“ฉันรู้สึกได้ถึงความมั่นใจในตัวเองอย่างแรงกล้าที่เขาได้แสดงออกมา ถ้าดูจากนิสัยของเขาแล้ว ในเมื่อกล้าที่จะท้าแข่งกับซ่างกวนเฮยไป๋ได้ นั่นแปลว่าเขาต้องมั่นใจเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์” ฉี๋อีหยุนกล่าวเมื่อหวางเม่าได้ยินแบบนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ยิ่งหนักแน่นมากขึ้นเอาชนะโอวหยางซิวเจี๋ยได้ สมาคมหมากล้อมหยุนเฉิงจะสามารถดื่มด่ำกับตำแหน่งผู้ชนะเลิศไปอีกนานแต่ถ้ายังสามารถเอาชนะซ่างกวนเฮยไป๋ได้ด้วย สมาคมหมากล้อมหยุนเฉิงจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในแวดวงหมากล้อมของจีนอย่างแน่นอน และในอนาคตก็จะมีคนมากมายมาเรียนรู้ที่นี่ แค่คิดหวางเม่าก็มีความสุขมากแล้ว“เฮ้อ ฉันล่ะอิจฉาจริง ๆ อายุยังน้อยก็ประสบความสำเร็จแล้ว พอนึกถึงตัวเองตอนอายุเท่าเขา ฉันเป็นแค่นักเล่นหมากล้อมที่ไม่เอาไหนเลย” หวางเม่าพูดพลางถอนหายใจ“ถึงคนทั่วไปจะมีพรสวรรค์ แต่ก็ไม่มีโอกาสพัฒนาทักษะการเล่นหมากรุกของตัวเอง แต่ดูเขาแล้วนอกจากจะมีพรสวรรค์ และยังมีเรื่องที่ไม่มีใครรู้อีก” ฉี๋อีหยุนกล่าวด้วยท่าทีไม่ใส่ใจหวางเม่ารู้สึกตกใจ เทียนฉางเฉิงเคยพูดถึงเกี่ยวกับตัวตนของหานซานเฉียนแบบไม่ชัดเจนมาบ้างแล้ว แม้จะพูดอย่างคลุมเครือ แต่ก็แสดงให้เห็
สิ่งที่ส่งเข้ามาในโทรศัพท์ของเขาไม่ใช่ข้อความแต่กลับเป็นภาพถ่ายรูปหนึ่งในภาพแสดงให้เห็นว่าซูหยิงเซี่ยและเฉินหลิงเหยาทั้งสองคนถูกมัดเอาไว้ ดูจากรูปที่ส่งมาดูเหมือนว่าพวกเธอทั้งสองถูกทิ้งลงในกองขยะ แต่จากรายละเอียดด้านหลังทำให้ดูออกว่านี่เป็นห้องห้องหนึ่ง เพียงแต่เป็นห้องที่รกมากเท่านั้นภาพดังกล่าวทำให้บรรยากาศความโหดเหี้ยมของหานซานเฉียนปะทุขึ้นทันที โอวหยางซิวเจี๋ยที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามรู้สึกหนาวสั่นอย่างบอกไม่ถูก เขาร่างกายสั่นเทาโดยไม่รู้ตัวเมื่อหานซานเฉียนเงยหน้าขึ้นมองซ่างกวนเฮยไป๋ ซ่างกวนเฮยไป๋เองก็กำลังมองมาที่เขาด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม“กรรมการครับ ผมขอพักสักสองสามนาที เพราะจะขอไปห้องน้ำ” หานซานเฉียนบอกกับกรรมการกรรมการถูกซื้อตัวโดยซ่างกวนเฮยไป๋ก่อนหน้านั้นแล้ว ถ้าหานซานเฉียนรู้สึกไม่ค่อยสบายก็จะมีผลดีต่อโอวหยางซิวเจี๋ย แล้วเขาจะตอบรับคำขอร้องของหานซานเฉียนได้อย่างไร?“ไม่ได้ การแข่งขันไม่สามารถหยุดกลางคันได้ แต่ถ้าทนไม่ไหว คุณสามารถสละสิทธ์ได้” กรรมการกล่าวด้วยรอยยิ้มด้วยการมุ่งเป้ามาที่หานซานเฉียนกันอย่างไม่ละอายใจ คนอื่น ๆ นอกจากหวางเม่าและฉี๋อีหยุนไม่ได้รู
หลังจากนั้นความเร็วในการวางหมากของหานซานเฉียนก็ยิ่งเร็วขึ้นไปอีก เขาพยายามวางให้ประมาทอย่างสุดความสามารถโดยไม่คิดไตร่ตรองเลย ซึ่งทำให้ทำลายข้อได้เปรียบจนชัยชนะค่อย ๆ เอนเอียงไปทางโอวหยางซิวเจี๋ยแทนหวางเม่าและฉี๋อีหยุนขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดจากความสามารถของหานซานเฉียนอย่างแน่นอน ในสถานการณ์แบบนี้ ถึงแม้จะเป็นฉี๋อีหยุนที่ไปเล่นแทนก็สามารถเอาชนะโอวหยางซิวเจี๋ยได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้หานซานเฉียนกลับขุดหลุมฝังตัวเองไม่หยุด ยิ่งทำให้ตัวเขาหมดหนทางชนะยิ่งขึ้นไปอีกทันใดนั้นผู้คนที่อยากให้โอวหยางซิวเจี๋ยชนะก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นทันที พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ หานซานเฉียนถึงมีท่าทีเปลี่ยนไปแบบนี้ เขาเพียงแต่คิดว่าโอวหยางซิวเจี๋ยเริ่มใช้ท่าไม้ตายจึงทำให้หานซานเฉียนสติแตก“ฉันบอกแล้วไงว่าโอวหยางซิวเจี๋ยจะแพ้ได้ยังไง ที่แท้เขาก็แค่จงใจหลอกหานซานเฉียน”“ตอนนี้ชายหนุ่มนิรนามคนนี้คงจะรู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของโอวหยางซิวเจี๋ยแล้ว ดูสิว่าเขายังจะกล้าอวดดีอีกหรือเปล่า ”“ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นตัวแทนจากเมืองหยุนเฉิง คราวนี้เขาคงสร้างตำนานเรื่องตลกให้กับเมืองหยุนเฉิงเลยล่ะ ขนาดโอวหยางซิวเจี๋ยออมมือให้
ในห้องพักของโรงแรม หวางเม่าได้จองตัวเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว ฉี๋อีหยุนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเผชิญหน้ากับหานซานเฉียน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหานซานเฉียนถึงจงใจแพ้การแข่งขันหลังจากไปเข้าห้องน้ำมาใช่แล้ว เขาจงใจแพ้การแข่งขันผู้คนพวกนั้นเชื่อมั่นในตัวโอวหยางซิวเจี๋ยอย่างไม่ลืมหูลืมตา ดังนั้นจึงไม่ยอมเห็นหานซานเฉียนเจตนาล้มการแข่งขัน เขาเชื่อว่าท่าไม้ตายของโอวหยางซิวเจี๋ยทำให้หานซานเฉียนสติหลุด แต่ฉี๋อีหยุนดูออกว่าด้วยศักยภาพของหานซานเฉียนแล้วเขาไม่มีทางแพ้แน่นอน“นายแพ้การแข่งขัน นายลองนึกดูสิว่าผู้คนในสมาคมหมากล้อมแห่งเมืองหยุนเฉิงพวกนั้นจะทำอะไรกับนายบ้าง?” ฉี๋อีหยุนพูดกับหานซานเฉียน“คนไร้ค่าพวกนั้นผมไม่สนใจหรอก พวกเขาจะทำอะไรผมได้… มันสำคัญตรงไหน?” หานซานเฉียนพูดอย่างดูถูก เขารู้ดีว่าหลังจากกลับไปที่เมืองหยุนเฉิง เขาจะต้องถูกสมาชิกพวกนั้นด่าประนามแน่นอน แต่ใครสนใจกันล่ะ?สำหรับหานซานเฉียนแล้ว ชนะหรือแพ้การแข่งขันไม่สำคัญเลย ความปลอดภัยของซูหยิงเซี่ยนั้นสำคัญที่สุดถ้าตาเฒ่าพวกนั้นมาก่อความวุ่นวายให้เขา เขาไม่ถือสาอะไร หากว่าจะต้องปฏิรูปเมืองหยุนเฉิงครั้งใหญ่“เดิมทีชื่อเสียงของนายในเมือง
