ลู่เฟิงกลัวจนตัวสั่น ถ้าหานซานเฉียนเหลือชีวิตแค่ครึ่งเดียว เกรงว่าสมาชิกในตระกูลลู่ของเขาจะไม่มีชีวิตรอดสักคนตอนนี้ลู่เฟิงรู้สึกเสียใจในภายหลังมากแค่ไหน มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้เขาหวังในใจว่านี่เป็นแค่ความฝัน และคงจะดีถ้าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ก็น่าเสียดาย ที่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่จินตนาการ“ปล่อยหานซานเฉียนเดี๋ยวนี้” เตาสือเออร์กล่าวเมื่อได้ยินประโยคนี้ ลู่ซุนก็หันไปมองเตาสือเออร์ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?”คำพูดนี้ยิ่งทำให้ลู่เฟิงตัวสั่นสะท้าน ลู่ซุนอยากตายหรืออย่างไร ถึงได้พูดกับเตาสือเออร์ด้วยท่าทางแบบนี้?“บังอาจ หุบปากไปซะ ไปพาซานเฉียนออกมาเดี๋ยวนี้” ลู่เฟิงต่อว่า“พ่อ วันนี้พ่อกินยาผิดเหรอ?” ลู่ซุนถามด้วยความสงสัย เพราะจู่ ๆ ลู่เฟิงก็กลายเป็นคนละคน ซึ่งทำให้เขางงมากลู่เฟิงสูดหายใจลึก และพูดเบา ๆ ว่า “แกยังจำเรื่องต่างประเทศที่ฉันเคยบอกได้ไหม?”ลู่ซุนรู้เรื่องนี้ แต่เขาคิดมาตลอดว่าลู่เฟิงนั้นพูดเกินจริง จะมีคนเก่งกาจที่ฆ่าคนไปทั่วได้อย่างไร มนุษย์จะไปทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไรกัน?“พ่อ ผมไม่เคยคิดว่าเร
เมื่อมองหานซานเฉียนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ลู่ซุนเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เขาไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด“เอาตัวไป” ลู่ซุนพูดกับลูกน้องหานซานเฉียนขมวดคิ้ว เมื่อเห็นพฤติกรรมผ่อนปรนของลู่เฟิงที่มีต่อพวกเขา หรือว่าม่อหยางจะเจอพรรคพวกบนเกาะจีเหยียนที่สามารถกำจัดลู่ซุนได้ ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงเกินความคาดหมาย เพราะหานซานเฉียนรู้สึกว่า ม่อหยางอยู่ไปก็เปล่าประโยชน์หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยมาถึงห้องรับแขก เมื่อเหล่าพวกของม่อหยางทั้งสามคนเห็นสภาพที่น่าสังเวชของหานซานเฉียนก็โกรธทันที แต่โชคดีที่ซูหยิงเซี่ยไม่ได้รับบาดเจ็บ ซูหยิงเซี่ยไม่เป็นอะไร ดังนั้นความโกรธของเขาก็มีขีดจำกัด“ซานเฉียน พี่เป็นยังไงบ้าง?”“พี่ซานเฉียน”“พี่ซานเฉียน”เมื่อได้ยินเตาสือเออร์เรียกพี่ซานเฉียนสามประโยค ลู่เฟิงหน้าถอดสีทันที ดูเหมือนว่าหานซานเฉียนจะเป็นเจ้านายของเตาสือเออร์จริง ๆ การล่วงเกินเจ้านายของมือสังหารคนนี้ ทำให้ขาของลู่เฟิงอ่อนแรงจนแทบจะไม่มีแรงยืนม่อหยางเดินไปหาหานซานเฉียนทันที เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะไม้จิ้มฟันที่นิ้วทั้งสิบที่น่าสยดสยอง เขาต้องไปโรงพยาบาลโดยด่วนลู่ซุนตอบสนองอย่
