ลานหน้าบ้านตระกูลหานหานจุนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้พะยูงไหหลำ ซึ่งเป็นตำแหน่งของหนานกงเชียนชิวแต่เพียงผู้เดียว นอกเหนือจากเขาแล้วก็ไม่มีใครกล้านั่งที่นี่เมื่อหนานกงเชียนชิวปรากฏตัวขึ้น หานจุนรีบร้อนลุกขึ้น และเดินไปประคองด้านข้างหญิงชราพร้อมกับพูดว่า “คุณย่าครับ คุณย่าออกมาข้างนอกทำไมถึงไม่บอกผมสักคำล่ะครับ? ผมจะได้ช่วยประคองคุณย่าไง”ใบหน้าของหนานกงเชียนชิวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไร้ซึ่งความกังวล เธอชอบความห่วงใยที่หานจุนมอบให้เธอมากที่สุด มีแค่ความห่วงใยของหานจุนเท่านั้นที่เธอถือว่าเป็นความจริงใจ“หลานคิดว่าทางเดินแค่นี้ย่าจะเดินมาไม่ไหวเลยเหรอ?” หนานกงเชียนชิวกล่าวหลังจากช่วยประคองหนานกงเชียนชิวนั่งลงแล้ว หานจุนจึงพูดว่า “คุณย่าครับ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นเลย ผมแค่อยากปรนนิบัติคุณย่าทุกเวลาเท่านั้นเอง คุณย่าไม่รู้หรอกว่าในช่วงเวลาที่อยู่ในคุกผมคิดถึงคุณย่ามากแค่ไหน ผมกลัวว่าคนรับใช้พวกนั้นจะดูแลคุณย่าได้ไม่ดีเท่าผม”“มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้หลานลำบากแย่เลยใช่ไหม แต่หลานต้องรู้ด้วยว่าตอนนี้หลานไม่สามารถปรากฏตัวได้ตามสะดวกนะ ไม่อย่างนั้นปัญหาใหญ่จะเกิดขึ้นทันที” หนานกงเชียนชิวกล่าวข้อห้
รู้สึกเป็นเกียรติอย่างนั้นเหรอ!เมื่อฉือจิงได้ยินหนานกงเชียนชิวพูดดังกล่าว เธอก็รู้สึกกระวนกระวายใจ แม้ว่าท่านจะรักหานจุนมากกว่า แต่ท่านก็ไม่ควรทำเกินไปขนาดนี้!“แม่คะ แม่กำลังบีบบังคับหานซานเฉียนให้ตายใช่ไหมคะ?” ฉือจิงกล่าว“ฉันกำลังเตรียมจะไปบอกมัน ว่าพรุ่งนี้ผู้หญิงของมันมีคนดูแลเรียบร้อยแล้ว มันสามารถตายในคุกได้อย่างสบายใจ ไม่เช่นนั้นทุกคนในเมืองหยุนเฉิงที่มีความเกี่ยวข้องกับมันจะต้องตายทั้งหมด” หนานกงเชียนชิวเกิดความคิดนี้ขึ้นหลังจากที่หานจุนจากไปท่านต้องทำให้แน่ใจว่าเรื่องของหานจุนจะไม่มีความผิดพลาดเด็ดขาด และการตายของหานซานเฉียนก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อฉือจิงได้ยินคำพูดเช่นนั้น ก็รู้สึกสิ้นหวังถึงที่สุด แม้แต่เธอเองก็ยังหวังว่าหานซานเฉียนจะสามารถออกจากเรือนจำหยุนหลงได้ และมอบบทเรียนแก่หนานกงเชียนชิว “ได้ค่ะ แม่อยากจะทำอะไรก็เชิญทำไปเถอะค่ะ หนูจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของตระกูลหานอีกต่อไปแล้ว” ฉือจิงพูดอย่างอับจนหนทาง ถึงการโต้แย้งไปมากแค่ไหนก็ไม่สามารถต้านทานการตัดสินใจของหนานกงเชียนชิวได้อยู่ดี“ออกไปให้พ้น” หนานกงเชียนชิวพูดอย่างไม่เกรงใจ ในสายตาของเธอมีเพียงหานจ
