เมื่อเฉินหลิงเหยารู้ว่าซูหยิงเซี่ยต้องมาอยู่ที่บ้านเธอหลายวันก็แอบรู้สึกประหลาดใจมาก เพราะเธอเพิ่งพยายามเตือนซูหยิงเซี่ยอย่างปากเปียกปากแฉะให้ทำตามความต้องการของหานซานเฉียน แต่เธอดันย้ายออกจากคฤหาสน์แบบนี้ คงไม่ใช่เพราะหานซานเฉียนเย็นชากว่าเดิมหรอกใช่ไหม? เฉินหลิงเหยาซักไซ้ต่อทางโทรศัพท์แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไร เธอจึงต้องเก็บกวาดภายในบ้านให้พร้อม หลังจากนั้นไม่นาน ซูหยิงเซี่ยก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบน้อยใหญ่ เฉินหลิงเหยาเห็นแล้วก็รู้สึกสิ้นหวังทันที ไม่ใช่ว่าเธอกลัวซูหยิงเซี่ยรบกวน แต่การที่ซูหยิงเซี่ยทำแบบนี้ แสดงว่าเธอไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับหานซานเฉียนเลยอย่างนั้นเหรอ? “หยิงเซี่ย นี่เธอตั้งใจมาอยู่กับฉันนานขนาดนั้นเลยเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?” เฉินหลิงเหยาเอ่ยถาม เธอรู้จักนิสัยใจคอของเพื่อนสนิทคนนี้ดี ซูหยิงเซี่ยเข้าใจดีว่า ถ้าไม่บอกความจริงกับเธอ เธอจะต้องซักไซ้จนถึงที่สุด “เธอเชื่อไหมว่าบนโลกนี้มีคนที่หน้าตาเหมือนกันทุกอย่าง?” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “ฝาแฝดไง จะมีอะไรไม่น่าเชื่อไปกว่านี้อีกล่ะ?” เฉินหลิงเหยากล่าว ซูหยิงเซี่ยได้ยินแบบนั้นก็สะดุ้งเฮือก ไม่ว่าจ
หานซานเฉียนจดจำทุกคำที่ตี้สู่พูดจนขึ้นใจ หลังจากหมดเวลาปล่อยนักโทษเดินเล่นแล้ว เขาก็กลับมาที่ห้องขังใหญ่ แล้วเริ่มขบคิดอย่างจริงจัง ในฐานะพี่ใหญ่ของห้องใหญ่ ก่อนหน้านี้มีแต่คนมานวดให้กวานหยง แต่ตอนนี้ทุกครั้งที่หมดเวลาปล่อยนักโทษเดินเล่น เขาจะเป็นคนเข้ามานวดให้หานซานเฉียนเอง กวานหยงมีความสงสัยอยู่ในใจมาโดยตลอด ทำไมจู่ ๆ หานจุนถึงได้เปลี่ยนไปอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินแบบนี้? เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน นิสัยใจคอไม่เหมือนเดิม ทักษะก็ไม่เหมือนเดิม เขาถึงขั้นสงสัยว่าหานจุนคนเดิมถูกคนอื่นแอบเข้ามาสับเปลี่ยนตัวด้วยซ้ำ แต่เรื่องนี้เขาไม่กล้าที่จะพูดออกไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่รู้ว่าต้องร่วมมือกันกี่คนถึงจะทำการแบบนี้ได้ ถ้าคนอื่นรู้ถึงการคาดเดาของเขา เขาคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแน่นอน “พี่ใหญ่หาน เป็นไงบ้างครับ?” กวานหยงถามด้วยสีหน้าเคอะเขิน “ถ้าฉันได้ออกไป ฉันคงคิดถึงการนวดของนาย” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม ออกไป! เหงื่อเย็นผุดออกมาบนหน้าผากของกวานหยง โทษของเขาคือสิบปี ถ้าให้ออกไปตอนนี้มันจะไม่เร็วเกินไปหน่อยเหรอ? “กวานหยง ฉันยังไม่รู้เลยว่านายทำผิดอะไรถึงเข้ามาที่นี่ คงทำเรื่องโหดเหี้ยม
