อย่าบอกนะ...อย่าบอกนะว่าหานซานเฉียนคือบุคคลลึกลับที่จองร้านอาหารคริสตัลคนนั้น? ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกมึนงง ชั้นบนสุดของร้านอาหารคริสตัลถูกคนอื่นจองไปแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน แม้ว่าเฉินหลิงเหยาจะมีหน้ามีตาในสังคม แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมาจัดปาร์ตี้ในร้านอาหารคริสตัลนี้นี่นา“เหยาเหยา เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับหานซานเฉียนหรือเปล่า?” ซูหยิงเซี่ยลองคิดถึงความเป็นไปได้ และเธอก็เริ่มหายใจถี่ขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลสมองของเฉินหลิงเหยาว่างเปล่า แม้ว่าเธอจะคิดว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่นอกเหนือจากสิ่งนี้จะมีความเป็นไปได้อื่นที่ไหนอีก?“หยิงเซี่ย หานซานเฉียนเป็นคนขอให้ฉันพาเธอมาที่นี่จริง ๆ” เฉินหลิงเหยายอมรับ ความรู้สึกอิจฉาอย่างอธิบายไม่ถูกมันเกิดขึ้นในใจของเธอ หากหานซานเฉียนเป็นคนที่เตรียมเซอร์ไพรส์อันยิ่งใหญ่นี้ไว้ให้ซูหยิงเซี่ยจริง ซูหยิงเซี่ยคงเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในหยุนเฉิงสินะณ เวลานี้ ลิฟต์ขึ้นไปถึงชั้นบนสุด ทั้งสองถูกพาเข้าไปในร้านอาหารหน้าโต๊ะเปียโนที่อยู่กลางร้านอาหาร มีชายสวมชุดสีดำนั่งอยู่ และมองเห็นเพียงแค่แผ่นหลังของเขาเท่านั้นแต่สำหรับเฉินหลิงเหยา แผ่นหลังนี้ดูค
“คุณรู้ไหม คนพวกนั้นเรียกคุณว่าไอ้คนไร้ค่า”“คุณรู้ไหมว่าฉันอึดอัดแค่ไหนเวลาที่ได้ยินคำพูดพวกนั้น”หานซานเฉียนกอดซูหยิงเซี่ยไว้ในอ้อมแขนของเขาและพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ผมรู้”เฉินหลิงเหยาที่ยืนอยู่ด้านข้างก็น้ำตาซึมตาม ในตอนนี้เธอรู้สึกว่าความทุกข์ใจที่เพื่อนสาวได้รับนั้นช่างคุ้มค่า ไม่ว่าหานซานเฉียนจะทำเรื่องนี้ได้อย่างไร แต่อย่างน้อยตอนนี้ซูหยิงเซี่ยก็มีความสุขมาก และหญิงสาวในเมืองหยุนเฉิงต่างก็ต้องอิจฉาเธอแต่ว่าทำไม ทำไมนายต้องเป็นเจ้าชายเปียโนด้วย?เฉินหลิงเหยารู้ว่าความฝันของเธอได้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์ในคืนนี้กลีบกุหลาบของร้านอาหารคริสตัลพัดปลิวตลอดทั้งคืน เมื่อเทียบกับเมื่อสองปีที่แล้ว สิ่งเดียวที่บกพร่องคือ ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครรู้ว่าใครคือพระเอกคนนั้นคืนนั้นหานซานเฉียนนอนอยู่บนพื้น ซูหยิงเซี่ยที่อยู่บนเตียงก็ถามขึ้นว่า “หนาวไหม?”ช่วงนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อน ผู้หญิงเริ่มโชว์ขาขาวข้างถนนก็เหมือนหน่อไม้หลังฝนตกนั่นเอง จะหนาวได้อย่างไรหานซานเฉียนตอบออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า “ไม่หนาว”หลังจากพูดสองคำนี้หานซานเฉียนก็ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็รู้สึกเสียดายจนอยากจะต่อยตัวเองสัก
