หลังจากลงจากรถมา หานซานเฉียนก็ได้โทรหาฉินหลิน และเมื่อเขาอยู่ที่หน้าประตูนั้น บอดี้การ์ดทุกคนก็หยุดนิ่ง นี่ไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับคนธรรมดาทั่วไป ที่จะสามารถเข้ามาในที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ นอกจากเจ้าของ หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ขณะที่คนขับแท็กซี่มองดูหานซานเฉียนยืนอยู่ที่หน้าประตูในตอนนั้น เขาก็แอบยิ้มและพูดกับตัวเองว่า "อากาศก็หนาว แถมลมก็แรงขนาดนี้ ฉันจะรอดูว่านายจะอดทนรอได้นานแค่ไหน"บอดี้การ์ดมองดูหานซานเฉียนด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม เพราะพวกเขาเจอกับสถานการณ์แบบนี้กันมาเยอะแล้ว ที่มีคนมายืนอยู่ที่หน้าประตูนี้ เพราะคิดว่าตัวเองแน่ แต่ไม่เคยมีใครที่จะมาตอนเวลากลางคืนขนาดนี้ ใช่! พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน และนี่ทำให้พวกเขาคิดว่าหานซานเฉียนต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ“น้องชาย นายมารอใครที่นี่ ตอนนี้เวลานี้ เจ้านายที่อยู่ข้างในไม่มีใครออกมาเจอนายหรอก” บอดี้การ์ดพยายามอธิบายให้หานซานเฉียนฟัง“ฉันมาหาฉินหลิน เขาใกล้จะออกมาแล้ว” หานซานเฉียนบอกพอได้ยินชื่อฉินหลิน บอดี้การ์ดก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ฉินหลินเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งในย่านหัวไห่ และเป็นคนที่เข้าหาได้ยากมาก แล้วทำไม
"สามารถร่วมมือตระกูลหนันกงได้ ก็จะทำให้บริษัทของนายเจริญเติบโต จะได้ผลประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล แต่นายคงไม่คิดจะทำธุรกิจนี้เพื่อผลประโยชน์ของนายเองใช่ไหม? พอนายได้เป็นเสาหลักให้กับตระกูลหนันกง ในสายตาของนาย ฉันก็ไม่มีประโยชน์แล้วใช่ไหม?" หานซานเฉียนพูดพร้อมกับยิ้มแบบรู้อะไรบางอย่างฉินหลินเริ่มกระวนกระวาย หน้าของเขาเริ่มมีเหงื่อไหลออกมาเล็กน้อย พร้อมกับก้มหัวลงและพูดว่า"ท่านหาน ฉินหลินไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น ฉินหลินที่มีทุกอย่างในวันนี้ได้ ก็เพราะท่านหานเป็นผู้ให้โอกาส ผมจะคิดทำอย่างนั้นได้ยังไงครับท่าน""ผมสาบานได้ว่า ผมไม่เคยคิดร้ายกับท่านอย่างแน่นอน" ฉินหลินมองดูหานซานเฉียนเงียบไม่พูดอะไร แต่เขารู้ดี"คำสาบานไม่สามารถเชื่อถือได้ นายน่าจะรู้ดีกว่าฉัน คำพูดเพียงไม่กี่คำก็ใช่ว่าจะน่าเชื่อถือ?" หานซานเฉียนพูดอย่างชัดเจน"ท่านหาน! ไม่ว่าอะไรที่ท่านต้องการ ผมพร้อมรับปากจะทำให้ทุกสิ่งแม้กระทั่งชีวิตของผม ผมยินดีทำทุกอย่างครับ" ฉินหลินพูดหานซานเฉียนถอนหายใจและทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา สายาตาของเขามองตรงไปที่ฉินหลินด้วยสายตาที่ร้อนแรง และพูดว่า "นายเป็นคนระมัดระวังตัวมาก ระแวดระวังมากจนนายหาภร