เมื่อหลินหย่งเดินไปหาลู่ซุน ลู่ซุนก็ตื่นตระหนก และตะโกนใส่ลูกน้องของตัวเอง เพื่อให้หยุดหลินหย่ง แต่มีเตาสือเออร์อยู่ในสถานการณ์ด้วย พวกเขาจะหยุดหลินหย่งได้อย่างไร? “สิ่งที่แกทำโหดเหี้ยมมาก เศรษฐีรุ่นที่สองทำเหิมเกริมอย่างแกแบบนี้ ดูเหมือนว่าพ่อของแกจะตามใจแกมากเกินไป วันนี้ฉันจะทำให้แกรู้ว่า การกระทำที่โหดเหี้ยมเมื่อเกิดกับตัวเอง มันจะรู้สึกยังไง” หลินหย่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แก...แกจะทำอะไร” ลู่ซุนถามด้วยความตื่นตระหนก “ในเมื่อแกคิดวิธีการทรมานคนแบบนี้ได้ แกไม่อยากสัมผัสสักหน่อยเหรอว่ามันจะรู้สึกยังไง? หลินหย่งเย้ยหยัน “ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว ไม่ อย่าทำฉัน” ลู่ซุนคุกเข่าลงร้องขอความเมตตา และก้มหัวไม่หยุด “ฉันไม่มีไม้จิ้มฟัน เพราะฉะนั้นฉันก็ทำได้แค่ใช้วิธีอื่นแทน แต่ก็น่าจะรู้สึกไม่ต่างกันสักเท่าไหร่” หลินหย่งจับผมของลู่ซุน และลากไปที่ด้านข้างของโต๊ะกลาง หลินหย่งกดมือขวาของลู่ซุนลงบนโต๊ะกลางอย่างแรง จากนั้นก็หยิบที่เขี่ยบุหรี่ขึ้นมา ทุบนิ้วของเขาทีละนิ้ว จนเนื้อของเขาเปื้อนเลือด เสียงกรีดร้องที่น่าสมเพชของลู่ซุนดังก้องทั้งคฤหาสน์ ลู่เฟิงได้ยินแล้วลุกชันทันที แต่เขา
สำหรับการแก้แค้นของลู่ซุน ถ้าตอนนี้รอดออกไปได้ เขาก็ยังมีโอกาสในการแก้แค้น แล้วเตาสือเออร์ผู้โหดเหี้ยมล่ะ ต้องชดใช้กับคนที่เป็นนักฆ่าและเก่งกาจกว่าเหรอ? “อยาก ฉันอยาก” ลู่ซุนก้มหน้าลง และพูดด้วยแววตาดุร้าย แค้นนี้สิบปียังไม่สาย ตราบเท่าที่วันนี้เขารอดออกไปได้ “ฆ่าเขา แล้วฉันจะให้โอกาสแกรอด” หานซานเฉียนชี้ไปที่ลู่เฟิงแล้วพูด ร่างกายของลู่เฟิงสั่นสะท้าน พลางพูดด้วยความหวาดกลัว “คุณพูดว่าอะไรนะ คุณจะให้เขาฆ่าผมเหรอ!” “แกได้ยินไม่ผิดหรอก ฆ่าแก แกคิดว่าลูกชายของแกกล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?” หานซานเฉียนหัวเราะ ลู่เฟิงกัดฟัน และพูดว่า “เขาจะฆ่าผมได้ยังไง ทำเกินไปแล้วนะ” “ทำเกินไปแล้ว?” หานซานเฉียนมองลู่เฟิงด้วยสายตาเย็นชา และพูดว่า “ความแค้นระหว่างฉันกับเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าสร้อยคอนิจนิรันดร์ ฉันมาที่นี่เพื่อประมูลอย่างเปิดเผยและซื่อตรง แต่พวกแกรู้สึกเสียหน้า จึงจับฉันมา ใครกันแน่ที่ทำเกินไป?” “เรื่องนี้ตระกูลลู่ของผมทำเกินไป แต่ถ้าคุณต้องการให้ลู่ซุนฆ่าผม แสดงว่าคุณประเมินความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเราต่ำเกินไป” ลู่เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ขวับ มีดเล่มหนึ่งตกลงตรงหน้าลู่ซ
