“ลู่ซุน แกทำมากเกินไปแล้วนะ" หยางเฉินกล่าว “ฉันเกิดมาเพื่อทำสิ่งที่มากเกินไป แกไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นคนยังไง? พวกแกหยุดเล่นบ้า ๆ ได้แล้ว หลีกฉัน อัดมันให้ตายไปเลย” ลู่ซุนกล่าว เมื่อลู่ซุนสั่ง พวกอันธพาลจึงไม่กล้าที่จะล้อเล่นกับหยางเฉินอีก ต่างร่วมมือกันตรึงหยางเฉินไว้กับพื้น และแตะต่อยเขา หยางเฉินรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเผชิญกับความทรมาน และความเจ็บปวดอยู่ในนรก ในชีวิตนี้เขาไม่เคยถูกทุบตีแบบนี้มาก่อน ซูหยิงเซี่ยได้ยินเสียงร้องครวญอย่างทรมานของหยางเฉิน จึงพูดกับลู่ซุนว่า “รีบบอกให้คนของแกหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ แกจะทำอะไรกันแน่” ลู่ซุนเป็นลูกผู้ดีมีเงินรุ่นที่สอง และยังมีอิทธิพลบนเกาะจีเหยียน เขาคุ้นเคยกับการใช้กำลังเพื่อจัดการฝ่ายตรงข้าม และเขาไม่สนว่าใครจะร้องขอความเมตตา “รีบไปไหนล่ะ ผู้ชายคนนี้อยากเป็นฮีโร่ ฉันก็ต้องสนองความต้องการของเขาสิ ทำให้เขาสำเนียกตัวเองสักหน่อย" ลู่ซุนพูดอย่างภาคภูมิใจ เมื่อเห็นว่าเสียงร้องของหยางเฉินแผ่วลงเรื่อย ๆ ซูหยิงเซี่ยจึงพยายามผลักอันธพาลเหล่านั้นออก แต่เธออ่อนแอเกินกว่าที่จะทำแบบนั้น เมื่อหยางเฉินดิ้นจนเฮือกสุดท้าย ลู่ซุนก็พูดว่า “พอแล้ว ขยะแ
ในจัตุรัสเหรินหมิน หานซานเฉียนไม่เคยยอมเมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันอันจากเจียงฟู่ แต่กลับทำให้คนเหล่านั้นคุกเข่าลง ซึ่งทำเอาตะลึงทั้งหยุนเฉิง เข่าของเขา แม้แต่ฟ้าดินก็ไม่ยอมคุกเข่า แต่ตอนนี้เขากลับคุกเข่าลงให้ลู่ซุน ความอับอายและความอัปยศอดสูแบบนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้กับหานซานเฉียน แต่เพื่อซูหยิงเซี่ย เขาทำได้เพียงเท่านั้นและเป็นสิ่งเดียวที่ต้องทำ “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ลู่ซุนหัวเราะเต็มปอด การทรมานใด ๆ ไม่ได้ทำให้เขายอม แต่ผู้หญิงคนนี้สามารถทำให้เขายอมจำนนได้ ซึ่งทำให้ลู่ซุนมีความสุขมากจึงพูดว่า “หานซานเฉียน แกเป็นคนใจแข็งไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้ไม่ทำตัวแข็งกร้าวแล้วล่ะ เอาหัวโขกพื้นให้ฉันดูสักสองสามทีก่อน แล้วฉันจะพิจารณาว่าจะปล่อยเธอไปดีไหม” หานซานเฉียนกระแทกหน้าผากของตัวเองลงบนพื้นส่งเสียงโครมครามโดยไม่ลังเล “ลู่ซุน ตราบใดที่แกปล่อยเธอไป การที่ฉันเอาหัวโขกก็ไม่สำคัญหรอก แกชนะแล้ว แกเป็นผู้ชนะ ฉันยอมแพ้” หานซานเฉียนกล่าว ลู่ซุนจงใจส่งโทรศัพท์ให้ซูหยิงเซี่ย และพูดว่า “ดูไอ้ผู้ชายขยะคนนี้สิ ตอนนี้เขาคุกเข่าลง และก้มหัวให้ฉัน ขยะแบบนี้ทำไมเธอยังอยู่กับมัน ถ้าเธอมาอยู่กับฉัน ฉันจะทำให้เธ
