เมื่อเจี่ยงหลานเห็นซูหยิงเซี่ยกดหมายเลขโทรศัพท์ของหานซานเฉียน เธอก็กระวนกระวายใจราวกับมดที่อยู่บนกระทะร้อนและพูดว่า “หยิงเซี่ย ลูกจะโทรหาเขาให้เสียเวลาทำไม ถ้าหากไอ้อ้วนนั่นกลับมาเร็ว ๆ นี้ล่ะพวกเราจะทำยังไง”“แม่ไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะ ทุกคนก็ควรจะเงียบด้วยเหมือนกัน” ซูหยิงเซี่ยขึ้นเสียงและพูดอย่างหมดความอดทนหลิวฮวาจ้องมองไปที่ซูหยิงเซี่ย เด็กผู้หญิงคนนี้มีอารมณ์โกรธที่รุนแรงจริง ๆ แต่เมื่อคิดถึงชายอ้วนที่ต้องการให้ซูหยิงเซี่ยอยู่กับเขาทั้งคืน เพื่อแลกกับการปล่อยเจี่ยงเฉิง เธอก็ดูไม่ได้ใส่ใจอะไรราวกับว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอหลังจากที่หานซานเฉียนรับสาย เธอรีบถามทันทีว่า “ซานเฉียน คุณอยู่ที่ไหน?”หานซานเฉียนที่เพิ่งทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปได้หนึ่งคำก็พูดตอบกลับมา “ผมอยู่ที่บ้าน”“คุณ...ฉันกำลังมีปัญหา คุณมาช่วยฉันหน่อยได้หรือเปล่า” ซูหยิงเซี่ยพูดออกมาอย่างรู้สึกผิด เนื่องจากไม่ได้พาเขามาทานข้าวข้างนอกด้วยกัน พอเวลามีปัญหาก็นึกถึงเขาทันที เป็นเพราะเจี่ยงหลานคนเดียว ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอ ก็คงไม่ต้องทิ้งหานซานเฉียนไว้ที่บ้านเพียงลำพังแบบนี้“ได้ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” หานซานเฉียนพูดอย่างไม
ชายร่างอ้วนเริ่มหายใจอย่างแผ่วเบาเหมือนคนใกล้ตาย จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้ไม่ใช่คนที่เขาจะล่วงเกินได้ท่าทีของหลินหย่งที่มีต่อเขาดูเคารพน้อบน้อมอย่างมาก แสดงให้เห็นว่าสถานะของเขาสูงกว่าหลินหย่งแน่ แต่น่าเสียดายที่สถานะของชายร่างอ้วนในตอนนี้ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าหานซานเฉียนผู้นี้เป็นใครและแน่นอนว่า เขาก็คงคิดไม่ถึงว่าคนที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ คือลูกเขยที่ไร้ค่าของตระกูลซูผู้โด่งดังในเมืองหยุนเฉิงที่ห้องอาหารอีกห้องหนึ่ง เจี่ยงหลานกำลังวิตกกังวลใจเมื่อไม่เห็นว่าหานซานเฉียนปรากฏตัวสักที“หยิงเซี่ย แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าหานซานเฉียนไว้ใจไม่ได้ แม้ว่ามันจะนั่งแท็กซี่มาแต่ก็ควรจะถึงที่นี่ได้แล้ว บางทีตอนนี้มันอาจจะซ่อนตัวอยู่ที่บ้านไม่กล้าออกมาข้างนอกก็ได้ ทำไมลูกถึงกล้าที่จะเชื่อมันอยู่อีก?” เจี่ยงหลานพูด“เป็นเพราะเธอเชื่อใจไอ้เศษขยะนั่น พวกเราก็เลยต้องมาติดร่างแหไปด้วย” เจี่ยงเฉิงพูดออกมาอย่างไม่อายปาก ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ต้นเหตุเกิดมาจากเขา แต่ว่าตอนนี้เขากลับโยนความผิดไปที่ซูหยิงเซี่ยกับหานซานเฉียน“เจี่ยงหลาน เธอรีบคิดหาวิธ