เมื่อหานซานเฉียนออกจากคฤหาสน์ รถสีดำที่จอดอยู่ข้างนอกคฤหาสน์ก็ขับออกไปทันที ฟิล์มติดกระจกรถเป็นสีดำทึบ ทำให้มองไม่เห็นว่าใครอยู่ข้างใน “ซานเฉียน รถคันนี้เหมือนมีบางอย่างผิดปกตินะ ตอนที่ฉันมามันก็จอดอยู่แล้ว” ม่อหยางพูดกับหานซานเฉียน หานซานเฉียนส่ายหน้า และพูดว่า “ช่างมันเถอะ ไปโรงพยาบาลก่อน” เหวินเหลียงที่นั่งอยู่ในรถคันนั้น เมื่อเห็นหานซานเฉียนเดินออกจากคฤหาสน์ตัวเป็น ๆ หัวใจของเขาหล่นลงไปถึงตาตุ่มทันที การรอดชีวิตของหานซานเฉียนเป็นอันตรายต่อเขามาก เขาไม่เคยหวังว่าจะได้รับการปกป้องจากเซินเวิง เพราะเขารู้ว่าเขาเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งที่ถูกใช้ ลู่ซุน ไอสวะ หานซานเฉียนอยู่ในกำมือแกนานขนาดนั้น ยังฆ่าเขาไม่ได้อีก นี่มันสร้างปัญหาให้ฉันไม่ใช่เหรอ? เหวินเหลียงกัดฟันพูดกับคนขับ “ไปสนามบิน ฉันต้องออกไปจากที่นี่ทันที” ระหว่างทางไปโรงพยาบาล ซูหยิงเซี่ยเอาแต่แอบเช็ดน้ำตา เธอทนไม่ได้ที่เห็นหานซานเฉียนได้รับบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ แม้ว่าเธอจะห้ามใจตัวเองไม่ให้หันไปมอง แต่เธอก็ทำใจไม่ได้อยู่ดี “ผมไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลหรอก” หานซานเฉียนพูดกับซูหยิงเซี่ย ม่อหยางยิ้มปลอบใจซูหยิงเซี่ย “น้องสะใภ้
ทันทีที่ทั้งสองคนไปที่ห้องน้ำ ม่อหยางก็มาถึงห้องผู้ป่วย เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่บนเตียง และดูเหมือนจะมีการเคลื่อนไหวบางอย่างในห้องน้ำ เขาก็อดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและแอบฟัง “เล็งดี ๆ หน่อยสิคะ ระวังฉี่ข้างนอกนะ” “คุณภรรยาก็คอยดูให้หน่อยสิครับ” คำพูดที่ทำลายทัศนคตินี้ ทำให้ม่อหยางเดินออกจากห้องผู้ป่วยอย่างเงียบ ๆ ถ้าซูหยิงเซี่ยรู้ว่าเขามา เธอคงอายจนแทบจะมุดหน้าหนี? ม่อหยางยืนอยู่หน้าประตูห้องผู้ป่วย หลังจากแน่ใจแล้วว่าหานซานเฉียนออกจากห้องน้ำแล้ว จึงเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยด้วยท่าทางแสร้งทำเป็นถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง? ดูจากรูปร่างหน้าตาของพี่แล้ว นายน่าจะดีขึ้นมากแล้วนะ” “ดีขึ้นมากแล้วล่ะ” หานซานเฉียนไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มที่มุมปากของเขาได้ “พวกคุณคุยกันเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้นะ” ซูหยิงเซี่ยออกจากห้องผู้ป่วยพร้อมกับกระติกน้ำร้อน “หานซานเฉียน ฉันไม่นึกว่านายจะหน้าไม่อายได้ขนาดนี้” หลังจากที่ซูหยิงเซี่ยออกไป ม่อหยางก็พูดอย่างเหยียดหยาม หานซานเฉียนรู้สึกสับสนและถามว่า “หน้าไม่อายยังไงเหรอ?” “เมื่อครู่ฉันเข้ามา ฉันรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องน้ำ” ม่อหยางพูดพลาง