ณ ไนท์คลับเมจิกซิตี้ในช่วงสายของวัน ตรงหน้าประตูมีคนยืนอยู่สองสามคน พวกนั้นดูเหมือนอันธพาลที่กำลังสูบบุหรี่และพูดคุยกันอยู่ สถานที่แบบนี้จะไม่เปิดจนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ทันใดนั้นรถออดี้ก็แล่นเข้ามาหยุดจอดอยู่ที่หน้าประตู หานซานเฉียนเดินลงมาจากรถเมื่ออันธพาลพวกนั้นเห็นหานซานเฉียน พวกเขาก็เริ่มยืนขึ้นทีละคน“แกมาทำอะไร ตอนนี้ร้านยังไม่เปิด” หนึ่งในนั้นพูดกับหานซานเฉียน“ฉันมาตามหาหลินหย่ง” หานซานเฉียนตอบนิ่ง ๆเมื่อพวกเขาได้ยินดังนั้นก็มองไปที่หานซานเฉียนและยิ้มเยาะใส่หลินหย่งเป็นเจ้าของไนท์คลับเมจิกซิตี้ และยังเป็นคนใหญ่คนโตในพื้นที่สีเทาของเมืองหยุนเฉิง ไม่ใช่คนที่คนทั่วไปจะพบได้ง่าย ๆ “แกเป็นใคร เปิดปากมาก็บอกว่าจะเจอหัวหน้าของเรา กล้าไม่น้อยเลยนี่”“อยากมาหาเรื่อง ถามกำปั้นของพวกพี่หรือยังไอ้น้อง”หลายคนเริ่มถกแขนเสื้อขึ้น ราวกับว่าพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะมีเรื่อง“บอกเขาว่าหานซานเฉียนมาหา”หลายคนถึงกับผงะ ผู้ชายคนนี้มีท่าทางมั่นใจ หรือว่าเขาจะเป็นคนใหญ่คนโต แต่ดูจากหน้าตาท่าทางแล้ว เขาดูไม่เหมือนเป็นเพื่อนของเจ้านายเลยสักนิดมีคนหนึ่งเดินแคะหูออกมา ใบหน้าของเขาเต็มไ
“ฉันจะกลับมาคิดบัญชีกับพวกแกทีหลัง”คำพูดของหลินหย่งทำให้ลูกน้องของเขากลัวจนตัวสั่น แต่พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมหานซานเฉียนถึงได้รับการปฏิบัติแบบนี้ เขามีชื่อเสียงเรื่องการเป็นเศษขยะที่ไร้ค่า แล้วทำไมพี่หย่งถึงได้สุภาพกับเขาแบบนี้?ในห้องทำงานของหลินหย่ง ตอนนี้หานซานเฉียนนั่งอยู่บนที่นั่งของหลินหย่ง โดยที่หลินหย่งยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยความเคารพ“ฉันได้ยินว่ามีคนต้องการที่สร้างเรื่องเกี่ยวกับโครงการเฉิงซี?” หานซานเฉียนถามด้วยเสียงราบเรียบหลินหย่งพยักหน้ารับและพูดว่า “ผมรู้ครับ นอกจากผมแล้ว ยังมีผู้ที่มีอำนาจอีกหลายคนกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมคิดว่าพวกมันต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อหาผลประโยชน์”หยุนเฉิงไม่ใช่พื้นที่ของหลินหย่งเพียงคนเดียว ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่มีอำนาจมากในพื้นที่สีเทา แต่เขาไม่ใช่ผู้มีอำนาจขนาดที่จะปิดแผ่นฟ้าด้วยฟ่ามือได้ นอกจากเขาแล้ว ยังมีคนอื่นที่มีอำนาจมากอีกสองสามคนมีคนจำนวนมากที่จับตามองเนื้อชิ้นใหญ่นี้ หากตระกูลซูไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการเฉิงซี หลินหย่งเองก็คงต้องการเป็นหุ้นส่วนเหมือนกัน“ฉันให้เวลานายเตรียมตัวมาสามปีแล้ว หวังว่านายคงจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง ชีวิ
