หลังจากที่เซินเวิงพาซูไห่เฉาออกไปแล้ว เขาก็อยากจะฆ่าซูไห่เฉาเหลือเกิน เมื่อครู่นี้เขาสูญเสียศักดิ์ศรีจนหมดสิ้นต่อหน้าเหยียนจุน เขาไม่รู้จะเอาหน้าแก่ ๆ นี่ไปไว้ที่ไหนแล้วแต่ซูไห่เฉาก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? เขาเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง จะเอาไปเปรียบเทียบกับหานซานเฉียนที่อดทนมานานได้อย่างไร?แต่เซินเวิงไม่มีทางเลือก ตอนนี้หมากที่ดีที่สุดที่เขาคิดออกและหาได้มีเพียงซูไห่เฉาเท่านั้นความโกรธของซูไห่เฉาที่มีต่อหานซานเฉียนนั้นกระตุ้นความปรารถนาที่จะแก้แค้น ถ้าหากเซินเวิงให้ผลประโยชน์แก่เขาได้ในเรื่องนี้ได้ สุนัขตัวนี้ก็จะซื่อสัตย์ต่อเขาเสมอ พอหานจุนออกจากคุก เขาก็จะมีผู้ช่วยที่ดีหายนะสิบปีในคุก แม้ว่าจะใช้เส้นสายและความประพฤติที่ดีในคุกมาลดหย่อนโทษได้ แต่ก็ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะได้ออกมา หานจุนต้องอยู่โดดเดี่ยวมาหลายปี โลกภายนอกจะแปลกหน้าสำหรับหานจุน เซินเวิงจำเป็นต้องช่วยหานจุนฝึกฝนสุนัขที่รู้สถานการณ์ของโลกภายนอกเมื่อซูไห่เฉาอยู่เคียงข้างเซินเวิง เขาจะเดินก้มหน้า แต่ภายในใจเขากลับรู้สึกดูถูกชายชราคนนี้ เมื่อเทียบกับชายชราคนเมื่อครู่นี้แล้วเห็นได้ชัดว่าด้อยค่ากว่ามา
ตระกูลหานแห่งเมืองเยียนจิง!หานซานเฉียนเป็นคนของตระกูลหานแห่งเมืองเยียนจิง! คำเหล่านี้ทำให้หนังศีรษะของซูไห่เฉารู้สึกชาไปหมด คนไร้ประโยชน์ที่เขาตั้งแง่มาโดยตลอด คือคุณชายตระกูลหานแห่งเมืองเยียนจิงงั้นหรือ? เมื่อนึกถึงตอนที่หานซานเฉียนแต่งงานเข้ามา ทุกคนในตระกูลซูเห็นเขาเป็นขอทาน ซูไห่เฉามองหานซานเฉียนเป็นตัวตลกด้วยซ้ำ ใครจะคิดว่าคนแบบนี้จะเป็นลูกชายของตระกูลหานแห่งเมืองเยียนจิง!แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงลูกชายที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลหาน แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ตระกูลธรรมดาอย่างตระกูลซูนั้นจะไปเทียบได้ ในที่สุดซูไห่เฉาก็เข้าใจแล้วว่าของหมั้นที่ปรากฏขึ้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้น แท้จริงแล้วเป็นของหมั้นที่มอบให้ซูหยิงเซี่ย แต่ซูอี้หานคิดเองมาตลอดว่าเธอถูกหมายปองจากตระกูลเศรษฐี ตอนนี้คงจะกลายเป็นเรื่องตลกระดับชาติเสียแล้ว “นายกลัวเหรอ?” เซินเวิงพูดเยาะเย้ยซูไห่เฉาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ได้กลัวครับ คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะช่วยคุณจัดการกับเขา คนไร้ประโยชน์ที่ถูกตระกูลทอดทิ้งจะมีอะไรให้เกรงกลัวล่ะ?” เซินเวิงยิ้มเยาะ แม้ว่าซูไห่เฉาจะแสร้งทำเป็นเยือกเย็น แต่เขาจะไม่รู้สึกถึงสภาพจิตใจที่แท้จริงของ
