“ทำยังไงดี มือถือของซูหยิงเซี่ยโทรไม่ติด” ม่อหยางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เข้าไปดูหน่อยสิ” หลังจากที่เตาสือเอ้อร์พูดจบ เขาก็เดินนำไปที่โฮมสเตย์ วิธีที่เตาสือเอ้อร์ทำนั้นเรียบง่ายมาก หยาบคายและตรงไปตรงมา เขาเดินไปถึงหน้าประตู และไม่รีรอที่จะเคาะประตู พลันเตะประตูให้เปิด หยางเฉินและสวีถงอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกด้วยอาการสั่นเทาและตื่นตระหนก ทันทีที่หยางเฉินเห็นเห็นเตาสือเอ้อร์ เขาก็หดคอทันที เพราะเขาคิดว่าคนของลู่ซุนกลับมาทำร้าย แต่พอเห็นม่อหยาง หยางเฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “พี่ใหญ่ม่อ ในที่สุดพี่ก็มาถึงสักที” หยางเฉินกล่าว ม่อหยางไม่สนใจว่าหยางเฉินเป็นใคร เขาถามว่า “ซูหยิงเซี่ยอยู่ไหน?” “ลู่ซุนลักพาตัวไปแล้ว พี่รีบไปที่บ้านตระกูลลู่เถอะ ไม่อย่างนั้นมันจะสายเกินไป” หยางเฉินกล่าว ม่อหยางไม่รู้ว่าสถานะของตระกูลลู่บนเกาะจีเหยียนนั้นเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ต่อให้ต้องทุบเกาะจีเหยียนให้แหลกเป็นผุยผง เขาก็จะช่วยหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยให้ได้ “ลู่เฟิง?” เตาสือเอ้อร์พูด “ลู่ซุนเป็นลูกชายของลู่เฟิง” หยางเฉินอธิบาย ม่อหยางมองเตาสือเอ้อร์ เพราะเขาเอ่ยชื่อของลู่เฟิง เขาอ
คฤหาสน์ตระกูลลู่ เมื่อลู่ซุนพาซูหยิงเซี่ยไปที่ห้องเก็บไวน์ ซูหยิงเซี่ยก็ทรุดลงทันที หานซานเฉียนนอนอยู่บนกองเลือด แม้ว่าเลือดบนนิ้วทั้งสิบจะแข็งตัว แต่อาการบาดเจ็บสาหัสที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก เธอไม่เคยปวดใจขนาดนี้มาก่อน เหมือนมีคนเอามีดมากรีดแผลในใจเธอ “ซานเฉียน เป็นยังไงบ้าง” ซูหยิงเซี่ยย่อนั่งข้าง ๆ หานซานเฉียน และร้องไห้อย่างเจ็บปวด หานซานเฉียนมองซูหยิงเซี่ย และพยายามสุดแรงเพื่อยิ้ม และพูดว่า “ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ แค่เจ็บนิดหน่อยเอง” นัยน์ตาของซูหยิงเซี่ยเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอรู้ว่าหานซานเฉียนพูดเพื่อไม่ให้เธอกังวล แม้กระทั่งตอนนี้หานซานเฉียนก็ยังเป็นห่วงความรู้สึกของเธอ “ผมขอโทษ ผมดูแลคุณไม่ดีเอง” หานซานเฉียนกล่าว ซูหยิงเซี่ยเอาแต่ส่ายหัว และพูดว่า “ไม่ใช่ความผิดของคุณ ไม่ใช่ความผิดของคุณเลยค่ะ ฉันสิต้องขอโทษคุณ ถ้าฉันไม่เลือกมาที่เกาะจีเหยียน เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น” “เด็กโง่ ผมจะโทษคุณได้ยังไง เป็นเพราะผมไม่แข็งแกร่งพอ ผมเคยบอกไปแล้วว่าจะปกป้องคุณและไม่ทำให้คุณได้รับอันตรายใด ๆ แต่ดูตอนนี้สิ ผมดันผิดสัญญากับคุณซะแล้ว” หานซานเฉียนก
