ขณะกำลังเก็บสัมภาระหน้าบ้าน ประตูบ้านก็เปิดออก สวี่ฟางออกมาพูดพลางหัวเราะเยาะว่า “นับตั้งแต่วันนี้ไป พวกเธออย่ามาที่บ้านหลังนี้อีก ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกเธอ จะไปอยู่บนสะพาน หรือนอนข้างถนนก็เอาเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”“พี่ฟางคะ ยังไงพวกเราก็เป็นญาติกัน จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?” เจี่ยงหลานพูดอย่างไม่พอใจ“ทำเกินไปเหรอ? แล้วสิ่งที่พวกเธอทำล่ะมันเกินไปไหม? เป็นฝ่ายนั้นมากกว่าที่ไม่นึกถึงความเป็นญาติกัน โทษฉันไม่ได้นะรู้ไว้สะก่อน” สวี่ฟางกล่าวเจี่ยงหลานรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนซูหยิงเซี่ย เพราะปัญหาของเรื่องนี้มาจากตัวเจี่ยงหว่านเองมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะอยากอวดรวย ถ้าไม่ใช่คนที่ชอบหาเรื่องทะเลาะ หลายเรื่องจะวุ่นวายมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?“พี่ก็ดูแลลูกสาวพี่ให้ดี ๆ หน่อยแล้วกัน นิสัยอย่างหล่อน อีกไม่นานต้องก่อเรื่องใหญ่อีกแน่ เรื่องวันนี้ก็เป็นความผิดของเธอด้วย” เจี่ยงหลานกล่าวเมื่อสวี่ฟางได้ยินดังนั้นก็ด่ากลับอย่างรุนแรงด้วยความไม่พอใจ “รีบออกไปเลยนะ อย่าให้ฉันเห็นหน้าพวกเธออีก หวังว่าช่วงเทศกาลเรือมังกรจะไม่เสร่อโผล่หน้ามาล่ะ จะได้ไม่ต้องเป็นเสนียดลูกตาฉัน”เสียงประตู
หลังจากครอบครัวซูหยิงเซี่ยลงมาข้างล่าง พวกเขาขึ้นรถที่ถังจงจัดการไว้ให้ แต่นอกจากหานซานเฉียนแล้วคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้เรื่องนี้“คุณมีเพื่อนอยู่ในเมืองปินเซี่ยนตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซูหยิงเซี่ยนั่งข้างหานซานเฉียนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ เพราะหานซานเฉียนไม่ค่อยได้มาเมืองปินเซี่ยนด้วยซ้ำ แล้วเขาจะมีเพื่อนที่นี่ได้อย่างไรสัมภาระถูกวางบนรถค่อนข้างเบียดเสียด ขาของหานซานเฉียนกับขาของซูหยิงเซี่ยแทบจะแนบชิดติดเป็นคนเดียวกันอยู่แล้ว สำหรับเขานี่เป็นครั้งแรกที่ได้ติดต่อเพื่อนสนิทเป็นพิเศษ ภายในใจกำลังรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เห็นได้ชัดว่าซูหยิงเซี่ยไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เมื่อเธอเห็นเหงื่อของหานซานเฉียนผุดขึ้นเต็มหน้าผาก เธอก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้นไปอีก“คุณตื่นเต้นอะไรเหรอ หรือว่าเป็นเพื่อนผู้หญิง?” ซูหยิงเซี่ยถามต่อ“ไม่ใช่ๆๆ ไม่ใช่แน่นอน” หานซานเฉียนรีบส่ายหน้าแล้วปฏิเสธ “ก็ต้องเป็นผู้ชายสิ เมื่อก่อนเรารู้จักกันตอนอยู่เมืองหยุนเฉิง แล้วก็ยังติดต่อกันตอนที่เขาย้ายมาอยู่เมืองปินเซี่ยนพอดี”“แล้วทำไมตัวถึงร้อนแบบนี้ล่ะ?” เมื่อซูหยิงเซี่ยเห็นเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากของหานซา
สำหรับเจี่ยงหลานและซูกั๋วเย่าแล้ว เหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคมที่พวกเขาเคยพบเจอ สภาพแวดล้อมที่นี่ไม่มีอะไรให้น่าตกตะลึงเท่าที่ควร สำหรับการตกแต่งอย่างหรูหรานั้น พวกเขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามอยู่ในสถานที่ที่ราคาเกือบร้อยล้านแบบนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว หลังจากเยี่ยมชมสวนขนาดใหญ่ที่จัดแสดงอยู่ภายในคฤหาสน์หลังนี้“ปกติแล้วที่นี่มีคนอยู่ไหม? ทำไมไม่มีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวเลย?” ซูหยิงเซี่ยถามหานซานเฉียนขณะจัดสัมภาระอยู่ในห้องหานซานเฉียนไม่แน่ใจสภาพการณ์อย่างละเอียด แต่จากสถานะของถังจงแล้วไม่น่าจะมีแค่ทรัพย์สินบ้านเรือนอย่างเดียวแน่ ที่นี่น่าจะเป็นแค่สถานที่สำหรับพาผู้หญิงมาเป็นครั้งคราวสำหรับเขาแต่ทำไมผ้าปูเตียงกลับเปลี่ยนเป็นผืนใหม่ทั้งหมด แต่เขาไม่ได้สนใจอะไร“เขารวยมากน่ะ แต่อยู่ตัวคนเดียว เขาน่าจะซื้อที่นี่ไว้และไม่ค่อยชินกับห้องที่ใหญ่แบบนี้ก็ได้” หานซานเฉียนคิดหาเหตุผลมาอธิบายไปเรื่อยเปื่อยซูหยิงเซี่ยไม่ได้ถามอะไร คนรวยจะมีอสังหาริมทรัพย์เยอะก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แม้ในเมืองปินเซี่ยน คฤหาสน์แบบนี้จะเป็นอสังหารริมทรัพย์ที่ไม่ได้มีมูลค่าสูงมาก แต่ในความคิดของคนรวยเหล่านั้นจะมามั
ไม่กี่วันต่อมา หานซานเฉียนและคนอื่น ๆ อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ นอกจากเดินเล่น พวกเขาก็ไม่มีเรื่องอื่นให้ทำแล้วก่อนหน้าวันไหว้บ๊ะจ่างหนึ่งวัน เจี่ยงหลานพยายามโทรศัพท์หาเจี่ยงหงผู้เป็นพ่อของเธอแล้ว แต่เธอโทรหาเท่าไหร่สายก็ไม่ว่างสักที บางครั้งโทรไปก็ปิดเครื่องหนีไปเลย เธอลองโทรหาครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่สามารถติดต่อได้อยู่ดี“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมโทรไปติดต่อไม่ได้เลย” เจี่ยงหลานบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย วันพรุ่งนี้จะถึงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างแล้ว แต่ตอนนี้กลับติดต่อพ่อของตัวเองไม่ได้ เธอไม่รู้เลยว่าปีนี้จะต้องกลับไปฉลองที่บ้านเกิดหรือว่าฉลองในเมือง“ไม่ใช่ว่าเบอร์แม่โดนบล็อกหรอกนะครับ” หานซานเฉียนพูดโดยไม่คิดอะไร เขาสังเกตจากการแสดงออกก่อนหน้านี้ของครอบครัวเจี่ยงหว่าน จึงเดาว่าอาจเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้“บล็อกเบอร์เหรอ?” เจี่ยงหลานแสดงสีหน้าแปลกใจ เธอส่ายหน้าทันทีแล้วตอบกลับ “มันจะเป็นไปได้ยังไง คุณตาของเธอไม่รู้เรื่องของพวกเรากับเจี่ยงหว่านซะหน่อย ทำไมถึงบล็อกเบอร์ฉันล่ะ?”“ไม่แน่ว่าคุณตาอาจไม่รู้เรื่องที่โทรศัพท์ของเขาบล็อกแม่เหมือนกันก็ได้ครับ” หานซานเฉียนเตือน ซึ่งหมายความว่าเจี่ยงหว่านอา