หานซานเฉียนจ้องมองม่อหยางด้วยความรังเกียจ เจ้าหมอนี่เห็นแก่เงินอีกแล้วสินะ “นายนี่ร้อนเงินขนาดนั้นเลยเหรอ? ตอนนี้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมสีเทาส่วนใหญ่ในเมืองหยุนเฉิงอยู่ในมือนายทั้งหมดแล้ว นายกำลังจะร่ำรวยมากสินะ” หานซานเฉียนกล่าว “ไม่เลย ๆ ๆ เมื่อเทียบกับนายแล้วยังห่างไกลอยู่มาก ตอนนี้ยังเทียบไม่ได้แม้แต่ขนเส้นเดียวในตัวนายด้วยซ้ำ” ม่อหยางพูดอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกนายไปทำธุระส่วนตัวเถอะ ไม่ต้องคอยเฝ้าฉันหรอก” หานซานเฉียนกล่าวพวกเขารู้ว่าหานซานเฉียนกำลังจะบอกเรื่องนี้กับซูหยิงเซี่ย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถอยู่เป็นกว้างขวางคอที่นี่ได้ แต่ละคนจึงพากันกลับไปอย่างรู้งาน หานซานเฉียนหยิบมือถือออกมาดู เมื่อเห็นสภาพของตัวเองในตอนนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ศีรษะของเขาถูกพันจนเป็นบ๊ะจ่าง เหมือนพวกเศรษฐีเจ้าถิ่นในตะวันออกกลางไม่มีผิดเขาเลื่อนหาเบอร์โทรของซูหยิงเซี่ย หลังจากลังเลอยู่นาน เขาจึงกดโทรออกไปแม้ว่าปกติม่อหยางจะไม่ได้มีท่าทีจริงจังมากนัก แต่สิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผล ถ้าอยากให้ซูหยิงเซี่ยไม่รู้สึกเป็นห่วง เขาก็ต้องให้เธอรู้ความจริงเท่านั้น
“ผมแพ้การแข่งขัน” หานซานเฉียนพูดอย่างเศร้าใจ“ฉี๋อีหยุนโทรมาหาฉันแล้ว ฉันรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน คุณก็ไม่มีทางแพ้แน่นอนค่ะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าว หานซานเฉียนอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ในเมื่อผมแพ้การแข่งขันเพราะคุณ แล้วผมจะได้ค่าชดเชยอะไรไหมครับ?” ซูหยิงเซี่ยตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ไม่มีแน่นอน”เมื่อหานซานเฉียนได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกหมดแรงในทันทีจนรู้สึกหมดความอาลัยอาวรณ์ในชีวิต ขณะที่กำลังคอตกอยู่นั้น เขาก็ได้ยินซูหยิงเซี่ยพูดว่า “แต่ฉันเป็นภรรยาของคุณนะคะ” ประโยคนี้ทำให้หานซานเฉียนเงยหน้าขึ้นมองซูหยิงเซี่ยด้วยดวงตาเป็นประกาย ที่รัก! นี่หมายความว่าเขาสามารถใช้สิทธิ์ความเป็นสามีได้แล้วใช่ไหม? หานซานเฉียนผู้หื่นกระหายค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ซูหยิงเซี่ย ทันใดนั้นประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน แพทย์ในชุดกาวน์เดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยแล้วพูดว่า “ขอตรวจร่างกายหน่อยครับ”บัดซบ ๆ ๆ ๆ! ภายในใจของหานซานเฉียนมีคำว่าบัดซบผุดขึ้นเป็นหมื่นคำ แพทย์จะมาตรวจตอนไหนก็ได้ แต่กลับมาตรวจในเวลานี้!ซูหยิงเซี่ยรีบลุกขึ้นทันที ความเขินอายบนใบหน้าเผยออกมาจนไ
ความยโสโอหังและอวดดีของชายชราทำให้บรรดาพนักงานหลายคนในบริษัทรู้สึกขุ่นเคือง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะแค่มองก็รู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน พนักงานบริษัทเป็นแค่คนธรรมดา ใครจะกล้าไปล่วงเกินพวกเขาล่ะ? จงชิว ผู้ช่วยของซูหยิงเซี่ยเห็นว่าไม่มีใครในตระกูลซูยินดีออกมาพูด เธอจึงต้องก้าวออกมา “ช่วงนี้ประธานซูไม่ได้อยู่ในเมืองหยุนเฉิงค่ะ ถ้าพวกคุณมีธุระกับเธอ พวกคุณรอให้เธอกลับมาก่อนไม่ได้เหรอคะ?” จงชิวกล่าว “ไม่ได้อยู่ในเมืองหยุนเฉิง? ผมคิดว่าเธอจงใจหลบซ่อน เธอจะไม่อยู่ที่นี่ได้ยังไง คุณเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาพูดกับผม?” ชายชรามองจงชิวอย่างเหยียดหยาม จงชิวไม่ใช่คนใหญ่โตในบริษัท และไม่มีอำนาจพูดอะไรในบริษัท แต่ตอนนี้บรรดาญาติของตระกูลซูต่างก็ไม่มีใครออกมาพูดอะไร เธอจึงไม่มีทางเลือก เธอจะปล่อยให้ทุกคนไม่ได้เข้าทำงานไม่ได้ บริษัทต้องมีการจัดการกับเรื่องนี้ “ฉันเป็นผู้ช่วยของประธานซูค่ะ” จงชิวกล่าว ชายชราหัวเราะเยาะขึ้นมา เป็นแค่ผู้ช่วยเท่านั้น กล้าดีอย่างไรมาคุยกับเขา “คุณเป็นแค่ผู้ช่วยตัวเล็ก ๆ ผมแนะนำให้คุณเลิกพูดมากจะดีกว่า ถ้าไม่ติดต่อซูหยิงเซี่ยก็ไปหางานใหม่เถอะ” ชายชร
“พวกคุณไม่มีใครติดต่อซูหยิงเซี่ยได้เลยเหรอ? พวกคนไร้ประโยชน์ โตมาได้ยังไงกัน” เจี่ยงฟู่มองกวาดสายตาไปรอบ ๆ ถามคนทั้งหมดในบริษัทตอนนี้ไม่ใช่แค่พนักงาน แต่แม้แต่ญาติ ๆ ในตระกูลซูก็ไม่กล้ามองตาเจียงฟู่ ทุกคนต่างพากันก้มหน้าเงียบไม่พูดอะไรจงชิวไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงจึงพูดขึ้นว่า “ฉันจะรีบโทรหาประธานซูเดี๋ยวนี้ค่ะ”ในโรงพยาบาล ซูหยิงเซี่ยกำลังหั่นแอปเปิ้ลให้หานซานเฉียน ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น บนหน้าจอแสดงชื่อ จงชิว แวบแรกเธอก็มีลางสังหรณ์ว่าจะบริษัทคงเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแน่นอน เพราะเธอไม่ได้กลับบริษัทมาหลายวันแล้ว ตอนนี้เธอจึงไม่รู้สถานการณ์ของบริษัทเลย“จงชิว มีอะไรหรือเปล่า” ซูหยิงเซี่ยส่งแอปเปิ้ลให้หานซานเฉียน ก่อนจะะกดรับสายโทรศัพท์“ประธานซูคะ ตอนนี้คนของเจียงฟู่กำลังปิดกั้นอยู่ที่ประตูของบริษัท ไม่ให้พวกเราเข้าไปทำงานค่ะ” จงชิวพูดเมื่อได้ยินชื่อเจียงฟู่ ซูหยิงเซี่ยก็ขมวดคิ้วทันที ก่อนหน้านี้เขาก็เคยมาหาเธอแล้ว อีกทั้งยังมาเพราะหานซานเฉียน นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้เขาจะมาปิดประตูใหญ่บริษัทของเธอ!ก่อนหน้านี้ซูหยิงเซี่ยไม่เข้าใจสาเหตุของเรื่องราว แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว ตอนแรกเ
