หลังจากที่เซินเวิงพาซูไห่เฉาออกไปแล้ว เขาก็อยากจะฆ่าซูไห่เฉาเหลือเกิน เมื่อครู่นี้เขาสูญเสียศักดิ์ศรีจนหมดสิ้นต่อหน้าเหยียนจุน เขาไม่รู้จะเอาหน้าแก่ ๆ นี่ไปไว้ที่ไหนแล้วแต่ซูไห่เฉาก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? เขาเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง จะเอาไปเปรียบเทียบกับหานซานเฉียนที่อดทนมานานได้อย่างไร?แต่เซินเวิงไม่มีทางเลือก ตอนนี้หมากที่ดีที่สุดที่เขาคิดออกและหาได้มีเพียงซูไห่เฉาเท่านั้นความโกรธของซูไห่เฉาที่มีต่อหานซานเฉียนนั้นกระตุ้นความปรารถนาที่จะแก้แค้น ถ้าหากเซินเวิงให้ผลประโยชน์แก่เขาได้ในเรื่องนี้ได้ สุนัขตัวนี้ก็จะซื่อสัตย์ต่อเขาเสมอ พอหานจุนออกจากคุก เขาก็จะมีผู้ช่วยที่ดีหายนะสิบปีในคุก แม้ว่าจะใช้เส้นสายและความประพฤติที่ดีในคุกมาลดหย่อนโทษได้ แต่ก็ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะได้ออกมา หานจุนต้องอยู่โดดเดี่ยวมาหลายปี โลกภายนอกจะแปลกหน้าสำหรับหานจุน เซินเวิงจำเป็นต้องช่วยหานจุนฝึกฝนสุนัขที่รู้สถานการณ์ของโลกภายนอกเมื่อซูไห่เฉาอยู่เคียงข้างเซินเวิง เขาจะเดินก้มหน้า แต่ภายในใจเขากลับรู้สึกดูถูกชายชราคนนี้ เมื่อเทียบกับชายชราคนเมื่อครู่นี้แล้วเห็นได้ชัดว่าด้อยค่ากว่ามา
ตระกูลหานแห่งเมืองเยียนจิง!หานซานเฉียนเป็นคนของตระกูลหานแห่งเมืองเยียนจิง! คำเหล่านี้ทำให้หนังศีรษะของซูไห่เฉารู้สึกชาไปหมด คนไร้ประโยชน์ที่เขาตั้งแง่มาโดยตลอด คือคุณชายตระกูลหานแห่งเมืองเยียนจิงงั้นหรือ? เมื่อนึกถึงตอนที่หานซานเฉียนแต่งงานเข้ามา ทุกคนในตระกูลซูเห็นเขาเป็นขอทาน ซูไห่เฉามองหานซานเฉียนเป็นตัวตลกด้วยซ้ำ ใครจะคิดว่าคนแบบนี้จะเป็นลูกชายของตระกูลหานแห่งเมืองเยียนจิง!แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงลูกชายที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลหาน แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ตระกูลธรรมดาอย่างตระกูลซูนั้นจะไปเทียบได้ ในที่สุดซูไห่เฉาก็เข้าใจแล้วว่าของหมั้นที่ปรากฏขึ้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้น แท้จริงแล้วเป็นของหมั้นที่มอบให้ซูหยิงเซี่ย แต่ซูอี้หานคิดเองมาตลอดว่าเธอถูกหมายปองจากตระกูลเศรษฐี ตอนนี้คงจะกลายเป็นเรื่องตลกระดับชาติเสียแล้ว “นายกลัวเหรอ?” เซินเวิงพูดเยาะเย้ยซูไห่เฉาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ได้กลัวครับ คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะช่วยคุณจัดการกับเขา คนไร้ประโยชน์ที่ถูกตระกูลทอดทิ้งจะมีอะไรให้เกรงกลัวล่ะ?” เซินเวิงยิ้มเยาะ แม้ว่าซูไห่เฉาจะแสร้งทำเป็นเยือกเย็น แต่เขาจะไม่รู้สึกถึงสภาพจิตใจที่แท้จริงของ