ครอบครัวของเจี่ยงเฟิงกวางสามคนรู้ความจริงทั้งหมด แต่พวกเขาไม่ปล่อยโอกาสที่จะคอยซ้ำเติมครั้งนี้หลิวฮวาทำหน้าดูถูก แล้วพูดว่า “พวกเธอไม่รู้เหรอ ครั้งที่แล้วที่ฉันไปเมืองหยุนเฉิง พวกเขาเปลี่ยนรถเป็นออดี้แล้ว ตอนนี้เป็นคนรวยกันหมดแล้ว พวกเขาจะยังเห็นญาติอย่างพวกเราอยู่ในสายตาได้ยังไงล่ะ”“เปลี่ยนรถเป็นออดี้เหรอ? ซูหยิงเซี่ยทำกำไรได้มากขนาดนั้นเลยเชียว?”“คิดไม่ถึงเลยว่าบ้านของพวกเธอจะมีอนาคตเพราะพึ่งพาผู้หญิง ซูกั๋วเย่าเป็นคนไร้ประโยชน์ หานซานเฉียนก็เหมือนกัน โชคดีชะมัด”“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าคนอย่างหานซานเฉียนแต่งงานกับฉัน ฉันก็ไม่กล้าออกไปไหน กลัวขายหน้า”เจี่ยงเชิงดูเหมือนจะรู้สึกว่าคำพูดเสียดแทงเหล่านี้ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้หานซานเฉียนอับอาย จึงพูดต่ออีกว่า “พวกคุณไม่รู้อะไร เวลาน้าหลานมองหานซานเฉียน เขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วยซ้ำ สถานะของเขาในบ้านก็เหมือนหนูวิ่งเพ่นพ่านบนถนน มีแต่คนเกลียด ไม่รู้จริง ๆ ว่าทนมาได้ยังไงตั้งหลายปี ไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นชายเลยสักนิด ถ้าผมเป็นเขาคงกระโดดตึกฆ่าตัวตายไปนานแล้ว อยู่อย่างไม่มีศักดิ์ศรี ไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายเลย”“ตอนนี้เขายังล้างจานซักผ้าอยู
ผู้จัดการเงยหน้าขึ้นมองไปที่หลิ่วจื้อเจี๋ย วันนี้เจ้านายใหญ่กำชับมาเองเลยว่าโรงแรมถูกเหมาไว้แล้ว ไม่ว่าใครจะจองที่นั่งมาก่อนก็ให้ถือเป็นโมฆะ เขารู้ว่าหลิ่วจื้อเจี๋ยจองมาแล้ว แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ? เจ้านายสั่งมาแล้ว ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้า นั่นหมายความว่าใครก็เข้าไปไม่ได้การล่วงเกินแขกสำหรับโรงแรมจงหวางแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยสักนิด ตราบใดที่ลูกค้ามีความสามารถมากพอก็เข้าไปได้ทั้งนั้น แต่กับคนที่ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ ถ้าจะให้เข้ามาแล้วจะเป็นอย่างไรต่อล่ะ?“หลิ่วจื้อเจี๋ย คุณหูหนวกหรือเปล่า คุณไม่ได้ยินพวกเขาพูดเหรอว่าวันนี้โรงแรมถูกเหมาแล้ว?” ผู้จัดการพูดอย่างไม่ใส่ใจในสายตาของทุกคนในตระกูลเจี่ยง ภาพลักษณ์ของหลิ่วจื้อเจี๋ยนั้นยิ่งใหญ่ ถ้าเขาเสียหน้าในวันนี้ ต่อไปจะกล้าสู้หน้าคนในตระกูลเจี่ยงได้อย่างไร? “คุณมีอำนาจตัดสินใจเหรอ? เชื่อไหมว่าผมจะโทรหาเจ้านายของคุณทันที รู้จักไหมคำว่าลูกค้าคือพระเจ้า?” หลิ่วจื้อเจี๋ยพูดอย่างเย็นชา“ได้ คุณอยากโทรก็ลองดู ถ้าคุณมีเบอร์โทรศัพท์ของเจ้านายผม ผมจะให้คุณเข้าไป ว่าไงล่ะ?” ผู้จัดการกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทฤษฎีที่ว่าลูกค้าคือพระเจ้าจะเอามาใช้