หลังจากที่หานซานเฉียนได้พบกับหนานกงเชียนชิวเขาก็กลับมาที่ห้องขังใหญ่ คนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงจากตัวหานซานเฉียน แต่ละคนต่างยืนตัวตรงที่มุมกำแพงและไม่กล้าพูดอะไรออกมาพวกเขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ทำไมคนขี้ขลาดที่คอยประจบประแจงจนยอมเลียรองเท้าคนอื่นถึงได้แข็งแกร่งขึ้นมาขนาดนี้ แถมยังเปลี่ยนไปราวกับคนละคนแบบนี้มันเหมือนกับ...เหมือนกับเป็นคนละคนกันอย่างสิ้นเชิง “พี่ใหญ่หาน คุณ...คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เกิดเรื่องอะไรขึ้น? คุณต้องการให้พวกเราช่วยไหมครับ?” กวานหยงถามหานซานเฉียนด้วยเสียงอันแผ่วเบาเมื่อก่อนเขาเคยเป็นคนที่ใหญ่ที่สุดในห้องขังใหญ่แห่งนี้ แม้แต่ตอนที่เขายืนปัสสาวะก็ยังมีคนมาคอยพยุง แต่หลังจากที่หานซานเฉียนมาถึงที่นี่ สถานะของเขาก็ตกต่ำลงไป และบางครั้งเขายังต้องไปนวดผ่อนคลายให้หานซานเฉียนด้วย แต่กวานหยงก็ไม่กล้าปริปากบ่นออกมาแม้แต่นิดเดียว“หุบปากซะ แล้วอย่ามายุ่งกับฉัน” หานซานเฉียนเอ่ยอย่างเย็นชา ผู้คนในห้องขังต่างพากันปิดปากเงียบ และสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะพากันยืดอกขึ้นตรงแล้วเกร็งหน้าท้องราวกับเป็นทหารหานจุนไปเมืองหยุนเฉิงแล้ว และนั่นหมายความว
“คุณเป็นใครครับ ผมไม่รู้จักคุณสักหน่อย” หานจุนพูดจงใจพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเฉินหลิงเหยาจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่หานซานเฉียน เธอเข้าใจว่าหานซานเฉียนกำลังพูดจาล้อเล่นกับเธอ“นายเป็นผู้ชายนะ อย่าทำเป็นใจแคบไปหน่อยเลย ฉันเป็นหนี้นายนิดหน่อยเองไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างฉันก็เคยเลี้ยงข้าวนายแล้วด้วย” เฉินหลิงเหยากล่าวอย่างไม่พอใจผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงจ้องขาเธอตลอดเวลาแบบนี้? หรือว่าซูหยิงเซี่ยไม่สนองความต้องเขา เขาเลยควบคุมอารมณ์ความปรารถนาของตัวเองไม่ได้? “อาหารมื้อเดียวจะพอได้ยังไงล่ะ วันนี้คุณก็เลี้ยงอาหารผมอีกสักมื้อเป็นไง?” หานจุนกล่าว เฉินหลิงเหยามองไปที่หานซานเฉียนด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้เสียสติไปแล้วใช่ไหม? นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังกล้าทานอาหารที่เธอทำอยู่อีก? “นายไม่ได้พูดเล่นกับฉันหรอกนะ ไม่กลัวว่าจะถูกวางยาพิษตายหรือไง?” เฉินหลิงเหยาพูดด้วยความรู้สึกงุนงงไม่อยากจะเชื่อ“จะโดนวางยาพิษไหม ถ้าได้ลองแล้วก็คงจะรู้เอง” หานจุนกล่าวเฉินหลิงเหยาไม่ได้สังเกตเห็นว่า 'หานซานเฉียน' ที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นดูผิดแปลกไป เพราะเธอคิดไม่คิดว่าบนโลกใบนี้ หานซานเฉียนจะมีพี่ชายที่หน
หลังจากที่หานจุนจากไป เฉินหลิงเหยาก็นั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น เธอทั้งรู้สึกเครียดและหวาดกลัว เธอไม่คิดว่าเมื่อพาหานจุนมาที่บ้านจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อีกทั้งเธอก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมจู่ ๆ หานซานเฉียนถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้ หานซานเฉียนอดทนเพื่อซูหยิงเซี่ยมาตั้งหลายปี เพียงเพราะว่าซูหยิงเซี่ยไม่ยอมให้เขา ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนใจเหรอ? แล้วถ้าเขาเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ทำไมถึงต้องอดทนรอจนถึงตอนนี้ด้วยล่ะ? ในฐานะเพื่อนสนิทของซูหยิงเซี่ย เฉินหลิงเหยาคิดว่าตัวเองต้องเตือนเรื่องนี้กับซูหยิงเซี่ย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เธอเดินไปถึงจุดสิ้นสุดเธอหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดโทรหาซูหยิงเซี่ยในทันที“หยิงเซี่ย ช่วงนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับหานซานเฉียนเป็นยังไงบ้างเหรอ?” เฉินหลิงเหยาเอ่ยถาม เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซูหยิงเซี่ยก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเธอรู้สึกว่าเธอกับหานซานเฉียนห่างไกลกันเข้าไปทุกที และการจากไปของเขาในครั้งนี้เธอรู้สึกว่านี่อาจเป็นความตั้งใจของเขา เธอหวังว่าพวกเธอทั้งสองจะใจเย็นลงได้“ทำไมจู่ ๆ เธอถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าว เฉินหลิงเหยาถอนหายใจและพูดว่า “ก็ฉันก
หลังจากที่หานจุนนั่งแท็กซี่มาถึงโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เรียกหานซานเฉียนด้วยความเคารพ ซึ่งนั่นทำให้หานจุนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ในสายตาของหานจุน หานซานเฉียนควรจะมีชีวิตในเมืองหยุนเฉิงอย่างเลวร้ายถึงจะถูกต้อง ทำไมถึงมีทั้งผู้หญิงที่ชื่นชอบเขา และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแสดงเคารพนบนอบต่อเขา หรือว่าคนไร้ค่าอย่างเขายังสามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในเมืองหยุนเฉิงได้? สาเหตุที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแสดงท่าทีเคารพต่อหานซานเฉียนนั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาเป็นคนของตระกูลเทียน และความสัมพันธ์ของตระกูลเทียนกับหานซานเฉียนนั้นไม่จำเป็นต้องอธิบายใด ๆ อีกเมื่อมาถึงคฤหาสน์ใจกลางภูเขา หานจุนก็กดกริ่งที่ประตูใหญ่ หลังจากที่เหอถิงเห็นหานซานเฉียน เธอก็ยิ้มให้พร้อมกับพูดว่า “ในที่สุดคุณก็กลับมาสักทีนะคะ”คนนี้น่าจะเป็นแม่บ้านเหอถิงของคฤหาสน์หลังนี้ หานจุนจึงพยักหน้ารับนิ่ง ๆ โดยที่ไม่พูดอะไร เหอถิงขมวดคิ้ว ปกติแล้วหานซานเฉียนจะเป็นคนที่เรียบง่ายและไม่ถือตัว แต่ทำไมวันนี้เขากลับแสดงท่าทีหยิ่งยโสเช่นนี้ เขาเพิ่งจากไปไม่กี่วันเองไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเปลี่ยนไปมากขนาดน
“หยิงเซี่ย ในที่สุดลูกก็กลับมาสักที”“ถ้าลูกยังไม่กลับมา บ้านหลังนี้คงจะพังพินาศไปแล้ว” เมื่อเห็นซูหยิงเซี่ย เจี่ยงหลานและซูกั๋วเย่าทั้งสองคนก็รีบเดินเข้าไปข้าง ๆ เธออย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นใบหน้าบวมช้ำของพ่อ ซูหยิงเซี่ยจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “พ่อคะ พ่อไปทำอะไรมาคะ ทำไมถึงคนโดนทำร้ายมาแบบนี้?” “ลูกยังถามมาได้ ทั้งหมดนี่เขาเป็นคนทำ เขาทำร้ายแม่ของลูกด้วย พ่อไปหาเขาเพื่อถามเหตุผล แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็ทำร้ายพ่ออีกคน” ซูกั๋วเย่ากัดฟันพูดหานซานเฉียนเป็นคนทำอย่างนั้นเหรอ?จะเป็นไปได้อย่างไร! ทำไมเขาต้องทำร้ายคนด้วยล่ะ“พ่อกับแม่อย่าพูดจาใส่ร้ายหานซานเฉียนสิคะ เขาจะทำร้ายพ่อกับแม่ได้ยังไงกัน” เดิมทีซูหยิงเซี่ยไม่เชื่อคำพูดของพวกเขาอยู่แล้ว หานซานเฉียนเป็นคนแบบไหนเธอรู้ดีที่สุด เขาจะลงมือทำร้ายคนอื่นได้อย่างไร? ทันใดนั้น หานจุนก็ลุกขึ้นยืนแล้วหันกลับมาพูดว่า “ผมเป็นคนทำเอง คุณไม่ต้องสงสัยหรอก”เมื่อหานจุนเห็นซูหยิงเซี่ย เขาก็ตกตะลึงในความงดงามของเธอทันที รูปลักษณ์ของเธอดูดีกว่านางแบบทั้งหมดที่เขาเคยเล่นด้วยเสียอีก หานซานเฉียนคนไร้ค่าคนนั้นโชคดีชะมัด แต่งงานเข้าตระกูลซูแล้วย
ในห้องขังใหญ่ แม้แต่ตอนกลางดึก หานจุนก็ยังไม่กล้าที่จะผ่อนคลายการระมัดระวังตัว เพราะเขาไม่รู้ว่ากวานหย่งจะลากเขาขึ้นมาทุบตีอีกครั้งเมื่อไหร่ ในห้องขังใหญ่สถานะของเขาก็คือแมลงผู้น่าสงสารที่ถูกคนอื่นเหยียบย่ำ กวานหยงใช้วิธีทุบตีและดุด่าเพื่อความสนุกของตัวเองยังดีที่ได้ออกมาจากสถานที่อันน่ากลัวนั้นแล้ว และไม่ต้องทนทรมานเพราะกวานหยงอีกต่อไป หานจุนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงหานซานเฉียน ตอนนี้เขากำลังขัดห้องน้ำอยู่ หรือว่ากำลังคุกเข่าร้องเพลงต่อหน้ากวานหยงกันนะ? “น่าเสียดายที่กวานหย่งโดนขังให้อยู่ในคุกเป็นเวลานาน ฉันก็เลยไม่มีโอกาสได้แก้แค้น หวังว่าพวกนายจะปฏิบัติต่อน้องชายของฉันเป็นอย่างดีนะ ลากมันมาทุบตีสักสองสามครั้งทุกวันก็จะดีมาก คนไร้ค่าคนนั้นเพียงพอให้พวกนายได้เล่นสนุกกันแล้วล่ะ” หานจุนพึมพำกับตัวเองพร้อมกับหัวเราะออกมาหานจุนคิดไปเองว่าหานซานเฉียนคงกำลังทุกข์ทรมานในคุก แต่ในตอนนี้กวานหยงกำลังนวดให้หานซานเฉียนอยู่ต่างงหากหานจุนที่ผ่อนคลายผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าเป็นเวลาตีสามแล้วเมื่อไม่เห็นซูหยิงเซี่ยนอนอยู่ข้าง ๆ หานจุนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ไอ้คนไร้