สำหรับการแก้แค้นของลู่ซุน ถ้าตอนนี้รอดออกไปได้ เขาก็ยังมีโอกาสในการแก้แค้น แล้วเตาสือเออร์ผู้โหดเหี้ยมล่ะ ต้องชดใช้กับคนที่เป็นนักฆ่าและเก่งกาจกว่าเหรอ? “อยาก ฉันอยาก” ลู่ซุนก้มหน้าลง และพูดด้วยแววตาดุร้าย แค้นนี้สิบปียังไม่สาย ตราบเท่าที่วันนี้เขารอดออกไปได้ “ฆ่าเขา แล้วฉันจะให้โอกาสแกรอด” หานซานเฉียนชี้ไปที่ลู่เฟิงแล้วพูด ร่างกายของลู่เฟิงสั่นสะท้าน พลางพูดด้วยความหวาดกลัว “คุณพูดว่าอะไรนะ คุณจะให้เขาฆ่าผมเหรอ!” “แกได้ยินไม่ผิดหรอก ฆ่าแก แกคิดว่าลูกชายของแกกล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?” หานซานเฉียนหัวเราะ ลู่เฟิงกัดฟัน และพูดว่า “เขาจะฆ่าผมได้ยังไง ทำเกินไปแล้วนะ” “ทำเกินไปแล้ว?” หานซานเฉียนมองลู่เฟิงด้วยสายตาเย็นชา และพูดว่า “ความแค้นระหว่างฉันกับเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าสร้อยคอนิจนิรันดร์ ฉันมาที่นี่เพื่อประมูลอย่างเปิดเผยและซื่อตรง แต่พวกแกรู้สึกเสียหน้า จึงจับฉันมา ใครกันแน่ที่ทำเกินไป?” “เรื่องนี้ตระกูลลู่ของผมทำเกินไป แต่ถ้าคุณต้องการให้ลู่ซุนฆ่าผม แสดงว่าคุณประเมินความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเราต่ำเกินไป” ลู่เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ขวับ มีดเล่มหนึ่งตกลงตรงหน้าลู่ซ
เมื่อหานซานเฉียนออกจากคฤหาสน์ รถสีดำที่จอดอยู่ข้างนอกคฤหาสน์ก็ขับออกไปทันที ฟิล์มติดกระจกรถเป็นสีดำทึบ ทำให้มองไม่เห็นว่าใครอยู่ข้างใน “ซานเฉียน รถคันนี้เหมือนมีบางอย่างผิดปกตินะ ตอนที่ฉันมามันก็จอดอยู่แล้ว” ม่อหยางพูดกับหานซานเฉียน หานซานเฉียนส่ายหน้า และพูดว่า “ช่างมันเถอะ ไปโรงพยาบาลก่อน” เหวินเหลียงที่นั่งอยู่ในรถคันนั้น เมื่อเห็นหานซานเฉียนเดินออกจากคฤหาสน์ตัวเป็น ๆ หัวใจของเขาหล่นลงไปถึงตาตุ่มทันที การรอดชีวิตของหานซานเฉียนเป็นอันตรายต่อเขามาก เขาไม่เคยหวังว่าจะได้รับการปกป้องจากเซินเวิง เพราะเขารู้ว่าเขาเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งที่ถูกใช้ ลู่ซุน ไอสวะ หานซานเฉียนอยู่ในกำมือแกนานขนาดนั้น ยังฆ่าเขาไม่ได้อีก นี่มันสร้างปัญหาให้ฉันไม่ใช่เหรอ? เหวินเหลียงกัดฟันพูดกับคนขับ “ไปสนามบิน ฉันต้องออกไปจากที่นี่ทันที” ระหว่างทางไปโรงพยาบาล ซูหยิงเซี่ยเอาแต่แอบเช็ดน้ำตา เธอทนไม่ได้ที่เห็นหานซานเฉียนได้รับบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ แม้ว่าเธอจะห้ามใจตัวเองไม่ให้หันไปมอง แต่เธอก็ทำใจไม่ได้อยู่ดี “ผมไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลหรอก” หานซานเฉียนพูดกับซูหยิงเซี่ย ม่อหยางยิ้มปลอบใจซูหยิงเซี่ย “น้องสะใภ้
ทันทีที่ทั้งสองคนไปที่ห้องน้ำ ม่อหยางก็มาถึงห้องผู้ป่วย เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่บนเตียง และดูเหมือนจะมีการเคลื่อนไหวบางอย่างในห้องน้ำ เขาก็อดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและแอบฟัง “เล็งดี ๆ หน่อยสิคะ ระวังฉี่ข้างนอกนะ” “คุณภรรยาก็คอยดูให้หน่อยสิครับ” คำพูดที่ทำลายทัศนคตินี้ ทำให้ม่อหยางเดินออกจากห้องผู้ป่วยอย่างเงียบ ๆ ถ้าซูหยิงเซี่ยรู้ว่าเขามา เธอคงอายจนแทบจะมุดหน้าหนี? ม่อหยางยืนอยู่หน้าประตูห้องผู้ป่วย หลังจากแน่ใจแล้วว่าหานซานเฉียนออกจากห้องน้ำแล้ว จึงเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยด้วยท่าทางแสร้งทำเป็นถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง? ดูจากรูปร่างหน้าตาของพี่แล้ว นายน่าจะดีขึ้นมากแล้วนะ” “ดีขึ้นมากแล้วล่ะ” หานซานเฉียนไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มที่มุมปากของเขาได้ “พวกคุณคุยกันเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้นะ” ซูหยิงเซี่ยออกจากห้องผู้ป่วยพร้อมกับกระติกน้ำร้อน “หานซานเฉียน ฉันไม่นึกว่านายจะหน้าไม่อายได้ขนาดนี้” หลังจากที่ซูหยิงเซี่ยออกไป ม่อหยางก็พูดอย่างเหยียดหยาม หานซานเฉียนรู้สึกสับสนและถามว่า “หน้าไม่อายยังไงเหรอ?” “เมื่อครู่ฉันเข้ามา ฉันรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องน้ำ” ม่อหยางพูดพลาง
หยุนเฉิง บริษัทของซูไห่เฉาได้ถูกจัดตั้งขึ้น และสมาชิกเดิมของบริษัทตระกูลซูถูกดึงตัวไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่ต่างกับการย้ายบริษัท นอกจากเปลี่ยนที่อยู่แล้วนั้น อย่างอื่นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ซูไห่เฉากลับอารมณ์ไม่ดีขึ้น เขาคิดว่าเหตุการณ์ในจัตุรัสสามารถทำลายซูหยิงเซี่ยได้ แต่ผลที่ได้กลับทำให้ทุกคนตกตะลึง ไม่เพียงแต่เธอจะไม่เสียหน้า แต่เธอยังกลายเป็นประเด็นร้อนในหยุนเฉิงอีก ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หยุนเฉิงประสบกับความวุ่นวายครั้งใหญ่ ทุกคนที่ปรากฏตัวในจัตุรัส รวมถึงเจียงฟู่นั้นล้วนต่างประกาศล้มละลายภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน “ไห่เฉา พวกคนของบริษัทตระกูลซูมาจากไหนกัน ทำไมจู่ ๆ ถึงก้าวกระโดดเหมือนกับกองทัพสวรรค์” ซูอี้หานที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของซูไห่เฉา และพูดอย่างงงงวย เหตุการณ์ที่จัตุรัสไม่ได้ทำให้ซูหยิงเซียขายหน้าหรอก ซูอี้หานยังคิดที่จะเหยียบเท้าของซูหยิงเซี่ยเรื่องที่บริษัท แต่ตอนนี้บริษัทตระกูลซูไม่เพียงแต่ไม่ล้มละลาย กลับพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมของเจียงฟู่ทั้งหมดแทบจะตกอยู่ในมือของบริษัทตระกูลซู ตอนนี้ทั้งหยุนเฉิง ยกเว้นตระกูลเทียนแล้วนั้น ก็ไม่มีใครเทียบได้ก