“ทำยังไงดี มือถือของซูหยิงเซี่ยโทรไม่ติด” ม่อหยางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เข้าไปดูหน่อยสิ” หลังจากที่เตาสือเอ้อร์พูดจบ เขาก็เดินนำไปที่โฮมสเตย์ วิธีที่เตาสือเอ้อร์ทำนั้นเรียบง่ายมาก หยาบคายและตรงไปตรงมา เขาเดินไปถึงหน้าประตู และไม่รีรอที่จะเคาะประตู พลันเตะประตูให้เปิด หยางเฉินและสวีถงอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกด้วยอาการสั่นเทาและตื่นตระหนก ทันทีที่หยางเฉินเห็นเห็นเตาสือเอ้อร์ เขาก็หดคอทันที เพราะเขาคิดว่าคนของลู่ซุนกลับมาทำร้าย แต่พอเห็นม่อหยาง หยางเฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “พี่ใหญ่ม่อ ในที่สุดพี่ก็มาถึงสักที” หยางเฉินกล่าว ม่อหยางไม่สนใจว่าหยางเฉินเป็นใคร เขาถามว่า “ซูหยิงเซี่ยอยู่ไหน?” “ลู่ซุนลักพาตัวไปแล้ว พี่รีบไปที่บ้านตระกูลลู่เถอะ ไม่อย่างนั้นมันจะสายเกินไป” หยางเฉินกล่าว ม่อหยางไม่รู้ว่าสถานะของตระกูลลู่บนเกาะจีเหยียนนั้นเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ต่อให้ต้องทุบเกาะจีเหยียนให้แหลกเป็นผุยผง เขาก็จะช่วยหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยให้ได้ “ลู่เฟิง?” เตาสือเอ้อร์พูด “ลู่ซุนเป็นลูกชายของลู่เฟิง” หยางเฉินอธิบาย ม่อหยางมองเตาสือเอ้อร์ เพราะเขาเอ่ยชื่อของลู่เฟิง เขาอ
คฤหาสน์ตระกูลลู่ เมื่อลู่ซุนพาซูหยิงเซี่ยไปที่ห้องเก็บไวน์ ซูหยิงเซี่ยก็ทรุดลงทันที หานซานเฉียนนอนอยู่บนกองเลือด แม้ว่าเลือดบนนิ้วทั้งสิบจะแข็งตัว แต่อาการบาดเจ็บสาหัสที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก เธอไม่เคยปวดใจขนาดนี้มาก่อน เหมือนมีคนเอามีดมากรีดแผลในใจเธอ “ซานเฉียน เป็นยังไงบ้าง” ซูหยิงเซี่ยย่อนั่งข้าง ๆ หานซานเฉียน และร้องไห้อย่างเจ็บปวด หานซานเฉียนมองซูหยิงเซี่ย และพยายามสุดแรงเพื่อยิ้ม และพูดว่า “ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ แค่เจ็บนิดหน่อยเอง” นัยน์ตาของซูหยิงเซี่ยเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอรู้ว่าหานซานเฉียนพูดเพื่อไม่ให้เธอกังวล แม้กระทั่งตอนนี้หานซานเฉียนก็ยังเป็นห่วงความรู้สึกของเธอ “ผมขอโทษ ผมดูแลคุณไม่ดีเอง” หานซานเฉียนกล่าว ซูหยิงเซี่ยเอาแต่ส่ายหัว และพูดว่า “ไม่ใช่ความผิดของคุณ ไม่ใช่ความผิดของคุณเลยค่ะ ฉันสิต้องขอโทษคุณ ถ้าฉันไม่เลือกมาที่เกาะจีเหยียน เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น” “เด็กโง่ ผมจะโทษคุณได้ยังไง เป็นเพราะผมไม่แข็งแกร่งพอ ผมเคยบอกไปแล้วว่าจะปกป้องคุณและไม่ทำให้คุณได้รับอันตรายใด ๆ แต่ดูตอนนี้สิ ผมดันผิดสัญญากับคุณซะแล้ว” หานซานเฉียนก