ผู้ชายนั้นล้วนแสวงหาความงามของสตรีเช่นเดียวกับที่วิ่งตามอำนาจและตำแหน่ง“ตระกูลซูให้อะไรกับนายบ้าง?” ฉี๋อีหยุนเอ่ยถาม นี่เป็นคำถามที่นอกประเด็นมาก แต่สำหรับฉี๋อีหยุนนั้นเป็นคำถามที่สำคัญมาก“สำหรับผมแล้วโลกใบนี้ผมสามารถเอามาได้อย่างง่ายดาย และผมสามารถมอบโลกทั้งใบให้กับซูหยิงเซี่ย แล้วผมยังจะต้องการอะไรจากตระกูลซูอีกล่ะ?” หานซานเฉียนพูดอย่างไม่แยแสประโยคนี้ทรงพลังและกระแทกใจฉี๋อีหยุนเป็นอย่างมาก เรื่องโลกที่ได้มาอย่างง่ายดายนี่เขาโม้หรือเปล่า? แต่ดูจากท่าทางของเขาแล้วต้องไม่ใช่แค่เรื่องโอ้อวดเฉย ๆ แน่ผู้ชายที่สามารถมอบโลกทั้งใบให้กับผู้หญิงของตัวเองได้ ผู้หญิงคนนั้นจะมีความสุขขนาดไหนกัน?ฉี๋อีหยุนนึกภาพไม่ออกเลย แต่ถ้าหานซานเฉียนอาจจะทำได้จริง ๆ เธอจะหาวิธีมาแทนที่ซูหยิงเซี่ยให้ได้นี่เป็นความฝันตั้งแต่วัยเด็กของฉี๋อีหยุน เธอฝันถึงผู้ชายที่จะพาเธอไปยังจุดสูงสุดของโลก และมองลงมาดูทัศนียภาพของทั้งโลกใบนี้ “นาย...” ฉี๋อีหยุนลังเล เธออยากจะบอกหานซานเฉียนว่าสามารถช่วยให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่เธอยังไม่รู้จักหานซานเฉียนดี และไม่รู้ว่าหานซานเฉียนมีความสามารถมากแค่ไหน ดังนั้นเธอจึง
ปิดล้อมสนามบินณ คฤหาสน์ตระกูลเทียนเทียนฉางเฉิงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เขาได้ยินมาว่าหานซานเฉียนแพ้การแข่งขัน เขารู้สึกงุนงงเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะคราวก่อนที่หานซานเฉียนเล่นหมากล้อมกับโอวหยางซิวเจี๋ย เขาเห็นถึงความแตกต่างของความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองอย่างชัดเจน ถ้าพูดตามหลักการแล้ว การแข่งขันคราวนี้สำหรับเขาแล้วมั่นใจมาก ดังนั้นจะแพ้ได้อย่างไรหรือว่าเขาประมาทกัน?ด้วยนิสัยของหานซานเฉียน เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะผิดพลาดในเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ชาเดือดแล้ว แต่เทียนฉางเฉิงไม่ได้สังเกตเห็น จนกระทั่งเทียนหลิงเอ๋อร์เดินเข้ามาใกล้ และพูดว่า“คุณปู่คิดอะไรอยู่คะ ถึงได้เหม่อลอยแบบนี้ น้ำเดือดแล้วนะ”“อ่า” เทียนฉางเฉิงฟื้นคืนสติทันที เขาเหลือบมองที่กาน้ำชาและพยักหน้าอย่างรวดเร็วว่า “โอ เกือบจะทำกาชาชั้นดีนี่แตกซะแล้ว”เทียนหลิงเอ๋อร์อยู่ในชุดอยู่บ้านตัวใหญ่ที่ซ่อนรูปร่างอันงดงามไว้ เธอนั่งตรงข้ามกับเทียนฉางเฉิงและถามว่า “เรื่องอะไรที่ทำให้คุณปู่เหม่อลอยได้ขนาดนี้คะ?”เทียนฉางเฉิงไม่ต้องการพูดเรื่องหานซานเฉียนต่อหน้าเทียนหลิงเอ๋อร์ เพราะเรื่องที่แกล้งทำเป็นบังเอิญพบกันตอนเขาหยุ
ณ สนามบินหยุนเฉิงรถยนต์หรูหรามากมายจอดเรียงอยู่ตรงประตูทางเข้าสนามบิน เพื่อมารอรับผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็นคนในท้องถิ่นหรือคนต่างถิ่นก็ต่างพากันตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น นี่มาต้อนบุคคลสำคัญขนาดไหนกันถึงได้หรูหราแบบนี้ในบรรดารถยนต์คันหรูส่วนใหญ่เป็นเบนท์ลีย์และโรลส์รอยซ์ ผู้คนในเมืองหยุนเฉิงได้พบว่าเจ้าของรถยนต์เหล่านี้แทบจะเป็นตระกูลผู้มั่งคั่งที่สำคัญในแวดวงธุรกิจของเมืองหยุนเฉิง มีแค่สองสามคนที่ไม่ได้มาแต่นอกนั้นอยู่ที่นี่กันหมด“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย แล้วมารอรับใครกันล่ะถึงได้เล่นใหญ่กันขนาดนี้?”“น่าจะเป็นคนจากตระกูลเทียนหรือเปล่า นอกจากตระกูลเทียนแล้วมีใครในเมืองหยุนเฉิงที่มีสิทธิ์ได้รับการปฏิบัติแบบนี้อีกล่ะ”“ยิ่งใหญ่แบบนี้อย่างน้อยต้องเป็นนายท่านตระกูลเทียนแหละ แต่ว่าช่วงนี้ฉันไม่ได้ยินข่าวมาเลยนะว่าท่านจะเดินทางออกจากเมืองหยุนเฉิง”ชื่อเสียงของเทียนฉางเฉิงโด่งดังมากในเมืองหยุนเฉิง ผู้คนเกือบทุกคนต่างรู้จักเขา แต่พวกเขารู้ว่าเทียนฉางเฉิงไม่เคยออกจากเมืองหยุนเฉิง ตั้งแต่ออกจากตำแหน่งประธานของตระกูลเทียน แล้วคนที่พวกคนเหล่านั้นมารอรับจะเป็นเทียนฉางเฉิงได้อย่างไรผู้โดยสารบาง
เมื่อได้ยินเสียงเยาะเย้ยที่มีต่อหานซานเฉียนจากฝูงชน คนที่เปิดโปงตัวตนของหานซานเฉียนเมื่อครู่นี้รู้สึกลำพองใจ และรู้สึกประสบความสำเร็จที่ได้พูดประโยคเหล่านี้ออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะเขา คนพวกนั้นจะรู้เรื่องตัวตนของหานซานเฉียนได้อย่างไร “หานซานเฉียน นายควรจะขอบคุณฉันนะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันนายคงจะมีดีแค่ชื่อ ไม่เหมือนตอนนี้หรอก ที่อีกไม่นานคนทั้งเมืองหยุนเฉิงจะได้รู้จักนาย” ชายคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้มหานซานเฉียนถูกทำให้อับอายตลอดอยู่แล้ว ตั้งแต่อายุสิบสอง ชีวิตของเขาก็ห่างพ้นจากการแสดงท่าทางว่าเป็นคนจากตระกูลร่ำรวย เขาถูกคนภายนอกเมินรวมถึงถูกญาติกีดกันด้วย สำหรับเขาแล้วการเหน็บแนมเมินเฉยพวกนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอะไรแม้แต่น้อยหลังจากเขาแต่งเข้าตระกูลซู หานซานเฉียนไม่สนใจว่าคนภายนอกจะคิดกับเขา เขาเคยบอกฉือจิงแล้วว่าการที่ซ่อนตัวตนเอาไว้ก็แค่รอคอยโอกาสอยู่ เขาอดทนรออย่างสุดความสามารถ และนี่ก็เพื่อปูทางให้ฉือจิงก้าวหน้าตาม ซึ่งเองก็เธอปรารถนาในวันข้างหน้าด้วยในปัจจุบันสิ่งที่หานซานเฉียนแสวงหาไม่ใช่แค่การครอบครองตระกูลหาน เขาต้องการตามหาหานเทียนหยางด้วย ถึงแม้หานเทียนหยางจะตายไปแล้วจริง ๆ