หานซานเฉียนจ้องมองม่อหยางด้วยความรังเกียจ เจ้าหมอนี่เห็นแก่เงินอีกแล้วสินะ “นายนี่ร้อนเงินขนาดนั้นเลยเหรอ? ตอนนี้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมสีเทาส่วนใหญ่ในเมืองหยุนเฉิงอยู่ในมือนายทั้งหมดแล้ว นายกำลังจะร่ำรวยมากสินะ” หานซานเฉียนกล่าว “ไม่เลย ๆ ๆ เมื่อเทียบกับนายแล้วยังห่างไกลอยู่มาก ตอนนี้ยังเทียบไม่ได้แม้แต่ขนเส้นเดียวในตัวนายด้วยซ้ำ” ม่อหยางพูดอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกนายไปทำธุระส่วนตัวเถอะ ไม่ต้องคอยเฝ้าฉันหรอก” หานซานเฉียนกล่าวพวกเขารู้ว่าหานซานเฉียนกำลังจะบอกเรื่องนี้กับซูหยิงเซี่ย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถอยู่เป็นกว้างขวางคอที่นี่ได้ แต่ละคนจึงพากันกลับไปอย่างรู้งาน หานซานเฉียนหยิบมือถือออกมาดู เมื่อเห็นสภาพของตัวเองในตอนนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ศีรษะของเขาถูกพันจนเป็นบ๊ะจ่าง เหมือนพวกเศรษฐีเจ้าถิ่นในตะวันออกกลางไม่มีผิดเขาเลื่อนหาเบอร์โทรของซูหยิงเซี่ย หลังจากลังเลอยู่นาน เขาจึงกดโทรออกไปแม้ว่าปกติม่อหยางจะไม่ได้มีท่าทีจริงจังมากนัก แต่สิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผล ถ้าอยากให้ซูหยิงเซี่ยไม่รู้สึกเป็นห่วง เขาก็ต้องให้เธอรู้ความจริงเท่านั้น
“ผมแพ้การแข่งขัน” หานซานเฉียนพูดอย่างเศร้าใจ“ฉี๋อีหยุนโทรมาหาฉันแล้ว ฉันรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน คุณก็ไม่มีทางแพ้แน่นอนค่ะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าว หานซานเฉียนอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ในเมื่อผมแพ้การแข่งขันเพราะคุณ แล้วผมจะได้ค่าชดเชยอะไรไหมครับ?” ซูหยิงเซี่ยตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ไม่มีแน่นอน”เมื่อหานซานเฉียนได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกหมดแรงในทันทีจนรู้สึกหมดความอาลัยอาวรณ์ในชีวิต ขณะที่กำลังคอตกอยู่นั้น เขาก็ได้ยินซูหยิงเซี่ยพูดว่า “แต่ฉันเป็นภรรยาของคุณนะคะ” ประโยคนี้ทำให้หานซานเฉียนเงยหน้าขึ้นมองซูหยิงเซี่ยด้วยดวงตาเป็นประกาย ที่รัก! นี่หมายความว่าเขาสามารถใช้สิทธิ์ความเป็นสามีได้แล้วใช่ไหม? หานซานเฉียนผู้หื่นกระหายค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ซูหยิงเซี่ย ทันใดนั้นประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน แพทย์ในชุดกาวน์เดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยแล้วพูดว่า “ขอตรวจร่างกายหน่อยครับ”บัดซบ ๆ ๆ ๆ! ภายในใจของหานซานเฉียนมีคำว่าบัดซบผุดขึ้นเป็นหมื่นคำ แพทย์จะมาตรวจตอนไหนก็ได้ แต่กลับมาตรวจในเวลานี้!ซูหยิงเซี่ยรีบลุกขึ้นทันที ความเขินอายบนใบหน้าเผยออกมาจนไ