หลังจากส่งหานซานเฉียนที่ห้องรับแขกแล้ว ฉินหลินก็กลับมาที่ห้องของตัวเอง เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก็ทำให้เขานอนไม่หลับ ดูเหมือนว่าสิ่งที่หานซานเฉียนได้พูดกับฉินหลินนั้น เหมือนหานเซียนเฉียนดูออกว่ามีความเป็นไปได้ที่เขาจะถูกทรยศ และยิ่งมาเจอเรื่องแบบนี้ หานเซียนเฉียนจะยิ่งไม่ไว้ใจเขาอย่างแน่นอนในการร่วมมือกันครั้งนี้ ที่ฉินหลินได้รับการยอมรับในหยันจิงก็เพราะมีตระกูลหนันกงคอยสนับสนุน และนี่คือเหตุผลที่หานซานเซี่ยนบอกว่า เขามีโอกาสที่จะหักหลังหานซานเซี่ยนความคิดนี้ไม่เคยอยู่ในหัวของฉินหลิน แต่ฉินหลินก็ไม่มั่นใจ เขาไม่รู้ว่าหากเขาทรยศหานซานเฉียนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ตระกูลหนันกงจะสามารถปกป้องเขาหรือไม่ฉินหลินไม่เคยลืมคืนวันแห่งการนองเลือดในวันนั้นเมื่อหลายสิบปีก่อน เด็กหนุ่มรูปร่างบอบบางกำลังยืนถือมีด ภาพนี้คอยวนเวียนอยู่ในหัวสมองทำให้เขาไม่สามารถลืมมันได้ และนี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะทรยศต่อหานซานเฉียน เขากลัวว่าจะเป็นเหมือนคนนั้นที่นอนจมอยู่กับกองเลือดเพราะความโลภอยากได้อยากมีของตัวเอง"ทำไมฉันต้องกลัว กับอีแค่เด็กหนุ่มคนเดียว" ฉินหลินกัดฟันพูดพร้อมกับเนื้อตัวสั่น มองไป
แท้จริงไม่มีแม้แต่หนทางที่จะสามารถเข้าไปได้ แต่เหมือนมีคนจำนวนมากเคยเดินเข้าทางนี้ จึงทำให้พอมีร่องลอยของเส้นทางอยู่บ้างด้านหน้าของหานซานเฉียนมีแต่ป่า พอจะเดาได้ว่าไม่มีใครผ่านเข้าไป ดังนั้นหานซานเฉี่ยนจึงต้องหาทางแหวกเข้าไปด้วยตนเอง ตามทางเต็มไปด้วยพุ่มหญ้ารกเต็มไปหมด ดีที่เมื่อก่อนหานซานเฉียนเคยได้รับการฝึนฝนจากยุนจุนมาบ้าง ไม่อย่างนั้นภารกิจครั้งนี้ก็ดูจะหินมากสำหรับเขาเดินไปได้ประมาณหนึ่งชั่วโมง ในป่าก็เริ่มมีแสงสว่างส่องเข้ามามากขึ้น ไม่ค่อยพุ่มหญ้าเท่าไรแล้ว แต่ก็มีความรู้สึกมีบางอย่างที่ดูผิดปกติ ต้นไม้หลายต้นเหมือนถูกตัดออก แถมไม่มีความสม่ำเสมอกันเหมือนถูกโค่นลงอย่างไรอย่างนั้น"ทำไมมีต้นไม้หลายต้นถูกทำลาย แถมดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ฝีมือของคน..." หานซานเฉียนครุ่นคิดอยู่หนึ่ง สักพักก็คิดขึ้นมาได้ว่า "หรือจะเป็นฝีมือของสัตว์ร้าย ในป่านี้ไม่น่าจะมีสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ไหม?"เตาสือเอ้อร์เดินอยู่ข้างหน้าตามทามต้นไม้ที่ถูกตัดออก แม้จะเป็นขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กมาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฟ่าเข้าไปง่าย ๆ อีกทั้งมีทั้งกิ้งไม้เล็กใหญ่ตกตามทางเป็นจำนวนมาก ปัญหาก็คือกิ่งไม้ที่หักพวกนี้ที่เป็นอ