หลังจากที่หยางเผิงเลือกคนจากไนท์คลับเมจิกซิตี้เสร็จ เขาก็นั่งรออยู่ในรถเป็นเวลานานเมื่อครู่นี้หลินหย่งบอกว่าช่วงนี้เขาคงจะยุ่ง เห็นได้ชัดว่าคงมีการดำเนินการครั้งใหญ่ การที่เขาไม่เปิดเผยข้อมูลอะไรเลยแสดงว่านี่คงเป็นเรื่องใหญ่มากเมื่อไม่นานมานี้ หยางเผิงได้รับข่าวว่ามีคนจำนวนมากในพื้นที่สีเทาที่ต้องการเข้าไปแทรกแซงในโครงการเฉิงซี บางคนถึงขั้นจัดกลุ่มคนงานเพื่อเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปแทรกแซงโครงการนี้ในฐานะหัวหน้า แต่หลินหย่งเป็นคนเดียวที่ไม่มีการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ก่อนหน้านี้หยางเผิงรู้สึกว่าหลินหย่งไม่มีความทะเยอทะยาน และไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้เพื่อเลี่ยงอันตราย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลินหย่งคงมีแผนอื่นอยู่ในใจหรือว่า...หยางเผิงรู้สึกตกใจ ถ้าหากหลินหย่งกล้าที่จะจัดการกับคนอื่น และเอาพื้นที่สีเทาทั้งหมดของเมืองหยุนเฉิงมาไว้ในกำมือของเขา แสดงว่าหลินหย่งเป็นคนที่สมควรได้รับความสนใจ “ดูเหมือนว่าในอนาคตฉันคงต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหลินหย่งไว้แล้วล่ะ เพราะถ้าเรื่องนี้สำเร็จ อำนาจของหลินหย่งในเมืองหยุนเฉิงคงจะมากจนจินตนาการไม่ถึงเลยล่ะ”ในขณะเดียวกัน ณ คลับอื่นซูไห่เฉ
ซูอี้หานรู้สึกไม่พอใจซูหยิงเซี่ยมานานแล้ว ตอนนี้มีปัญหาเกิดขึ้นจึงเป็นโอกาสดีสำหรับเธอ เธอจึงพูดขึ้นมาว่า “ซูหยิงเซี่ย ตอนนี้เธอเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนะ และนี่มันก็หลายวันแล้ว เธอยังแก้ปัญหาไม่ได้เลยเหรอ เธอเสียเวลาที่ออฟฟิศกับเพื่อนสนิทเฉย ๆ รึไง?”ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เฉินหลิงเหยามักจะมาหาซูหยิงเซี่ย หลังจากที่เธอรู้ว่าเจ้าชายเปียโนคือ หานซานเฉียน แม้ว่าเฉินหลิงเหยาจะล้มเลิกความคิดที่จะเอาเขามาเป็นสามี แต่เธอก็ครุ่นคิดเรื่องนี้มาเป็นเวลานานมันจึงไม่ง่ายที่ปล่อยวางอย่างกระทันหัน และทำได้เพียงขอให้ซูหยิงเซี่ยบ่นเธอเท่านั้นเมื่อได้ยินคำพูดของซูอี้หาน หญิงชราก็เลิกคิ้วขึ้นและถามว่า “ซูหยิงเซี่ย เกิดอะไรขึ้น? เธอทำอย่างอื่นในเวลาทำงานเหรอ?”ซูหยิงเซี่ยรับผิดชอบงานของเธอเป็นอย่างดี ส่วนเฉินหลิงเหยาก็เป็นคนมีไหวพริบดี และไม่เคยรบกวนเธอในเวลาทำงาน คำพูดของซูอี้หานเป็นการใส่ร้ายเธอชัด ๆ “คุณย่าคะ ฉันแค่พบเพื่อนในช่วงพักกลางวันเท่านั้น ท่านสามารถถามเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงานในบริษัทได้ค่ะ” ซูหยิงเซี่ยตอบซูอี้หานเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจนัก เรื่องนี้คงจะไม่สามารถโจมตีซูหยิงเซี่ยได้ เธอจึ
