รู้ทั้งรู้ว่าบนเขามีเสือร้าย แต่ยังดื้อจะเดินขึ้นเขา นี่เป็นบุคลิกลักษณะอันอาจหาญอย่างหนึ่ง แต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความโง่เขลา“การมางานเลี้ยงหงเหมินครั้งนี้ ถ้าผมกินอาหารมื้อเย็นนี้ไป คุณรู้ไหมว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง?” หานซานเฉียนถามไม่รอให้เหวินเหลียงพูดต่อ หานซานเฉียนเดินตรงไปยังคฤหาสน์ ไม่ได้ปฏิเสธที่จะซ่อน แต่ซ่อนไม่ได้เลยเหวินเหลียงเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยคบค้าสมาคมกับคนวัยรุ่นที่ทำให้คนกลัวขนาดนี้ ออร่าที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ไม่มีอะไรเทียบได้ แค่หนึ่งประโยคก็สามารถนำพาความกดดันอันยิ่งใหญ่มาให้คนได้ต่อให้เป็นเขาที่ตกลงไปอยู่ในมือลู่ซุน เหวินเหลียงคิดว่าเขาก็ไม่ตาย ถ้าอย่างนั้นตระกูลลู่ รวมถึงเขา ไม่ช้าก็เร็ว ต้องมีวันจบเห่เป็นแน่ “หวังว่านี่จะเป็นความเข้าใจผิดอย่างหนึ่งนะ” เหวินเหลียงปลอบใจตัวเอง หลังจากนั้นก็ก้าวเท้าตามหานซานเฉียนไปที่นี่เป็นคฤหาสน์ของตระกูลลู่ เวลานี้ในคฤหาสน์ ลู่เฟิง และลู่ซุนทั้งสองคนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก นอกจากนี้แล้ว ยังมีชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่อีกยี่สิบกว่าคน ดูก็รับรู้ได้ว่าเป็นเหล่าพวกสมุนตอนที่กริ่งประตูดังขึ้น ลู่ซุนพูดด
หลังจากลู่ซุนรับสายโทรศัพท์ สีหน้าก็ตกตะลึงในทันที ไม่มีคนอยู่ในโรงแรม จะไม่มีคนได้อย่างไร ข้อมูลที่อยู่ที่เขาตรวจสอบออกมานั้นถูกต้องอย่างแน่นอน เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่เจอสาเหตุเดียวก็คือ หานซานเฉียนต้องรู้ตั้งนานแล้วว่าเขาจะจัดการกับซูหยิงเซี่ย ดังนั้นจัดการพาซูหยิงเซี่ยออกไปล่วงหน้า“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าคนไร้ค่าอย่างนายจะฉลาดขนาดนี้ จัดการเอาเธอไปซ่อนไว้ตั้งนานแล้ว แต่จะมีประโยชน์อะไร” ลู่ซุนโบกมือเรียกชายฉกรรจ์รูปร่างใหญ่โตยี่สิบกว่าคน เดินไปหาหานซานเฉียนพร้อมกันหานซานเฉียนมีความสามารถในการต่อสู้ แต่มีคำโบราณบอกไว้ว่า มือดีไม่สู้สองหมัด สองหมัดยากจะสู้สี่มือ เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เยอะขนาดนี้ หานซานเฉียนมีโอกาสน้อยมากที่จะต่อต้านได้สำเร็จ นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิด ว่าลู่ซุนจะเตรียมลูกน้องมาเยอะขนาดนี้เซินเวิงอาจเปิดเผยความลับให้เหวินเหลียง เหวินเหลียงจึงเตือนคนตระกูลลู่ว่า พวกเขาจะจัดการเรื่องนี้“นายส่งโทรศัพท์ออกมาซะ หรือว่าจะรอให้ถูกคนของฉันทำร้าย แล้วฉันจะไปเอาเอง” ลู่ซุนหัวเราะแล้วพูดไป ตอนนี้หานซานเฉียนเหมือนมดตัวเล็ก ๆ ในมือเขา สามารถให้เขาหยอกเล่นได้ตามใจ ความรู้สึกชื