จู่ ๆ โทรศัพท์ของซูไห่เฉาก็ดังขึ้น และรอยยิ้มแห่งความสุขก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “มีอะไรเหรอ?” หลังจากซูไห่เฉาวางสาย ซูอี้หานก็ถามด้วยความสงสัย “พวกเขากลับมาแล้ว ไอขยะอย่างหานซานเฉียนนั่นเหมือนจะบาดเจ็บนะ มันนั่งอยู่บนรถเข็นจริง ๆ ก็ไม่เลว นั่งรถเข็นตั้งแต่อายุยังน้อย” ซูไห่เฉาพูดด้วยรอยยิ้ม ซูอี้หานก็มีความสุขเช่นกัน เมื่อได้ยินแบบนี้ ความเจ็บปวดทั้งหมดของหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยนั้น ควรค่าแก่ความยินดี “เธออยากไปดูเขาไหม ยังไงก็เลือกผลไม้เน่า ๆ ไปสักหน่อยสิ” ซูอี้หานกล่าว “อยากดูแน่นอน ผลไม้น่ะไม่ต้องหรอก ฉันมีของขวัญที่ดีกว่านั้น” ซูไห่เฉาเย้ยหยัน หลังจากที่หานซานเฉียนมาถึงหยุนเฉิง เขาก็ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ม่อหยางจัดการเรื่องนี้ไว้ให้เขาล่วงหน้า การทำสิ่งต่าง ๆ ในอาณาเขตของเขานั้นง่ายกว่ามาก และทุกอย่างสามารถทำได้ด้วยเพียงประโยคเดียว ในห้องเดี่ยววีไอพีนี้ หานซานเฉียนได้รับการดูแลโดยซูหยิงเซี่ย ส่วนม่อหยางและคนอื่น ๆ ไม่อยากรบกวนเวลาของทั้งคนสองคน พวกเขาจึงรีบออกไปก่อน “คุณไม่กลับไปดูบริษัทเหรอครับ” หานซานเฉียนถามซูหยิงเซี่ย ซูหยิงเซี่ยกังวลเรื่องบร
ซูหยิงเซี่ยตอบเพียงสองสามคำ และไม่ได้บอกว่าจะไปที่บริษัทตอนไหน เธอนั้นไม่รีบ หานซานเฉียนยังอยู่ในโรงพยาบาลและเธอจะต้องดูแล อีกทั้งสถานการณ์ของบริษัทตอนนี้ ที่จริงเธอก็ไม่จำเป็นต้องรีบไป หลังจากวางสาย ซูหยิงเซี่ยมองไปที่หานซานเฉียนด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไปเกาะจีเหยียนได้ไม่นาน แต่หานซานเฉียนกลับดูแลทุกอย่างในหยุนเฉิง ไม่เพียงแต่เขาจะพัฒนาบริษัทเท่านั้น แต่แม้แต่บริษัทใหญ่ ๆ อย่างเจียงเหอ กรุ๊ป ก็ล้มละลายจนหมด การล้มละลายของพวกเขาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ซูหยิงเซี่ยจินตนาการไม่ออกเลยว่าหานซานเฉียนทำอะไรลงไปบ้าง “คุณ คุณทำได้อย่างไรเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยถามหานซานเฉียนเพราะเหลือเชื่อ หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมหาเพื่อนที่มีอิทธิพลมาช่วย เขาทำสำเร็จได้ นั่นไม่ได้เป็นเพราะผมหรอก” ซูหยิงเซี่ยป็นผู้ใหญ่แล้ว เธอจะเชื่อได้อย่างไรว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหานซานเฉียน อีกทั้งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อไม่นานมานี้ หานซานเฉียนก็เป็นคนทำสำเร็จทั้งสิ้น! “คุณคือฮีโร่ของฉันเหรอเนี่ย” ซูหยิงเซี่ยกล่าว หานซานเฉียนรู้สึกงงเล็กน้อยกับคำพูดที่กะทันหันของซูหยิงเซี่ย แต่เขาก็ยังพยักหน้า ถ้าเขาเ