ผิวขาวเนียนค่อย ๆ เผยออกมาให้เห็น ลู่ซุนเลียริมฝีปากแห้ง “ไม่นึกเลยว่านังผู้หญิงสำส่อนของแกจะยั่วยวนใจได้ขนาดนี้ น่าเสียดายจริง ๆ ที่ไปอยู่กับสวะแบบแก ถ้ารู้จักฉันเร็วกว่านี้ ไม่งั้นฉันคงไม่ปล่อยให้สวะอย่างแกด้อยค่าหรอก” ลู่ซุนกล่าว “ไม่ อย่า หยิงเซี่ย ผมขอร้องล่ะ อย่า ต่อให้ผมตาย ผมไม่อยากเห็นเขาเหยียดหยามคุณ” หานซานเฉียนพูดอย่างสิ้นหวัง ในขณะที่นอนอ่อนแรงอยู่บนพื้น ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำด้วยน้ำตา จู่ ๆ ลูกน้องคนหนึ่งก็มาถึงห้องใต้ดิน และพูดกับลู่ซุนว่า “นายน้อยลู่ มีคนสองคนบุกรุกเข้าไปในบ้านและบอกว่าพวกเขาต้องการพบคุณครับ” เมื่อถูกขัดจังหวะในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ลู่ซุนก็พูดด้วยน้ำเสียงหมดความอดทนว่า “ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน ก็จัดการซะ และอย่ามารบกวนฉัน” ลูกน้องมองไปที่ซูหยิงเซี่ย และรู้ว่าลู่ซุนกำลังมีอารมณ์อย่างเต็มที่ แต่คนสองคนที่อยู่ข้างนอกดูแล้วมีรัศมีที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นหากพวกเขาชกต่อยใครโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ จะยิ่งเดือดร้อนเข้าได้ ถ้าคน ๆ นั้นมีภูมิหลังที่มีอิทธิพล “นายน้อยลู่ จากรูปร่างหน้าตาของพวกเขาแล้ว ตัวตนของพวกเขาดูไม่ธรรมดา คุณจะไปดูไหมครับ?” ลูกน้องถาม ลู่
ลู่เฟิงกลัวจนตัวสั่น ถ้าหานซานเฉียนเหลือชีวิตแค่ครึ่งเดียว เกรงว่าสมาชิกในตระกูลลู่ของเขาจะไม่มีชีวิตรอดสักคนตอนนี้ลู่เฟิงรู้สึกเสียใจในภายหลังมากแค่ไหน มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้เขาหวังในใจว่านี่เป็นแค่ความฝัน และคงจะดีถ้าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ก็น่าเสียดาย ที่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่จินตนาการ“ปล่อยหานซานเฉียนเดี๋ยวนี้” เตาสือเออร์กล่าวเมื่อได้ยินประโยคนี้ ลู่ซุนก็หันไปมองเตาสือเออร์ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?”คำพูดนี้ยิ่งทำให้ลู่เฟิงตัวสั่นสะท้าน ลู่ซุนอยากตายหรืออย่างไร ถึงได้พูดกับเตาสือเออร์ด้วยท่าทางแบบนี้?“บังอาจ หุบปากไปซะ ไปพาซานเฉียนออกมาเดี๋ยวนี้” ลู่เฟิงต่อว่า“พ่อ วันนี้พ่อกินยาผิดเหรอ?” ลู่ซุนถามด้วยความสงสัย เพราะจู่ ๆ ลู่เฟิงก็กลายเป็นคนละคน ซึ่งทำให้เขางงมากลู่เฟิงสูดหายใจลึก และพูดเบา ๆ ว่า “แกยังจำเรื่องต่างประเทศที่ฉันเคยบอกได้ไหม?”ลู่ซุนรู้เรื่องนี้ แต่เขาคิดมาตลอดว่าลู่เฟิงนั้นพูดเกินจริง จะมีคนเก่งกาจที่ฆ่าคนไปทั่วได้อย่างไร มนุษย์จะไปทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไรกัน?“พ่อ ผมไม่เคยคิดว่าเร