รอจนเหวินเหลียงออกไป ลู่เฟิงจึงกล่าวเตือนลู่ซุนว่า “อย่าลืมสิ่งที่ปู่เคยพูดไว้กับหลาน หลานอยากจะจัดการยังไงก็ได้ตามใจ แต่ห้ามฆ่าใครเด็ดขาด” ในใจลู่ซุนอยากที่จะฆ่าหานซานเฉียนมาก แต่ตอนนี้เขาทำอย่างนั้นไม่ได้ อย่างน้อยก่อนหาซูหยิงเซี่ยเจอ เขาจะสงบอารมณ์นี้ได้อย่างไร“ถ้านายอยากตาย ฉันก็ไม่สามารถทำให้นายพอใจได้ ฉันจะให้นายเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นถูกฉันเล่นสนุกยังไงบ้างเต็ม ๆ ตา นึกเหรอว่าเอาไปซ่อนแล้วฉันจะหาไม่เจอ? นายประเมินค่าความสามารถฉันในเกาะจีเหยียนต่ำไป” ลู่ซุนพูดหานซานเฉียนถูกโยนเข้าไปในห้องเก็บไวน์ของคฤหาสน์ตระกูลลู่ และได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยทีเดียว เรื่องนี้ทำให้เขาได้รับบทเรียนที่ลึกซึ้ง ไม่สามารถเชื่อคนที่ตัวเองไม่ได้สนิทด้วยเด็ดขาด“เหวินเหลียงนะเหวินเหลียง นายให้บทเรียนที่ดีกับฉันจริง ๆ”หลังจากเหวินเหลียงออกไปจากคฤหาสน์ แต่กลับไม่ได้ออกไป เขากลับนั่งอยู่บนรถแล้วโทรหาเซินเวิงหลังจากที่เซินเวิงรู้ว่าหานซานเฉียนถูกซ้อม ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะสำหรับเขาแล้ว นั่นคือสิ่งที่มันควรจะเป็น “เจ้าคนไร้ค่าถูกตีมีอะไรน่าแปลก? นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว นายไม่ต้องรวบรวมข้อมู
“แล้วตอนนี้ฉันจะทําอย่างไรดี ฉันทำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยร้องไห้อย่างกระวนกระวายใจในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของหยางเฉินก็ดังขึ้น เป็นหมายเลขของหานซานเฉียนที่โทรกลับมา หยางเฉินจึงทำท่าทางให้ซูหยิงเซี่ยเงียบเสียงทันทีหลังจากที่ซูหยิงเซี่ยระงับเสียงร้องไห้ของเธอลงแล้ว หยางเฉิงจึงได้กดปุ่มรับสายและเปิดลำโพง“คนสวย ถ้าคุณต้องการช่วยผู้ชายของคุณ ทางที่ดีก็รีบมาที่บ้านผมโดยด่วน มิฉะนั้นผมไม่สามารถรับประกันได้ว่าผมจะทําอะไรกับเขา ตอนนี้เขานอนอยู่ตรงหน้าผมเหมือนกับสุนัขที่ตายแล้ว คุณต้องการได้ยินเสียงของเขาไหม?”หลังจากที่ลู่ซุนพูดคําเหล่านี้ออกมา เขาก็เริ่มชกและเตะหานซานเฉียน จนได้ยินเสียงทุบตี แต่ไม่มีเสียงครวญครางที่เจ็บปวดจากหานซานเฉียนแม้แต่น้อย“น่าสมเพช นายมันปากแข็งนักใช่ไหม ฉันจะดูว่านายจะฝืนได้สักแค่ไหน” เดิมทีลู่ซุนต้องการให้หานซานเฉียนเปล่งเสียงออกมา เพื่อทำให้ซู่หยิงเซี่ยกังวลมากขึ้น จากนั้นก็จะเผยตัวตนออกมา แต่เขาไม่คาดคิดว่าหานซานเฉียนจะสามารถกัดฟันและอดทน แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม“เอาไม้จิ้มฟันมาให้ฉัน ฉันจะดูสิว่าเจ้าเศษสวะนี้จะทนได้นานแค่ไหน”“คนสวย