“หาน… หานซานเฉียน!” หนานกงเชียนชิวมองไปยังหานซานเฉียนอย่างหวาดผวา ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่ได้? เขาไม่ได้ติดคุกแทนหานจุนที่อยู่ในเรือนจำหยุนหลงหรอกหรือ? ทำไมถึงออกมาที่นี่ได้! หานซานเฉียนแค่สะบัดมือไปมา ชายชุดดำที่เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้ก็ตายจนร่างแน่นิ่ง เมื่อหนานกงเชียนชิวเห็นภาพนี้ สีหน้าก็ยิ่งซีดเซียวลง นี่คือยอดฝีมือที่เธอหามา และกำลังจะส่งเข้าไปฆ่าหานซานเฉียนในเรือนจำหยุนหลง ทำไมถึงตายด้วยน้ำมือของคนไร้ประโยชน์อย่างหานซานเฉียนได้ง่ายดายขนาดนี้! ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเหยียนจุนอยู่ในห้องของเธอ หนานกงเชียนชิวคงคิดว่าเหยียนจุนเป็นคนทำเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่… แต่เหยียนจุนอยู่ข้างเธอมาตลอด “หนานกงเชียนชิว คนไร้ประโยชน์แบบนี้ คุณยังคิดอาศัยคนให้มาฆ่าผมอยู่เหรอ?” หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชา หนานกงเชียนชิวกัดฟันกรอดมองหานซานเฉียน แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่สนใจว่าแกจะใช้วิธีไหนฆ่าเขา แต่แกรู้หรือเปล่าว่า การแหกคุกของแกจะนำพาหายนะมาสู่ตระกูลหานยังไงบ้าง?” “หายนะเหรอครับ?” หานซานเฉียนยิ้มเยาะแล้วพูดต่อว่า “หนานกงเชียนชิว มันเป็นฝีมือของคุณทั้งหมด ทำไมคุณถึงคิดว่าคนอย่างหานซานเฉียนจะยินด
คืนวันนั้น หานซานเฉียนนั่งเครื่องบินกลับมาถึงเมืองหยุนเฉิง ซึ่งเป็นเวลาก่อนฟ้าสาง เขามาถึงคฤหาสน์บนเนินเขาอย่างร้อนใจจนเหมือนถูกเผา ด้วยความหวังว่าซูหยิงเซี่ยจะไม่คิดว่าหานจุนคือตนเอง ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาหานซานเฉียนก็ไม่กล้าจินตนาการเหมือนกัน เจี่ยงหลานและคนอื่น ๆ ยังคงนอนหลับอยู่ แต่หานซานเฉียนไม่เห็นใครในห้องของซูหยิงเซี่ยเลย แถมไม่มีหานจุนด้วย ทำให้หัวใจของหานซานเฉียนเย็นยะเยือกจนถึงขีดสุด สองคนนี้ไม่อยู่บ้าน แล้วไปไหนกัน? เสียงเปิดประตูปลุกเหอถิงให้ตื่นขึ้นมา เหอถิงเดินไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างสะลึมสะลือ พอเห็นหานซานเฉียน เธอก็พูดขึ้นมาว่า “คุณไม่ต้องมองหาซูหยิงเซี่ยหรอก เธอไม่อยู่บ้าน” น้ำเสียงของเหอถิงเย็นชามากแถมยังแฝงไปด้วยการตำหนิ หานซานเฉียนรู้ทันทีว่าหานจุนต้องทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เหอถิงไม่พอใจแน่ “ป้าเหอครับ หยิงเซี่ยไปไหน?” หานซานเฉียนเอ่ยถาม ในสายตาของเหอถิง หานซานเฉียนกับหานจุนเป็นคนคนเดียวกัน ดังนั้นเธอย่อมไม่มีทางบอกหานซานเฉียนว่าซูหยิงเซี่ยอยู่ที่ไหน “หานซานเฉียน ทำไมตอนนี้คุณถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ?” เหอถิงทั้งสับสนและโมโห ทันใดนั้น เจี่ยงหลานและซูกั๋ว
หานซานเฉียนไม่ตอบคำถาม ม่อหยางรู้ว่าเขาจงใจไม่พูดถึงมัน ดังนั้นจึงไม่ถามอะไรไปมากกว่านี้ เมื่อม่อหยางกับหลินหย่งออกไปโทรศัพท์ ท้องถนนในเมืองหยุนเฉิงช่วงเช้าตรู่ก็คึกคักขึ้นมาทันที ผู้คนหลายร้อยคนเดินขวักไขว่ไปมาบนท้องถนน เดินเข้าไปในโรงแรมบ้าง คลับบ้าง ตลอดจนสถานบันเทิงแต่ละแห่ง เพื่อพลิกแผ่นดินตามหาตัวหานจุน ส่วนหานจุนในเวลานี้ ยังคงไม่ยินดีที่จะออกจากดินแดนอันหอมหวานในคฤหาสน์จินเฉียว อาจเป็นเพราะอยู่ในเรือนจำหยุนหลงมานานเกินไป และไม่ได้สัมผัสกับความงดงามของสตรีมานาน เขาจึงปรารถนาจะได้รับการปรนนิบัติจากผู้หญิงทุกคนในคฤหาสน์จินเฉียว “คนไร้ค่าคนนั้น คงไม่เคยได้เสพสุขกับสวัสดิการแบบนี้มาก่อน ช่างน่าสงสารจริง ๆ!” หานจุนพูดแล้วหัวเราะไปพร้อมกับใช้มือซ้ายโอบไหล่หญิงสาว มือขวากอดเอวหญิงสาวราวกับราชา ยิ่งนึกถึงสภาพของหานซานเฉียน เขาก็ยิ่งรู้สึกสมเพชมากขึ้นเท่านั้น ถูกตระกูลหานเตะออกมาอยู่ยังสถานที่เล็ก ๆ อย่างเมืองหยุนเฉิง แต่กลับไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น ตกอับถูกคนรังแก แถมถูกคนอื่นมองเป็นคนไร้ประโยชน์อีก “แต่นายไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันจะช่วยชำระล้างให้นายและบอกผู้คนในเมืองห
ที่สำคัญไปกว่านั้น ในความคิดของซูหยิงเซี่ย เรื่องชุดชั้นในแม้แต่หานซานเฉียนก็ไม่ควรรู้ แล้วเขา… เขาไปเห็นอะไรมาอย่างนั้นเหรอ? “ว่าไง ตอนนี้คุณเชื่อผมหรือยัง?” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม ซูหยิงเซี่ยหน้าแดงก่ำ เธอคิดว่าถ้าเป็นเรื่องกินนอนก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ทำไมเขาถึงรู้ว่าตนเองไม่ชอบใส่ชุดชั้นในที่เข้าชุดกัน? “คุณ… คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันจับคู่ชุดชั้นในยังไง?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถาม “อะแฮ่ม” หานซานเฉียนกระแอมไออกมาด้วยความเขินอาย รู้ได้อย่างไรงั้นเหรอ? ก็ต้องแอบดูสิถึงได้รู้ แต่ถ้าบอกไปอย่างนี้ ซูหยิงเซี่ยต้องทุบเขาตายแน่ “เอ่อ… ในตู้เสื้อผ้ามันรกเละเทะน่ะ ผมเลยเดาเอา” หานซานเฉียนตอบอย่างขอไปที “เดาอะไร ฉันว่าคุณต้องเคยแอบดูแน่ ๆ ไอ้คนลามก” เฉินหลิงเหยาชอบดูเรื่องสนุกโดยไม่สนใจว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ระหว่างมองไปที่หานซานเฉียนอย่างดูถูกแล้วเอ่ยขึ้น หานซานเฉียนจ้องไปที่เฉินหลิงเหยาแล้วพูดขึ้นว่า “คืนเงินผมมาได้แล้ว” เมื่อเฉินหลิงเหยาได้ยินแบบนั้น ก็ก้มหน้าลงอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่เรื่องนี้เขาก็รู้ ดูท่าทางจะเป็นหานซานเฉียนไม่ผิดตัวจริง ๆ “อืม… เรื่องของพวกคุณสองคน ปรึกษากันเอาเองแล้ว