ความยโสโอหังและอวดดีของชายชราทำให้บรรดาพนักงานหลายคนในบริษัทรู้สึกขุ่นเคือง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะแค่มองก็รู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน พนักงานบริษัทเป็นแค่คนธรรมดา ใครจะกล้าไปล่วงเกินพวกเขาล่ะ? จงชิว ผู้ช่วยของซูหยิงเซี่ยเห็นว่าไม่มีใครในตระกูลซูยินดีออกมาพูด เธอจึงต้องก้าวออกมา “ช่วงนี้ประธานซูไม่ได้อยู่ในเมืองหยุนเฉิงค่ะ ถ้าพวกคุณมีธุระกับเธอ พวกคุณรอให้เธอกลับมาก่อนไม่ได้เหรอคะ?” จงชิวกล่าว “ไม่ได้อยู่ในเมืองหยุนเฉิง? ผมคิดว่าเธอจงใจหลบซ่อน เธอจะไม่อยู่ที่นี่ได้ยังไง คุณเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาพูดกับผม?” ชายชรามองจงชิวอย่างเหยียดหยาม จงชิวไม่ใช่คนใหญ่โตในบริษัท และไม่มีอำนาจพูดอะไรในบริษัท แต่ตอนนี้บรรดาญาติของตระกูลซูต่างก็ไม่มีใครออกมาพูดอะไร เธอจึงไม่มีทางเลือก เธอจะปล่อยให้ทุกคนไม่ได้เข้าทำงานไม่ได้ บริษัทต้องมีการจัดการกับเรื่องนี้ “ฉันเป็นผู้ช่วยของประธานซูค่ะ” จงชิวกล่าว ชายชราหัวเราะเยาะขึ้นมา เป็นแค่ผู้ช่วยเท่านั้น กล้าดีอย่างไรมาคุยกับเขา “คุณเป็นแค่ผู้ช่วยตัวเล็ก ๆ ผมแนะนำให้คุณเลิกพูดมากจะดีกว่า ถ้าไม่ติดต่อซูหยิงเซี่ยก็ไปหางานใหม่เถอะ” ชายชร
“พวกคุณไม่มีใครติดต่อซูหยิงเซี่ยได้เลยเหรอ? พวกคนไร้ประโยชน์ โตมาได้ยังไงกัน” เจี่ยงฟู่มองกวาดสายตาไปรอบ ๆ ถามคนทั้งหมดในบริษัทตอนนี้ไม่ใช่แค่พนักงาน แต่แม้แต่ญาติ ๆ ในตระกูลซูก็ไม่กล้ามองตาเจียงฟู่ ทุกคนต่างพากันก้มหน้าเงียบไม่พูดอะไรจงชิวไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงจึงพูดขึ้นว่า “ฉันจะรีบโทรหาประธานซูเดี๋ยวนี้ค่ะ”ในโรงพยาบาล ซูหยิงเซี่ยกำลังหั่นแอปเปิ้ลให้หานซานเฉียน ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น บนหน้าจอแสดงชื่อ จงชิว แวบแรกเธอก็มีลางสังหรณ์ว่าจะบริษัทคงเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแน่นอน เพราะเธอไม่ได้กลับบริษัทมาหลายวันแล้ว ตอนนี้เธอจึงไม่รู้สถานการณ์ของบริษัทเลย“จงชิว มีอะไรหรือเปล่า” ซูหยิงเซี่ยส่งแอปเปิ้ลให้หานซานเฉียน ก่อนจะะกดรับสายโทรศัพท์“ประธานซูคะ ตอนนี้คนของเจียงฟู่กำลังปิดกั้นอยู่ที่ประตูของบริษัท ไม่ให้พวกเราเข้าไปทำงานค่ะ” จงชิวพูดเมื่อได้ยินชื่อเจียงฟู่ ซูหยิงเซี่ยก็ขมวดคิ้วทันที ก่อนหน้านี้เขาก็เคยมาหาเธอแล้ว อีกทั้งยังมาเพราะหานซานเฉียน นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้เขาจะมาปิดประตูใหญ่บริษัทของเธอ!ก่อนหน้านี้ซูหยิงเซี่ยไม่เข้าใจสาเหตุของเรื่องราว แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว ตอนแรกเ
