หานซานเฉียนไม่ตอบคำถาม ม่อหยางรู้ว่าเขาจงใจไม่พูดถึงมัน ดังนั้นจึงไม่ถามอะไรไปมากกว่านี้ เมื่อม่อหยางกับหลินหย่งออกไปโทรศัพท์ ท้องถนนในเมืองหยุนเฉิงช่วงเช้าตรู่ก็คึกคักขึ้นมาทันที ผู้คนหลายร้อยคนเดินขวักไขว่ไปมาบนท้องถนน เดินเข้าไปในโรงแรมบ้าง คลับบ้าง ตลอดจนสถานบันเทิงแต่ละแห่ง เพื่อพลิกแผ่นดินตามหาตัวหานจุน ส่วนหานจุนในเวลานี้ ยังคงไม่ยินดีที่จะออกจากดินแดนอันหอมหวานในคฤหาสน์จินเฉียว อาจเป็นเพราะอยู่ในเรือนจำหยุนหลงมานานเกินไป และไม่ได้สัมผัสกับความงดงามของสตรีมานาน เขาจึงปรารถนาจะได้รับการปรนนิบัติจากผู้หญิงทุกคนในคฤหาสน์จินเฉียว “คนไร้ค่าคนนั้น คงไม่เคยได้เสพสุขกับสวัสดิการแบบนี้มาก่อน ช่างน่าสงสารจริง ๆ!” หานจุนพูดแล้วหัวเราะไปพร้อมกับใช้มือซ้ายโอบไหล่หญิงสาว มือขวากอดเอวหญิงสาวราวกับราชา ยิ่งนึกถึงสภาพของหานซานเฉียน เขาก็ยิ่งรู้สึกสมเพชมากขึ้นเท่านั้น ถูกตระกูลหานเตะออกมาอยู่ยังสถานที่เล็ก ๆ อย่างเมืองหยุนเฉิง แต่กลับไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น ตกอับถูกคนรังแก แถมถูกคนอื่นมองเป็นคนไร้ประโยชน์อีก “แต่นายไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันจะช่วยชำระล้างให้นายและบอกผู้คนในเมืองห
ที่สำคัญไปกว่านั้น ในความคิดของซูหยิงเซี่ย เรื่องชุดชั้นในแม้แต่หานซานเฉียนก็ไม่ควรรู้ แล้วเขา… เขาไปเห็นอะไรมาอย่างนั้นเหรอ? “ว่าไง ตอนนี้คุณเชื่อผมหรือยัง?” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม ซูหยิงเซี่ยหน้าแดงก่ำ เธอคิดว่าถ้าเป็นเรื่องกินนอนก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ทำไมเขาถึงรู้ว่าตนเองไม่ชอบใส่ชุดชั้นในที่เข้าชุดกัน? “คุณ… คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันจับคู่ชุดชั้นในยังไง?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถาม “อะแฮ่ม” หานซานเฉียนกระแอมไออกมาด้วยความเขินอาย รู้ได้อย่างไรงั้นเหรอ? ก็ต้องแอบดูสิถึงได้รู้ แต่ถ้าบอกไปอย่างนี้ ซูหยิงเซี่ยต้องทุบเขาตายแน่ “เอ่อ… ในตู้เสื้อผ้ามันรกเละเทะน่ะ ผมเลยเดาเอา” หานซานเฉียนตอบอย่างขอไปที “เดาอะไร ฉันว่าคุณต้องเคยแอบดูแน่ ๆ ไอ้คนลามก” เฉินหลิงเหยาชอบดูเรื่องสนุกโดยไม่สนใจว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ระหว่างมองไปที่หานซานเฉียนอย่างดูถูกแล้วเอ่ยขึ้น หานซานเฉียนจ้องไปที่เฉินหลิงเหยาแล้วพูดขึ้นว่า “คืนเงินผมมาได้แล้ว” เมื่อเฉินหลิงเหยาได้ยินแบบนั้น ก็ก้มหน้าลงอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่เรื่องนี้เขาก็รู้ ดูท่าทางจะเป็นหานซานเฉียนไม่ผิดตัวจริง ๆ “อืม… เรื่องของพวกคุณสองคน ปรึกษากันเอาเองแล้ว
พอเห็นว่าหานจุนคุกเข่าลงคำนับพร้อมน้ำมูกน้ำตาไหล ม่อหยางก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมคนที่ออกมาจากท้องแม่เดียวกัน ถึงมีความแตกต่างมากมายขนาดนี้ หานจุนดูไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลย เขาขี้ขลาดจนถึงขีดสุด หัวเข่าของผู้ชายมีค่าดั่งทองคำ จะให้คุกเข่าง่าย ๆ ได้อย่างไร ย้อนกลับมามองหานซานเฉียน แม้ทั้งเมืองหยุนเฉิงจะเห็นว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่หานซานเฉียนแสดงออกมานั้นไม่ใกล้เคียงกับคนไร้ประโยชน์เลยแม้แต่นิดเดียว มีแค่คนโง่เขลาพวกนั้นที่เข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ ความสามารถของสองพี่น้องนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ม่อหยางเบะปากอย่างดูถูก แล้วพูดว่า “จะไม่แสดงให้เราเห็นความเป็นลูกผู้ชายสักหน่อยเลยเหรอ?” หานจุนไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นลูกผู้ชายหรือไม่ ขอแค่มีชีวิตอยู่ต่อไปก็พอ ในอนาคตเขายังสามารถแก้แค้นได้ ความอัปยศชั่วครั้งชั่วคราวแค่นี้จะเป็นอะไรไป? อีกอย่างช่วงที่อยู่ในเรือนจำหยุนหลง หานจุนได้เรียนรู้ให้ว่านอนสอนง่าย ถ้าเอาชนะไม่ได้ก็ยอมทำตาม ไม่อย่างนั้นจะถูกเฆี่ยนตีอย่างสาหัส นี่คือหลักการที่เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ “พี่ชาย ปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่ใช่หานซานเฉียนจ
บ่ายวันนั้น หนานกงเชียนชิวมาถึงเมืองหยุนเฉิงพร้อมกับฉือจิง “รู้ไหมว่าเจ้าคนไร้ประโยชน์หานซานเฉียนอยู่ที่ไหน?” หลังลงจากเครื่องบิน หนานกงเชียนชิวก็ถามฉือจิง “โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงค่ะ” ฉือจิงกล่าว หนานกงเชียนชิวยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ตระกูลซูร่ำรวยถึงขนาดอาศัยอยู่ในโครงการคฤหาสน์ได้เลยอย่างนั้นเหรอ? ดูท่าทางเขาจะมีความสุขมากในเมืองหยุนเฉิงสินะ” ฉือจิงยิ้มอย่างขมขื่น หานซานเฉียนถูกไล่ออกจากตระกูลหาน เมื่อแต่งงานเข้าตระกูลซูก็ได้รับความอัปยศอดสูไม่น้อย แถมยังเพิ่งได้อาศัยอยู่ในโครงการคฤหาสน์ได้ไม่นาน ในสายตาของหญิงชราคิดว่าเป็นความสุขแล้วอย่างนั้นเหรอ? แล้วหานจุนล่ะ? ชีวิตอันอู้ฟู่หรูหราของหานจุนในหลายปีที่ผ่านมาจะเรียกว่าอะไรดี? ฉือจิงไม่อาจยืนข้างใครได้ในตอนนี้ เธอแค่ปฏิบัติตัวในฐานะผู้ชม แม้เมื่อก่อนเธอจะเคยให้ค่าหานจุนมาก แต่นับตั้งแต่หนานกงเชียนชิวยืนกรานว่าจะส่งหานซานเฉียนไปติดคุกแทนหานจุน ความอยุติธรรมนี้ทำให้ฉือจิงไม่ยินดีช่วยเหลือหานจุนอีก ถึงอย่างไรหานซานเฉียนก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอเช่นกัน เขาก็ไม่ควรได้รับการปฏิบัติแบบนี้ “แม่คะ แม่ไม่คิดว่าการส่งหานจุนกลับไป
เจี่ยงหลานเดินไปที่ประตูด้วยความหงุดหงิด เมื่อเธอเห็นฉือจิงและหนานกงเชียนชิวที่หน้าประตู ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างไม่รู้ต่อกี่เท่า เธอไม่รู้จักหญิงชราคนนี้ แต่ชั่วชีวิตนี้เธอจะไม่มีวันลืมฉือจิง การตบหน้าอย่างแรงยังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำของเจี่ยงหลาน แล้วเธอยังได้รู้จากปากหานซานเฉียนอีกว่าฉือจิงเป็นคนที่ร้ายกาจมาก เธอ… ทำไมจู่ ๆ เธอถึงมาหาฉันถึงบ้าน! เจี่ยงหลานยังคงจำได้ว่าฉือจิงต้องการให้เธอทำตัวเงียบ ๆ ถ้าทำให้เขาเดือดร้อนอีก ก็จะทำให้เธอใช้ชีวิตด้วยความเสียใจภายหลัง แต่… แต่เจี่ยงหลานไม่รู้ว่าเขาที่ฉือจิงพูดถึงเป็นใคร อย่าบอกนะว่า เธอไปล่วงเกินคนคนนั้นอีกแล้วเหรอ? เจี่ยงหลานนึกถึงเรื่องที่เธอเพิ่งทำไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่เธอไม่คิดว่าตัวเองไปล่วงเกินใครมา “คุณ… คุณมาที่นี่ทำไม?” เจี่ยงหลานพูดกับฉือจิงอย่างลนลาน หนานกงเชียนชิวชำเลืองมองเจี่ยงหลานอย่างเย็นชาก่อนถามขึ้น “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครเป็นคนแปลกหน้านะ?” เจี่ยงหลานตัวสั่นด้วยความกลัวและรีบพูดว่า “ฉันขอโทษค่ะ ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้พูดถึงพวกคุณเลยแบบนั้นค่ะ” แม้เจี่ยงหลานจะไม่รู้ว่าหนานกงเชียนชิวเป็นใคร แต่หญิงชราผู้นี้
“ดูเหมือนว่าถ้าฉันไม่สั่งสอนบทเรียนให้กับเธอบ้าง เธอคงไม่รู้ว่ายายแก่อย่างฉันเป็นใคร” หนานกงเชียนชิวชักไม้เท้ากลับ แล้วกระแทกลงบนพื้นเสียงดังกึกก้อง บอดี้การ์ดหลายคนที่ติดตามเธอมาด้วย หนึ่งในนั้นเดินเข้ามาหาซูหยิงเซี่ย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ว่า “คุกเข่าลง” “ฉันไม่คุกเข่า คุณจะทำอะไรฉันได้?” ซูหยิงเซี่ยเชิดหน้าขึ้น พูดด้วยสีหน้าไม่ยอมแพ้ บอดี้การ์ดที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ กระชากผมของซูหยิงเซี่ยให้ก้มหัวลง แล้วยกหัวเข่าขึ้นกระแทกเข้าไปที่ท้องของซูหยิงเซี่ยอย่างแรง ซูหยิงเซี่ยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากบอดี้การ์ด เธอคุกเข่าลงบนพื้นอย่างไม่มีทางเลือก เธอมีนิสัยดื้อรั้น แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่ง เธอจะเอาอะไรไปสู้กับบอดี้การ์ดได้? หนานกงเชียนชิวยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แล้วบอกกับซูหยิงเซี่ยว่า “อารมณ์รุนแรงนักไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงยอมคุกเข่าแล้วล่ะ” ซูหยิงเซี่ยยังคงมีสีหน้าไม่ยอมแพ้ เธอเงยหน้าขึ้นพร้อมกับจ้องไปที่หนานกงเชียนชิวอย่างโกรธเกรี้ยว แล้วพูดว่า “ฉันคุกเข่าให้คุณได้ แถมยังจุดธูปสามดอกให้คุณได้ด้วย คุณจะเอาหรือเปล่าล่ะ?” หนานกงเชียนชิวรู้
“หานซานเฉียน แกมัวไปตายอยู่ที่ไหน ยังไม่กลับมาอีก!” ทันทีที่ปลายสายกดรับสาย เจี่ยงหลานก็ดุด่าอย่างโกรธเคือง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นผลสืบเนื่องมาจากหานซานเฉียน ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ซูหยิงเซี่ยจะโดนทำร้ายได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น เจี่ยงหลานยังเข้าใจด้วยว่า วันนี้การที่ฉือจิงปรากฏตัวขึ้น พวกเขาไม่ได้มาเพื่อสร้างปัญหาให้กับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้กลัวมากนัก ขอแค่ให้หานซานเฉียนมารับผลที่ทำไว้ ตระกูลซูก็จะสามารถหลุดพ้นได้แล้ว ถ้าหานซานเฉียนทำให้พวกเธอเดือดร้อน เจี่ยงหลานก็มีวิธีเช่นกัน วิธีที่ดีที่สุดคือให้ซูหยิงเซี่ยหย่ากับหานซานเฉียนทันที เธอจะได้ไม่ต้องถูกลากเข้าไปพัวพันอีก หลังจากได้พบหานจุน หานซานเฉียนได้โทรศัพท์ของตัวเองคืนมา แต่จู่ ๆ เจี่ยงหลานก็บอกให้เขากลับไป อีกทั้งท่วงทำนองการพูดจายังเลวร้ายมาก ทำให้หานซานเฉียนไม่เข้าใจ “แม่ครับ มีอะไรหรือเปล่า?” หานซานเฉียนเอ่ยถาม “แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่ ฉันไม่ใช่แม่ของแก ตอนนี้ศัตรูของแกมาหาถึงบ้านแล้ว แกยังจะหลบอยู่อีกเหรอ รีบกลับมาเดี๋ยวนี้” เจี่ยงหลานกล่าว ศัตรู! เมื่อได้ยินเช่นนี้ สายตาของหานซานเฉียนก็หรี่ลง หนานกงเชียนชิวคงไ
บอดี้การ์ดหลายคนถูกหานซานเฉียนที่กำลังโกรธจัดการล้มลงทั้งหมด จนทุกคนก็หมดสติไปทันที ไม่มีช่องให้ตอบโต้เลย สีหน้าของหนานกงเชียนชิวซีดเผือดราวกับกระดาษ คราวที่แล้วเธอคิดว่าหานซานเฉียนชนะชายชุดดำด้วยความโชคดี แต่ในตอนนี้ทักษะอันแข็งแกร่งของหานซานเฉียนได้ประจักษ์ต่อหน้าเธอจริง ๆ มันยังเป็นความโชคดีได้อีกเหรอ? “แก...” หนานกงเชียนชิวมองไปที่หานซานเฉียนอย่างไม่เชื่อสายตา เป็นไปได้อย่างไร? คนไร้ประโยชน์อย่างเขา ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้! บอดี้การ์ดเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่ได้รับการฝึกฝนจากเหยียนจุน ซึ่งเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งในการปกป้อง ทำไม ทำไมต่อหน้าหานซานเฉียนกลับเป็นเหมือนหุ่นกระดาษโง่ ๆ! ความเข้าใจในตัวหานซานเฉียนที่หนานกงเชียนชิวมีพังทลายลงในช่วงเวลาสั้น ๆ เธอรู้สึกตกใจมากจนไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ แม้ว่าฉือจิงจะรู้สึกประหลาดใจ แต่เมื่อเทียบกับความกระวนกระวายของหนานกงเชียนชิวแล้วกลับน้อยกว่ามาก เพราะเธอไม่ได้มองหานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่า เขาได้รับความอยุติธรรมมาตั้งแต่เด็ก จึงแอบทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นอย่างลับ ๆ ย่อมเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ “รู้ไหมว่าทำไมผมต้องอดทนอยู่หลายปี?”
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