ณ ไนท์คลับเมจิกซิตี้ในช่วงสายของวัน ตรงหน้าประตูมีคนยืนอยู่สองสามคน พวกนั้นดูเหมือนอันธพาลที่กำลังสูบบุหรี่และพูดคุยกันอยู่ สถานที่แบบนี้จะไม่เปิดจนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ทันใดนั้นรถออดี้ก็แล่นเข้ามาหยุดจอดอยู่ที่หน้าประตู หานซานเฉียนเดินลงมาจากรถเมื่ออันธพาลพวกนั้นเห็นหานซานเฉียน พวกเขาก็เริ่มยืนขึ้นทีละคน“แกมาทำอะไร ตอนนี้ร้านยังไม่เปิด” หนึ่งในนั้นพูดกับหานซานเฉียน“ฉันมาตามหาหลินหย่ง” หานซานเฉียนตอบนิ่ง ๆเมื่อพวกเขาได้ยินดังนั้นก็มองไปที่หานซานเฉียนและยิ้มเยาะใส่หลินหย่งเป็นเจ้าของไนท์คลับเมจิกซิตี้ และยังเป็นคนใหญ่คนโตในพื้นที่สีเทาของเมืองหยุนเฉิง ไม่ใช่คนที่คนทั่วไปจะพบได้ง่าย ๆ “แกเป็นใคร เปิดปากมาก็บอกว่าจะเจอหัวหน้าของเรา กล้าไม่น้อยเลยนี่”“อยากมาหาเรื่อง ถามกำปั้นของพวกพี่หรือยังไอ้น้อง”หลายคนเริ่มถกแขนเสื้อขึ้น ราวกับว่าพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะมีเรื่อง“บอกเขาว่าหานซานเฉียนมาหา”หลายคนถึงกับผงะ ผู้ชายคนนี้มีท่าทางมั่นใจ หรือว่าเขาจะเป็นคนใหญ่คนโต แต่ดูจากหน้าตาท่าทางแล้ว เขาดูไม่เหมือนเป็นเพื่อนของเจ้านายเลยสักนิดมีคนหนึ่งเดินแคะหูออกมา ใบหน้าของเขาเต็มไ
“ฉันจะกลับมาคิดบัญชีกับพวกแกทีหลัง”คำพูดของหลินหย่งทำให้ลูกน้องของเขากลัวจนตัวสั่น แต่พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมหานซานเฉียนถึงได้รับการปฏิบัติแบบนี้ เขามีชื่อเสียงเรื่องการเป็นเศษขยะที่ไร้ค่า แล้วทำไมพี่หย่งถึงได้สุภาพกับเขาแบบนี้?ในห้องทำงานของหลินหย่ง ตอนนี้หานซานเฉียนนั่งอยู่บนที่นั่งของหลินหย่ง โดยที่หลินหย่งยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยความเคารพ“ฉันได้ยินว่ามีคนต้องการที่สร้างเรื่องเกี่ยวกับโครงการเฉิงซี?” หานซานเฉียนถามด้วยเสียงราบเรียบหลินหย่งพยักหน้ารับและพูดว่า “ผมรู้ครับ นอกจากผมแล้ว ยังมีผู้ที่มีอำนาจอีกหลายคนกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมคิดว่าพวกมันต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อหาผลประโยชน์”หยุนเฉิงไม่ใช่พื้นที่ของหลินหย่งเพียงคนเดียว ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่มีอำนาจมากในพื้นที่สีเทา แต่เขาไม่ใช่ผู้มีอำนาจขนาดที่จะปิดแผ่นฟ้าด้วยฟ่ามือได้ นอกจากเขาแล้ว ยังมีคนอื่นที่มีอำนาจมากอีกสองสามคนมีคนจำนวนมากที่จับตามองเนื้อชิ้นใหญ่นี้ หากตระกูลซูไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการเฉิงซี หลินหย่งเองก็คงต้องการเป็นหุ้นส่วนเหมือนกัน“ฉันให้เวลานายเตรียมตัวมาสามปีแล้ว หวังว่านายคงจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง ชีวิ
หลังจากที่หยางเผิงเลือกคนจากไนท์คลับเมจิกซิตี้เสร็จ เขาก็นั่งรออยู่ในรถเป็นเวลานานเมื่อครู่นี้หลินหย่งบอกว่าช่วงนี้เขาคงจะยุ่ง เห็นได้ชัดว่าคงมีการดำเนินการครั้งใหญ่ การที่เขาไม่เปิดเผยข้อมูลอะไรเลยแสดงว่านี่คงเป็นเรื่องใหญ่มากเมื่อไม่นานมานี้ หยางเผิงได้รับข่าวว่ามีคนจำนวนมากในพื้นที่สีเทาที่ต้องการเข้าไปแทรกแซงในโครงการเฉิงซี บางคนถึงขั้นจัดกลุ่มคนงานเพื่อเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปแทรกแซงโครงการนี้ในฐานะหัวหน้า แต่หลินหย่งเป็นคนเดียวที่ไม่มีการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ก่อนหน้านี้หยางเผิงรู้สึกว่าหลินหย่งไม่มีความทะเยอทะยาน และไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องนี้เพื่อเลี่ยงอันตราย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลินหย่งคงมีแผนอื่นอยู่ในใจหรือว่า...หยางเผิงรู้สึกตกใจ ถ้าหากหลินหย่งกล้าที่จะจัดการกับคนอื่น และเอาพื้นที่สีเทาทั้งหมดของเมืองหยุนเฉิงมาไว้ในกำมือของเขา แสดงว่าหลินหย่งเป็นคนที่สมควรได้รับความสนใจ “ดูเหมือนว่าในอนาคตฉันคงต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหลินหย่งไว้แล้วล่ะ เพราะถ้าเรื่องนี้สำเร็จ อำนาจของหลินหย่งในเมืองหยุนเฉิงคงจะมากจนจินตนาการไม่ถึงเลยล่ะ”ในขณะเดียวกัน ณ คลับอื่นซูไห่เฉ
ซูอี้หานรู้สึกไม่พอใจซูหยิงเซี่ยมานานแล้ว ตอนนี้มีปัญหาเกิดขึ้นจึงเป็นโอกาสดีสำหรับเธอ เธอจึงพูดขึ้นมาว่า “ซูหยิงเซี่ย ตอนนี้เธอเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนะ และนี่มันก็หลายวันแล้ว เธอยังแก้ปัญหาไม่ได้เลยเหรอ เธอเสียเวลาที่ออฟฟิศกับเพื่อนสนิทเฉย ๆ รึไง?”ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เฉินหลิงเหยามักจะมาหาซูหยิงเซี่ย หลังจากที่เธอรู้ว่าเจ้าชายเปียโนคือ หานซานเฉียน แม้ว่าเฉินหลิงเหยาจะล้มเลิกความคิดที่จะเอาเขามาเป็นสามี แต่เธอก็ครุ่นคิดเรื่องนี้มาเป็นเวลานานมันจึงไม่ง่ายที่ปล่อยวางอย่างกระทันหัน และทำได้เพียงขอให้ซูหยิงเซี่ยบ่นเธอเท่านั้นเมื่อได้ยินคำพูดของซูอี้หาน หญิงชราก็เลิกคิ้วขึ้นและถามว่า “ซูหยิงเซี่ย เกิดอะไรขึ้น? เธอทำอย่างอื่นในเวลาทำงานเหรอ?”ซูหยิงเซี่ยรับผิดชอบงานของเธอเป็นอย่างดี ส่วนเฉินหลิงเหยาก็เป็นคนมีไหวพริบดี และไม่เคยรบกวนเธอในเวลาทำงาน คำพูดของซูอี้หานเป็นการใส่ร้ายเธอชัด ๆ “คุณย่าคะ ฉันแค่พบเพื่อนในช่วงพักกลางวันเท่านั้น ท่านสามารถถามเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงานในบริษัทได้ค่ะ” ซูหยิงเซี่ยตอบซูอี้หานเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจนัก เรื่องนี้คงจะไม่สามารถโจมตีซูหยิงเซี่ยได้ เธอจึ
หลังจากได้ยินคำพูดของซูไห่เฉา ญาติ ๆ ตระกูลซู ก็มองเขาด้วยความชื่นชม“ไห่เฉาช่างมีความสามารถจริง ๆ ถึงได้หาตัวคนทำผิดได้เร็วแบบนี้”“ต้องให้ไห่เฉาทำหน้าที่นี้จริง ๆ ด้วย ถ้าตระกูลซูไม่มีไห่เฉา อนาคตก็คงจะน่าเป็นห่วงมาก”“หยิงเซี่ย เธอต้องเรียนรู้จากไห่เฉาเยอะ ๆ นะ ถึงเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการเฉิงซี แต่เขาก็ยังใส่ใจเรื่องนี้ เธอต้องขอบคุณเขานะ”หญิงชราพยักหน้ายืนยันและพูดว่า “ไห่เฉา เรื่องนี้นายทำได้ดีมาก”“คุณย่าครับ แม้ว่าผมจะไม่ใช่ผู้รับผิดชอบโครงการ แต่ผมก็เป็นหลานชายของท่าน ธุรกิจของตระกูลซูก็เหมือนธุรกิจของผม ผมจะเพิกเฉยได้อย่างไรครับ” หลังจากซูไห่เฉาได้รับการยกย่อง เขาก็พูดกับหญิงชราและแสร้งทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตน“หยิงเซี่ย ตอนนี้ไห่เฉาก็ตรวจสอบให้เธอแล้ว เธอก็ไปคุยกับพวกนั้น ถ้าพวกเขาต้องการเงิน หากไม่เกินหนึ่งล้านก็ตกลงได้เลย” หญิงชรากล่าวซูหยิงเซี่ยจึงตอบว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะคุณย่า ฉันจะจัดการให้เหมาะสมค่ะ”เหมาะสม?สายตาของซูไห่เฉาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นอกจากว่าเธอจะถูกพาไปอาบน้ำและนอนรออยู่บนเตียงของเฉิงกัง เรื่องนี้คงไม่ได้แก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย“ฉันนัดให้เธอ
ซูหยิงเซี่ยกลอกตาไปมา เธอจะมีความสุขได้อย่างไร ในเมื่อกำลังถูกคนอื่นเข้าใจผิด อึดอัดใจจะตายอยู่แล้วด้วยซ้ำ“อ้อใช่ ช่วงนี้มีกลุ่มคนเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้ตระกูลซู พวกเขาไปก่อเรื่องที่สถานที่ก่อสร้าง ฉันขอให้เพื่อนตรวจสอบให้แล้วแต่ไม่พบอะไรเลย แต่ในที่ประชุม จู่ ๆ ซูไห่เฉาก็แสร้งทำเป็นใจดีบอกว่ารู้แล้วว่าใครเป็นคนทำ และบอกว่าพรุ่งนี้ให้ฉันไปคุยเรื่องนี้ คุณคิดว่าเรื่องนี้มีมันอะไรไม่ชอบมาพากลรึเปล่า?” ซูหยิงเซี่ยถามตามสัญชาตญาณของเธอ เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีบางอย่างผิดปกติ เพราะทัศนคติของซูไห่เฉาที่มีต่อเธอ ไม่ทำร้ายเธอก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะช่วยเธอหานซานเฉียนขมวดคิ้ว เขาก็ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ และขอให้หลินหย่งไปตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว หลินหย่งจับคนได้สองคนและทรมานพวกเขาเพื่อสอบปากคำ แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเก็บความลับได้เป็นอย่างดี แล้วซูไห่เฉาจะรู้ได้อย่างไร“วันพรุ่งนี้คุณจะไปคุยเมื่อไหร่?” หานซานเฉียนถาม เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ และเขารู้สึกกังวลใจที่ซูหยิงเซี่ยต้องไปคนเดียว“ฉันยังไม่รู้ วันพรุ่งนี้ซูไห่เฉ
คืนนั้นซูไห่เฉาและเฉิงกังมีนัดมาเจอกันเฉิงกังรู้สึกตื่นเต้นมากที่ซูหยิงเซี่ยจะมาคุยเรื่องนี้กับเขาเมื่อสามปีที่แล้ว หานซานเฉียนยังไม่ได้แต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลซู ผู้ชายมากมายไล่ตามจีบซูหยิงเซี่ยเหมือนกับไล่ตามดารา ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องการได้ใกล้ชิดกับสาวงาม นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมงานแต่งงานของตระกูลซูจึงเป็นเรื่องอื้อฉาวในเมืองหยุนเฉิง ไม่รู้ว่าวันนั้นมีผู้ชายกี่คนที่ต้องสิ้นหวังและก่นด่าหานซานเฉียนลับหลัง ว่าเป็นคางคกที่ได้ครอบครองหงส์อย่างเธอตอนนี้มีโอกาสที่จะได้พบกับซูหยิงเซี่ย แถมเธอก็ยังไม่เคยให้หานซานเฉียนแตะต้องตัว เฉิงกังจะไม่ตื่นเต้นกับเรื่องนี้ได้อย่างไร“นายทำได้ดีมาก อนาคตถ้านายมีปัญหาก็มาหาฉัน ฉันจะช่วยนายอย่างแน่นอน” เฉิงกังพูดดวงตาของซูไห่เฉาดูชั่วร้าย เพียงแค่จัดการซูหยิงเซี่ยที่เป็นตัวปัญหาได้ เขาก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เพราะไม่มีใครในตระกูลซูที่จะสามารถแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งประธานกับเขาได้อีกเมื่อนึกถึงท่าที่ของซูหยิงเซี่ยที่ภูมิอกภูมิใจในตำแหน่งผู้รับผิดชอบโครงการของเธอ ซูไห่เฉาก็โกรธจนควันแทบออกหู ไหนจะยังได้เปลี่ยนรถอีก เธอช่างไม่รู้จักยางอายซะจริง ๆ “พี่กัง ผมม
ซูไห่เฉาคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ซูอี้หานก็เห็นซูหยิงเซี่ยเป็นศัตรูเหมือนกัน ถ้าหากเธอรู้เรื่องนี้ เธอก็คงจะไม่บอกใคร“ฉันจะบอกความจริงกับเธอก็แล้วกัน ฉันรู้จักคนที่สร้างความเดือดร้อนให้ตระกูลซู และฉันก็เป็นยุให้เขาทำเรื่องนี้เอง” ซูไห่เฉาพูดเมื่อซูอี้หานได้ยินเรื่องนี้ เธอก็มองไปที่ซูไห่เฉาด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “นายเป็นคนสั่งอย่างนั้นเหรอ! ถ้าคุณย่ารู้เรื่องนี้ ท่านไม่ปล่อยนายไว้แน่”“คุณย่าจะรู้ได้ยังไงล่ะ? เพราะฉันเชื่อใจเธอฉันถึงได้บอกเรื่องนี้กับเธอ และหลังจากวันนี้ ซูหยิงเซี่ยจะถูกทำลายจนป่นปี้ เราไม่ต้องพูดอะไร คุณย่าก็จะต้องไล่ซูหยิงเซี่ยออกจากตระกูลซูแน่” ซูไห่เฉาพูดอย่างมีความสุข ในที่สุดเขาก็มีโอกาสที่จะได้ระบายความโกรธของเขา หลังจากที่ซูหยิงเซี่ยถูกไล่ออกจากตระกูลซู เขาก็จะได้เป็นผู้รับผิดชอบโครงการเฉิงซีได้อย่างแน่นอน ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวเลย“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ อย่ามัวแต่เล่นลิ้น รีบบอกฉันมาเร็วเข้า” ซูอี้หานพูดอย่างหมดความอดทน“เฉิงกัง เธอเคยได้ยินชื่อนี้ไหม?”“เฉิงกัง! เขาคือผู้มีอำนาจในพื้นที่สีเทาของเมืองหยุนเฉิงไม่ใช่เหรอ?”“เขาตกหลุมรักซูหยิงเซี่
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