“คุณปู่คะ พวกเราไปที่อื่นกันเถอะค่ะ” เจี่ยงหว่านกล่าวเจี่ยงหงขมวดคิ้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าคนในครอบครัวจะได้มีอนาคตที่สดใส แล้วเขาจะทนรับความเจ็บใจนี้ได้อย่างไร มาถึงหน้าประตูแล้ว แต่กลับต้องจากไปอย่างเศร้าหมอง มันจะไม่เป็นการเสียหน้าหรอกหรือ“เจี่ยงหว่าน นี่เธอกำลังพูดจาเหลวไหลอะไร พวกเราตระกูลเจี่ยงจะปล่อยให้คนที่ดูถูกคนอื่นแบบนี้มารังแกเหรอ?” เจี่ยงหงกล่าวด้วยความไม่พอใจเมื่อผู้จัดการได้ยินแบบนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณปู่ครับ ผมว่าคุณควรมีไหวพริบสักหน่อยนะว่าเจ้าของโรงแรมจงหวางเป็นใคร หรือว่าคุณไม่รู้? ต้องการให้ผมเตือนความจำคุณหน่อยไหม?”เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว หากยังโวยวายแบบนี้ต่อไปก็อาจเป็นการรบกวนถังจงได้ หลิ่วจื้อเจี๋ยจึงรีบพูดว่า “ผู้จัดการ ผมขอโทษครับ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้”ไปเหรอ? คำคำนี้ทำให้เจี่ยงหงหงุดหงิด เขายังไม่ได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับวงศ์ตระกูล แต่กลับทำให้อับอายขายหน้าแล้ว“จื้อเจี๋ย นายหมายความว่ายังไง? ถ้ากลับไปแบบนี้ ตระกูลเจี่ยงจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?” เจี่ยงหงกล่าวผู้จัดการอดหัวเราะไม่ได้ พลางพูดว่า “คุณปู่ ตระกูลเจี่ยงของพวกคุณ
หลังจากจับจ้องไปที่หานซานเฉียนด้วยสายตาเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ เจี่ยงหว่านก็หันไปมองซูหยิงเซี่ยด้วยสายตาอันเกลียดชัง ราวกับว่าจะถลกหนังซูหยิงเซี่ยทั้งเป็น “ซูหยิงเซี่ย เธอจงใจทำให้พวกเราขายหน้าใช่ไหม?” เจี่ยงหว่านโกรธจนตัวสั่น เรื่องความอับอายขายหน้าในห้างสรรพสินค้า ไม่ง่ายเลยกว่าจะรู้สึกดีขึ้น แต่ตอนนี้เธอยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีกเดิมทีคิดว่าหลังจากขับไล่พวกเธอออกจากบ้านแล้ว มันจะเพียงพอสำหรับการสั่งสอนให้ซูหยิงเซี่ยได้รู้จักกับบทเรียน คิดไม่ถึงเลยว่านอกจากมันจะไม่เพียงพอ ซูหยิงเซี่ยยังตามมากลั่นแกล้งเธอเรื่องโรงแรมอีก“จงใจเหรอ? เจี่ยงหว่าน พี่ช่วยพูดให้ชัดเจนหน่อย ทำไมฉันต้องจงใจกลั่นแกล้งพี่ด้วย? พี่ต่างหากที่ใช้โทรศัพท์ของคุณตาเพิ่มเบอร์โทรศัพท์ของแม่ฉันลงในแบล็กลิสต์ไม่ใช่เหรอ?” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “ถ้าใช่แล้วจะทำไม พวกเธอมีสิทธิ์อะไรมาร่วมงานเลี้ยงของตระกูล” เจี่ยงหว่านกล่าว“ฉันไม่มีสิทธิ์ ดังนั้นฉันถึงไม่ได้มาเพื่อร่วมงานเลี้ยง แต่แค่เหมาโรงแรมแล้วมารับประทานอาหารกับครอบครัวตามปกติเท่านั้นเอง” ซูหยิงเซี่ยไม่ได้มีนิสัยวางอำนาจบาตรใหญ่ แต่ทุกคนล้วนมีขีดจำกัด เห็นได้ชัดว่าเจี่ยงหว่