พอเห็นว่าหานจุนคุกเข่าลงคำนับพร้อมน้ำมูกน้ำตาไหล ม่อหยางก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมคนที่ออกมาจากท้องแม่เดียวกัน ถึงมีความแตกต่างมากมายขนาดนี้ หานจุนดูไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลย เขาขี้ขลาดจนถึงขีดสุด หัวเข่าของผู้ชายมีค่าดั่งทองคำ จะให้คุกเข่าง่าย ๆ ได้อย่างไร ย้อนกลับมามองหานซานเฉียน แม้ทั้งเมืองหยุนเฉิงจะเห็นว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่หานซานเฉียนแสดงออกมานั้นไม่ใกล้เคียงกับคนไร้ประโยชน์เลยแม้แต่นิดเดียว มีแค่คนโง่เขลาพวกนั้นที่เข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ ความสามารถของสองพี่น้องนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ม่อหยางเบะปากอย่างดูถูก แล้วพูดว่า “จะไม่แสดงให้เราเห็นความเป็นลูกผู้ชายสักหน่อยเลยเหรอ?” หานจุนไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นลูกผู้ชายหรือไม่ ขอแค่มีชีวิตอยู่ต่อไปก็พอ ในอนาคตเขายังสามารถแก้แค้นได้ ความอัปยศชั่วครั้งชั่วคราวแค่นี้จะเป็นอะไรไป? อีกอย่างช่วงที่อยู่ในเรือนจำหยุนหลง หานจุนได้เรียนรู้ให้ว่านอนสอนง่าย ถ้าเอาชนะไม่ได้ก็ยอมทำตาม ไม่อย่างนั้นจะถูกเฆี่ยนตีอย่างสาหัส นี่คือหลักการที่เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ “พี่ชาย ปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่ใช่หานซานเฉียนจ
บ่ายวันนั้น หนานกงเชียนชิวมาถึงเมืองหยุนเฉิงพร้อมกับฉือจิง “รู้ไหมว่าเจ้าคนไร้ประโยชน์หานซานเฉียนอยู่ที่ไหน?” หลังลงจากเครื่องบิน หนานกงเชียนชิวก็ถามฉือจิง “โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงค่ะ” ฉือจิงกล่าว หนานกงเชียนชิวยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ตระกูลซูร่ำรวยถึงขนาดอาศัยอยู่ในโครงการคฤหาสน์ได้เลยอย่างนั้นเหรอ? ดูท่าทางเขาจะมีความสุขมากในเมืองหยุนเฉิงสินะ” ฉือจิงยิ้มอย่างขมขื่น หานซานเฉียนถูกไล่ออกจากตระกูลหาน เมื่อแต่งงานเข้าตระกูลซูก็ได้รับความอัปยศอดสูไม่น้อย แถมยังเพิ่งได้อาศัยอยู่ในโครงการคฤหาสน์ได้ไม่นาน ในสายตาของหญิงชราคิดว่าเป็นความสุขแล้วอย่างนั้นเหรอ? แล้วหานจุนล่ะ? ชีวิตอันอู้ฟู่หรูหราของหานจุนในหลายปีที่ผ่านมาจะเรียกว่าอะไรดี? ฉือจิงไม่อาจยืนข้างใครได้ในตอนนี้ เธอแค่ปฏิบัติตัวในฐานะผู้ชม แม้เมื่อก่อนเธอจะเคยให้ค่าหานจุนมาก แต่นับตั้งแต่หนานกงเชียนชิวยืนกรานว่าจะส่งหานซานเฉียนไปติดคุกแทนหานจุน ความอยุติธรรมนี้ทำให้ฉือจิงไม่ยินดีช่วยเหลือหานจุนอีก ถึงอย่างไรหานซานเฉียนก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอเช่นกัน เขาก็ไม่ควรได้รับการปฏิบัติแบบนี้ “แม่คะ แม่ไม่คิดว่าการส่งหานจุนกลับไป