ในเวลานี้ ภายในห้องเก็บไวน์ของคฤหาสน์ตระกูลลู่ ลู่ซุนซึ่งโทรศัพท์ไม่ติดนั้นได้กัดฟันด้วยความโกรธ นิ้วทั้งสิบของหานซานเฉียนถูกไม้จิ้มฟันปักจนเลือดไหลไม่หยุด“เศษสวะ นายดูผู้หญิงของนายสิ เขาไม่ได้สนใจความเป็นความตายของนายเลยแม้แต่น้อย” ลู่ซุนเอ่ยกับหานซานเฉียนนิ้วของหานซานเฉียนเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และเสื้อผ้าของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เขาไม่เพียงแต่จ่ายราคาสําหรับการเชื่อในตัวเหวินเหลียง แต่เขายังมั่นใจในตัวเองมากเกินไป เดิมทีคิดว่าถึงแม้ว่าลู่ซุนจะทำให้ลำบาก แต่เขาก็จะมีความสามารถที่จะออกจากคฤหาสน์ได้ แต่ไม่คิดเลยว่าลู่ซุนจะเตรียมคนมากมายขนาดนี้เพื่อรับมือกับเขา"อย่าปล่อยให้ฉันมีชีวิตอยู่ มิฉะนั้นนายก็จะต้องร้องขอความตาย" หานซานเฉียนกัดฟันและพูดออกมาลู่ซุนตบหน้าหานซานเฉียน และพูดอย่างดูถูกว่า “นายดูสภาพตัวเองตอนนี้ว่าน่าสมเพชขนาดไหน ยังกล้ามาขู่ฉันอีก ความจริงก็คือ ฉันสามารถทําให้นายร้องขอความตายได้ ”“จัดการมัน”เมื่อออกจากห้องเก็บไวน์ไป ลู่ซุนไปนั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่น ในหัวของเขาเต็มไปด้วยรูปลักษณ์ของซูหยิงเซี่ย ยิ่งไขว่คว้ามาไม่ได้ เขายิ่งมีความปรารถนาที่จะได้มา มิฉะนั้นค
เขาถือนามบัตรเอาไว้ ลู่ซุนรู้สึกเหมือนได้พบกับขุมทรัพย์ ความปรารถนาของเขาที่มีต่อซูหยิงเซี่ยนั้นถึงจุดบ้าคลั่งแล้ว เพราะเขารู้ว่ามีเพียงผู้หญิงคนนี้เท่านั้นที่จะทำให้หานซานเฉียนยอมจำนนต่อหน้าเขาได้“นึกไม่ถึงว่าจะหาที่พักเป็นโฮมสเตย์เพื่อหลบซ่อนตัว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงหายากนัก แต่ตอนนี้ คุณหนีจากเงื้อมมือของผมไม่ได้แล้ว” ลู่ซุนมีรอยยิ้มที่ลามกบนใบหน้า และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสมเพช และพูดกับตัวเองต่อไปด้วยความมั่นใจ “หานซานเฉียน ตอนนี้นายยังกล้าปากแข็งอยู่ไหม ฉันจะพาผู้หญิงคนนี้มาหานายในไม่ช้านี้ แล้วจะให้นายได้เฝ้าดูฉันย่ำยีเธอ”เมื่อออกจากคลับ ลู่ซุนได้เรียกลูกน้องสองสามคนของเขา และขับรถมุ่งไปที่โฮมสเตย์ ซูหยิงเซี่ยนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของโฮมสเตย์ด้วยสีหน้าเม่อลอย เธอไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ลู่ซุนพูดผ่านทางโทรศัพท์ เพื่อทรมานหานซานเฉียน ยังดีหน่อยที่เธอเข้าใจประเด็นที่สำคัญที่สุด นั่นคือการที่เธอไปที่ตระกูลลู่นั้นไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด กลับจะเป็นการเพิ่มอันตรายให้กับตัวเธอเอง ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้แต่รอให้ม่อหยางและคนอื่
