ซูอี้หานรู้สึกไม่พอใจซูหยิงเซี่ยมานานแล้ว ตอนนี้มีปัญหาเกิดขึ้นจึงเป็นโอกาสดีสำหรับเธอ เธอจึงพูดขึ้นมาว่า “ซูหยิงเซี่ย ตอนนี้เธอเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนะ และนี่มันก็หลายวันแล้ว เธอยังแก้ปัญหาไม่ได้เลยเหรอ เธอเสียเวลาที่ออฟฟิศกับเพื่อนสนิทเฉย ๆ รึไง?”ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เฉินหลิงเหยามักจะมาหาซูหยิงเซี่ย หลังจากที่เธอรู้ว่าเจ้าชายเปียโนคือ หานซานเฉียน แม้ว่าเฉินหลิงเหยาจะล้มเลิกความคิดที่จะเอาเขามาเป็นสามี แต่เธอก็ครุ่นคิดเรื่องนี้มาเป็นเวลานานมันจึงไม่ง่ายที่ปล่อยวางอย่างกระทันหัน และทำได้เพียงขอให้ซูหยิงเซี่ยบ่นเธอเท่านั้นเมื่อได้ยินคำพูดของซูอี้หาน หญิงชราก็เลิกคิ้วขึ้นและถามว่า “ซูหยิงเซี่ย เกิดอะไรขึ้น? เธอทำอย่างอื่นในเวลาทำงานเหรอ?”ซูหยิงเซี่ยรับผิดชอบงานของเธอเป็นอย่างดี ส่วนเฉินหลิงเหยาก็เป็นคนมีไหวพริบดี และไม่เคยรบกวนเธอในเวลาทำงาน คำพูดของซูอี้หานเป็นการใส่ร้ายเธอชัด ๆ “คุณย่าคะ ฉันแค่พบเพื่อนในช่วงพักกลางวันเท่านั้น ท่านสามารถถามเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงานในบริษัทได้ค่ะ” ซูหยิงเซี่ยตอบซูอี้หานเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจนัก เรื่องนี้คงจะไม่สามารถโจมตีซูหยิงเซี่ยได้ เธอจึ
หลังจากได้ยินคำพูดของซูไห่เฉา ญาติ ๆ ตระกูลซู ก็มองเขาด้วยความชื่นชม“ไห่เฉาช่างมีความสามารถจริง ๆ ถึงได้หาตัวคนทำผิดได้เร็วแบบนี้”“ต้องให้ไห่เฉาทำหน้าที่นี้จริง ๆ ด้วย ถ้าตระกูลซูไม่มีไห่เฉา อนาคตก็คงจะน่าเป็นห่วงมาก”“หยิงเซี่ย เธอต้องเรียนรู้จากไห่เฉาเยอะ ๆ นะ ถึงเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการเฉิงซี แต่เขาก็ยังใส่ใจเรื่องนี้ เธอต้องขอบคุณเขานะ”หญิงชราพยักหน้ายืนยันและพูดว่า “ไห่เฉา เรื่องนี้นายทำได้ดีมาก”“คุณย่าครับ แม้ว่าผมจะไม่ใช่ผู้รับผิดชอบโครงการ แต่ผมก็เป็นหลานชายของท่าน ธุรกิจของตระกูลซูก็เหมือนธุรกิจของผม ผมจะเพิกเฉยได้อย่างไรครับ” หลังจากซูไห่เฉาได้รับการยกย่อง เขาก็พูดกับหญิงชราและแสร้งทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตน“หยิงเซี่ย ตอนนี้ไห่เฉาก็ตรวจสอบให้เธอแล้ว เธอก็ไปคุยกับพวกนั้น ถ้าพวกเขาต้องการเงิน หากไม่เกินหนึ่งล้านก็ตกลงได้เลย” หญิงชรากล่าวซูหยิงเซี่ยจึงตอบว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะคุณย่า ฉันจะจัดการให้เหมาะสมค่ะ”เหมาะสม?สายตาของซูไห่เฉาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นอกจากว่าเธอจะถูกพาไปอาบน้ำและนอนรออยู่บนเตียงของเฉิงกัง เรื่องนี้คงไม่ได้แก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย“ฉันนัดให้เธอ
ซูหยิงเซี่ยกลอกตาไปมา เธอจะมีความสุขได้อย่างไร ในเมื่อกำลังถูกคนอื่นเข้าใจผิด อึดอัดใจจะตายอยู่แล้วด้วยซ้ำ“อ้อใช่ ช่วงนี้มีกลุ่มคนเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้ตระกูลซู พวกเขาไปก่อเรื่องที่สถานที่ก่อสร้าง ฉันขอให้เพื่อนตรวจสอบให้แล้วแต่ไม่พบอะไรเลย แต่ในที่ประชุม จู่ ๆ ซูไห่เฉาก็แสร้งทำเป็นใจดีบอกว่ารู้แล้วว่าใครเป็นคนทำ และบอกว่าพรุ่งนี้ให้ฉันไปคุยเรื่องนี้ คุณคิดว่าเรื่องนี้มีมันอะไรไม่ชอบมาพากลรึเปล่า?” ซูหยิงเซี่ยถามตามสัญชาตญาณของเธอ เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีบางอย่างผิดปกติ เพราะทัศนคติของซูไห่เฉาที่มีต่อเธอ ไม่ทำร้ายเธอก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะช่วยเธอหานซานเฉียนขมวดคิ้ว เขาก็ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ และขอให้หลินหย่งไปตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว หลินหย่งจับคนได้สองคนและทรมานพวกเขาเพื่อสอบปากคำ แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเก็บความลับได้เป็นอย่างดี แล้วซูไห่เฉาจะรู้ได้อย่างไร“วันพรุ่งนี้คุณจะไปคุยเมื่อไหร่?” หานซานเฉียนถาม เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ และเขารู้สึกกังวลใจที่ซูหยิงเซี่ยต้องไปคนเดียว“ฉันยังไม่รู้ วันพรุ่งนี้ซูไห่เฉ
คืนนั้นซูไห่เฉาและเฉิงกังมีนัดมาเจอกันเฉิงกังรู้สึกตื่นเต้นมากที่ซูหยิงเซี่ยจะมาคุยเรื่องนี้กับเขาเมื่อสามปีที่แล้ว หานซานเฉียนยังไม่ได้แต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลซู ผู้ชายมากมายไล่ตามจีบซูหยิงเซี่ยเหมือนกับไล่ตามดารา ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องการได้ใกล้ชิดกับสาวงาม นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมงานแต่งงานของตระกูลซูจึงเป็นเรื่องอื้อฉาวในเมืองหยุนเฉิง ไม่รู้ว่าวันนั้นมีผู้ชายกี่คนที่ต้องสิ้นหวังและก่นด่าหานซานเฉียนลับหลัง ว่าเป็นคางคกที่ได้ครอบครองหงส์อย่างเธอตอนนี้มีโอกาสที่จะได้พบกับซูหยิงเซี่ย แถมเธอก็ยังไม่เคยให้หานซานเฉียนแตะต้องตัว เฉิงกังจะไม่ตื่นเต้นกับเรื่องนี้ได้อย่างไร“นายทำได้ดีมาก อนาคตถ้านายมีปัญหาก็มาหาฉัน ฉันจะช่วยนายอย่างแน่นอน” เฉิงกังพูดดวงตาของซูไห่เฉาดูชั่วร้าย เพียงแค่จัดการซูหยิงเซี่ยที่เป็นตัวปัญหาได้ เขาก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เพราะไม่มีใครในตระกูลซูที่จะสามารถแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งประธานกับเขาได้อีกเมื่อนึกถึงท่าที่ของซูหยิงเซี่ยที่ภูมิอกภูมิใจในตำแหน่งผู้รับผิดชอบโครงการของเธอ ซูไห่เฉาก็โกรธจนควันแทบออกหู ไหนจะยังได้เปลี่ยนรถอีก เธอช่างไม่รู้จักยางอายซะจริง ๆ “พี่กัง ผมม
ซูไห่เฉาคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ซูอี้หานก็เห็นซูหยิงเซี่ยเป็นศัตรูเหมือนกัน ถ้าหากเธอรู้เรื่องนี้ เธอก็คงจะไม่บอกใคร“ฉันจะบอกความจริงกับเธอก็แล้วกัน ฉันรู้จักคนที่สร้างความเดือดร้อนให้ตระกูลซู และฉันก็เป็นยุให้เขาทำเรื่องนี้เอง” ซูไห่เฉาพูดเมื่อซูอี้หานได้ยินเรื่องนี้ เธอก็มองไปที่ซูไห่เฉาด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “นายเป็นคนสั่งอย่างนั้นเหรอ! ถ้าคุณย่ารู้เรื่องนี้ ท่านไม่ปล่อยนายไว้แน่”“คุณย่าจะรู้ได้ยังไงล่ะ? เพราะฉันเชื่อใจเธอฉันถึงได้บอกเรื่องนี้กับเธอ และหลังจากวันนี้ ซูหยิงเซี่ยจะถูกทำลายจนป่นปี้ เราไม่ต้องพูดอะไร คุณย่าก็จะต้องไล่ซูหยิงเซี่ยออกจากตระกูลซูแน่” ซูไห่เฉาพูดอย่างมีความสุข ในที่สุดเขาก็มีโอกาสที่จะได้ระบายความโกรธของเขา หลังจากที่ซูหยิงเซี่ยถูกไล่ออกจากตระกูลซู เขาก็จะได้เป็นผู้รับผิดชอบโครงการเฉิงซีได้อย่างแน่นอน ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวเลย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ อย่ามัวแต่เล่นลิ้น รีบบอกฉันมาเร็วเข้า” ซูอี้หานพูดอย่างหมดความอดทน“เฉิงกัง เธอเคยได้ยินชื่อนี้ไหม?”“เฉิงกัง! เขาคือผู้มีอำนาจในพื้นที่สีเทาของเมืองหยุนเฉิงไม่ใช่เหรอ?”“เขาตกหลุมรักซูหยิงเซี่
“พี่กัง มีคนมาแล้วครับ”ในร้านอาหาร ลูกน้องรีบวิ่งเข้าไปหาเฉิงกังเฉิงกังที่กำลังเคาะถั่วอยู่ได้ยินดังนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นทันที เขาสลัดมือและพูดว่า “ในที่สุดคนสวยก็มาถึงแล้ว ฉันจะออกไปต้อนรับเธอเอง”“พี่กัง แต่เหมือนจะมีผู้ชายตามมาด้วยคนนึงครับ” ลูกน้องของเขาเตือน“ผู้ชาย?” เฉิงกังหยุดชะงักก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “คงไม่ใช่ไอ้กระจอกนั่นหรอกนะ ไอ้นั่นมันทำให้ความเป็นลูกผู้ชายของพวกเราอับอายขายหน้า ถ้าวันนี้มันกล้ามาล่ะก็ ฉันจะทำให้มันต้องคลานกลับออกไปเอง”หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยถูกพาไปที่ห้องอาหาร เฉิงกังใช้สายตาเจ้าเล่ห์มองมาที่ซูหยิงเซี่ย รูปร่างของเธอช่างน่าตะลึงจริง ๆ ไม่รู้ว่าตอนอยู่บนเตียงเธอจะมีเสน่ห์ขนาดไหนเมื่อมองไปที่หานซานเฉียน เฉิงกังก็พูดติดตลกว่า “คนนี่คือ…”“หานซานเฉียน สามีของฉัน” ซูหยิงเซี่ยพูดเมื่อทุกคนรวมถึงเฉิงกังได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา เพราะชื่อเสียงของหานซานเฉียนนั้นโด่งดังมาก และแทบไม่มีใครในหยุนเฉิงไม่รู้จักเขา“โถ โถ โถ ก็พอดูได้นี่นา ทำไมถึงได้เป็นคนไร้ค่ากันนะ นายคงไม่ใช่คนใช้ใช่ไหม?” เฉิงกังแซว“พี่กัง ไอ้นี่มันทำให้ความเป็นลู
รอยยิ้มเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นที่มุมปากของหานซานเฉียน เขาค่อย ๆ ยื่นมือออกไปและจับหมัดนั้นไว้ในกำมือหมัดถูกจับและหยุดลงอย่างกะทันหัน ชายคนนั้นผงะ เขาไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะจับหมัดของเขาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ไม่มีเวลาให้ชายคนนั้นได้คิด หานซานเฉียนก็เตะชายคนนั้นถอยไปหลายสิบก้าวและล้มลงกับพื้นทันที“นี่……”“ไอ้บ้าเอ้ย ไอ้ไร้ค่านี่มันเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?”“เป็นไปได้ยังไง มันเป็นแค่คนกระจอกไม่ใช่เหรอ!”ขณะนี้ความแข็งแกร่งของหานซานเฉียน และชื่อเสียงของเขาในฐานะคนกระจอกนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก เฉิงกังเริ่มที่จะระมัดระวังมากขึ้น ไม่กล้าที่จะดูถูกหานซานเฉียนอีกแล้วซูหยิงเซี่ยเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง เธอเคยเห็นแต่ตอนที่หานซานเฉียนถูกรังแก แต่เธอไม่เคยเห็นหานซานเฉียนในตอนที่แข็งแกร่งแบบนี้ เธอจึงรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก“หานซานเฉียน แกรู้ไหมว่าที่นี่คือถิ่นของฉัน แกกล้าทำร้ายลูกน้องฉัน อย่าคิดว่าจะมีลมหายใจออกไปจากที่นี่ได้” เฉิงกังกัดฟันพูด แม้ว่าความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจะทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขากลัว เพราะเขามีคนมากพอแล้วสองมือจะสู้สี่มือได้ยังไง?“ฉันให้โอกาส
เมื่อก่อนหลินหย่งไม่กล้าทำอะไรเฉิงกัง หากไม่มีคำสั่งจากหานซานเฉียน บวกกับการที่เฉิงกังมีคนหนุนหลัง สะกิด เพียงนิดเดียวอาจส่งผลกระทบหลายอย่าง หากไม่มีหานซานเฉียนคุ้มกะลาหัว แม้ว่าหลินหย่งจะฆ่าเฉิงกังได้ เขาก็ไม่สามารถหนีจากความผิดทางกฎหมายได้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน หานซานเฉียนต้องการเขย่าเมืองหยุนเฉิง หลินหย่งทิ้งความกังวลทั้งหมดไว้ข้างหลัง เขาเชื่อมั่นในความสามารถของหานซานเฉียน แม้ว่าจะถูกคนนับหมื่นในเมืองหยุนเฉิงดูถูกว่าเกาะเมียกิน แต่หลินหย่งนั้นรู้ดีว่าลูกเขยคนนี้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาเลย หลินหย่งไม่พูดอะไรอีก เพราะเขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไรที่นี่ เฉิงกังเห็นหลินหย่งไม่พูดจาก็นึกว่าเขากลัว จึงพูดอย่างลำพองใจว่า “หลินหย่ง ในเมื่อรู้ว่าฉันมีแบล็ก ทำไมยังไม่พาคนของแกออกไปอีก? ต้องให้ฉันโยนออกใช่ไหม?” ทันใดนั้น หานซานเฉียนก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาเฉิงกัง เมื่อเห็นฝีมือของหานซานเฉียนแล้ว เฉิงกังก็ถอยหลังออกไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว และถามอย่างระแวดระวังว่า “แกจะทำอะไร?” ลูกสมุนหลายคนยืนขวางอยู่หน้าเฉิงกัง ด้วยท่าทางที่พร้อมต่อสู้ แต่หานซานเฉียนไม่หยุดเดิน คนของเฉิงกังชิงลงมือก่อน แต่