เมื่อมองหานซานเฉียนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ลู่ซุนเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เขาไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด“เอาตัวไป” ลู่ซุนพูดกับลูกน้องหานซานเฉียนขมวดคิ้ว เมื่อเห็นพฤติกรรมผ่อนปรนของลู่เฟิงที่มีต่อพวกเขา หรือว่าม่อหยางจะเจอพรรคพวกบนเกาะจีเหยียนที่สามารถกำจัดลู่ซุนได้ ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงเกินความคาดหมาย เพราะหานซานเฉียนรู้สึกว่า ม่อหยางอยู่ไปก็เปล่าประโยชน์หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยมาถึงห้องรับแขก เมื่อเหล่าพวกของม่อหยางทั้งสามคนเห็นสภาพที่น่าสังเวชของหานซานเฉียนก็โกรธทันที แต่โชคดีที่ซูหยิงเซี่ยไม่ได้รับบาดเจ็บ ซูหยิงเซี่ยไม่เป็นอะไร ดังนั้นความโกรธของเขาก็มีขีดจำกัด“ซานเฉียน พี่เป็นยังไงบ้าง?”“พี่ซานเฉียน”“พี่ซานเฉียน”เมื่อได้ยินเตาสือเออร์เรียกพี่ซานเฉียนสามประโยค ลู่เฟิงหน้าถอดสีทันที ดูเหมือนว่าหานซานเฉียนจะเป็นเจ้านายของเตาสือเออร์จริง ๆ การล่วงเกินเจ้านายของมือสังหารคนนี้ ทำให้ขาของลู่เฟิงอ่อนแรงจนแทบจะไม่มีแรงยืนม่อหยางเดินไปหาหานซานเฉียนทันที เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะไม้จิ้มฟันที่นิ้วทั้งสิบที่น่าสยดสยอง เขาต้องไปโรงพยาบาลโดยด่วนลู่ซุนตอบสนองอย่
เมื่อหลินหย่งเดินไปหาลู่ซุน ลู่ซุนก็ตื่นตระหนก และตะโกนใส่ลูกน้องของตัวเอง เพื่อให้หยุดหลินหย่ง แต่มีเตาสือเออร์อยู่ในสถานการณ์ด้วย พวกเขาจะหยุดหลินหย่งได้อย่างไร? “สิ่งที่แกทำโหดเหี้ยมมาก เศรษฐีรุ่นที่สองทำเหิมเกริมอย่างแกแบบนี้ ดูเหมือนว่าพ่อของแกจะตามใจแกมากเกินไป วันนี้ฉันจะทำให้แกรู้ว่า การกระทำที่โหดเหี้ยมเมื่อเกิดกับตัวเอง มันจะรู้สึกยังไง” หลินหย่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แก...แกจะทำอะไร” ลู่ซุนถามด้วยความตื่นตระหนก “ในเมื่อแกคิดวิธีการทรมานคนแบบนี้ได้ แกไม่อยากสัมผัสสักหน่อยเหรอว่ามันจะรู้สึกยังไง? หลินหย่งเย้ยหยัน “ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว ไม่ อย่าทำฉัน” ลู่ซุนคุกเข่าลงร้องขอความเมตตา และก้มหัวไม่หยุด “ฉันไม่มีไม้จิ้มฟัน เพราะฉะนั้นฉันก็ทำได้แค่ใช้วิธีอื่นแทน แต่ก็น่าจะรู้สึกไม่ต่างกันสักเท่าไหร่” หลินหย่งจับผมของลู่ซุน และลากไปที่ด้านข้างของโต๊ะกลาง หลินหย่งกดมือขวาของลู่ซุนลงบนโต๊ะกลางอย่างแรง จากนั้นก็หยิบที่เขี่ยบุหรี่ขึ้นมา ทุบนิ้วของเขาทีละนิ้ว จนเนื้อของเขาเปื้อนเลือด เสียงกรีดร้องที่น่าสมเพชของลู่ซุนดังก้องทั้งคฤหาสน์ ลู่เฟิงได้ยินแล้วลุกชันทันที แต่เขา