ที่หน้าประตูโรงแรม คนสองกลุ่มต่างแยกย้ายกัน ก่อนที่หลิวฮวาจะจากไปเธอก็พูดขึ้นว่า “เจี่ยงหลาน ฉันจะพาเจี่ยงเฉิงไปโรงพยาบาลก่อน ส่วนเรื่องเงิน พรุ่งนี้พวกเราค่อยไปหาเธออีกครั้งนะ”หลังจากนั้นทั้งสามสามก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เจี่ยงหลานได้พูดตอบ“เจี่ยงเฉิง ลูกไม่บาดเจ็บอะไรตรงไหนมากใช่ไหม ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมาก พวกเราก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก เสียเงินเปล่า ๆ” หลังจากเดินออกมาได้สักพัก หลิวฮวาก็ถามเจี่ยงเฉินขึ้นทันทีแม้ว่าเจี่ยงเฉิงจะโดนทุบตีอย่างรุนแรง แต่ก็ได้รับบาดเจ็บแค่บริเวณผิวหนังเท่านั้น ซึ่งมันไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไร จะไปหรือไม่ไปโรงโรงพยาบาลเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาเป็นกังวลมากกว่า“พ่อครับ พรุ่งนี้ให้น้าเตรียมเงินให้เลยได้ไหมครับ พอได้เงินแล้วพวกเราก็จะได้รีบกลับกันเลย”“น้าลูกบอกเอาไว้แล้วไงว่าการถอนเงินมันต้องใช้เวลา ไม่ต้องห่วงไปหรอก ภายในวันสองวันนี้เราก็คงได้เงินแล้ว” เจี่ยงเฟิงกวางพูด“พ่อครับ พ่อคิดว่าไอ้อ้วนพวกนั้นมันจะหกล้มจริง ๆ เหรอ? ต้องเป็นหานซานเฉียนที่เรียกพวกนักเลงมาจัดการมันแน่ ๆ คืนนี้ไอ้อ้วนมันเสียเปรียบเพราะคนของมันไม่พอ พ่อคิด
เมื่อซูหยิงเซี่ยกลับมาที่ห้อง หานซานเฉียนเพิ่งจะทานบะหมี่เสร็จและกำลังจะออกไปทิ้งขยะ ก็พบซูหยิงเซี่ยยืนขวางทางอยู่“เดี๋ยวฉันเอาขยะไปทิ้งให้คุณเอง”หานซานเฉียนยังไม่ทันจะทำหรือตอบกลับอะไร ซูหยิงเซี่ยก็คว้าเอาไปแล้วเมื่อเขาเห็นซูหยิงเซี่ยมีท่าทีอึดอัดใจ หานซานเฉียนก็หัวเราะและถามว่า “คุณมีอะไรอยากจะบอกผมไหม?”ซูหยิงเซี่ยก้มหัวลงเล็กน้อย เงินสองแสนหยวนสำหรับแม่ของเธอนั้น เธอไม่สามารถเอาเงินจากในบริษัทมาได้ ญาติทุกคนในตระกูลซู รวมถึงคุณย่า ทุกคนต่างคิดว่าเธอยักยอกเงินในบริษัทมาซื้อรถคันใหม่ แต่เธอไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นอย่างแน่นอนดังนั้นตอนให้สัญญากับแม่ ซูหยิงเซี่ยก็คิดดีแล้วว่ามีเพียงวิธีเดียวคือขอยืมเงินหานซานเฉียน“คืนนี้คุณขึ้นไปนอนบนเตียงเถอะ ฉันอยากนอนพื้นข้างล่าง” ซูหยิงเซี่ยพูดหานซานเฉียนฝืนยิ้มมองไปที่ซูหยิงเซี่ยและพูดว่า “ถ้าคุณอยากจะพูดอะไร ก็พูดออกมาเถอะ”นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่ซูหยิงเซี่ยเปิดปากคุยกับหานซานเฉียนเกี่ยวกับเรื่องเงิน เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดอย่างไร ในลำคอของเธอเหมือนมีก้อนหินอุดเอาไว้อยู่“ต้องการเงินสองแสนหยวนใช่ไหม?” เมื่อเห็นว่าซูหยิงเซี่ยไ