หลังจากได้ยินคำพูดของซูไห่เฉา ญาติ ๆ ตระกูลซู ก็มองเขาด้วยความชื่นชม“ไห่เฉาช่างมีความสามารถจริง ๆ ถึงได้หาตัวคนทำผิดได้เร็วแบบนี้”“ต้องให้ไห่เฉาทำหน้าที่นี้จริง ๆ ด้วย ถ้าตระกูลซูไม่มีไห่เฉา อนาคตก็คงจะน่าเป็นห่วงมาก”“หยิงเซี่ย เธอต้องเรียนรู้จากไห่เฉาเยอะ ๆ นะ ถึงเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการเฉิงซี แต่เขาก็ยังใส่ใจเรื่องนี้ เธอต้องขอบคุณเขานะ”หญิงชราพยักหน้ายืนยันและพูดว่า “ไห่เฉา เรื่องนี้นายทำได้ดีมาก”“คุณย่าครับ แม้ว่าผมจะไม่ใช่ผู้รับผิดชอบโครงการ แต่ผมก็เป็นหลานชายของท่าน ธุรกิจของตระกูลซูก็เหมือนธุรกิจของผม ผมจะเพิกเฉยได้อย่างไรครับ” หลังจากซูไห่เฉาได้รับการยกย่อง เขาก็พูดกับหญิงชราและแสร้งทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตน“หยิงเซี่ย ตอนนี้ไห่เฉาก็ตรวจสอบให้เธอแล้ว เธอก็ไปคุยกับพวกนั้น ถ้าพวกเขาต้องการเงิน หากไม่เกินหนึ่งล้านก็ตกลงได้เลย” หญิงชรากล่าวซูหยิงเซี่ยจึงตอบว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะคุณย่า ฉันจะจัดการให้เหมาะสมค่ะ”เหมาะสม?สายตาของซูไห่เฉาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นอกจากว่าเธอจะถูกพาไปอาบน้ำและนอนรออยู่บนเตียงของเฉิงกัง เรื่องนี้คงไม่ได้แก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย“ฉันนัดให้เธอ
ซูหยิงเซี่ยกลอกตาไปมา เธอจะมีความสุขได้อย่างไร ในเมื่อกำลังถูกคนอื่นเข้าใจผิด อึดอัดใจจะตายอยู่แล้วด้วยซ้ำ“อ้อใช่ ช่วงนี้มีกลุ่มคนเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้ตระกูลซู พวกเขาไปก่อเรื่องที่สถานที่ก่อสร้าง ฉันขอให้เพื่อนตรวจสอบให้แล้วแต่ไม่พบอะไรเลย แต่ในที่ประชุม จู่ ๆ ซูไห่เฉาก็แสร้งทำเป็นใจดีบอกว่ารู้แล้วว่าใครเป็นคนทำ และบอกว่าพรุ่งนี้ให้ฉันไปคุยเรื่องนี้ คุณคิดว่าเรื่องนี้มีมันอะไรไม่ชอบมาพากลรึเปล่า?” ซูหยิงเซี่ยถามตามสัญชาตญาณของเธอ เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีบางอย่างผิดปกติ เพราะทัศนคติของซูไห่เฉาที่มีต่อเธอ ไม่ทำร้ายเธอก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะช่วยเธอหานซานเฉียนขมวดคิ้ว เขาก็ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ และขอให้หลินหย่งไปตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว หลินหย่งจับคนได้สองคนและทรมานพวกเขาเพื่อสอบปากคำ แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเก็บความลับได้เป็นอย่างดี แล้วซูไห่เฉาจะรู้ได้อย่างไร“วันพรุ่งนี้คุณจะไปคุยเมื่อไหร่?” หานซานเฉียนถาม เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ และเขารู้สึกกังวลใจที่ซูหยิงเซี่ยต้องไปคนเดียว“ฉันยังไม่รู้ วันพรุ่งนี้ซูไห่เฉ