"สามารถร่วมมือตระกูลหนันกงได้ ก็จะทำให้บริษัทของนายเจริญเติบโต จะได้ผลประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล แต่นายคงไม่คิดจะทำธุรกิจนี้เพื่อผลประโยชน์ของนายเองใช่ไหม? พอนายได้เป็นเสาหลักให้กับตระกูลหนันกง ในสายตาของนาย ฉันก็ไม่มีประโยชน์แล้วใช่ไหม?" หานซานเฉียนพูดพร้อมกับยิ้มแบบรู้อะไรบางอย่างฉินหลินเริ่มกระวนกระวาย หน้าของเขาเริ่มมีเหงื่อไหลออกมาเล็กน้อย พร้อมกับก้มหัวลงและพูดว่า"ท่านหาน ฉินหลินไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น ฉินหลินที่มีทุกอย่างในวันนี้ได้ ก็เพราะท่านหานเป็นผู้ให้โอกาส ผมจะคิดทำอย่างนั้นได้ยังไงครับท่าน""ผมสาบานได้ว่า ผมไม่เคยคิดร้ายกับท่านอย่างแน่นอน" ฉินหลินมองดูหานซานเฉียนเงียบไม่พูดอะไร แต่เขารู้ดี"คำสาบานไม่สามารถเชื่อถือได้ นายน่าจะรู้ดีกว่าฉัน คำพูดเพียงไม่กี่คำก็ใช่ว่าจะน่าเชื่อถือ?" หานซานเฉียนพูดอย่างชัดเจน"ท่านหาน! ไม่ว่าอะไรที่ท่านต้องการ ผมพร้อมรับปากจะทำให้ทุกสิ่งแม้กระทั่งชีวิตของผม ผมยินดีทำทุกอย่างครับ" ฉินหลินพูดหานซานเฉียนถอนหายใจและทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา สายาตาของเขามองตรงไปที่ฉินหลินด้วยสายตาที่ร้อนแรง และพูดว่า "นายเป็นคนระมัดระวังตัวมาก ระแวดระวังมากจนนายหาภร
หลังจากส่งหานซานเฉียนที่ห้องรับแขกแล้ว ฉินหลินก็กลับมาที่ห้องของตัวเอง เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก็ทำให้เขานอนไม่หลับ ดูเหมือนว่าสิ่งที่หานซานเฉียนได้พูดกับฉินหลินนั้น เหมือนหานเซียนเฉียนดูออกว่ามีความเป็นไปได้ที่เขาจะถูกทรยศ และยิ่งมาเจอเรื่องแบบนี้ หานเซียนเฉียนจะยิ่งไม่ไว้ใจเขาอย่างแน่นอนในการร่วมมือกันครั้งนี้ ที่ฉินหลินได้รับการยอมรับในหยันจิงก็เพราะมีตระกูลหนันกงคอยสนับสนุน และนี่คือเหตุผลที่หานซานเซี่ยนบอกว่า เขามีโอกาสที่จะหักหลังหานซานเซี่ยนความคิดนี้ไม่เคยอยู่ในหัวของฉินหลิน แต่ฉินหลินก็ไม่มั่นใจ เขาไม่รู้ว่าหากเขาทรยศหานซานเฉียนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ตระกูลหนันกงจะสามารถปกป้องเขาหรือไม่ฉินหลินไม่เคยลืมคืนวันแห่งการนองเลือดในวันนั้นเมื่อหลายสิบปีก่อน เด็กหนุ่มรูปร่างบอบบางกำลังยืนถือมีด ภาพนี้คอยวนเวียนอยู่ในหัวสมองทำให้เขาไม่สามารถลืมมันได้ และนี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะทรยศต่อหานซานเฉียน เขากลัวว่าจะเป็นเหมือนคนนั้นที่นอนจมอยู่กับกองเลือดเพราะความโลภอยากได้อยากมีของตัวเอง"ทำไมฉันต้องกลัว กับอีแค่เด็กหนุ่มคนเดียว" ฉินหลินกัดฟันพูดพร้อมกับเนื้อตัวสั่น มองไป
