“ผมจะได้อะไร?” เหวินเหลียงถาม “ความชื่นชมของหานจุน เขามีคุณสมบัติที่จะรับมรดกตระกูลหานมากกว่าหานซานเฉียนคนไร้ค่าคนนี้ เสาหลักของตระกูลหานในอนาคต แน่นอนว่าต้องเป็นหานจุน ไม่ใช่เจ้าคนไร้ค่านั่น” หานจุนติดคุก แต่สถานะของเขาในตระกูลหาน แน่นอนว่าสูงกว่าหานซานเฉียน นี่ทำให้เหวินเหลียงตกลงไปสู่สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก การเลือกยืนทางฝั่งนี้ พอไม่ระมัดระวังหน่อย ก็จะไม่หลงเหลือสิ่งใดอยู่เลย“ถ้าคุณไม่ยอม ในอีกสองวันผมจะทำให้คุณเห็นความสามารถของผม หานซานเฉียนก็ช่วยคุณไม่ได้หรอกนะ” คนในปลายสายขู่ “ได้” เมื่อคิดอยู่นาน เหวินเหลียงก็ตอบตกลงไป หานซานเฉียนสำหรับเขาแล้ว เท่ากับลงทุนแค่ครั้งเดียว ผลประโยชน์จะเห็นก็ต่อเมื่อหานซานเฉียนมีชื่อเสียง แต่คนที่โทรมาสามารถจัดการกับบริษัทของเขาได้ทันที ถ้าบริษัทหายไป จะมีประโยชน์อะไรในการลงทุน? ดังนั้นเหวินเหลียงจึงต้องตอบตกลงเขาไป “คุณเป็นคนฉลาด ในอนาคตคุณจะได้รู้ว่าการเลือกของคุณฉลาดแค่ไหน” คนปลายสายหัวเราะ หลังจากวางสายโทรศัพท์ เหวินเหลียงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขานึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวต่าง ๆ จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ คนที่โทรศัพท์มา
“คุณหานครับ ผมนัดกับตระกูลลู่ไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ วันนี้ตอนกลางคืนคุณว่างไหมครับ ผมจะพาคุณไปเจอลู่ซุนครับ” ตอนที่หานซานเฉียนกำลังถ่ายรูปพรีเวดดิ้งอยู่ เขาได้รับสายของเหวินเหลียง สำหรับข้อเสนอของเหวินเหลียง เขาจึงตอบตกลงไป เพราะอยากเที่ยวพักผ่อนที่เกาะจีเหยียนอย่างสบายใจ เรื่องนี้จำเป็นต้องไปแก้ไข เหวินเหลียงเห็นหานซานเฉียนตอบตกลง ในใจก็โล่งอกไปที แต่หลังจากวางสายไป มือกลับสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ สำหรับเขา นี่เป็นก้าวแรกของการทรยศหานซานเฉียน หลังจากเดินออกไปจากจุดนี้ สถานการณ์จะเป็นอย่างไร เขาไม่อาจคาดการณ์ได้เลย ดังนั้นเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่ไม่รู้ ในใจเหวินเหลียงรู้สึกกลัวเล็กน้อยผู้นำตระกูลคนนี้สามารถบังคับให้หนานกงเชียนชิวตายได้ วิธีการของเขาไม่เหมือนคนธรรมดา แต่คนในความลับนั้นเห็นเขาเป็นคนไร้ค่า จุดนี้เองเห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจเกี่ยวกับหานซานเฉียน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับบริษัทของตัวเองที่ได้รับการขู่ เหวินเหลียงกลับต้องทำอย่างนี้“อย่าโทษผมนะ ผมไม่มีโอกาสเลือก” เหวินเหลียงพูดด้วยสีหน้าทอดถอนใจ หลังจากถ่ายรูปสุดท้ายเสร็จ การถ่ายพรีเวดดิ้งอีกครั้งถือว่าประสบความสำเร็จ