คำพูดนี้ทำให้หานซานเฉียนและเตาสือเอ้อร์ยิ้มออกมาด้วยความกลัวเล็กน้อย ดูจากสภาพต้นไม้ที่ถูกสับเป็นท่อนขนาดนี้ ถ้าเป็นคนสภาพอวัยวะข้างในคงแหลกละเอียดแน่ ๆ ใครจะทนอยู่ได้?"วางใจเถอะ! ต้นไม้พวกนี้ไม่ใช่ถูกฉันทำลายภายในครั้งเดียว ฉันไม่ได้เก่งอย่างที่พวกนายคิดหรอก" ชายผู้นี้กล่าวอย่างถ่อมตัวแต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ง่ายที่จะผ่านด่านนี้ไปได้"ฉันพร้อมแล้ว เข้ามาสิ!" เตาสือเอ้อร์ขยับมาข้างหน้าหนึ่งขั้น ตาจ้องไปที่ชายผู้นี้แล้วพูด"เรียกฉันว่าฉีฮู่ เผื่อเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น นายก็แค่บอกชื่อของฉันให้อาจารย์หยานรู้ ฉันว่าอาจารย์ก็คงจำฉันได้" ฉีฮู่พร้อมหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หานซานเฉียนถึงกับขนลุกไปทั้งตัว และดูท่าเขาจะไม่มีทางออมมือ การมาเชิญผู้มีฝีมือออกจากเขาในครั้งนี้ หานซานเซียนคิดไม่ถึงว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ หากเตาสือเอ้อร์เป็นอะไรไป มันจะคุ้มค่ากันไหม?"หรือไม่พวกเราเป็นทำอย่างอื่น มาเล่นเกมกันไหม ถ้าพวกเราชนะ คุณก็พาพวกเราไปพบอาจารย์ของคุณ แต่ถ้าพวกเราแพ้ พวกเราก็แค่ลงเขากลับไป เป็นยังไง ?" หานซานเฉียนชักชวนฉีฮู่ฉีฮู่เพ่งดูหานซานเฉียนถามว่า "จะให้ทำอะไร?""ฉันเป็นคน
"เขาหลอกง่าย แต่อาจารย์ของเขาดูท่าทางไม่น่าจะง่าย หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี" หานซานเฉียบพูดด้วยเสียงกระซิบที่แผ่วเบา ทริกเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้คงจะใช้ได้แต่กับคนอย่างฉีฮู่ ถ้าเป็นฉงหยางคงไม่ได้ผลหลังจากเดินไปได้ไม่ถึงสิบนาที ทั้งสามคนก็หยุดอยู่หน้าถ้ำ ข้างในถ้ำลึกนี้ดูมืดมิด ทันทีที่พวกเขาหยุดอยู่ก็มีเสียงชายแก่ดังมาจากข้างใน"ฉีฮู่ ฉันให้แกไปฝึกฝนไม่ใช่หรือ? ทำไมแกถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ หรือว่าแกขี้เกียจ?""ท่านอาจารย์ มีคนแปลกหน้าสองคนเข้ามา ผมพ่ายแพ้ต่อพวกเขา ก็เลยพาพวกเขามาพบท่านครับ" ฉีฮู่กล่าวด้วยความสิ้นหวังเมื่อความเงียบปกคลุมในถ้ำชั่วขณะหนึ่ง มีชายชราคนหนึ่งค่อย ๆ เดินออกมา ท่าทางหลังค่อมเหมือนกับจะทรงตัวไม่ค่อยอยู่ฉงหยางเพ่งดูหานซานเฉียนและเตาสือเอ้อร์ แล้วหันไปพูดกับฉีฮู่ว่า "กับอีแค่คนไม่มีน้ำยาสองคน แกยังสู้ไม่ได้?ฉีฮู่ซบหน้าลงพูดว่า "ผมเล่นเป่ายิงฉุบแพ้พวกเขาครับ"เมื่อฉงหยางได้ยินอย่างนั้นแล้ว ก็ยิ้มแบบมีเลศนัย จ้องไปที่หานซานเฉียนและเตาสือเอ้อร์ พอจะรู้ว่าพวกเขามีเจตนาอะไร"คิดจะกลั่นแกล้งลูกศิษย์ฉันอย่างนั้นเหรอ?" ฉงหยางพูดอย่างเยือกเย็นการถูกจ้องมองด้
สายตาของหานซานเฉียนเริ่มเบลอ และรู้สึกเหมือนว่าหนังตาของเขาเริ่มหนักขึ้น เขามองไปที่เตาสือเอ้อร์ที่หมดสติอยู่ และจากนั้นเขาก็ได้ยินว่า "หาที่ซ่อนสักที และจัดการให้เรียบร้อย"นี่ฉันกำลังจะตายใช่ไหม?แม้ว่าหานซานเฉียนต้องการที่จะออกจากเหตุการณ์เลวร้ายในตอนนี้มาก แต่เขาไม่สามารถแม้แต่จะลืมตาได้ ดังนั้นเขาก็ล้มลงในที่สุดฉีฮู่ตั้งใจจะพาทั้งสองไปที่หน้าผา เพื่อโยนพวกเขาลงไป ที่นั่นทั้งมืดและลึกลับ เพียงไม่กี่วันคงจะกลืนกินพวกเขาจนหมดสิ้น แถมไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครเข้ามาพบ"ฉงหยาง ไม่ได้เจอกันนาน ไม่คิดว่าแกจะมาหลบซ่อนอยู่ที่นี่"ขณะที่ฉงหยางกำลังจะกลับเข้าไปในถ้ำ มีเสียงที่เขาไม่ได้ยืนมานานหลายปี แต่รู้สึกคุ้นเคยมากดังขึ้นข้างหูของเขาร่างกายฉงหยางรู้สึกเริ่มเกร็ง ค่อย ๆ หันมามองเงานั้นอย่างช้า ๆเขา…ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้!"กับอีแค่คนแก่ธรรมดาหนึ่งคน ตายสะเถอะ!" ฉีฮู่ไม่ลังเลที่จะพุ่งใส่ฉงหยางตะโกนด้วยเสียงดัง "ฉีฮู่! ยั้งมือไว้ก่อน"แต่สายเกินไป ฉีฮู่พุ่งตัวมาไวมากเกินกว่าที่จะหยุดเขาได้"ไหนล่ะคน!" ทั้ง ๆ ที่เห็นคนยืนอยู่ จู่ ๆ หายไปไหนกัน ฉีฮู่รู้สึกประหลาดใจทันใดนั้น ฉี
“ถ้านายไม่สะดวกจะไปช่วยเขา ฉันสามารถให้ฉีฮู่ติดตามเขาลงเขาไป แต่นายต้องไว้ชีวิตฉีฮู่” ฉงหยางให้ข้อเสนอได้ยินข้อเสนอนี้ หยันจุนก็หยุดชะงักอยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เพ่งมองไปที่ฉงหยางฉงหยางรู้สึกเสียวหนังหัวมาก สายตาของหยานจุนที่จ้องมองเขาราวกับอยากจะถลกหนังเขาออกมาอย่างไรอย่างนั้น“ฉันรับปาก ฉีฮู่จะไม่มีวันทรยศหักหลังเขา ฉันเลี้ยงดูฉีฮู่มาตั้งแต่เล็กจนโต เขาเชื่อฟังคำสั่งฉัน ต่อให้ฉันจะสั่งให้เขาไปตาย เขาก็จะทำตามนั้นอย่างแน่นอน” ฉงหยางรับปาก“ไม่พบกันตั้งหลายปี นายไม่คิดจะดวลกับฉันสักตั้งหรือไง?” หยานจุนกล่าว“ไม่คิด” ฉงหยางตอบอย่างไม่ลังเล เพราะปัญหานี้สำหรับเขาแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปสู้กับคนอย่างหยานจุน นอกจากตาย ยังจะมีทางออกอื่นอีกเหรอ?หลายปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ฉงหยางไม่เคยคิดที่จะเอาชนะหยานจุน แต่การที่จะชนะหยานจุนได้ เขารู้ตัวเองดีว่าคงเป็นได้แค่ในความฝันเท่านั้น"ดูเหมือนว่าที่นี่ทำให้นายควบคุมตัวเองได้มาก เมื่อก่อนนายดูหยิ่งมากเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน" หยานจุนกล่าวเมื่อก่อนฉงหยางเป็นคนหยิ่งผยองมาก ครั้งแรกที่เขาและหยานจุนได้พบกัน เขาไม่เคยเห็นหยานจุนอยู่ในสายตา กระ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