แท้จริงไม่มีแม้แต่หนทางที่จะสามารถเข้าไปได้ แต่เหมือนมีคนจำนวนมากเคยเดินเข้าทางนี้ จึงทำให้พอมีร่องลอยของเส้นทางอยู่บ้างด้านหน้าของหานซานเฉียนมีแต่ป่า พอจะเดาได้ว่าไม่มีใครผ่านเข้าไป ดังนั้นหานซานเฉี่ยนจึงต้องหาทางแหวกเข้าไปด้วยตนเอง ตามทางเต็มไปด้วยพุ่มหญ้ารกเต็มไปหมด ดีที่เมื่อก่อนหานซานเฉียนเคยได้รับการฝึนฝนจากยุนจุนมาบ้าง ไม่อย่างนั้นภารกิจครั้งนี้ก็ดูจะหินมากสำหรับเขาเดินไปได้ประมาณหนึ่งชั่วโมง ในป่าก็เริ่มมีแสงสว่างส่องเข้ามามากขึ้น ไม่ค่อยพุ่มหญ้าเท่าไรแล้ว แต่ก็มีความรู้สึกมีบางอย่างที่ดูผิดปกติ ต้นไม้หลายต้นเหมือนถูกตัดออก แถมไม่มีความสม่ำเสมอกันเหมือนถูกโค่นลงอย่างไรอย่างนั้น"ทำไมมีต้นไม้หลายต้นถูกทำลาย แถมดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ฝีมือของคน..." หานซานเฉียนครุ่นคิดอยู่หนึ่ง สักพักก็คิดขึ้นมาได้ว่า "หรือจะเป็นฝีมือของสัตว์ร้าย ในป่านี้ไม่น่าจะมีสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ไหม?"เตาสือเอ้อร์เดินอยู่ข้างหน้าตามทามต้นไม้ที่ถูกตัดออก แม้จะเป็นขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กมาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฟ่าเข้าไปง่าย ๆ อีกทั้งมีทั้งกิ้งไม้เล็กใหญ่ตกตามทางเป็นจำนวนมาก ปัญหาก็คือกิ่งไม้ที่หักพวกนี้ที่เป็นอ
คำพูดนี้ทำให้หานซานเฉียนและเตาสือเอ้อร์ยิ้มออกมาด้วยความกลัวเล็กน้อย ดูจากสภาพต้นไม้ที่ถูกสับเป็นท่อนขนาดนี้ ถ้าเป็นคนสภาพอวัยวะข้างในคงแหลกละเอียดแน่ ๆ ใครจะทนอยู่ได้?"วางใจเถอะ! ต้นไม้พวกนี้ไม่ใช่ถูกฉันทำลายภายในครั้งเดียว ฉันไม่ได้เก่งอย่างที่พวกนายคิดหรอก" ชายผู้นี้กล่าวอย่างถ่อมตัวแต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ง่ายที่จะผ่านด่านนี้ไปได้"ฉันพร้อมแล้ว เข้ามาสิ!" เตาสือเอ้อร์ขยับมาข้างหน้าหนึ่งขั้น ตาจ้องไปที่ชายผู้นี้แล้วพูด"เรียกฉันว่าฉีฮู่ เผื่อเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น นายก็แค่บอกชื่อของฉันให้อาจารย์หยานรู้ ฉันว่าอาจารย์ก็คงจำฉันได้" ฉีฮู่พร้อมหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หานซานเฉียนถึงกับขนลุกไปทั้งตัว และดูท่าเขาจะไม่มีทางออมมือ การมาเชิญผู้มีฝีมือออกจากเขาในครั้งนี้ หานซานเซียนคิดไม่ถึงว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ หากเตาสือเอ้อร์เป็นอะไรไป มันจะคุ้มค่ากันไหม?"หรือไม่พวกเราเป็นทำอย่างอื่น มาเล่นเกมกันไหม ถ้าพวกเราชนะ คุณก็พาพวกเราไปพบอาจารย์ของคุณ แต่ถ้าพวกเราแพ้ พวกเราก็แค่ลงเขากลับไป เป็นยังไง ?" หานซานเฉียนชักชวนฉีฮู่ฉีฮู่เพ่งดูหานซานเฉียนถามว่า "จะให้ทำอะไร?""ฉันเป็นคน