ได้ยินคำพูดของหานซานเฉียน ภายในใจของซูหยิงเซี่ยก็เกิดความประทับใจ แล้วจึงพูดว่า “คุณเห็นฉันเป็นคนในครอบครัวมาตั้งนานแล้ว แต่ฉันกลับไม่สนใจคุณมาโดยตลอด คุณคงไม่โทษฉันนะคะ”“แน่นอนว่าไม่อยู่แล้วครับ” หานซานเฉียนส่ายหัวอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย แล้วพูดว่า “การที่ผมแต่งเข้ามา นำพาความเจ็บปวดมาให้คุณมากมาย คุณไม่เคยพูดไล่ผมสักคำ เพียงแค่นั้นผมก็ซาบซึ้งใจมากแล้วครับ”แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น แต่ภายในใจของซูหยิงเซี่ยก็ยังคงรู้สึกผิดต่อหานซานเฉียน โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ ท่าทีของเจี่ยงหลานที่ปฎิบัติต่อหานซานเฉียนมาทั้งหมดนั้น ก็คือแม่ยายใจร้าย ความอัปยศอดสูเช่นนี้ แม้แต่ตัวซูหยิงเซี่ยเองบางครั้งก็ทนไม่ไหว“ความเจ็บปวดของพวกเราสองคน ไม่มีใครมากน้อยไปกว่าใคร สามารถเดินมาถึงวันนี้ได้ ไม่ง่ายเลยจริง ๆ” ซูหยิงเซี่ยทอดถอนใจหานซานเฉียนพยักหน้าเห็นด้วย ผ่านมาสามปีกว่าแล้ว และแน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลย แต่น่าเสียดายตอนนี้ยังไม่ถึงตอนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันจริง ๆ ถ้าไม่มีเรื่องของหานเทียนหยางเข้ามา หลังจากที่หานซานเฉียนสามารถที่จะแทนที่ตระกูลหาน บางทีก็อาจจะใช้ชีวิตเสพสุขกับซูหยิงเซี่ย แต่ตอนนี้ชีวิตของเขาเห็นไ
สำหรับเรื่องของหานซานเฉียน ซูหยิงเซี่ยแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เธอรู้ว่าหานซานเฉียนนั้นไม่ใช่คนเกียจคร้าน ไม่มีอะไรทำแบบเปลือกนอกที่เห็น ทั้งหยุนเฉิงต่างก็คิดว่าเขาเป็นคนไร้ค่าที่ทำกับข้าว ซักเสื้อผ้าภายในบ้าน แต่ซูหยิงเซี่ยรู้จักม่อหยางจากหานซานเฉียน ผ่านคนพวกนั้น ก็สามารถเดาได้ว่าจริง ๆ แล้วเขาทำเรื่องมากมายที่ไม่ได้ให้คนอื่นรู้ มิฉะนั้นแล้วล่ะก็ บุคคลสำคัญพวกนั้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหานซานเฉียนได้อย่างไร?เมื่อมาถึงโฮมสเตย์ ที่นี่ไกลจากกลางใจเมือง มีสภาพแวดล้อมสวยงาม ทั้งยังคนที่สัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เป็นที่ที่ดีเลยทีเดียวหยางเฉินจัดการอย่างนี้ให้หานซานเฉียน ภายในใจคงเดาออกนิดหน่อยว่า เขาน่าจะกังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น ดังนั้นเลยจะให้ซูหยิงเซี่ยเปลี่ยนสถานที่พักเพื่อความปลอดภัย“ตามผมมา” หานซานเฉียนพูดกับหยางเฉินหลังจากทั้งสองคนเดินออกไปจากตึกเสี่ยวหยาง หยางเฉินก็ถามว่า “คุณให้พวกเรามาพักที่นี่ เป็นเพราะกังวลว่าลู่ซุนจะมาข่มขู่ซูหยิงเซี่ยใช่ไหมครับ?”หานซานเฉียนพยักหน้า เรื่องนี้ให้หยางเฉินรู้ก็ไม่ได้สำคัญอะไร แล้วพูดว่า “คืนนี้ผมจะไปเจอลู่ซุน จะมีอะไรเกิดขึ้น
รู้ทั้งรู้ว่าบนเขามีเสือร้าย แต่ยังดื้อจะเดินขึ้นเขา นี่เป็นบุคลิกลักษณะอันอาจหาญอย่างหนึ่ง แต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความโง่เขลา“การมางานเลี้ยงหงเหมินครั้งนี้ ถ้าผมกินอาหารมื้อเย็นนี้ไป คุณรู้ไหมว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง?” หานซานเฉียนถามไม่รอให้เหวินเหลียงพูดต่อ หานซานเฉียนเดินตรงไปยังคฤหาสน์ ไม่ได้ปฏิเสธที่จะซ่อน แต่ซ่อนไม่ได้เลยเหวินเหลียงเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยคบค้าสมาคมกับคนวัยรุ่นที่ทำให้คนกลัวขนาดนี้ ออร่าที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ไม่มีอะไรเทียบได้ แค่หนึ่งประโยคก็สามารถนำพาความกดดันอันยิ่งใหญ่มาให้คนได้ต่อให้เป็นเขาที่ตกลงไปอยู่ในมือลู่ซุน เหวินเหลียงคิดว่าเขาก็ไม่ตาย ถ้าอย่างนั้นตระกูลลู่ รวมถึงเขา ไม่ช้าก็เร็ว ต้องมีวันจบเห่เป็นแน่ “หวังว่านี่จะเป็นความเข้าใจผิดอย่างหนึ่งนะ” เหวินเหลียงปลอบใจตัวเอง หลังจากนั้นก็ก้าวเท้าตามหานซานเฉียนไปที่นี่เป็นคฤหาสน์ของตระกูลลู่ เวลานี้ในคฤหาสน์ ลู่เฟิง และลู่ซุนทั้งสองคนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก นอกจากนี้แล้ว ยังมีชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่อีกยี่สิบกว่าคน ดูก็รับรู้ได้ว่าเป็นเหล่าพวกสมุนตอนที่กริ่งประตูดังขึ้น ลู่ซุนพูดด
หลังจากลู่ซุนรับสายโทรศัพท์ สีหน้าก็ตกตะลึงในทันที ไม่มีคนอยู่ในโรงแรม จะไม่มีคนได้อย่างไร ข้อมูลที่อยู่ที่เขาตรวจสอบออกมานั้นถูกต้องอย่างแน่นอน เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่เจอสาเหตุเดียวก็คือ หานซานเฉียนต้องรู้ตั้งนานแล้วว่าเขาจะจัดการกับซูหยิงเซี่ย ดังนั้นจัดการพาซูหยิงเซี่ยออกไปล่วงหน้า“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าคนไร้ค่าอย่างนายจะฉลาดขนาดนี้ จัดการเอาเธอไปซ่อนไว้ตั้งนานแล้ว แต่จะมีประโยชน์อะไร” ลู่ซุนโบกมือเรียกชายฉกรรจ์รูปร่างใหญ่โตยี่สิบกว่าคน เดินไปหาหานซานเฉียนพร้อมกันหานซานเฉียนมีความสามารถในการต่อสู้ แต่มีคำโบราณบอกไว้ว่า มือดีไม่สู้สองหมัด สองหมัดยากจะสู้สี่มือ เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เยอะขนาดนี้ หานซานเฉียนมีโอกาสน้อยมากที่จะต่อต้านได้สำเร็จ นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิด ว่าลู่ซุนจะเตรียมลูกน้องมาเยอะขนาดนี้เซินเวิงอาจเปิดเผยความลับให้เหวินเหลียง เหวินเหลียงจึงเตือนคนตระกูลลู่ว่า พวกเขาจะจัดการเรื่องนี้“นายส่งโทรศัพท์ออกมาซะ หรือว่าจะรอให้ถูกคนของฉันทำร้าย แล้วฉันจะไปเอาเอง” ลู่ซุนหัวเราะแล้วพูดไป ตอนนี้หานซานเฉียนเหมือนมดตัวเล็ก ๆ ในมือเขา สามารถให้เขาหยอกเล่นได้ตามใจ ความรู้สึกชื
รอจนเหวินเหลียงออกไป ลู่เฟิงจึงกล่าวเตือนลู่ซุนว่า “อย่าลืมสิ่งที่ปู่เคยพูดไว้กับหลาน หลานอยากจะจัดการยังไงก็ได้ตามใจ แต่ห้ามฆ่าใครเด็ดขาด” ในใจลู่ซุนอยากที่จะฆ่าหานซานเฉียนมาก แต่ตอนนี้เขาทำอย่างนั้นไม่ได้ อย่างน้อยก่อนหาซูหยิงเซี่ยเจอ เขาจะสงบอารมณ์นี้ได้อย่างไร“ถ้านายอยากตาย ฉันก็ไม่สามารถทำให้นายพอใจได้ ฉันจะให้นายเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นถูกฉันเล่นสนุกยังไงบ้างเต็ม ๆ ตา นึกเหรอว่าเอาไปซ่อนแล้วฉันจะหาไม่เจอ? นายประเมินค่าความสามารถฉันในเกาะจีเหยียนต่ำไป” ลู่ซุนพูดหานซานเฉียนถูกโยนเข้าไปในห้องเก็บไวน์ของคฤหาสน์ตระกูลลู่ และได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยทีเดียว เรื่องนี้ทำให้เขาได้รับบทเรียนที่ลึกซึ้ง ไม่สามารถเชื่อคนที่ตัวเองไม่ได้สนิทด้วยเด็ดขาด“เหวินเหลียงนะเหวินเหลียง นายให้บทเรียนที่ดีกับฉันจริง ๆ”หลังจากเหวินเหลียงออกไปจากคฤหาสน์ แต่กลับไม่ได้ออกไป เขากลับนั่งอยู่บนรถแล้วโทรหาเซินเวิงหลังจากที่เซินเวิงรู้ว่าหานซานเฉียนถูกซ้อม ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะสำหรับเขาแล้ว นั่นคือสิ่งที่มันควรจะเป็น “เจ้าคนไร้ค่าถูกตีมีอะไรน่าแปลก? นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว นายไม่ต้องรวบรวมข้อมู
“แล้วตอนนี้ฉันจะทําอย่างไรดี ฉันทำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยร้องไห้อย่างกระวนกระวายใจในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของหยางเฉินก็ดังขึ้น เป็นหมายเลขของหานซานเฉียนที่โทรกลับมา หยางเฉินจึงทำท่าทางให้ซูหยิงเซี่ยเงียบเสียงทันทีหลังจากที่ซูหยิงเซี่ยระงับเสียงร้องไห้ของเธอลงแล้ว หยางเฉิงจึงได้กดปุ่มรับสายและเปิดลำโพง“คนสวย ถ้าคุณต้องการช่วยผู้ชายของคุณ ทางที่ดีก็รีบมาที่บ้านผมโดยด่วน มิฉะนั้นผมไม่สามารถรับประกันได้ว่าผมจะทําอะไรกับเขา ตอนนี้เขานอนอยู่ตรงหน้าผมเหมือนกับสุนัขที่ตายแล้ว คุณต้องการได้ยินเสียงของเขาไหม?”หลังจากที่ลู่ซุนพูดคําเหล่านี้ออกมา เขาก็เริ่มชกและเตะหานซานเฉียน จนได้ยินเสียงทุบตี แต่ไม่มีเสียงครวญครางที่เจ็บปวดจากหานซานเฉียนแม้แต่น้อย“น่าสมเพช นายมันปากแข็งนักใช่ไหม ฉันจะดูว่านายจะฝืนได้สักแค่ไหน” เดิมทีลู่ซุนต้องการให้หานซานเฉียนเปล่งเสียงออกมา เพื่อทำให้ซู่หยิงเซี่ยกังวลมากขึ้น จากนั้นก็จะเผยตัวตนออกมา แต่เขาไม่คาดคิดว่าหานซานเฉียนจะสามารถกัดฟันและอดทน แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม“เอาไม้จิ้มฟันมาให้ฉัน ฉันจะดูสิว่าเจ้าเศษสวะนี้จะทนได้นานแค่ไหน”“คนสวย
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