ภายในห้องนั่งเล่น หานซานเฉียนนอนขดตัวอยู่บนโซฟา ในใจคิดว่าผู้หญิงคนนี้ช่างเปลี่ยนหน้าเร็วจริง ๆ เมื่อครู่กำลังพูดถึงการนอนบนเตียงแท้ ๆ แล้วทำไมเขาต้องมาอาศัยโซฟาเพื่อความอยู่รอดแบบนี้ด้วยผู้หญิงคือเสือที่ดุร้ายจริง ๆ สินะวันรุ่งขึ้น หลังจากหานซานเฉียนพาซูหยิงเซี่ยไปส่งที่บริษัท เขาก็ไปที่ธนาคารรอคิวอยู่ตั้งนาน ในที่สุดก็ถึงหมายเลขของเขา แต่พนักงานกลับบอกว่าหากต้องการถอนเงินสดสองแสนหยวนจะต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าก่อน พนักงานหญิงตรงเคาน์เตอร์มองบัตรเครดิตในมือของเขาและส่ายหัว เธอไม่รู้ว่าคนบ้านนอกคอกนาคนนี้มาจากไหน แม้แต่ระเบียบข้อบังคับขั้นต้นนี้ก็ยังไม่รู้เรื่อง“บัตรเครดิตของผมไม่จำเป็นต้องนัดหมายไม่ใช่เหรอ?” หานซานเฉียนถามการที่หานซานเฉียนไม่ไปที่ห้อง VIP โดยตรง ก็ถือว่าเป็นการถ่อมตนมากพอแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าต้องมาโดนพนักงานดูถูกแบบนี้“บัตรเครดิตของคุณใบนี้มีสิทธิพิเศษอะไรเหรอคะ?” พนักงานหญิงหัวเราะออกมา เธอทำงานที่นี่มาจะครึ่งปีแล้วแต่ไม่เคยเห็นรูปแบบบัตรเครดิตที่อยู่ในมือของหานซานเฉียนมาก่อนเลย เธอถึงขั้นสงสัยด้วยซ้ำว่าหานซานเฉียนมาผิดธนาคารหรือเปล่า“ให้ประธานธนาคารของพว
หานซานเฉียนยังไม่ถึงบ้าน ซูหยิงเซี่ยก็โทรมาหาเพื่อบอกว่าครอบครัวของหลิวฮวามาถึงที่บ้านแล้ว เจี่ยงหลานเร่งให้ซูหยิงเซี่ยรีบหาวิธีเอาเงินกลับมาบ้านให้เร็วที่สุด“ผมถอนเงินเสร็จแล้ว กำลังจะกลับบ้าน” หานซานเฉียนพูดในเรื่องนี้ซูหยิงเซี่ยเองก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องเมื่อวานที่ไปทานอาหารที่โรงแรมแต่ไม่ได้พาเขาไปด้วย ปล่อยให้เขาอยู่บ้านเพียงคนเดียวและต้องทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แถมยังรบกวนให้เขาไปที่โรงแรมเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้อีก“คืนนี้คุณไม่ต้องทำอาหารที่บ้านนะ” ซูหยิงเซี่ยพูดหานซานเฉียนหัวเราะและพูดออกมาว่า “ถ้าผมไม่ทำอาหาร แล้วพ่อกับแม่จะทานอะไรล่ะ?”“พวกเขาไม่มีมือทำเองเหรอ ปล่อยให้พวกเขาหากินกันเอาเองสิ” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างขุ่นเคือง“งั้นก็ได้”เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลิวฮวาเห็นกระเป๋าในมือของหานซานเฉียน เธอตัดสินเอาเองว่ามันคือกระเป๋าเงิน ก่อนที่หานซานเฉียนจะมอบมันให้กับเธอ เธอก็อดไม่ไหวที่จะคว้ามันมาเอง และแอบมองเงินในกระเป๋าอย่างเงียบ ๆ ภายในมีธนบัตรสีแดงสวยสดงดงาม จากนั้นสีหน้าของเธอก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่ตื่นเต้น"ไปไหนมา ทำไมถึงได้ล่าช้าแบบนี้" หลิวฮวากล่าวโทษหานซ
วินาทีแรกที่หลิวฮวาลืมตาขึ้นมา เธอเอามือกอดอกและพบว่าในอ้อมแขนนั้นว่างเปล่า เธอจึงได้สติขึ้นมาทันที “เงิน เงินของฉัน เงินของฉันอยู่ที่ไหน” หลิวฮวาตะโกนด้วยความตกใจจนหน้าถอดสี เจี่ยงเฟิงกวางและเจี่ยงเฉิงทั้งสองตื่นตัวอย่างที่สุดราวกับถูกฉีดฮอร์โมน “คุณถือไว้ไม่ใช่เหรอ จะหายไปได้ยังไง” “แม่ ไหนแม่บอกว่าจะไม่หลับไง แล้วเงินล่ะ นั่นเงินแต่งเมียของผมนะ” เจี่ยงเฉิงพูดอย่างเจ็บปวด หลิวฮวาคว้าคอเสื้อของคนขับรถแล้วพูดว่า “เงินฉันหายก็เพราะนั่งรถคุณ คุณต้องชดใช้ให้ฉัน ชดใช้ฉันมาสองแสน!” สถานีรถเกิดความโกลาหลขึ้น แม้แต่หัวหน้าสถานีก็ยังตกใจกับระดับความเอะอะโวยวายของครอบครัวสามคนนี้ พวกเขายืนกรานจะให้ทางสถานีรถชดใช้เงินสองแสนคืนให้ได้ หลิวฮวาถึงกับวิ่งไปที่โถงขายตั๋ว และเกลือกกลิ้งร้องไห้ฟูมฟายกับพื้น สุดท้ายทางสถานีรถก็ต้องโทรแจ้งความ เมื่อพาคนทั้งสามออกไปแล้วเหตุการณ์จึงสงบลง หานซานเฉียนได้รับโทรศัพท์จากหลินหย่ง ในขณะที่รอซูหยิงเซี่ยเลิกงาน “พี่ซานเฉียน ได้เงินมาแล้วเอายังไงต่อดีครับ” หลินหย่งเอ่ยถาม “ให้พวกเขาไปแบ่งกัน ถือเป็นค่าตอบแทนสำหรับพวกเขา” หานซานเฉียนกล่าว แม้ว่าเ
“คุณผู้หญิง กรุณาอย่าเข้ามาก่อความวุ่นวายที่นี่ คุณไม่เห็นสถานการณ์ตอนนี้เหรอคะ เราจะเอาที่นั่งที่ไหนให้คุณ ถ้าคุณเต็มใจรอก็รอ แต่ถ้าไม่เต็มใจก็ไปเถอะค่ะ พวกเราขาดลูกค้าอย่างคุณไปสักคนก็ไม่เป็นไร” แคชเชียร์พูดด้วยท่าทีจองหอง ซูหยิงเซี่ยโกรธจนอยากจะตบคน นี่มันตรรกะอะไรกัน หรือว่ามีลูกค้าเยอะจนไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงการบริการลูกค้าแล้วเหรอ? ในเมื่อเป็นการจองที่นั่งล่วงหน้าก็ควรจะมีกฎในการจองสิ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ซูหยิงเซี่ยแค่ต้องการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตัวเอง แต่หล่อนกลับพูดเหมือนเธอมีเจตนาก่อความวุ่นวาย! “ฉันไม่ไป เธอจะทำอะไรฉันได้?” ซูหยิงเซี่ยเท้าสะเอวพูด หานซานเฉียนเห็นท่าทีเช่นนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ เธอคิดหาวิธีที่โหดกว่านี้ไม่ได้แล้วเหรอ การพูดว่าไม่ไปมันดูเหมือนคำพูดที่เด็ก ๆ พูดกัน “รปภ. มีคนสร้างปัญหาที่นี่” แคชเชียร์หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาแจ้งหน่วยรักษาความปลอดภัย เพื่อไล่ซูหยิงเซี่ยออกไปอย่างไม่ไว้หน้า เพียงไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาสามคน เรื่องที่เกิดขึ้นที่เคาน์เตอร์ดึงดูดความสนใจลูกค้าที่มารับประทานอาหารอยู่ไม่น้อย ผู้คนต่างพากันมองดูอย่างส