"เขาหลอกง่าย แต่อาจารย์ของเขาดูท่าทางไม่น่าจะง่าย หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี" หานซานเฉียบพูดด้วยเสียงกระซิบที่แผ่วเบา ทริกเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้คงจะใช้ได้แต่กับคนอย่างฉีฮู่ ถ้าเป็นฉงหยางคงไม่ได้ผลหลังจากเดินไปได้ไม่ถึงสิบนาที ทั้งสามคนก็หยุดอยู่หน้าถ้ำ ข้างในถ้ำลึกนี้ดูมืดมิด ทันทีที่พวกเขาหยุดอยู่ก็มีเสียงชายแก่ดังมาจากข้างใน"ฉีฮู่ ฉันให้แกไปฝึกฝนไม่ใช่หรือ? ทำไมแกถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ หรือว่าแกขี้เกียจ?""ท่านอาจารย์ มีคนแปลกหน้าสองคนเข้ามา ผมพ่ายแพ้ต่อพวกเขา ก็เลยพาพวกเขามาพบท่านครับ" ฉีฮู่กล่าวด้วยความสิ้นหวังเมื่อความเงียบปกคลุมในถ้ำชั่วขณะหนึ่ง มีชายชราคนหนึ่งค่อย ๆ เดินออกมา ท่าทางหลังค่อมเหมือนกับจะทรงตัวไม่ค่อยอยู่ฉงหยางเพ่งดูหานซานเฉียนและเตาสือเอ้อร์ แล้วหันไปพูดกับฉีฮู่ว่า "กับอีแค่คนไม่มีน้ำยาสองคน แกยังสู้ไม่ได้?ฉีฮู่ซบหน้าลงพูดว่า "ผมเล่นเป่ายิงฉุบแพ้พวกเขาครับ"เมื่อฉงหยางได้ยินอย่างนั้นแล้ว ก็ยิ้มแบบมีเลศนัย จ้องไปที่หานซานเฉียนและเตาสือเอ้อร์ พอจะรู้ว่าพวกเขามีเจตนาอะไร"คิดจะกลั่นแกล้งลูกศิษย์ฉันอย่างนั้นเหรอ?" ฉงหยางพูดอย่างเยือกเย็นการถูกจ้องมองด้
สายตาของหานซานเฉียนเริ่มเบลอ และรู้สึกเหมือนว่าหนังตาของเขาเริ่มหนักขึ้น เขามองไปที่เตาสือเอ้อร์ที่หมดสติอยู่ และจากนั้นเขาก็ได้ยินว่า "หาที่ซ่อนสักที และจัดการให้เรียบร้อย"นี่ฉันกำลังจะตายใช่ไหม?แม้ว่าหานซานเฉียนต้องการที่จะออกจากเหตุการณ์เลวร้ายในตอนนี้มาก แต่เขาไม่สามารถแม้แต่จะลืมตาได้ ดังนั้นเขาก็ล้มลงในที่สุดฉีฮู่ตั้งใจจะพาทั้งสองไปที่หน้าผา เพื่อโยนพวกเขาลงไป ที่นั่นทั้งมืดและลึกลับ เพียงไม่กี่วันคงจะกลืนกินพวกเขาจนหมดสิ้น แถมไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครเข้ามาพบ"ฉงหยาง ไม่ได้เจอกันนาน ไม่คิดว่าแกจะมาหลบซ่อนอยู่ที่นี่"ขณะที่ฉงหยางกำลังจะกลับเข้าไปในถ้ำ มีเสียงที่เขาไม่ได้ยืนมานานหลายปี แต่รู้สึกคุ้นเคยมากดังขึ้นข้างหูของเขาร่างกายฉงหยางรู้สึกเริ่มเกร็ง ค่อย ๆ หันมามองเงานั้นอย่างช้า ๆเขา…ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้!"กับอีแค่คนแก่ธรรมดาหนึ่งคน ตายสะเถอะ!" ฉีฮู่ไม่ลังเลที่จะพุ่งใส่ฉงหยางตะโกนด้วยเสียงดัง "ฉีฮู่! ยั้งมือไว้ก่อน"แต่สายเกินไป ฉีฮู่พุ่งตัวมาไวมากเกินกว่าที่จะหยุดเขาได้"ไหนล่ะคน!" ทั้ง ๆ ที่เห็นคนยืนอยู่ จู่ ๆ หายไปไหนกัน ฉีฮู่รู้สึกประหลาดใจทันใดนั้น ฉี