เมื่อซูหยิงเซี่ยบอกสวีถงถึงสิ่งเหล่านี้ ดวงตาของสวีถงก็เป็นประกาย ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนนี้ช่างรุนแรง ความทุ่มเทอย่างเงียบ ๆ ของหานซานเฉียนนั้นน่าประทับใจยิ่ง เพียงแค่ในคำธรรมดาเหล่านี้ สวีถงสามารถสัมผัสได้ถึงความอัปยศอดสู ที่หานซานเฉียนต้องทนทุกข์ทรมานในตระกูลซูเป็นเวลาสามปี เขาสามารถแบกรับได้ทั้งหมดซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้แต่สิ่งนี้ยังแสดงให้เห็นอย่างแน่ชัดว่า หานซานเฉียนมีความรักอย่างลึกซึ้งต่อซูหยิงเซี่ย"ทั่วทั้งหยุนเฉิงบอกว่าเขาเป็นสวะ แต่เหตุผลที่เขาอยู่ในตระกูลซูอย่างเงียบ ๆ ก็เพื่อปกป้องคุณจริง ๆ" สวีถงกล่าวซูหยิงเซี่ยพยักหน้าไม่หยุด และพูดว่า “ดังนั้นฉันจึงรู้สึกผิดต่อเขามาก ถ้าฉันรู้สึกตัวเร็วกว่านี้ เขาจะไม่ได้รับความคับข้องใจมากมายขนาดนี้”“ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลง ในตอนนี้คุณรักเขามากขนาดนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่าความทุ่มเทของเขาก็ได้รับผลตอบแทนเช่นกัน เขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ” สวีถงกล่าว ในสังคมทุกวันนี้ที่ผู้ชายเลว ๆ มีอยู่ไปทั่ว ผู้หญิงหลาย ๆ คนคงฝันที่จะมีคนที่รักพวกเขามาก ความอิจฉาภายในใจของ สวีถงนั้นไม่สามารถที่จะแสดงออกมาเป็นคำพูดได้อีกต่อไปแล
“หลังจากข่าวของภัตตาคารสุ่ยจิงแพร่ออกไป หลายคนหัวเราะเยาะเธอและหานซานเฉียน แล้วยังบอกอีกว่าเหตุการณ์นี้จงใจมุ่งเป้ามาที่พวกเธอ ไม่อย่างนั้นจะเลือกวันครบรอบแต่งงานของพวกเธอได้ยังไง คิดไม่ถึง ที่แท้ตัวเอกก็คือพวกเธอนี่เอง คนพวกนั้นที่อ่านเรื่องตลกต่างรู้ดีว่าพวกเขาจะอิจฉาจนจะบ้าตาย” สวีถงกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอก็เป็นหนึ่งในคนที่อ่านเรื่องตลก อีกทั้งอารมณ์ของเธอตอนนี้สามารถสื่อแทนคนส่วนใหญ่ ที่ดูความตื่นเต้นในคืนนั้น “เขาไม่เคยสนใจสายตาของคนนอกอยู่แล้ว และฉันก็ไม่สนเหมือนกัน” ซูหยิงเซี่ยกล่าว“แต่เธอมีสามีที่สุดยอดขนาดนี้ เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้เหรอ?” สวีถงถามด้วยความสงสัย ถ้าเป็นเธอ เธอคงอยากให้หานซานเฉียนไปเล่นเปียโนที่ห้างทุกวัน และเธอก็จะยืนอยู่ข้าง ๆ หานซานเฉียนแล้วเพลิดเพลินไปกับสายตาที่อิจฉาริษยาของผู้หญิงเหล่านั้น ซูหยิงเซี่ยส่ายหน้า และยังไม่ได้บอกตัวตนที่แท้จริงของหานซานเฉียนกับเธอ ดังนั้นซูหยิงเซี่ยจึงรู้สึกว่า เขาต้องมีเรื่องบางอย่างที่อยากทำแน่นอน และเรื่องเหล่านี้ต้องทำภายใต้เงื่อนไขที่เขาปกปิดตัวตน ซูหยิงเซี่ยจะป่าวประกาศเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร “ฉันกลัวว่าจะมีคนแ