หลิ่วจื้อเจี๋ยที่อยู่ข้าง ๆ รู้ว่าตัวเองควรเสนอตัว รีบพูดว่า “สามแสนหยวนเอง แพงตรงไหนกัน ถ้าเธอชอบก็ซื้อสิ”ละครนี้ถูกจัดฉากตามลำดับวางแผนไว้ล่วงหน้าอย่างดีแล้ว เพียงแต่เจี่ยงหว่านยังคงแสดงท่าทางแปลกใจ เธอโอบลำคอของหลิ่วจื้อเจี๋ยแล้วจูบเขาสองครั้ง พูดว่า “จื้อเจี๋ย คุณดีกับฉันมากเลยค่ะ”ซูหยิงเซี่ยรู้สึกรำคาญ เจี่ยงหว่านแสดงอย่างไม่มืออาชีพเอาซะเลย ทำไมเธอจะดูไม่ออก?เจี่ยงหว่านลากซูหยิงเซี่ยไปมาอย่างตื่นเต้นดีใจ แล้วพูดว่ากระเป๋าสวยไปหมดเลย เพื่อให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกอิจฉาแต่ซูหยิงเซี่ยกลับไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเลยสักนิดกระเป๋าราคาสามแสนหยวนแล้วยังไงล่ะ หานซานเฉียนซื้อคฤหาสน์ที่มูลค่าแปดล้านกว่าหยวนพร้อมกับโอนกรรมสิทธิ์ให้เธอ เพียงแค่ตรงจุดนี้หลิ่วจื้อเจี๋ยก็เทียบไม่ได้แล้ว“คุณชอบร้านนี้ไหม?” ทันใดนั้นหานซานเฉียนก็เดินไปอยู่ข้าง ๆ ซูหยิงเซี่ยและเอ่ยถามเธอ ไม่ว่าซูหยิงเซี่ยจะชอบหรือไม่ชอบกระเป๋าใบนั้น หรือจะชอบหรือไม่ชอบร้านนี้ก็ตาม“ถ้าหยิงเซี่ยชอบ นายซื้อไหวหรือเปล่าล่ะ ทำไมต้องถามเยอะด้วย?” เจี่ยงหว่านหัวเราะออกมาเบา ๆ การปรากฎตัวออกมาของหานซานเฉียนในตอนนั้นเป็นโอกาสอันดีสำหร
ใครกันที่ใจป้ำอย่างนี้กระเป๋าราคาหลายแสนหยวนแบบนี้ บอกว่าจะให้ก็ให้เลยเหรอ?เจี่ยงหว่านกับหลิ่วจื้อเจี๋ยทั้งสองคนหันไปมองพร้อมกัน เมื่อพวกเขาเห็นเจ้าของเสียง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีคุณถังจง!ทำไมถึงเป็นคุณถังจงล่ะ!ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ตอนเช้าเจี่ยงหว่านยังพูดโม้ว่าหลิ่วจื้อเจี๋ยเป็นเพื่อนของถังจงอยู่เลย ตอนนี้ถังจงปรากฎตัวขึ้นแล้ว ทีนี้จะปิดบังความจริงกันยังไงล่ะเนี่ย?ซูหยิงเซี่ยเคยเห็นถังจงในรูปถ่าย เธอจึงจำเขาได้ในทันที สำหรับเหตุผลที่ถังจงให้กระเป๋าเธอ เธอพอจะคาดเดาได้ว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับหานซานเฉียนแน่ ๆหรือว่าหานซานเฉียนจัดการให้ถังจงมาปรากฎตัวที่นี่?แม้แต่คนอย่างถังจง เขาก็สามารถเรียกใช้ได้ตามใจชอบอย่างนั้นเหรอ?ซูหยิงเซี่ยเข้าใจผิดแล้ว เพราะว่าถังจงไม่ได้ถูกหานซานเฉียนเรียกให้มาพบ แต่พวกเขาบังเอิญเดินมาเจอต่างหาก ถึงขนาดเรียกใช้ได้ตามใจ คงเกินจริงไปหน่อยกระมัง“ประธานถัง คุณ คุณมาได้ยังไงครับ” หลิ่วจื้อเจี๋ยพูดอย่างลื่นไหลไปตามน้ำถังจงไม่ได้มองหลิ่วจื้อเจี๋ยเลยแม้แต่น้อย เขาเดินตรงไปหน้าซูหยิงเซี่ย แล้วพูดว่า “คุณซูครับ ถ้าคุณชอบสินค้าตัวไหนในห้างนี้ คุณสา
