เมื่อเห็นการแสดงออกที่จริงใจของซูกั๋วเย่า ซูหยิงเซี่ยก็เริ่มใจอ่อน เธอไม่สนใจทัศนคติของเจี่ยงหลาน เพราะเจี่ยงหลานเป็นคนเห็นแก่ตัว และไม่เคยทำเพื่อประโยชน์ของหานซานเฉียน แต่ซูกั๋วเย่าต่างออกไป ก็จริงอยากที่เขาพูด บางทีช่วยกันคิดหาทางออกคงจะดีกว่าเมื่อเห็นซูหยิงเซี่ยเริ่มลังเล เจี่ยงหลานก็รีบพูดขึ้นแทรกขณะที่เครื่องกำลังติดอยู่ว่า “พวกเราเป็นห่วง เพราะอยากให้ลูกกับหานซานเฉียนได้ดี ที่จริงแม่ก็คิดได้แล้ว ถ้าไม่มีเขา พวกเราก็ไม่มีวันนี้ ดังนั้นแม่อยากจึงอยากจะหาทางช่วย แถมลูกก็รักเขามาก นอกจากแม่จะต้องยอมรับเขา ยังจะมีหนทางอื่นอีกเหรอ? แม่ไม่มีทางให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักได้ยังไง”รอยยิ้มจาง ๆ เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูหยิงเซี่ย เธอพูดว่า "แม่ ถ้าแม่คิดได้แบบนี้ หนูก็มีความสุขมาก"“มีความสุขจะช่วยอะไรได้ ตอนนี้หานซานเฉียนปัญหาของตัวเองยังไม่สามารถแก้ไขได้ แม่ดูแกแล้ว ไม่ช้าก็เร็วแกคงได้แต่งงานใหม่” เจี่ยงหลานกล่าวซูหยิงเซี่ยทำหน้าย่นและพูดว่า "แม่ ซานเฉียนมีแผนอยู่แล้ว พวกเราต้องเชื่อมั่นในเขา เขาจะต้องผ่านปัญหานี้ไปได้อย่างแน่นอน""มีแผนอะไร แกต้องบอกพวกเรามา ฉันจะได
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่น่ากลัวของหยางเหมิง หานซานเฉียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อหยางเหมิงนั้นเหมือนน้องสาว เพราะความเรียบง่ายของหยางเหมิงเป็นสิ่งหาได้ยากในสังคมปัจจุบัน ผู้หญิงแบบนี้ทำให้เขามีพลังที่จะอยากปกป้องโดยไม่รู้ตัวแน่นอน ความอยากปกป้องนี้ไม่ใช่ความรู้สึกระหว่างชายและหญิง เพราะความรู้สึกของหานซานเฉียนที่มีต่อซูหยิงเซี่ยนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง“เป็นอะไรไป” หานซานเฉียนถามหยางเหมิง"พี่หาน บ้านของพี่มีลูกบ้านมาอยู่ใหม่เหรอ? ผู้ชายตัวใหญ่คนนั้นท่าทางดูดุมาก" หยางเหมิงย่นจมูกแล้วพูดดูท่าเธอจะเห็นฉีฮู่เข้าแล้ว เพราะฉีฮู่ดูสูงกว่าคนทั่วไป และเขาก็ไม่ค่อยยิ้มแย้ม ดูแล้วก็อาจจะน่ากลัวไปสักหน่อย“เขาอาจจะดูน่ากลัวไปหน่อย แต่เขาเป็นคนดี แถมยังคล้ายกับเธอ เป็นคนที่เรียบง่ายมาก” หานซานเฉียนกล่าว ในแง่ของความรู้ความเข้าใจทางสังคม ความเรียบง่ายของฉีฮู่ดูจะมีมากกว่าหยางเหมิงด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้เขาเป็นเพียงกระดานขาวที่ว่างเปล่า“ชิ ฉันไม่ใช่คนเรียบง่ายสักหน่อย พวกเพื่อนที่ทำงานชอบบอกว่าฉันแปลก" หยางเหมิงกล่าวอย่างไม่พอใจ ราวกับว่าเธอไม่พอใจอย่างมากกับของคำว่า “เรียบง่าย”
วันรุ่งขึ้น หานซานเฉียนไปวิ่งนั้นมีฉีฮู่อยู่ข้างกายด้วย เนื่องจากมี่เฟ่ยเอ๋อร์รู้ว่าหานซานเฉียนจะลงมาชั้นล่างตอนกี่โมง เพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับหานซานเฉียน เธอจึงจงใจเดินหลบไปขณะกำลังวิ่งอยู่นั้น ในหัวสมองของหานซานเฉียนก็คิดถึงปัญหาเรื่องหนึ่ง เมื่อวานที่เทียนฉางเฉิงพูดถึงคนชื่อตี้หยาง ที่มีฝีมือเหนือกว่าคนคุ้มกันที่เทียนฉางเฉิงว่าจ้างมา เพราะคนเหล่านั้น แม้แต่หานซานเฉียนก็สามารถจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่ายดายแต่มีบางสิ่งที่หานซานเฉียนพอจะเดาได้ ตี้หยางคนนี้ ฝีมือศิลปะการต่อสู้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ไม่อย่างนี้ หานเหยียนไม่มีทางให้เขามาแทนที่อู๋เฟิง "พี่ซานเฉียน พี่เอาแต่จ้องมองผมทำไม?" เมื่อฉีฮู่รู้สึกตัวว่าหานซานเฉียนเอาแต่จ้องมองตัวเอง จึงถามด้วยความสงสัย"ฉันกำลังคิดว่านายจะใช่คู่ต่อสู้ของมันหรือเปล่า" หานซานเฉียนพูด ถึงแม้ฉีฮู่จะเก่งไม่น้อย แต่ถ้าเทียบกับตี้หยางล่ะก็ หานซานเฉียนยังไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของตี้หยางได้ฉีฮู่หัวเราะออกมาและพูดว่า "จะใช่หรือไม่ใช่คู่ต่อสู้ ก็ลองสู้กันดูสักตั้งจะได้รู้ งั้นพี่ก็ไปพามันมาสู้กับผมดูสิ?"หานซานเฉียนส่ายหัว ฉีฮู่เปรียบ
คำพูดของหานชิงทำให้เจี่ยงหลานไม่พอใจ เธอคิดว่าเธอมีคุณสมบัติที่จะทัดเทียมกับหานเหยียนได้แล้ว เพราะเธอมีข้อมูลบางอย่างที่สำคัญมาก แถมยังมีผลกับหาน กรุ๊ป โดยตรงแต่พอเห็นกริยาท่าทางของหานชิงนั้นไม่เข้าตาเลยสักนิดเธอจะเทียบกับหานเหยียนได้เหรอ?เจี่ยงหลานพูดกับหานเหยียนว่า "เรื่องที่ฉันรู้มาสำหรับหาน กรุ๊ป แล้วล่ะก็มันสำคัญมาก ดังนั้นฉันขอเตือนเธอ ทางที่ดีควรจะให้สาวใช้ของเธอทำความเคารพฉันบ้าง"หานเหยียนดีใจที่ได้ยินคำพูดนี้ ไม่ว่าเจี่ยงหลานจะมีเรื่องอะไร สำหรับเธอแล้ว ก็ไม่เท่าที่เจี่ยงหลานนั้นตั้งใจจะแทงข้างหลังหานซานเฉียน คุณค่าของข่าวนั้นไม่ได้มีความสำคัญมากนัก เพราะไม่ว่าหานซานเฉียนจะวางแผนอะไรอยู่ หานเหยียนก็สามารถใช้อำนาจเพื่อปราบปรามมันได้การสมรู้ร่วมคิดและเล่ห์เหลี่ยมจะมีประโยชน์อะไร เมื่อต้องเผชิญกับอำนาจที่แท้จริง?"เจี่ยงหลาน คนนอกอย่างเธอมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาสั่งสอนสาวใช้ของฉัน?" หานเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเมื่อได้ยินคำพูดนี้ หานชิงก็เดินมายืนต่อหน้าเจี่ยงหลาน ตามลักษณะพฤติกรรมก่อนหน้านี้ เธอตบหน้าเจี่ยงหลานก่อนจะพูดว่า "แกคิดว่าแกเป็นใคร?"เจี่ยงหลานรู้สึกแปลกใ
เจี่ยงหลานไม่คิดถึงเรื่องที่เธอจะได้ร่วมมือกับหานเหยียนอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร เธอจึงพูดตามตรงว่า "หานซานเฉียน มันรู้ว่าเธอต้องการที่จะสร้างหมู่บ้านเฉิงจง ดังนั้นมันจึงวางแผนจะซื้อหมู่บ้านนี้อย่างเงียบ ๆ เพราะมันต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อมาขัดขวางการพัฒนาของหาน กรุ๊ป"เมื่อหานเหยียนได้ยินอย่างนี้แล้วก็รู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย เพราะเรื่องนี้มีแค่เธอและตลาดหลักทรัพย์หยุนเฉิงเท่านั้นที่รู้ แถมยังเป็นความลับอีกด้วย แต่ทำไมหานซานเฉียนกลับรู้เรื่องแล้ว ถ้าไม่แปลกใจก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว หลังจากที่ตระกูลเทียนถอนตัวออกไป หาน กรุ๊ปก็เจริญขึ้นในตลาดหลักทรัพย์หยุนเฉิงเป็นอย่างมาก กะอีแค่หมู่บ้านเล็ก ๆ อย่างเฉิงจง ทำไมหานเหยียนจะต้องสนใจด้วยเมื่อมองดูหานเหยียนไม่มีแสดงท่าทางอะไรออกมา เจี่ยงหลานก็รีบพูดต่อว่า "ถ้าเธอคิดที่จะสร้างหมู่บ้านเฉิงจงล่ะก็ ฉันขอเตือนเธอให้รีบทำสิ่งนี้ให้สำเร็จโดยเร็ว เพราะถ้าหานซานเฉียนมันทำสำเร็จก่อนล่ะก็ หมู่บ้านเฉิงจงก็จะตกไปเป็นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว สำหรับเธอแล้วคงจะไม่เป็นเรื่องดีเท่าไรสินะ" หานเหยียนยังคงเงียบอยู่ แต่เห็นได
“เว้นแต่จะมีการต่อสู้กันจริง ไม่มีใครสามารถคาดเดาผลที่ตามมาได้ แต่ในการต่อสู้จริงนั้น หากฉีฮู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตี้หยาง ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงมาก" หานซานเฉียนพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาเกือบจะเอาชีวิตตัวเองเพื่อแลกกับฉีฮู่มา แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมฉงหยางถึงเปลี่ยนใจ แต่ในตอนนั้นชีวิตของหานซานเฉียนถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย ดังนั้นเขาไม่ได้ต้องการให้ฉีฮู่เป็นเพียงแค่ผู้เบิกทางที่สำคัญคือฉีฮู่ยังต้องเติบโตขึ้นอีก ต่อไปจะได้สามารถช่วยหานซานเฉียนได้มากขึ้น ดังนั้นในช่วงนี้เขาจะไม่มีทางให้ฉีฮู่ต้องตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาดที่หานซานเฉียนต้องหาคนมีฝีมือมาคอยคุ้มกัน ก็เพราะคนของหานเหยียน แต่ตอนนี้เขามีอีกหนึ่งทางออก นั่นก็คือเรือนจำตี้ชินนานมากแล้วที่ตี้สู่ไม่ได้ส่งข่าวคราวมา เป็นตายร้ายดีอย่างไรเขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่า หานเทียนหยางยังมีชีวิตอยู่ในเรือนจำตี้ชินหรือไม่ เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะหาทางเข้าไปในเรือนจำตี้ชินนั้นด้วยตัวเอง ในเวลานั้น ฉีฮู่จะมีประโยชน์กับเขาอย่างมากผู้พูดไม่ได้ตั้งใจ แต่ผู้ฟังสนใจ ม่อหยางเขียนคำเหล่านี้อย่างเงียบ ๆ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าการอ้างสิทธิ์โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจาก
กลับมาที่โรงแรม ฉินโหรวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปเดินชอปปิ้ง เธอชอบร้านอาหารริมทางในหยุนเฉิงมาก ที่นี่สามารถพบกับอาหารรสเลิศมากมายทุกครั้งที่มาหยุนเฉิง เธอจะชอบออกมาเดินเลือกหาของกินที่เธอชอบที่นี่ยังไม่ถึงสองทุ่มครึ่ง ฉินโหรวได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนร่วมงานคนนั้น โดยบอกว่าคืนนี้ต้องใส่ชุดทำงานของพวกเธอไป สิ่งนี้ทำให้ฉินโหรวไม่พอใจเล็กน้อย แต่เพื่อเงิน ก็ควรทำตามคำร้องขอของลูกค้า ฉินโหรวกลับมาที่โรงแรมหลังจากกินอิ่ม แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าก็ปาเข้าไปสองทุ่มครึ่งแล้ว จึงรีบโทรเรียกแท็กซี่ไปส่งที่ไนท์คลับเมจิกซิตี้ทางเข้าไนท์คลับมีคนคิวยาวมาก ถ้าไม่ถึงสามทุ่ม จะไม่อนุญาตให้ลูกค้าเข้า ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นผู้ชาย ดูเหมือนว่าพวกเขาเหล่านั้นมีจินตนาการมากมายเกี่ยวกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหานซานเฉียนนั่งอยู่บนชั้นสอง VIP ที่นี่จะไม่เปิดให้ลูกค้าใช้บริการ มีเพียงแค่หานซานเฉียนมาเท่านั้น ที่นี่ถึงจะเปิดให้ใช้บริการ"พี่ใหญ่ม่อ คนที่พวกเราจ้างมาถึงแล้ว ให้พวกเธอเข้ามาเลยไหมครับ?" หลินหย่งถามม่อหยางที่ยืนอยู่ด้านหลังหานซานเฉียนขึ้นมา"ให้พวกเธอเข้ามาได้ ดูสิว่าจะถูกใจพี่
สำหรับสาวพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินนั้น เป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการกับคนพวกนี้ที่มีความคิดสกปรกอยู่ในหัว เพราะพวกเธอทำงานในแวดวงการบริการ ผู้ชายพวกนี้ต้องการใช้ประโยชน์จากพวกเธอ หากพวกเธอไม่สมัครใจ พวกเขาจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยแน่นอน แต่ละคนก็มีเป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อยู่ที่ว่าพวกเธอจะเลือกปฏิบัติอย่างไร แม้ว่าพวกเธอจะถูกว่าจ้างด้วยเงิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะทำเพื่อเงินเท่านั้น หรือบางคนอาจทำเพราะเบื่อชีวิตที่ซ้ำซากจำเจ ผู้หญิงก็เป็นคนเหมือนกัน ก็แค่อยากจะเพิ่มสีสันให้ชีวิตกันบ้างข้อกำหนดในการเลือกคู่ครองของฉินโหรวนั้นสูงมาก ดังนั้นในสายตาของเธอไม่เคยคิดแลตามองผู้ชายพวกนี้ในไนท์คลับ หลังจากจัดการกับแมลงวันพวกนั้นแล้ว เธอกลับไปที่บูธเพื่อจะพักผ่อน ในขณะเดียวกัน เพื่อนร่วมงานอีกคนก็อยู่กับเธอด้วย"เฉินเหมี่ยว ทำไมเธอไม่ไปสนุกกับพวกนั้นล่ะ ฉันเห็นพวกนั้นดูสนุกกันจะตาย" ฉินโหรวมองไปที่ฟลอร์เต้นรำและถามเฉินเหมี่ยว เพื่อนร่วมงานแต่ละคนถูกรายล้อมไปด้วยผู้ชายสามสี่คน และดูเหมือนพวกเธอจะไม่กังวลว่าจะถูกลวนลามอะไรเลย แถมดูท่าทางมีความสุขมากเฉินเหมี่ยวจับขาของเธอชิดเข้าด้วย