สำหรับการแก้แค้นของลู่ซุน ถ้าตอนนี้รอดออกไปได้ เขาก็ยังมีโอกาสในการแก้แค้น แล้วเตาสือเออร์ผู้โหดเหี้ยมล่ะ ต้องชดใช้กับคนที่เป็นนักฆ่าและเก่งกาจกว่าเหรอ? “อยาก ฉันอยาก” ลู่ซุนก้มหน้าลง และพูดด้วยแววตาดุร้าย แค้นนี้สิบปียังไม่สาย ตราบเท่าที่วันนี้เขารอดออกไปได้ “ฆ่าเขา แล้วฉันจะให้โอกาสแกรอด” หานซานเฉียนชี้ไปที่ลู่เฟิงแล้วพูด ร่างกายของลู่เฟิงสั่นสะท้าน พลางพูดด้วยความหวาดกลัว “คุณพูดว่าอะไรนะ คุณจะให้เขาฆ่าผมเหรอ!” “แกได้ยินไม่ผิดหรอก ฆ่าแก แกคิดว่าลูกชายของแกกล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?” หานซานเฉียนหัวเราะ ลู่เฟิงกัดฟัน และพูดว่า “เขาจะฆ่าผมได้ยังไง ทำเกินไปแล้วนะ” “ทำเกินไปแล้ว?” หานซานเฉียนมองลู่เฟิงด้วยสายตาเย็นชา และพูดว่า “ความแค้นระหว่างฉันกับเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าสร้อยคอนิจนิรันดร์ ฉันมาที่นี่เพื่อประมูลอย่างเปิดเผยและซื่อตรง แต่พวกแกรู้สึกเสียหน้า จึงจับฉันมา ใครกันแน่ที่ทำเกินไป?” “เรื่องนี้ตระกูลลู่ของผมทำเกินไป แต่ถ้าคุณต้องการให้ลู่ซุนฆ่าผม แสดงว่าคุณประเมินความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเราต่ำเกินไป” ลู่เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ขวับ มีดเล่มหนึ่งตกลงตรงหน้าลู่ซ
เมื่อหานซานเฉียนออกจากคฤหาสน์ รถสีดำที่จอดอยู่ข้างนอกคฤหาสน์ก็ขับออกไปทันที ฟิล์มติดกระจกรถเป็นสีดำทึบ ทำให้มองไม่เห็นว่าใครอยู่ข้างใน “ซานเฉียน รถคันนี้เหมือนมีบางอย่างผิดปกตินะ ตอนที่ฉันมามันก็จอดอยู่แล้ว” ม่อหยางพูดกับหานซานเฉียน หานซานเฉียนส่ายหน้า และพูดว่า “ช่างมันเถอะ ไปโรงพยาบาลก่อน” เหวินเหลียงที่นั่งอยู่ในรถคันนั้น เมื่อเห็นหานซานเฉียนเดินออกจากคฤหาสน์ตัวเป็น ๆ หัวใจของเขาหล่นลงไปถึงตาตุ่มทันที การรอดชีวิตของหานซานเฉียนเป็นอันตรายต่อเขามาก เขาไม่เคยหวังว่าจะได้รับการปกป้องจากเซินเวิง เพราะเขารู้ว่าเขาเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งที่ถูกใช้ ลู่ซุน ไอสวะ หานซานเฉียนอยู่ในกำมือแกนานขนาดนั้น ยังฆ่าเขาไม่ได้อีก นี่มันสร้างปัญหาให้ฉันไม่ใช่เหรอ? เหวินเหลียงกัดฟันพูดกับคนขับ “ไปสนามบิน ฉันต้องออกไปจากที่นี่ทันที” ระหว่างทางไปโรงพยาบาล ซูหยิงเซี่ยเอาแต่แอบเช็ดน้ำตา เธอทนไม่ได้ที่เห็นหานซานเฉียนได้รับบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ แม้ว่าเธอจะห้ามใจตัวเองไม่ให้หันไปมอง แต่เธอก็ทำใจไม่ได้อยู่ดี “ผมไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลหรอก” หานซานเฉียนพูดกับซูหยิงเซี่ย ม่อหยางยิ้มปลอบใจซูหยิงเซี่ย “น้องสะใภ้
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