สีหน้าของหลิ่วจื้อเจี๋ยเปลี่ยนเป็นขาวซีดในทันที ตอนนี้บริษัทของเขาเพิ่งเริ่มได้ไม่นานเท่าไหร่ เดินไปในแนวทางที่ถูกต้อง ถ้าถูกคุณถังจงพุ่งเป้าแล้ว ต่อให้มีเขาอีกสิบคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถังจงอยู่ดี“ประธานถังครับ ผมเองครับ ผมคือหลิ่วจื้อเจี๋ย แต่ผมไม่ได้ใช้ชื่อของคุณไปเที่ยวโอ้อวดต้มตุ๋นนะครับ เพียงแต่เอาไปคุยโม้เท่านั้นเองครับ หวังว่าคุณจะไม่ต่อว่าผม” หลิ่วจื้อเจี๋ยเดินไปข้างหน้าถังจงแล้วพูดอย่างเคารพน้อบน้อม“เอาชื่อของผมไปคุยโม้ คุณกล้าไม่น้อยเลยนะ ไม่เคยมีใครบอกคุณเหรอว่าใช้ชื่อของผมตามอำเภอใจ จุดจบคืออะไร?”หน้าผากหลิ่วจื้อเจี๋ยเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาอยากให้เจี่ยงหว่านออกมารับเคราะห์ แม้ว่าเขาจะชอบเจี่ยงหว่านมาก แต่เขาจะไม่เอาอนาคตของบริษัทตัวเองไปผูกไว้กับผู้หญิงคนหนึ่งเด็ดขาดยิ่งไปกว่านั้น เขารู้ดีว่าผู้หญิงเลือกมากอย่างเจี่ยงหว่าน ขอแค่มีฐานะร่ำรวย มีเกียรติ ถ้าบริษัทของเขาพังทลายลงครั้งหนึ่ง เจี่ยงหว่านต้องทอดทิ้งเขาแน่นอน“ประธานถังครับ ผมขอโทษครับ แม้ว่าเรื่องนี้ผมไม่ได้เป็นคนทำ แต่เธอเป็นแฟนของผม ผมก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ผมจะให้เธอมาขอโทษคุณครับ” เมื่อหลิ่วจื้อเจี๋ยพูด
หานซานเฉียนเดินไปอยู่ด้านข้างของซูหยิงเซี่ย แล้วยื่นถุงสินค้าให้กับซูหยิงเซี่ย“หยิงเซี่ย เธอไม่เปิดดูหน่อยเหรอ? อยากรู้จังว่าเขาจะซื้ออะไรมา” เจี่ยงหว่านพูดอย่างประหลาดใจไม่ว่าเขาจะซื้ออะไรมา สำหรับซูหยิงเซี่ยนั้นไม่สำคัญ เพียงแค่เป็นของที่หานซานเฉียนมอบให้ เธอก็ชอบหมด“กลับบ้านไปค่อยดูค่ะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าวเจี่ยงหว่านอยากเปิดโปงความไร้ค่าของหานซานเฉียน เธอไม่สามารถอดทนรอจนถึงบ้านแล้วค่อยเปิดดู ไม่อย่างนั้นภายในใจของเธอจะสงบลงได้อย่างไร?เพราะเรื่องการขายหน้าของคุณถังจงเมื่อครู่นี้ เธอจึงจำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองให้คืนกลับมาถึงจะรู้สึกดีเจี่ยงหว่านแย่งของที่อยู่ในมือซูหยิงเซี่ยไป แล้วพูดว่า “ไม่ใช่ของที่มีลับลมคมในอะไร ทำไมต้องรอให้ถึงบ้านล่ะ หรือเธอกลัวว่าของมันจะราคาถูกเกินไปจนรู้สึกอับอายขายหน้า?”“เจี่ยงหว่าน อย่าทำตัวให้มันมากเกินไปนะ” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างไม่พอใจ การที่เธอเรียกชื่อเจี่ยงหว่านอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ นั่นหมายความว่าเธอกำลังโกรธมากการกระทำของเจี่ยงหว่านมันเกินไปจริง ๆ อีกทั้งยังไม่มีมารยาทแม้แต่น้อย แต่เธอไม่สนใจและพูดว่า “หยิงเซี่ย เธอเปลี่ยนไปเป็นค
“เธอคงภาวนาไม่ให้คนอื่นไปแจ้งความกับตำรวจสินะ ไม่ต้องกลัวไปหรอก แค่อาจจะต้องติดคุกในช่วงเทศกาลแข่งเรือมังกรเท่านั้นเอง”เมื่อกลับเข้ามาในร้าน เจี่ยงหว่านก็เอากระเป๋าตรงไปยังบนเคาน์เตอร์ แล้วพูดกับพนักงานเก็บเงินว่า “พวกคุณทำงานกันยังไงเนี่ย ของราคาแพงขนาดนี้ โดนคนสับเปลี่ยนไปแล้วยังไม่รู้เรื่องอีก ไม่กลัวเจ้านายไล่พวกคุณออกเหรอคะ?”พนักงานขายสองสามคนเริ่มแสดงสีหน้างุนงง“คุณผู้หญิงคะ ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูด คุณหมายความว่ายังไงคะ” พนักงานตรงเคาน์เตอร์ถาม“หมายความว่าไงเหรอ? คุณก็ดูเอาเองสิ สิ่งที่เขาซื้อคืออะไร แล้วสิ่งที่เขาเอาไปคืออะไร” เจี่ยงหว่านกล่าวพนักงานที่เคาน์เตอร์มองเจี่ยงหว่านครู่นึ่งด้วยความแปลกใจ แล้วก็หันไปมองหานซานเฉียนด้วยความสับสนไปหมด“มีอะไรไม่ถูกต้องเหรอคะ? คุณผู้ชายท่านนี้ซื้อกระเป๋าใบนี้จริง ๆ ค่ะ” พนักงานเคาน์เตอร์ตอบ“มันจะเป็นไปได้ยังไง พวกคุณแหกตามองให้ดี ๆ สิ เขาจะซื้อกระเป๋าใบนี้ได้ยังไงกัน” เจี่ยงหว่านพูดอย่างร้อนรน เธอต้องทำให้หานซานเฉียนอับอายขายหน้าให้ได้ ถึงจะกลับออกไปอย่างมาดมั่น ไม่ใช่เธอมาอับอายขายหน้าเสียเอง“คุณผู้หญิงคะ กรุณาให้เกียรติกันหน
เมื่อเห็นพนักงานกำลังขายสินค้าอย่างวุ่นวาย ตอนนี้ความหวังเดียวของเจี่ยงหว่านคือ หานซานเฉียนจะไม่มีเงินจ่าย ดังนั้นภายในใจของเธอจึงสาปแช่งเขาอย่างเงียบ ๆ แต่เมื่อหานซานเฉียนหยิบบัตรเครดิตออกมาและรูดบัตรได้สำเร็จ เจี่ยงหว่านรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเธอนั่งอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าซีดเผือด ดวงตาสองคู่ล่องลอยไร้จิตวิญญาณ วันนี้เธอมาเพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ของตัวเองคืน แต่ทว่ากลับเป็นเธอซะเองที่อับอายขายหน้าแทนหลิ่วจื้อเจี๋ยให้แค่กระเป๋าใบละสามแสนกับเธอเท่านั้น แต่หานซานเฉียนกลับซื้อของทั้งร้านให้ซูหยิงเซี่ย ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว ซึ่งเจี่ยงหว่านรู้อยู่แก่ใจเธอหวังว่าหลิ่วจื้อเจี๋ยจะสามารถให้เธอใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้ตามใจ แต่เธอรู้ดีว่าหลิ่วจื้อเจี๋ยไม่มีความสามารถระดับนั้น“ซูหยิงเซี่ย ตอนนี้เธอต้องเป็นคนรับผิดชอบ เธอจะรังแกลูกพี่ลูกน้องตัวเองอย่างนี้งั้นเหรอ?” สวี่ฟางกัดฟันพูดด้วยสีหน้าคับแค้นใจกับซูหยิงเซี่ย“มีเงินก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ซื้อทั้งห้างไปเลยล่ะ ลูกพี่ลูกน้องเธอแค่หาเรื่องเล่นสนุกเท่านั้น ทำแบบนี้มันเกินไปนะ” เจี่ยงป๋อพูดอย่างโกรธแค้นดูเหมือนสองสามีภรรยาจะไม่แคร์เ