“หัวหดเป็นเต่ามานาน ทนไม่ไหวแล้วเหรอ? ถึงได้โผล่มาสักที” เจี่ยงฟู่พูดพลางยิ้มเยาะซูหยิงเซี่ย“หานซานเฉียนมีหน้าที่ต้องช่วยพวกคุณชนะการแข่งขันหมากล้อมด้วยเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ในเมื่อรู้แล้วว่าชายชราเหล่านี้มาที่บริษัทด้วยสาเหตุอะไร จึงไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมอีกต่อไปวันนี้สมาคมหมากล้อมแห่งเมืองหยุนเฉิงกลายเป็นเรื่องตลกของวงการหมากล้อมระดับโลกในประเทศจีน แม้ว่าพวกเขาจะถอนตัวออกไปจากสมาคมหมากล้อมได้ทันเวลา แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกอับอายขายหน้า ตำแหน่งที่มีเกียรตินี้กำลังถูกผู้คนหัวเราะเยาะ ทำให้ชายชราหลายคนรู้สึกโกรธมาก เมื่อได้ยินซูหยิงเซี่ยพูดแบบนี้ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นอีก“ซูหยิงเซี่ย เธอควรระวังคำพูดของเธอหน่อยนะ หากฉันเจียงฟู่ได้พูดอะไรออกไปสักคำเดียว บริษัทของเธอจะต้องย่อยยับในเมืองหยุนเฉิงแน่นอน” เจียงฟู่พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“ถ้าพวกคุณมีความสามารถขนาดนี้ แล้วทำไมไม่แข่งด้วยตัวเองล่ะ? คุณก็สามารถเอาชนะได้ไม่ใช่เหรอ? หรือว่าคุณ?” ซูหยิงเซี่ยพูดพลางชี้นิ้วไปที่ชายชราแต่ละคนอย่างดูถูกเมื่อบรรดาชายชราถูกชี้นิ้วใส่สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็
บรรดาญาติ ๆ ตระกูลซูหลายคนพูดเตือนซูหยิงเซี่ยด้วยความหวังดีซูหยิงเซี่ยยิ้มอย่างเยือกเย็น ถ้าไม่มีหานซานเฉียนคงไม่มีบริษัทตระกูลซูไปตั้งนานแล้ว เพียงแต่เรื่องราวเหล่านี้หานซานเฉียนไม่เอาออกมาพูดเท่านั้น แต่คนพวกนี้กลับอยากให้หานซานเฉียนคุกเข่าขอโทษเพื่อความมั่นคงของบริษัทเธอรู้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้เป็นห่วงบริษัทจริง พวกเขาเพียงแค่ห่วงชีวิตของตัวเองหลังจากบริษัทพังทลายลงมากกว่า พวกเขากลัวว่าจะตกงาน และการให้หานซานเฉียนออกมาคุกเข่าขอโทษ พวกเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร ดังนั้นจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับพวกเขา“ในเมื่อฉันเป็นคนตัดสินใจเรื่องของบริษัท พวกคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาชี้นิ้วสั่งฉัน ฉันจะไม่ให้หานซานเฉียนออกมาคุกเข่าขอโทษเด็ดขาด” ซูหยิงเซี่ยพูด“เธอ...”“หยิงเซี่ย หรือว่าเธออยากเห็นบริษัทล้มละลายงั้นเหรอ?”“เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าเธอเป็นคนฉลาด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิดไป เธอก็แค่คนโง่เขลาคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร”บรรดาญาติ ๆ ในตระกูลซูต่างกันพูดกับซูหยิงเซี่ยด้วยความโกรธซูอี้หานที่กำลังมองดูสถานการณ์อยู่ด้านข้างไม่ได้พูดแสดงความคิดเห็นอะไร แต่ภายในใจเ