ผิวขาวเนียนค่อย ๆ เผยออกมาให้เห็น ลู่ซุนเลียริมฝีปากแห้ง “ไม่นึกเลยว่านังผู้หญิงสำส่อนของแกจะยั่วยวนใจได้ขนาดนี้ น่าเสียดายจริง ๆ ที่ไปอยู่กับสวะแบบแก ถ้ารู้จักฉันเร็วกว่านี้ ไม่งั้นฉันคงไม่ปล่อยให้สวะอย่างแกด้อยค่าหรอก” ลู่ซุนกล่าว “ไม่ อย่า หยิงเซี่ย ผมขอร้องล่ะ อย่า ต่อให้ผมตาย ผมไม่อยากเห็นเขาเหยียดหยามคุณ” หานซานเฉียนพูดอย่างสิ้นหวัง ในขณะที่นอนอ่อนแรงอยู่บนพื้น ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำด้วยน้ำตา จู่ ๆ ลูกน้องคนหนึ่งก็มาถึงห้องใต้ดิน และพูดกับลู่ซุนว่า “นายน้อยลู่ มีคนสองคนบุกรุกเข้าไปในบ้านและบอกว่าพวกเขาต้องการพบคุณครับ” เมื่อถูกขัดจังหวะในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ลู่ซุนก็พูดด้วยน้ำเสียงหมดความอดทนว่า “ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน ก็จัดการซะ และอย่ามารบกวนฉัน” ลูกน้องมองไปที่ซูหยิงเซี่ย และรู้ว่าลู่ซุนกำลังมีอารมณ์อย่างเต็มที่ แต่คนสองคนที่อยู่ข้างนอกดูแล้วมีรัศมีที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นหากพวกเขาชกต่อยใครโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ จะยิ่งเดือดร้อนเข้าได้ ถ้าคน ๆ นั้นมีภูมิหลังที่มีอิทธิพล “นายน้อยลู่ จากรูปร่างหน้าตาของพวกเขาแล้ว ตัวตนของพวกเขาดูไม่ธรรมดา คุณจะไปดูไหมครับ?” ลูกน้องถาม ลู่
ลู่เฟิงกลัวจนตัวสั่น ถ้าหานซานเฉียนเหลือชีวิตแค่ครึ่งเดียว เกรงว่าสมาชิกในตระกูลลู่ของเขาจะไม่มีชีวิตรอดสักคนตอนนี้ลู่เฟิงรู้สึกเสียใจในภายหลังมากแค่ไหน มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้เขาหวังในใจว่านี่เป็นแค่ความฝัน และคงจะดีถ้าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ก็น่าเสียดาย ที่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่จินตนาการ“ปล่อยหานซานเฉียนเดี๋ยวนี้” เตาสือเออร์กล่าวเมื่อได้ยินประโยคนี้ ลู่ซุนก็หันไปมองเตาสือเออร์ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?”คำพูดนี้ยิ่งทำให้ลู่เฟิงตัวสั่นสะท้าน ลู่ซุนอยากตายหรืออย่างไร ถึงได้พูดกับเตาสือเออร์ด้วยท่าทางแบบนี้?“บังอาจ หุบปากไปซะ ไปพาซานเฉียนออกมาเดี๋ยวนี้” ลู่เฟิงต่อว่า“พ่อ วันนี้พ่อกินยาผิดเหรอ?” ลู่ซุนถามด้วยความสงสัย เพราะจู่ ๆ ลู่เฟิงก็กลายเป็นคนละคน ซึ่งทำให้เขางงมากลู่เฟิงสูดหายใจลึก และพูดเบา ๆ ว่า “แกยังจำเรื่องต่างประเทศที่ฉันเคยบอกได้ไหม?”ลู่ซุนรู้เรื่องนี้ แต่เขาคิดมาตลอดว่าลู่เฟิงนั้นพูดเกินจริง จะมีคนเก่งกาจที่ฆ่าคนไปทั่วได้อย่างไร มนุษย์จะไปทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไรกัน?“พ่อ ผมไม่เคยคิดว่าเร