ซูไห่เฉากล้าที่จะยั่วโมโห เพราะหานซานเฉียนกำลังได้รับบาดเจ็บอยู่ ซูไห่เฉาไม่สามารถทำอะไรได้หลังจากที่เขาฟื้นตัวและออกจากโรงพยาบาล แต่ทุกคนมากันหมดแล้ว จะกลับไปแบบนี้ก็อายแย่สิ? “หานซานเฉียน ขยะอย่างแกจะมีประโยชน์อะไรที่จะมาขู่ฉัน? แกคิดว่าฉันยังกลัวแกอยู่อีกเหรอ?” ซูไห่เฉาพูดเหยียดหยาม “กลัวหรือไม่กลัวฉัน มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับปากของแก แกอยากลองรสชาติของกำปั้นไหมล่ะ?” หานซานเฉียนยิ้ม “ถึงหมัดของนายจะแข็งพอ แล้วนายจะต่อยทั้งสภาพแบบนี้ได้ยังไง ปัญญาอ่อน ตาบอดหรือไง?” ซูอี้หานกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ถึงฉันจะถูกต่อย ก็ไม่ใช่ว่าผู้หญิงอย่างเธอจะมาพูดวิจารณ์คนอื่นไปทั่ว และไม่มีสิทธิ์จะมาซ้ำเติมคนอื่นแบบนี้” หานซานเฉียนกล่าว ซูอี้หานหน้าชา เธอไม่มีสิทธิ์ ในตระกูลซูเธอเคยมีสถานะที่สูงกว่าซูหยิงเซี่ย แล้วเธอจะไม่มีสิทธิ์ได้อย่างไร “เศษสวะที่เกาะผู้หญิงกินนายกล้าดียังไงมาด่าฉัน น่าตลก ช่างไม่ดูตัวเองเลย” ซูอี้หานหัวเราะ เมื่อใดก็ตามที่หานซานเฉียนได้ยินคำว่า “เกาะผู้หญิงสามคำนี้ หานซานเฉียนแทบจะอยากหัวเราะออกมา แม้มันจะออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ท้ายที่สุดการเ
วันที่สองในโรงพยาบาล มีแขกรับเชิญคนใหม่เข้ามาภายในห้องผู้ป่วย หานซานเฉียนระวังตัวเป็นพิเศษ ผู้หญิงที่ดูเหมือนเรียบร้อยเคยบุกเข้าไปในห้องน้ำผู้ชาย หานซานเฉียนจะปฏิบัติกับเธอเหมือนผู้หญิงทั่วไปได้อย่างไร แต่ซูหยิงเซี่ยไม่ได้ระวังกลับกระตือรือร้นมาก “อีหยุน เธอรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่โรงพยาบาล” ซูหยิงเซี่ยจับมือฉี๋อีหยุนอย่างกระตือรือร้น และปฏิบัติต่อเพื่อนสาวคนนี้ด้วยความจริงใจ “พวกเธอไม่ได้ไปถ่ายพรีเวดดิ้งกันเหรอ เกิดอะไรขึ้น?” ฉี๋อีหยุนไม่ตอบคำถามของซูหยิงเซี่ย เธอให้ความสนใจกับหานซานเฉียน และรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนเกาะจีเหยียน แต่เธอจะให้ซูหยิงเซี่ยรู้ไม่ได้ เมื่อได้ยินคำถามนี้ ซูหยิงเซี่ยกลับพูดไม่ออก สาเหตุที่ตระกูลลู่เกิดปัญหานั้น เป็นเพราะเขาไม่ต้องการเอาเงินจำนวนมากเกินไป ไปประมูลกับหานซานเฉียน สถาณการณ์แบบนี้ทำให้ต่างคนไม่มีทางเลี่ยง แต่โชคดีที่ไม่มีอะไรใหญ่โตเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บของหานซานเฉียนก็เป็นเพียงบาดแผลที่ผิวหนังเท่านั้น “ไม่มีอะไร มันเป็นแค่อุบัติเหตุเล็กน้อย” ซูหยิงเซี่ยกล่าว การตายของพ่อลูกตระกูลลู่นั้นถูกตัดสินว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่จริง ๆ