหมิง หานซานเฉียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อหยางเหมิงนั้นเหมือนน้องสาว เพราะความเรียบง่ายของหยางเหมิงเป็นสิ่งหาได้ยากในสังคมปัจจุบัน ผู้หญิงแบบนี้ทำให้เขามีพลังที่จะอยากปกป้องโดยไม่รู้ตัวแน่นอน ความอยากปกป้องนี้ไม่ใช่ความรู้สึกระหว่างชายและหญิง เพราะความรู้สึกของหานซานเฉียนที่มีต่อซูหยิงเซี่ยนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง“เป็นอะไรไป” หานซานเฉียนถามหยางเหมิง"พี่หาน บ้านของพี่มีลูกบ้านมาอยู่ใหม่เหรอ? ผู้ชายตัวใหญ่คนนั้นท่าทางดูดุมาก" หยางเหมิงย่นจมูกแล้วพูดดูท่าเธอจะเห็นฉีฮู่เข้าแล้ว เพราะฉีฮู่ดูสูงกว่าคนทั่วไป และเขาก็ไม่ค่อยยิ้มแย้ม ดูแล้วก็อาจจะน่ากลัวไปสักหน่อย“เขาอาจจะดูน่ากลัวไปหน่อย แต่เขาเป็นคนดี แถมยังคล้ายกับเธอ เป็นคนที่เรียบง่ายมาก” หานซานเฉียนกล่าว ในแง่ของความรู้ความเข้าใจทางสังคม ความเรียบง่ายของฉีฮู่ดูจะมีมากกว่าหยางเหมิงด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้เขาเป็นเพียงกระดานขาวที่ว่างเปล่า“ชิ ฉันไม่ใช่คนเรียบง่ายสักหน่อย พวกเพื่อนที่ทำงานชอบบอกว่าฉันแปลก" หยางเหมิงกล่าวอย่างไม่พอใจ ราวกับว่าเธอไม่พอใจอย่างมากกับของคำว่า “เรียบง่าย”
วันรุ่งขึ้น หานซานเฉียนไปวิ่งนั้นมีฉีฮู่อยู่ข้างกายด้วย เนื่องจากมี่เฟ่ยเอ๋อร์รู้ว่าหานซานเฉียนจะลงมาชั้นล่างตอนกี่โมง เพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับหานซานเฉียน เธอจึงจงใจเดินหลบไปขณะกำลังวิ่งอยู่นั้น ในหัวสมองของหานซานเฉียนก็คิดถึงปัญหาเรื่องหนึ่ง เมื่อวานที่เทียนฉางเฉิงพูดถึงคนชื่อตี้หยาง ที่มีฝีมือเหนือกว่าคนคุ้มกันที่เทียนฉางเฉิงว่าจ้างมา เพราะคนเหล่านั้น แม้แต่หานซานเฉียนก็สามารถจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่ายดายแต่มีบางสิ่งที่หานซานเฉียนพอจะเดาได้ ตี้หยางคนนี้ ฝีมือศิลปะการต่อสู้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ไม่อย่างนี้ หานเหยียนไม่มีทางให้เขามาแทนที่อู๋เฟิง "พี่ซานเฉียน พี่เอาแต่จ้องมองผมทำไม?" เมื่อฉีฮู่รู้สึกตัวว่าหานซานเฉียนเอาแต่จ้องมองตัวเอง จึงถามด้วยความสงสัย"ฉันกำลังคิดว่านายจะใช่คู่ต่อสู้ของมันหรือเปล่า" หานซานเฉียนพูด ถึงแม้ฉีฮู่จะเก่งไม่น้อย แต่ถ้าเทียบกับตี้หยางล่ะก็ หานซานเฉียนยังไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของตี้หยางได้ฉีฮู่หัวเราะออกมาและพูดว่า "จะใช่หรือไม่ใช่คู่ต่อสู้ ก็ลองสู้กันดูสักตั้งจะได้รู้ งั้นพี่ก็ไปพามันมาสู้กับผมดูสิ?"หานซานเฉียนส่ายหัว ฉีฮู่เปรียบ
คำพูดของหานชิงทำให้เจี่ยงหลานไม่พอใจ เธอคิดว่าเธอมีคุณสมบัติที่จะทัดเทียมกับหานเหยียนได้แล้ว เพราะเธอมีข้อมูลบางอย่างที่สำคัญมาก แถมยังมีผลกับหาน กรุ๊ป โดยตรงแต่พอเห็นกริยาท่าทางของหานชิงนั้นไม่เข้าตาเลยสักนิดเธอจะเทียบกับหานเหยียนได้เหรอ?เจี่ยงหลานพูดกับหานเหยียนว่า "เรื่องที่ฉันรู้มาสำหรับหาน กรุ๊ป แล้วล่ะก็มันสำคัญมาก ดังนั้นฉันขอเตือนเธอ ทางที่ดีควรจะให้สาวใช้ของเธอทำความเคารพฉันบ้าง"หานเหยียนดีใจที่ได้ยินคำพูดนี้ ไม่ว่าเจี่ยงหลานจะมีเรื่องอะไร สำหรับเธอแล้ว ก็ไม่เท่าที่เจี่ยงหลานนั้นตั้งใจจะแทงข้างหลังหานซานเฉียน คุณค่าของข่าวนั้นไม่ได้มีความสำคัญมากนัก เพราะไม่ว่าหานซานเฉียนจะวางแผนอะไรอยู่ หานเหยียนก็สามารถใช้อำนาจเพื่อปราบปรามมันได้การสมรู้ร่วมคิดและเล่ห์เหลี่ยมจะมีประโยชน์อะไร เมื่อต้องเผชิญกับอำนาจที่แท้จริง?"เจี่ยงหลาน คนนอกอย่างเธอมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาสั่งสอนสาวใช้ของฉัน?" หานเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเมื่อได้ยินคำพูดนี้ หานชิงก็เดินมายืนต่อหน้าเจี่ยงหลาน ตามลักษณะพฤติกรรมก่อนหน้านี้ เธอตบหน้าเจี่ยงหลานก่อนจะพูดว่า "แกคิดว่าแกเป็นใคร?"เจี่ยงหลานรู้สึกแปลกใ
เจี่ยงหลานไม่คิดถึงเรื่องที่เธอจะได้ร่วมมือกับหานเหยียนอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร เธอจึงพูดตามตรงว่า "หานซานเฉียน มันรู้ว่าเธอต้องการที่จะสร้างหมู่บ้านเฉิงจง ดังนั้นมันจึงวางแผนจะซื้อหมู่บ้านนี้อย่างเงียบ ๆ เพราะมันต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อมาขัดขวางการพัฒนาของหาน กรุ๊ป"เมื่อหานเหยียนได้ยินอย่างนี้แล้วก็รู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย เพราะเรื่องนี้มีแค่เธอและตลาดหลักทรัพย์หยุนเฉิงเท่านั้นที่รู้ แถมยังเป็นความลับอีกด้วย แต่ทำไมหานซานเฉียนกลับรู้เรื่องแล้ว ถ้าไม่แปลกใจก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว หลังจากที่ตระกูลเทียนถอนตัวออกไป หาน กรุ๊ปก็เจริญขึ้นในตลาดหลักทรัพย์หยุนเฉิงเป็นอย่างมาก กะอีแค่หมู่บ้านเล็ก ๆ อย่างเฉิงจง ทำไมหานเหยียนจะต้องสนใจด้วยเมื่อมองดูหานเหยียนไม่มีแสดงท่าทางอะไรออกมา เจี่ยงหลานก็รีบพูดต่อว่า "ถ้าเธอคิดที่จะสร้างหมู่บ้านเฉิงจงล่ะก็ ฉันขอเตือนเธอให้รีบทำสิ่งนี้ให้สำเร็จโดยเร็ว เพราะถ้าหานซานเฉียนมันทำสำเร็จก่อนล่ะก็ หมู่บ้านเฉิงจงก็จะตกไปเป็นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว สำหรับเธอแล้วคงจะไม่เป็นเรื่องดีเท่าไรสินะ" หานเหยียนยังคงเงียบอยู่ แต่เห็นได
“เว้นแต่จะมีการต่อสู้กันจริง ไม่มีใครสามารถคาดเดาผลที่ตามมาได้ แต่ในการต่อสู้จริงนั้น หากฉีฮู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตี้หยาง ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงมาก" หานซานเฉียนพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาเกือบจะเอาชีวิตตัวเองเพื่อแลกกับฉีฮู่มา แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมฉงหยางถึงเปลี่ยนใจ แต่ในตอนนั้นชีวิตของหานซานเฉียนถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย ดังนั้นเขาไม่ได้ต้องการให้ฉีฮู่เป็นเพียงแค่ผู้เบิกทางที่สำคัญคือฉีฮู่ยังต้องเติบโตขึ้นอีก ต่อไปจะได้สามารถช่วยหานซานเฉียนได้มากขึ้น ดังนั้นในช่วงนี้เขาจะไม่มีทางให้ฉีฮู่ต้องตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาดที่หานซานเฉียนต้องหาคนมีฝีมือมาคอยคุ้มกัน ก็เพราะคนของหานเหยียน แต่ตอนนี้เขามีอีกหนึ่งทางออก นั่นก็คือเรือนจำตี้ชินนานมากแล้วที่ตี้สู่ไม่ได้ส่งข่าวคราวมา เป็นตายร้ายดีอย่างไรเขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่า หานเทียนหยางยังมีชีวิตอยู่ในเรือนจำตี้ชินหรือไม่ เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะหาทางเข้าไปในเรือนจำตี้ชินนั้นด้วยตัวเอง ในเวลานั้น ฉีฮู่จะมีประโยชน์กับเขาอย่างมากผู้พูดไม่ได้ตั้งใจ แต่ผู้ฟังสนใจ ม่อหยางเขียนคำเหล่านี้อย่างเงียบ ๆ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการอ้างสิทธิ์โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจาก
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