“หัวหดเป็นเต่ามานาน ทนไม่ไหวแล้วเหรอ? ถึงได้โผล่มาสักที” เจี่ยงฟู่พูดพลางยิ้มเยาะซูหยิงเซี่ย“หานซานเฉียนมีหน้าที่ต้องช่วยพวกคุณชนะการแข่งขันหมากล้อมด้วยเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ในเมื่อรู้แล้วว่าชายชราเหล่านี้มาที่บริษัทด้วยสาเหตุอะไร จึงไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมอีกต่อไปวันนี้สมาคมหมากล้อมแห่งเมืองหยุนเฉิงกลายเป็นเรื่องตลกของวงการหมากล้อมระดับโลกในประเทศจีน แม้ว่าพวกเขาจะถอนตัวออกไปจากสมาคมหมากล้อมได้ทันเวลา แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกอับอายขายหน้า ตำแหน่งที่มีเกียรตินี้กำลังถูกผู้คนหัวเราะเยาะ ทำให้ชายชราหลายคนรู้สึกโกรธมาก เมื่อได้ยินซูหยิงเซี่ยพูดแบบนี้ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นอีก“ซูหยิงเซี่ย เธอควรระวังคำพูดของเธอหน่อยนะ หากฉันเจียงฟู่ได้พูดอะไรออกไปสักคำเดียว บริษัทของเธอจะต้องย่อยยับในเมืองหยุนเฉิงแน่นอน” เจียงฟู่พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“ถ้าพวกคุณมีความสามารถขนาดนี้ แล้วทำไมไม่แข่งด้วยตัวเองล่ะ? คุณก็สามารถเอาชนะได้ไม่ใช่เหรอ? หรือว่าคุณ?” ซูหยิงเซี่ยพูดพลางชี้นิ้วไปที่ชายชราแต่ละคนอย่างดูถูกเมื่อบรรดาชายชราถูกชี้นิ้วใส่สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็
บรรดาญาติ ๆ ตระกูลซูหลายคนพูดเตือนซูหยิงเซี่ยด้วยความหวังดีซูหยิงเซี่ยยิ้มอย่างเยือกเย็น ถ้าไม่มีหานซานเฉียนคงไม่มีบริษัทตระกูลซูไปตั้งนานแล้ว เพียงแต่เรื่องราวเหล่านี้หานซานเฉียนไม่เอาออกมาพูดเท่านั้น แต่คนพวกนี้กลับอยากให้หานซานเฉียนคุกเข่าขอโทษเพื่อความมั่นคงของบริษัทเธอรู้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้เป็นห่วงบริษัทจริง พวกเขาเพียงแค่ห่วงชีวิตของตัวเองหลังจากบริษัทพังทลายลงมากกว่า พวกเขากลัวว่าจะตกงาน และการให้หานซานเฉียนออกมาคุกเข่าขอโทษ พวกเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร ดังนั้นจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับพวกเขา“ในเมื่อฉันเป็นคนตัดสินใจเรื่องของบริษัท พวกคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาชี้นิ้วสั่งฉัน ฉันจะไม่ให้หานซานเฉียนออกมาคุกเข่าขอโทษเด็ดขาด” ซูหยิงเซี่ยพูด“เธอ...”“หยิงเซี่ย หรือว่าเธออยากเห็นบริษัทล้มละลายงั้นเหรอ?”“เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าเธอเป็นคนฉลาด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิดไป เธอก็แค่คนโง่เขลาคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร”บรรดาญาติ ๆ ในตระกูลซูต่างกันพูดกับซูหยิงเซี่ยด้วยความโกรธซูอี้หานที่กำลังมองดูสถานการณ์อยู่ด้านข้างไม่ได้พูดแสดงความคิดเห็นอะไร แต่ภายในใจเ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