“ถ้านายไม่สะดวกจะไปช่วยเขา ฉันสามารถให้ฉีฮู่ติดตามเขาลงเขาไป แต่นายต้องไว้ชีวิตฉีฮู่” ฉงหยางให้ข้อเสนอได้ยินข้อเสนอนี้ หยันจุนก็หยุดชะงักอยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เพ่งมองไปที่ฉงหยางฉงหยางรู้สึกเสียวหนังหัวมาก สายตาของหยานจุนที่จ้องมองเขาราวกับอยากจะถลกหนังเขาออกมาอย่างไรอย่างนั้น“ฉันรับปาก ฉีฮู่จะไม่มีวันทรยศหักหลังเขา ฉันเลี้ยงดูฉีฮู่มาตั้งแต่เล็กจนโต เขาเชื่อฟังคำสั่งฉัน ต่อให้ฉันจะสั่งให้เขาไปตาย เขาก็จะทำตามนั้นอย่างแน่นอน” ฉงหยางรับปาก“ไม่พบกันตั้งหลายปี นายไม่คิดจะดวลกับฉันสักตั้งหรือไง?” หยานจุนกล่าว“ไม่คิด” ฉงหยางตอบอย่างไม่ลังเล เพราะปัญหานี้สำหรับเขาแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปสู้กับคนอย่างหยานจุน นอกจากตาย ยังจะมีทางออกอื่นอีกเหรอ?หลายปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ฉงหยางไม่เคยคิดที่จะเอาชนะหยานจุน แต่การที่จะชนะหยานจุนได้ เขารู้ตัวเองดีว่าคงเป็นได้แค่ในความฝันเท่านั้น"ดูเหมือนว่าที่นี่ทำให้นายควบคุมตัวเองได้มาก เมื่อก่อนนายดูหยิ่งมากเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน" หยานจุนกล่าวเมื่อก่อนฉงหยางเป็นคนหยิ่งผยองมาก ครั้งแรกที่เขาและหยานจุนได้พบกัน เขาไม่เคยเห็นหยานจุนอยู่ในสายตา กระ
หานซานเฉียนแทบไม่อยากจะเชื่อ.เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทำไมช่างดูแตกต่างจากตอนนั้นโดยสิ้นเชิง ทำให้หานซานเฉียนสงสัยว่า หรือเขาอาจจะเป็นคนสองบุคลิก ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?ก่อนหน้าที่ยังอยากจะฆ่าเขากับเตาสือเอ้อร์ แต่มาตอนนี้ จะให้เขาพาฉีฮู่กลับไปด้วย ฟังดูแปลกชอบกลเมื่อเตาสือเอ้อร์รู้สึกตัวขึ้น หานซานเฉียนรู้สึกไม่สบายใจ จึงพาเตาสือเอ้อร์เดินออกมาจากถ้ำ“พี่ซานเฉียน เกิดอะไรขึ้น?” เตาสือเอ้อร์ถามด้วยความสงสัย ตอนที่ถูกฉีฮู่ทำร้ายในตอนนั้น เขาคิดว่าต้องตายแน่ แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับตาลปัตร เตาสือเอ้อร์ยังจำสิ่งที่ฉงหยางได้ดูถูกเหยียดหยามพวกเขาในตอนนั้นได้ แต่เดี๋ยวนี้ฉงหยางดูควบคุมอารมณ์ได้ดี“ฉันก็รู้สึกแปลก ๆ ฉงหยางตอนนั้นกับตอนนี้ ดูเหมือนไม่ใช่คนเดียวกัน คนแก่หัวร้อนคนนี้ คงไม่น่าจะเป็นคนสองบุคลิกใช่ไหม?” หานซานเฉียนถามกลับเตาสือเอ้อร์เคยติดต่อกับฉงหยางบ้างเป็นครั้งคราว แต่เขาก็ไม่เคยรู้อะไรมากเกี่ยวกับคน ๆ นี้ เขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วฉงหยางเป็นคนแบบไหนกันแน่ เขาเลยไม่กล้าที่จะยืนยัน“พี่ซานเฉียน ถ้างั้นเรารีบออกจากที่นี่กันเถอะ! ผมเป็นห่วงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอ