แม้คำพูดของซ่างกวนเฮยไป๋จะดูเหมือนการยอมถอย แต่ความจริงแล้วเขายอมถอยเพื่อให้ชนะใจคนอื่นเท่านั้น เพราะเขารู้ว่าแม้จะตอบรับด้วยความยินยอม แต่คนอื่นที่อยู่ที่นี่ต่างไม่มีทางยินยอมอย่างแน่นอนด้วยตำแหน่งนักวิชาการของหมากล้อมระดับโลก ในฐานะที่โอวหยางซิวเจี๋ยเป็นศิษย์เอก และมีแนวโน้มว่าจะเป็นดาวเด่นในอนาคตของวงการหมากล้อมฮวาเซี่ย และยังสามารถเป็นผู้นำหมากล้อมจีน และนำเกียรติยศฮวาเซี่ยไปสู่ในระดับนานาชาติจนถึงระดับโลกได้ พวกเขาจะให้โอวหยางซิวเจี๋ยถอนตัวออกจากการแข่งขันแล้วให้หานซานเฉียนเอาแชมป์ไปได้อย่างไร“ผู้อาวสุโสซ่างกวน ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะครับ”“นั่นน่ะสิครับ อย่างนี้ไม่ได้แน่ โอวหยางซิวเจี๋ยสามารถเอาแชมป์มาได้ จะให้เขาถอนตัวได้ยังไงกันครับ?”“หานซานเฉียน ถ้านายไม่ยอมดำเนินการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศตอนนี้ ก็ถอนตัวออกจากการแข่งขันไปเถอะ ต่อให้นายได้แชมป์อย่างง่าย ๆ ก็ไม่มีทางได้รับการยอมรับจากพวกเราหรอก”“คนรุ่นหลังที่ไม่มีชื่อเสียง พวกเรารู้ว่าคุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโอวหยางซิวเจี๋ย แชมป์ครั้งนี้คุณยังกล้าจะเอามันไปอีกเหรอ?”“ถ้าสมาคมหมากล้อมแห่งเมืองหยุนเฉิงใช้วิธีการนี้ในการเอาแชมป์ไป ก
“ผมเห็นด้วย รีบดำเนินการการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเถอะ แต่ผมมีเงื่อนไขหนึ่งข้อที่ต้องการ” หานซานเฉียนเอ่ย“แกนี่นะ มีคุณสมบัติอะไรมาเสนอความต้องการกัน”“เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจริง ๆ ที่นี่มีนายสามารถแสดงความคิดเห็นได้เหรอ?”“ต่อหน้าผู้อาวุโสซ่างกวน แกกล้าดียังไงยังจะมาเสนอความต้องการอีก?”คำพูดนี้หานซานเฉียนพูดกับซ่างกวนเฮยไป๋ แต่ซ่างกวนเฮยไป๋ยังไม่ได้พูดอะไร คนอื่น ๆ กลับพูดตอบโต้กลับอย่างร้อนรน“นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับซ่างกวนเฮยไป๋ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาพูด เงียบปากดี ๆ แล้วดูการแสดงอย่างสนุกดีกว่าไหม?” หานซานเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ว่ามา นายต้องการอะไร?” ซ่างกวนเฮยไป๋ถาม“หลังจากที่ผมชนะโอวหยางซิวเจี๋ย คุณต้องแข่งกับผมหนึ่งรอบ” หานซานเฉียนกล่าวเมื่อผู้คนเหล่านั้นที่กำลังมองดูกันอย่างสนุกสนานได้ยินประโยคนี้ ต่างรู้สึกขุ่นเคืองใจทันที ซ่างกวนเฮยไป๋ไม่เคยเข้าร่วมการแข่งขันใดอย่างง่ายดาย ตำแหน่งของเขาตอนนี้ เพียงแค่เขาปรากฏตัวก็เป็นบุคคุลสำคัญของวงการหมากล้อมแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องใช้ศักยภาพสูงสุดเพื่อพิสูจน์ตัวเองด้วยซ้ำ อีกทั้งจากระดับของซ่างกวนเฮยไป๋นั้นจะแข่งกับใครที่ไม่มี
ณ เมืองหยุนเฉิงในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ซูหยิงเซี่ยและเฉินหลิงเหยาทั้งสองคนถูกจับมัดไว้ในสถานที่ที่ห่างไกลและลับตาผู้คนอย่างมากหลังจากซูหยิงเซี่ยเลิกงาน ซูหยิงเซี่ยและเฉินหลิงเหยาทั้งสองนัดทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่เมื่อออกมาจากร้านอาหาร พวกเธอก็ถูกผู้คนบีบบังคับให้ขึ้นไปบนรถตู้คันหนึ่ง และถูกขังอยู่ที่นี่โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นห้องที่ถูกจับขังไม่ใหญ่มาก นอกจากขยะกองใหญ่ทั่วทุกสารทิศยังมีโต๊ะไม้ธรรมดาโต๊ะหนึ่ง ตอนนี้ด้านข้างโต๊ะไม้เต็มไปด้วยกลุ่มผู้ชายที่มีใบหน้าอัปลักษณ์ดุร้ายน่ากลัวนั่งอยู่ เขาสวมใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าไว้ ส่วนแผ่นหลังสักลายหน้าปีศาจดูน่ากลัวพวกเขาดื่มเหล้าและกินถั่วพลางหันมามองซูหยิงเซี่ยและเฉินหลิงเหยาเป็นระยะ ๆ“พวกเธอสองคนหน้าตาก็สวยดีนี่ ถ้าอยู่เป็นเพื่อนพี่เล่นสนุกกันคงรื่นรมย์น่าดู แต่น่าเสียดาย นายจ้างบอกว่าพี่ไม่สามารถทำร้ายพวกเธอได้ น่าเสียดายจริง ๆ เลย” ชายที่สวมหน้ากากมีเพียงตา จมูก และปากที่เผยให้เห็นด้านนอก แววตาของเขาฉายแววเสียดายอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้มีหญิงสาวสวยสองคนมาอยู่ตรงหน้า แต่เขาไม่สามารถแตะต้องแม้แต่น
จู่ ๆ ชายตัวเล็กก็ลุกขึ้นและเดินตรงไปยังเฉินหลิงเหยาเมื่อเปรียบเทียบเฉินหลิงเหยากับซูหยิงเซี่ยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปโฉมสวยงาม หรือรูปร่างก็ล้วนแต่ด้อยกว่า แต่เขากลับสนใจเฉินหลิงเหยามาก“ไม่สามารถแตะต้องพวกเธอได้ ลูบคลำสักหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง” ชายตัวเล็กยิ้มแบบลามกตอนนี้เฉินหลิงเหยารู้สึกได้ถึงมือของเขาที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงต้นขาตัวเอง เธอต่อสู้ขัดขืนอย่างต่อเนื่อง แต่มือเท้าถูกมัดไว้ด้วยกันจึงไม่มีทางขยับได้เลย ทำได้เพียงปล่อยมือลามกของเขาให้ลูบไล้เธอไปเท่านั้น“ผิวดีนะเนี่ย ผู้หญิงต้อยต่ำอย่างเธอโดนข่มขืนมาไม่น้อยเลยสินะ” สายตาชายตัวเล็กฉายแววหื่นกามออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาปรารถนาเธออย่างมาก เขาพูดพลางเลื่อนมือไปถึงหน้าท้องของเฉินหลิงเหยา“เธออยากพูดอะไรไหม?” ชายตัวเล็กพูดพลางฉีกเทปกาวที่อยู่บนปากเฉินหลิงเหยาออกเฉินหลิงเหยามองชายตัวเล็กด้วยสีหน้าทหวาดกลัว แล้วพูดว่า “ขอร้องล่ะ ปล่อยพวกเราไปเถอะ”“ปล่อยงั้นเหรอ? ฉันมีสิทธิ์ที่ไหนกันล่ะ แต่ถ้าเธอเล่นสนุกเป็นเพื่อนฉันอย่างเต็มอกเต็มใจ ฉันอาจจะเสี่ยงคิดดูได้ ยอมไหมล่ะ?” ชายตัวเล็กเอามือชายคางของเฉินหลิงเหยาไว้เฉินหลิงเหยาส่ายหน้าไ
มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างทักษะการเดินหมากของโอวหยางซิวเจี๋ยและหานซานเฉียน ดังนั้นไม่ว่าโอหยางซิวเจี๋ยจะถ่วงเวลา หรือต้องการทำลายความอดทนของหานซานเฉียนมากแค่ไหน แต่สถานการณ์บนกระดานหมากยังคงเป็นหานซานเฉียนที่กำลังนำเกมอยู่สิ่งนี้แสดงให้เห็นความแตกต่างของศักยภาพ ไม่ว่าซ่างกวนเฮยไป๋จะวางแผนอะไร ไม่ว่าความเร็วในการวางหมากของโอวหยางซิวเจี๋ยจะช้าแค่ไหน ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่กำลังจะได้ชัยชนะของหานซานเฉียนได้ฝ่ายหานซานเฉียนวางหมากอย่างรวดเร็ว แต่โอวหยางซิวเจี๋ยกลับใช้เวลาในการพิจารณาวางหมากนานขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเขากำลังเสียเปรียบบนกระดานหมากเป็นอย่างมาก จึงทำได้แค่ถ่วงเวลารอจนกว่าหานซานเฉียนจะหมดแรงจนถึงที่สุด และค่อยหาโอกาสพลิกเกม“โอวหยางซิวเจี๋ย… คุณแพ้แล้ว ต่อให้จะถ่วงเวลายังไงก็ไม่มีโอกาสพลิกเกมหรอก นี่คือความแตกต่างระหว่างผมกับคุณ การถ่วงเวลาเอาไว้มันไม่เปลี่ยนความจริงไปได้หรอกนะ” หลังจากที่หานซานเฉียนวางหมาก เขาพูดกับโอวหยางซิวเจี๋ยด้วยสีหน้าผ่อนคลายในทางตรงกันข้าม ท่าทางของโอวหยางซิวเจี๋ยยิ่งเคร่งขรึมและตึงเครียดมากขึ้น สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าอย่างเห็น
“ฉันรู้สึกได้ถึงความมั่นใจในตัวเองอย่างแรงกล้าที่เขาได้แสดงออกมา ถ้าดูจากนิสัยของเขาแล้ว ในเมื่อกล้าที่จะท้าแข่งกับซ่างกวนเฮยไป๋ได้ นั่นแปลว่าเขาต้องมั่นใจเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์” ฉี๋อีหยุนกล่าวเมื่อหวางเม่าได้ยินแบบนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ยิ่งหนักแน่นมากขึ้นเอาชนะโอวหยางซิวเจี๋ยได้ สมาคมหมากล้อมหยุนเฉิงจะสามารถดื่มด่ำกับตำแหน่งผู้ชนะเลิศไปอีกนานแต่ถ้ายังสามารถเอาชนะซ่างกวนเฮยไป๋ได้ด้วย สมาคมหมากล้อมหยุนเฉิงจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในแวดวงหมากล้อมของจีนอย่างแน่นอน และในอนาคตก็จะมีคนมากมายมาเรียนรู้ที่นี่ แค่คิดหวางเม่าก็มีความสุขมากแล้ว“เฮ้อ ฉันล่ะอิจฉาจริง ๆ อายุยังน้อยก็ประสบความสำเร็จแล้ว พอนึกถึงตัวเองตอนอายุเท่าเขา ฉันเป็นแค่นักเล่นหมากล้อมที่ไม่เอาไหนเลย” หวางเม่าพูดพลางถอนหายใจ“ถึงคนทั่วไปจะมีพรสวรรค์ แต่ก็ไม่มีโอกาสพัฒนาทักษะการเล่นหมากรุกของตัวเอง แต่ดูเขาแล้วนอกจากจะมีพรสวรรค์ และยังมีเรื่องที่ไม่มีใครรู้อีก” ฉี๋อีหยุนกล่าวด้วยท่าทีไม่ใส่ใจหวางเม่ารู้สึกตกใจ เทียนฉางเฉิงเคยพูดถึงเกี่ยวกับตัวตนของหานซานเฉียนแบบไม่ชัดเจนมาบ้างแล้ว แม้จะพูดอย่างคลุมเครือ แต่ก็แสดงให้เห็
สิ่งที่ส่งเข้ามาในโทรศัพท์ของเขาไม่ใช่ข้อความแต่กลับเป็นภาพถ่ายรูปหนึ่งในภาพแสดงให้เห็นว่าซูหยิงเซี่ยและเฉินหลิงเหยาทั้งสองคนถูกมัดเอาไว้ ดูจากรูปที่ส่งมาดูเหมือนว่าพวกเธอทั้งสองถูกทิ้งลงในกองขยะ แต่จากรายละเอียดด้านหลังทำให้ดูออกว่านี่เป็นห้องห้องหนึ่ง เพียงแต่เป็นห้องที่รกมากเท่านั้นภาพดังกล่าวทำให้บรรยากาศความโหดเหี้ยมของหานซานเฉียนปะทุขึ้นทันที โอวหยางซิวเจี๋ยที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามรู้สึกหนาวสั่นอย่างบอกไม่ถูก เขาร่างกายสั่นเทาโดยไม่รู้ตัวเมื่อหานซานเฉียนเงยหน้าขึ้นมองซ่างกวนเฮยไป๋ ซ่างกวนเฮยไป๋เองก็กำลังมองมาที่เขาด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม“กรรมการครับ ผมขอพักสักสองสามนาที เพราะจะขอไปห้องน้ำ” หานซานเฉียนบอกกับกรรมการกรรมการถูกซื้อตัวโดยซ่างกวนเฮยไป๋ก่อนหน้านั้นแล้ว ถ้าหานซานเฉียนรู้สึกไม่ค่อยสบายก็จะมีผลดีต่อโอวหยางซิวเจี๋ย แล้วเขาจะตอบรับคำขอร้องของหานซานเฉียนได้อย่างไร?“ไม่ได้ การแข่งขันไม่สามารถหยุดกลางคันได้ แต่ถ้าทนไม่ไหว คุณสามารถสละสิทธ์ได้” กรรมการกล่าวด้วยรอยยิ้มด้วยการมุ่งเป้ามาที่หานซานเฉียนกันอย่างไม่ละอายใจ คนอื่น ๆ นอกจากหวางเม่าและฉี๋อีหยุนไม่ได้รู
หลังจากนั้นความเร็วในการวางหมากของหานซานเฉียนก็ยิ่งเร็วขึ้นไปอีก เขาพยายามวางให้ประมาทอย่างสุดความสามารถโดยไม่คิดไตร่ตรองเลย ซึ่งทำให้ทำลายข้อได้เปรียบจนชัยชนะค่อย ๆ เอนเอียงไปทางโอวหยางซิวเจี๋ยแทนหวางเม่าและฉี๋อีหยุนขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดจากความสามารถของหานซานเฉียนอย่างแน่นอน ในสถานการณ์แบบนี้ ถึงแม้จะเป็นฉี๋อีหยุนที่ไปเล่นแทนก็สามารถเอาชนะโอวหยางซิวเจี๋ยได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้หานซานเฉียนกลับขุดหลุมฝังตัวเองไม่หยุด ยิ่งทำให้ตัวเขาหมดหนทางชนะยิ่งขึ้นไปอีกทันใดนั้นผู้คนที่อยากให้โอวหยางซิวเจี๋ยชนะก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นทันที พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ หานซานเฉียนถึงมีท่าทีเปลี่ยนไปแบบนี้ เขาเพียงแต่คิดว่าโอวหยางซิวเจี๋ยเริ่มใช้ท่าไม้ตายจึงทำให้หานซานเฉียนสติแตก“ฉันบอกแล้วไงว่าโอวหยางซิวเจี๋ยจะแพ้ได้ยังไง ที่แท้เขาก็แค่จงใจหลอกหานซานเฉียน”“ตอนนี้ชายหนุ่มนิรนามคนนี้คงจะรู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของโอวหยางซิวเจี๋ยแล้ว ดูสิว่าเขายังจะกล้าอวดดีอีกหรือเปล่า ”“ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นตัวแทนจากเมืองหยุนเฉิง คราวนี้เขาคงสร้างตำนานเรื่องตลกให้กับเมืองหยุนเฉิงเลยล่ะ ขนาดโอวหยางซิวเจี๋ยออมมือให้