หยุนเฉิง บริษัทของซูไห่เฉาได้ถูกจัดตั้งขึ้น และสมาชิกเดิมของบริษัทตระกูลซูถูกดึงตัวไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่ต่างกับการย้ายบริษัท นอกจากเปลี่ยนที่อยู่แล้วนั้น อย่างอื่นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ซูไห่เฉากลับอารมณ์ไม่ดีขึ้น เขาคิดว่าเหตุการณ์ในจัตุรัสสามารถทำลายซูหยิงเซี่ยได้ แต่ผลที่ได้กลับทำให้ทุกคนตกตะลึง ไม่เพียงแต่เธอจะไม่เสียหน้า แต่เธอยังกลายเป็นประเด็นร้อนในหยุนเฉิงอีก ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หยุนเฉิงประสบกับความวุ่นวายครั้งใหญ่ ทุกคนที่ปรากฏตัวในจัตุรัส รวมถึงเจียงฟู่นั้นล้วนต่างประกาศล้มละลายภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน “ไห่เฉา พวกคนของบริษัทตระกูลซูมาจากไหนกัน ทำไมจู่ ๆ ถึงก้าวกระโดดเหมือนกับกองทัพสวรรค์” ซูอี้หานที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของซูไห่เฉา และพูดอย่างงงงวย เหตุการณ์ที่จัตุรัสไม่ได้ทำให้ซูหยิงเซียขายหน้าหรอก ซูอี้หานยังคิดที่จะเหยียบเท้าของซูหยิงเซี่ยเรื่องที่บริษัท แต่ตอนนี้บริษัทตระกูลซูไม่เพียงแต่ไม่ล้มละลาย กลับพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมของเจียงฟู่ทั้งหมดแทบจะตกอยู่ในมือของบริษัทตระกูลซู ตอนนี้ทั้งหยุนเฉิง ยกเว้นตระกูลเทียนแล้วนั้น ก็ไม่มีใครเทียบได้ก
จู่ ๆ โทรศัพท์ของซูไห่เฉาก็ดังขึ้น และรอยยิ้มแห่งความสุขก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “มีอะไรเหรอ?” หลังจากซูไห่เฉาวางสาย ซูอี้หานก็ถามด้วยความสงสัย “พวกเขากลับมาแล้ว ไอขยะอย่างหานซานเฉียนนั่นเหมือนจะบาดเจ็บนะ มันนั่งอยู่บนรถเข็นจริง ๆ ก็ไม่เลว นั่งรถเข็นตั้งแต่อายุยังน้อย” ซูไห่เฉาพูดด้วยรอยยิ้ม ซูอี้หานก็มีความสุขเช่นกัน เมื่อได้ยินแบบนี้ ความเจ็บปวดทั้งหมดของหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยนั้น ควรค่าแก่ความยินดี “เธออยากไปดูเขาไหม ยังไงก็เลือกผลไม้เน่า ๆ ไปสักหน่อยสิ” ซูอี้หานกล่าว “อยากดูแน่นอน ผลไม้น่ะไม่ต้องหรอก ฉันมีของขวัญที่ดีกว่านั้น” ซูไห่เฉาเย้ยหยัน หลังจากที่หานซานเฉียนมาถึงหยุนเฉิง เขาก็ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ม่อหยางจัดการเรื่องนี้ไว้ให้เขาล่วงหน้า การทำสิ่งต่าง ๆ ในอาณาเขตของเขานั้นง่ายกว่ามาก และทุกอย่างสามารถทำได้ด้วยเพียงประโยคเดียว ในห้องเดี่ยววีไอพีนี้ หานซานเฉียนได้รับการดูแลโดยซูหยิงเซี่ย ส่วนม่อหยางและคนอื่น ๆ ไม่อยากรบกวนเวลาของทั้งคนสองคน พวกเขาจึงรีบออกไปก่อน “คุณไม่กลับไปดูบริษัทเหรอครับ” หานซานเฉียนถามซูหยิงเซี่ย ซูหยิงเซี่ยกังวลเรื่องบร