ขณะกำลังเก็บสัมภาระหน้าบ้าน ประตูบ้านก็เปิดออก สวี่ฟางออกมาพูดพลางหัวเราะเยาะว่า “นับตั้งแต่วันนี้ไป พวกเธออย่ามาที่บ้านหลังนี้อีก ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกเธอ จะไปอยู่บนสะพาน หรือนอนข้างถนนก็เอาเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”“พี่ฟางคะ ยังไงพวกเราก็เป็นญาติกัน จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?” เจี่ยงหลานพูดอย่างไม่พอใจ“ทำเกินไปเหรอ? แล้วสิ่งที่พวกเธอทำล่ะมันเกินไปไหม? เป็นฝ่ายนั้นมากกว่าที่ไม่นึกถึงความเป็นญาติกัน โทษฉันไม่ได้นะรู้ไว้สะก่อน” สวี่ฟางกล่าวเจี่ยงหลานรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนซูหยิงเซี่ย เพราะปัญหาของเรื่องนี้มาจากตัวเจี่ยงหว่านเองมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะอยากอวดรวย ถ้าไม่ใช่คนที่ชอบหาเรื่องทะเลาะ หลายเรื่องจะวุ่นวายมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?“พี่ก็ดูแลลูกสาวพี่ให้ดี ๆ หน่อยแล้วกัน นิสัยอย่างหล่อน อีกไม่นานต้องก่อเรื่องใหญ่อีกแน่ เรื่องวันนี้ก็เป็นความผิดของเธอด้วย” เจี่ยงหลานกล่าวเมื่อสวี่ฟางได้ยินดังนั้นก็ด่ากลับอย่างรุนแรงด้วยความไม่พอใจ “รีบออกไปเลยนะ อย่าให้ฉันเห็นหน้าพวกเธออีก หวังว่าช่วงเทศกาลเรือมังกรจะไม่เสร่อโผล่หน้ามาล่ะ จะได้ไม่ต้องเป็นเสนียดลูกตาฉัน”เสียงประตู
หลังจากครอบครัวซูหยิงเซี่ยลงมาข้างล่าง พวกเขาขึ้นรถที่ถังจงจัดการไว้ให้ แต่นอกจากหานซานเฉียนแล้วคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้เรื่องนี้“คุณมีเพื่อนอยู่ในเมืองปินเซี่ยนตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซูหยิงเซี่ยนั่งข้างหานซานเฉียนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ เพราะหานซานเฉียนไม่ค่อยได้มาเมืองปินเซี่ยนด้วยซ้ำ แล้วเขาจะมีเพื่อนที่นี่ได้อย่างไรสัมภาระถูกวางบนรถค่อนข้างเบียดเสียด ขาของหานซานเฉียนกับขาของซูหยิงเซี่ยแทบจะแนบชิดติดเป็นคนเดียวกันอยู่แล้ว สำหรับเขานี่เป็นครั้งแรกที่ได้ติดต่อเพื่อนสนิทเป็นพิเศษ ภายในใจกำลังรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เห็นได้ชัดว่าซูหยิงเซี่ยไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เมื่อเธอเห็นเหงื่อของหานซานเฉียนผุดขึ้นเต็มหน้าผาก เธอก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้นไปอีก“คุณตื่นเต้นอะไรเหรอ หรือว่าเป็นเพื่อนผู้หญิง?” ซูหยิงเซี่ยถามต่อ“ไม่ใช่ๆๆ ไม่ใช่แน่นอน” หานซานเฉียนรีบส่ายหน้าแล้วปฏิเสธ “ก็ต้องเป็นผู้ชายสิ เมื่อก่อนเรารู้จักกันตอนอยู่เมืองหยุนเฉิง แล้วก็ยังติดต่อกันตอนที่เขาย้ายมาอยู่เมืองปินเซี่ยนพอดี”“แล้วทำไมตัวถึงร้อนแบบนี้ล่ะ?” เมื่อซูหยิงเซี่ยเห็นเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากของหานซา