คืนนั้นซูไห่เฉาและเฉิงกังมีนัดมาเจอกันเฉิงกังรู้สึกตื่นเต้นมากที่ซูหยิงเซี่ยจะมาคุยเรื่องนี้กับเขาเมื่อสามปีที่แล้ว หานซานเฉียนยังไม่ได้แต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลซู ผู้ชายมากมายไล่ตามจีบซูหยิงเซี่ยเหมือนกับไล่ตามดารา ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องการได้ใกล้ชิดกับสาวงาม นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมงานแต่งงานของตระกูลซูจึงเป็นเรื่องอื้อฉาวในเมืองหยุนเฉิง ไม่รู้ว่าวันนั้นมีผู้ชายกี่คนที่ต้องสิ้นหวังและก่นด่าหานซานเฉียนลับหลัง ว่าเป็นคางคกที่ได้ครอบครองหงส์อย่างเธอตอนนี้มีโอกาสที่จะได้พบกับซูหยิงเซี่ย แถมเธอก็ยังไม่เคยให้หานซานเฉียนแตะต้องตัว เฉิงกังจะไม่ตื่นเต้นกับเรื่องนี้ได้อย่างไร“นายทำได้ดีมาก อนาคตถ้านายมีปัญหาก็มาหาฉัน ฉันจะช่วยนายอย่างแน่นอน” เฉิงกังพูดดวงตาของซูไห่เฉาดูชั่วร้าย เพียงแค่จัดการซูหยิงเซี่ยที่เป็นตัวปัญหาได้ เขาก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เพราะไม่มีใครในตระกูลซูที่จะสามารถแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งประธานกับเขาได้อีกเมื่อนึกถึงท่าที่ของซูหยิงเซี่ยที่ภูมิอกภูมิใจในตำแหน่งผู้รับผิดชอบโครงการของเธอ ซูไห่เฉาก็โกรธจนควันแทบออกหู ไหนจะยังได้เปลี่ยนรถอีก เธอช่างไม่รู้จักยางอายซะจริง ๆ “พี่กัง ผมม
ซูไห่เฉาคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ซูอี้หานก็เห็นซูหยิงเซี่ยเป็นศัตรูเหมือนกัน ถ้าหากเธอรู้เรื่องนี้ เธอก็คงจะไม่บอกใคร“ฉันจะบอกความจริงกับเธอก็แล้วกัน ฉันรู้จักคนที่สร้างความเดือดร้อนให้ตระกูลซู และฉันก็เป็นยุให้เขาทำเรื่องนี้เอง” ซูไห่เฉาพูดเมื่อซูอี้หานได้ยินเรื่องนี้ เธอก็มองไปที่ซูไห่เฉาด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “นายเป็นคนสั่งอย่างนั้นเหรอ! ถ้าคุณย่ารู้เรื่องนี้ ท่านไม่ปล่อยนายไว้แน่”“คุณย่าจะรู้ได้ยังไงล่ะ? เพราะฉันเชื่อใจเธอฉันถึงได้บอกเรื่องนี้กับเธอ และหลังจากวันนี้ ซูหยิงเซี่ยจะถูกทำลายจนป่นปี้ เราไม่ต้องพูดอะไร คุณย่าก็จะต้องไล่ซูหยิงเซี่ยออกจากตระกูลซูแน่” ซูไห่เฉาพูดอย่างมีความสุข ในที่สุดเขาก็มีโอกาสที่จะได้ระบายความโกรธของเขา หลังจากที่ซูหยิงเซี่ยถูกไล่ออกจากตระกูลซู เขาก็จะได้เป็นผู้รับผิดชอบโครงการเฉิงซีได้อย่างแน่นอน ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวเลย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ อย่ามัวแต่เล่นลิ้น รีบบอกฉันมาเร็วเข้า” ซูอี้หานพูดอย่างหมดความอดทน“เฉิงกัง เธอเคยได้ยินชื่อนี้ไหม?”“เฉิงกัง! เขาคือผู้มีอำนาจในพื้นที่สีเทาของเมืองหยุนเฉิงไม่ใช่เหรอ?”“เขาตกหลุมรักซูหยิงเซี่
“พี่กัง มีคนมาแล้วครับ”ในร้านอาหาร ลูกน้องรีบวิ่งเข้าไปหาเฉิงกังเฉิงกังที่กำลังเคาะถั่วอยู่ได้ยินดังนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นทันที เขาสลัดมือและพูดว่า “ในที่สุดคนสวยก็มาถึงแล้ว ฉันจะออกไปต้อนรับเธอเอง”“พี่กัง แต่เหมือนจะมีผู้ชายตามมาด้วยคนนึงครับ” ลูกน้องของเขาเตือน“ผู้ชาย?” เฉิงกังหยุดชะงักก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “คงไม่ใช่ไอ้กระจอกนั่นหรอกนะ ไอ้นั่นมันทำให้ความเป็นลูกผู้ชายของพวกเราอับอายขายหน้า ถ้าวันนี้มันกล้ามาล่ะก็ ฉันจะทำให้มันต้องคลานกลับออกไปเอง”หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยถูกพาไปที่ห้องอาหาร เฉิงกังใช้สายตาเจ้าเล่ห์มองมาที่ซูหยิงเซี่ย รูปร่างของเธอช่างน่าตะลึงจริง ๆ ไม่รู้ว่าตอนอยู่บนเตียงเธอจะมีเสน่ห์ขนาดไหนเมื่อมองไปที่หานซานเฉียน เฉิงกังก็พูดติดตลกว่า “คนนี่คือ…”“หานซานเฉียน สามีของฉัน” ซูหยิงเซี่ยพูดเมื่อทุกคนรวมถึงเฉิงกังได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา เพราะชื่อเสียงของหานซานเฉียนนั้นโด่งดังมาก และแทบไม่มีใครในหยุนเฉิงไม่รู้จักเขา“โถ โถ โถ ก็พอดูได้นี่นา ทำไมถึงได้เป็นคนไร้ค่ากันนะ นายคงไม่ใช่คนใช้ใช่ไหม?” เฉิงกังแซว“พี่กัง ไอ้นี่มันทำให้ความเป็นลู
รอยยิ้มเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นที่มุมปากของหานซานเฉียน เขาค่อย ๆ ยื่นมือออกไปและจับหมัดนั้นไว้ในกำมือหมัดถูกจับและหยุดลงอย่างกะทันหัน ชายคนนั้นผงะ เขาไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะจับหมัดของเขาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ไม่มีเวลาให้ชายคนนั้นได้คิด หานซานเฉียนก็เตะชายคนนั้นถอยไปหลายสิบก้าวและล้มลงกับพื้นทันที“นี่……”“ไอ้บ้าเอ้ย ไอ้ไร้ค่านี่มันเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?”“เป็นไปได้ยังไง มันเป็นแค่คนกระจอกไม่ใช่เหรอ!”ขณะนี้ความแข็งแกร่งของหานซานเฉียน และชื่อเสียงของเขาในฐานะคนกระจอกนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก เฉิงกังเริ่มที่จะระมัดระวังมากขึ้น ไม่กล้าที่จะดูถูกหานซานเฉียนอีกแล้วซูหยิงเซี่ยเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง เธอเคยเห็นแต่ตอนที่หานซานเฉียนถูกรังแก แต่เธอไม่เคยเห็นหานซานเฉียนในตอนที่แข็งแกร่งแบบนี้ เธอจึงรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก“หานซานเฉียน แกรู้ไหมว่าที่นี่คือถิ่นของฉัน แกกล้าทำร้ายลูกน้องฉัน อย่าคิดว่าจะมีลมหายใจออกไปจากที่นี่ได้” เฉิงกังกัดฟันพูด แม้ว่าความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจะทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขากลัว เพราะเขามีคนมากพอแล้วสองมือจะสู้สี่มือได้ยังไง?“ฉันให้โอกาส
เมื่อก่อนหลินหย่งไม่กล้าทำอะไรเฉิงกัง หากไม่มีคำสั่งจากหานซานเฉียน บวกกับการที่เฉิงกังมีคนหนุนหลัง สะกิด เพียงนิดเดียวอาจส่งผลกระทบหลายอย่าง หากไม่มีหานซานเฉียนคุ้มกะลาหัว แม้ว่าหลินหย่งจะฆ่าเฉิงกังได้ เขาก็ไม่สามารถหนีจากความผิดทางกฎหมายได้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน หานซานเฉียนต้องการเขย่าเมืองหยุนเฉิง หลินหย่งทิ้งความกังวลทั้งหมดไว้ข้างหลัง เขาเชื่อมั่นในความสามารถของหานซานเฉียน แม้ว่าจะถูกคนนับหมื่นในเมืองหยุนเฉิงดูถูกว่าเกาะเมียกิน แต่หลินหย่งนั้นรู้ดีว่าลูกเขยคนนี้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาเลย หลินหย่งไม่พูดอะไรอีก เพราะเขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไรที่นี่ เฉิงกังเห็นหลินหย่งไม่พูดจาก็นึกว่าเขากลัว จึงพูดอย่างลำพองใจว่า “หลินหย่ง ในเมื่อรู้ว่าฉันมีแบล็ก ทำไมยังไม่พาคนของแกออกไปอีก? ต้องให้ฉันโยนออกใช่ไหม?” ทันใดนั้น หานซานเฉียนก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาเฉิงกัง เมื่อเห็นฝีมือของหานซานเฉียนแล้ว เฉิงกังก็ถอยหลังออกไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว และถามอย่างระแวดระวังว่า “แกจะทำอะไร?” ลูกสมุนหลายคนยืนขวางอยู่หน้าเฉิงกัง ด้วยท่าทางที่พร้อมต่อสู้ แต่หานซานเฉียนไม่หยุดเดิน คนของเฉิงกังชิงลงมือก่อน แต่
“ถ้าไม่พูดก็โดนอัดต่อไป” “ฉันพูด ฉันพูดแล้ว” เฉิงกังพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “ซูไห่เฉายังต้องการให้ฉันมีอะไรกับซูหยิงเซี่ย แล้วเปิดโปงเรื่องนี้ในเมืองหยุนเฉิง เขาต้องการใช้เรื่องนี้ขับไล่ซูหยิงเซี่ยออกจากตระกูลซู” หานซานเฉียนกำหมัดแน่นทันที! ลำพังเรื่องแผนการต่อต้านโครงการเฉิงซีหานซานเฉียนสามารถปล่อยซูไห่เฉาไปได้ แต่ที่เขาคิดจะทำอะไรกับซูหยิงเซี่ย มีโทษตายสถานเดียว อย่าคิดกระตุกหนวดเสือ! หานซานเฉียนจะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับซูหยิงเซี่ย “ขังเอาไว้” หานซานเฉียนทิ้งคำพูดสามคำนี้ไว้ก่อนจะออกจากร้านอาหาร เฉิงกังร้องเอะอะเพราะไม่รู้ว่าจะพบจุดจบอย่างไรบ้าง แต่หลังจากโดนหมัดไปไม่กี่ครั้งเขาก็สงบลง หลังจากกลับมาที่ลานจอดรถ ซูหยิงเซี่ยที่นั่งอยู่ในรถอย่างกระวนกระวาย พอเห็นหานซานเฉียน เธอก็รีบลงจากรถอย่างทนรอไม่ไหว “ซานเฉียน คุณเป็นยังไงบ้าง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ซูหยิงเซี่ยมองหานซานเฉียนด้วยความประหม่า เธอมองพิจารณาดู เมื่อแน่ใจว่าหานซานเฉียนไม่ได้รับบาดเจ็บจึงรู้สึกโล่งใจ “ผมไม่เป็นไร” หานซานเฉียนพูดอย่างยิ้มแย้ม “นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นห่วงผมขนาดนี้” เมื่อซูหยิงเซี่ยได้ย
“ซูอี้หาน เธอพูดบ้าอะไรน่ะ” “คุณย่าอยู่ตรงนี้ ทำไมถึงได้พูดจาเหลวไหล” “ปากเปราะจริง ๆ พูดจาไร้สาระ!” แม้ว่าบรรดาญาติที่อยู่ในนี้จะไม่ได้ชื่นชอบซูหยิงเซี่ยนัก แต่พวกเขาก็รู้ว่าคุณย่าให้ความสำคัญกับธรรมเนียมปฏิบัติของตระกูลมากเพียงใด เป็นเรื่องปกติที่จะดูถูกซูหยิงเซี่ย แต่เรื่องแบบนี้จะเอามาพูดส่งเดชไม่ได้ ซูอี้หานก็รู้ว่าคุณย่าจะมีท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่กล้าเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ซูอี้หานคิดว่าตัวเองมีหลักฐาน และซูหยิงเซี่ยก็ตกไปอยู่ในมือของเฉิงกังแล้วอย่างแน่นอน พูดความจริงจะผิดอะไรล่ะ? “พวกคุณโมโหอะไร ฉันจะเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นเหรอ?” ซูอี้หานพูดด้วยเสียงราบเรียบ เมื่อได้ยินเช่นนี้ บรรดาญาติคนอื่น ๆ ต่างพากันอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ไม่ได้ล้อเล่น ถ้าอย่างงั้นก็หมายความว่าเป็นความจริงเหรอ? ซูหยิงเซี่ยกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร! “ซูอี้หาน เธอรู้อะไรก็พูดมาให้ชัดเจน” คุณย่าถามซูอี้หานด้วยสีหน้าขรึม เธอไม่มีวันยอมให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้นในตระกูลซูอย่างแน่นอน ถ้าซูหยิงเซี่ยทำเรื่องคาวโลกีย์เช่นนี้จริง เธอก็จะขับไล่ซูหย
เล่นชู้อย่างนั้นเหรอ! ซูหยิงเซี่ยรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที มันคือการปั้นเรื่องเพื่อใส่ร้ายป้ายสี และยังเป็นการดูถูกความบริสุทธิ์ของเธออีกด้วย “ซูอี้หาน ปากเธอกินอะไรเข้าไปถึงได้พูดจาเหม็นโฉ่แบบนี้” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างโกรธจัด ซูอี้หานลุกขึ้นยืนอย่างมั่นอกมั่นใจแล้วพูดว่า “กล้าทำแต่ไม่กล้ารับเหรอ? ไหนเธอลองบอกซิว่าแก้ไขปัญหาได้แล้วหรือยัง?” “จัดการเรียบร้อยแล้ว” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “ฮึ!” ซูอี้หานพูดแกมเยาะเย้ย “เรียบร้อยแล้วอย่างงั้นเหรอ? เสียเงินไปเท่าไหร่ล่ะ?” “เปล่า...ไม่ได้เสียเงินเลย” เรื่องนี้หานซานเฉียนเป็นคนจัดการ ส่วนวิธีการที่ใช้นั้นซูหยิงเซี่ยเองก็ไม่รู้ แต่เธอแน่ใจว่าไม่ได้เสียเงินสักหยวนเดียว “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ...” ซูอี้หานหัวเราะขึ้นมาพลางเอ่ยว่า “ไม่ต้องใช้เงินก็จัดการได้แล้ว เธอนี่มีฝีมือจริง ๆ คงจะใช้มารยาอย่างอื่นสินะ” “ซูหยิงเซี่ย อีกฝ่ายคือเฉิงกัง คือคนในพื้นที่สีเทา เธอแก้ปัญหานี้ได้โดยไม่ต้องใช้เงินอย่างนั้นเหรอ?” ซูไห่เฉาแน่ใจว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างซูหยิงเซี่ยกับเฉิงกังเมื่อคืนแน่นอน ถ้าไม่อย่างนั้นมีหรือเธอจะมีปัญญาจัดการเรื่องนี้ได้ เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่า