เมื่อมองหานซานเฉียนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ลู่ซุนเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เขาไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด“เอาตัวไป” ลู่ซุนพูดกับลูกน้องหานซานเฉียนขมวดคิ้ว เมื่อเห็นพฤติกรรมผ่อนปรนของลู่เฟิงที่มีต่อพวกเขา หรือว่าม่อหยางจะเจอพรรคพวกบนเกาะจีเหยียนที่สามารถกำจัดลู่ซุนได้ ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงเกินความคาดหมาย เพราะหานซานเฉียนรู้สึกว่า ม่อหยางอยู่ไปก็เปล่าประโยชน์หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยมาถึงห้องรับแขก เมื่อเหล่าพวกของม่อหยางทั้งสามคนเห็นสภาพที่น่าสังเวชของหานซานเฉียนก็โกรธทันที แต่โชคดีที่ซูหยิงเซี่ยไม่ได้รับบาดเจ็บ ซูหยิงเซี่ยไม่เป็นอะไร ดังนั้นความโกรธของเขาก็มีขีดจำกัด“ซานเฉียน พี่เป็นยังไงบ้าง?”“พี่ซานเฉียน”“พี่ซานเฉียน”เมื่อได้ยินเตาสือเออร์เรียกพี่ซานเฉียนสามประโยค ลู่เฟิงหน้าถอดสีทันที ดูเหมือนว่าหานซานเฉียนจะเป็นเจ้านายของเตาสือเออร์จริง ๆ การล่วงเกินเจ้านายของมือสังหารคนนี้ ทำให้ขาของลู่เฟิงอ่อนแรงจนแทบจะไม่มีแรงยืนม่อหยางเดินไปหาหานซานเฉียนทันที เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะไม้จิ้มฟันที่นิ้วทั้งสิบที่น่าสยดสยอง เขาต้องไปโรงพยาบาลโดยด่วนลู่ซุนตอบสนองอย่
เมื่อหลินหย่งเดินไปหาลู่ซุน ลู่ซุนก็ตื่นตระหนก และตะโกนใส่ลูกน้องของตัวเอง เพื่อให้หยุดหลินหย่ง แต่มีเตาสือเออร์อยู่ในสถานการณ์ด้วย พวกเขาจะหยุดหลินหย่งได้อย่างไร? “สิ่งที่แกทำโหดเหี้ยมมาก เศรษฐีรุ่นที่สองทำเหิมเกริมอย่างแกแบบนี้ ดูเหมือนว่าพ่อของแกจะตามใจแกมากเกินไป วันนี้ฉันจะทำให้แกรู้ว่า การกระทำที่โหดเหี้ยมเมื่อเกิดกับตัวเอง มันจะรู้สึกยังไง” หลินหย่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แก...แกจะทำอะไร” ลู่ซุนถามด้วยความตื่นตระหนก “ในเมื่อแกคิดวิธีการทรมานคนแบบนี้ได้ แกไม่อยากสัมผัสสักหน่อยเหรอว่ามันจะรู้สึกยังไง? หลินหย่งเย้ยหยัน “ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว ไม่ อย่าทำฉัน” ลู่ซุนคุกเข่าลงร้องขอความเมตตา และก้มหัวไม่หยุด “ฉันไม่มีไม้จิ้มฟัน เพราะฉะนั้นฉันก็ทำได้แค่ใช้วิธีอื่นแทน แต่ก็น่าจะรู้สึกไม่ต่างกันสักเท่าไหร่” หลินหย่งจับผมของลู่ซุน และลากไปที่ด้านข้างของโต๊ะกลาง หลินหย่งกดมือขวาของลู่ซุนลงบนโต๊ะกลางอย่างแรง จากนั้นก็หยิบที่เขี่ยบุหรี่ขึ้นมา ทุบนิ้วของเขาทีละนิ้ว จนเนื้อของเขาเปื้อนเลือด เสียงกรีดร้องที่น่าสมเพชของลู่ซุนดังก้องทั้งคฤหาสน์ ลู่เฟิงได้ยินแล้วลุกชันทันที แต่เขา