หวางเม่ามองหานซานเฉียนด้วยความซาบซึ้งใจ ถ้าหานซานเฉียนไม่ร่วมเล่นละครกับเขา วันนี้เขาคงไม่ใช่แค่เสียหน้าในเกมหมากล้อมเท่านั้น ซ่างกวนเฮยไป๋มองหานซานเฉียนอย่างดูถูก แล้วพูดว่า “ได้ รอให้ลูกศิษย์ของคุณแพ้ แล้วคุณค่อยลงสนาม แต่ผมแนะนำให้คุณควรรีบเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ นะ” ซ่างกวนเฮยไป๋มั่นใจในความสามารถของโอวหยางซิวเจี๋ยมาก ถึงอย่างไรก็เป็นลูกศิษย์ที่เขาตั้งใจฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ถ้าแม้แต่ลูกศิษย์ของหวางเม่ายังเอาชนะไม่ได้ ไม่เท่ากับเสียแรงเปล่าหรอกหรือ “เฮ้อ ต้องมาเสียเวลากับคุณอีก เร็วเข้าเถอะ เวลาของผมมีค่ามาก” โอวหยางซิวเจี๋ยดูท่าทางหงอยเหงาซึมเซา ราวกับว่าเขาไม่รู้สึกสนใจการแข่งหมากล้อมกับหานซานเฉียนเลย สวี่ฮวนนำกระดานหมากล้อมออกมา โอวหยางซิวเจี๋ยจับหมากสีขาว หานซานเฉียนจับหมากสีดำ การแข่งขันหมากล้อมเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ บรรดาจีนมุงต่างชะเง้อคอมอง หวางเม่ารู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน ถ้าหานซานเฉียนเอาชนะโอวหยางซิวเจี๋ยไม่ได้ สงครามครั้งนี้เขาย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว อีกอย่างถ้าหานซานเฉียนพ่ายแพ้ เขาก็คงจะแพ้ด้วยอย่างแน่นอนเช่นกัน เกียรติยศของเขาจะถูกซ่างกวนเฮยไป๋เหยียบย่ำก
เมื่อหานซานเฉียนพูดออกมาเช่นนี้ ทุกคนต่างพากันฮือฮา แม้แต่หวางเม่ายังหน้าซีดเผือด เมื่อเอาชนะโอวหยางซิวเจี๋ยได้แล้วก็ควรจะรู้จักพอ ตอนนี้ที่พูดแบบนี้ออกมานั้นไม่เป็นการยั่วยุซ่างกวนเฮยไป๋หรอกหรือ? “พ่อหนุ่ม ทำไมคุณถึงพูดจาดูหมิ่นกันแบบนี้ นึกว่าใครก็เป็นคู่ต่อกรกับซ่างกวนเฮยไป๋ก็ได้หรือไง?” “คุณเอาชนะลูกศิษย์ของผู้อาวุโสซ่างกวนได้ก็เพราะความโชคดี ยังกล้าอวดดีถึงขนาดนี้” “พ่อหนุ่ม เจียมตัวไว้บ้างก็ดีนะ ไม่อย่างนั้นตัวเองนั่นล่ะที่จะเสียหน้า” สมาชิกของสมาคมมองหานซานเฉียนอย่างขุ่นเคือง ไม่พอใจกับการไม่ให้เกียรติของเขา หวางเม่ารู้ว่าถ้าหานซานเฉียนแข่งขันกับซ่างกวนเฮยไป๋นั้นจะเป็นการฆ่าตัวตายชัด ๆ จึงรีบพูดขึ้นว่า “รีบขอโทษเดี๋ยวนี้” หานซานเฉียนจ้องมองซ่างกวนเฮยไป๋ด้วยสายตาดุจคบเพลิง ดังคำกล่าวของเทียนฉางเฉิงที่พูดว่านี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากจริง ๆ หากพลาดไป เกรงว่าชีวิตนี้คงไม่ได้มีโอกาสเป็นครั้งที่สองแล้ว ถึงจะแพ้แล้วจะเป็นอะไรไปล่ะ? ถ้าไม่รู้จักท้าทายตัวเองเสียบ้าง แล้วจะรู้ขีดจำกัดความสามารถได้อย่างไรกัน? เทียนฉางเฉิงแตกต่างจากคนอื่น ๆ เขามองหานซานเฉียนด้วยความชื่นชม คนหนุ่ม
หานซานเฉียนขมวดคิ้วบาง ๆ แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ดูเกมเงียบ ๆ วางหมากยอมแพ้ก่อนจะตัดสินแพ้ชนะ นี่คือคุณธรรมประจำใจของพวกคุณเหรอครับ?” ประโยคนี้ทำให้ทุกคนพูดไม่ออกทำได้เพียงมองหานซานเฉียนด้วยความโกรธเท่านั้น ซ่างกวนเฮยไป๋ยิ้มเยาะ หากความดื้อรั้นนี้สะท้อนให้เห็นในตัวโอวหยางซิวเจี๋ย เขาจะต้องปลื้มปีติอย่างแน่นอน แต่เมื่อเป็นหานซานเฉียน เขาจึงคิดว่ามันเป็นความโง่เง่า เพราะนี่คือลูกศิษย์ของหวางเม่า เขาย่อมไม่มีทางมองในแง่ดี “คุณปู่ เขาหล่อมาก” ทันใดนั้น เทียนหลิงเอ๋อร์ก็เข้ามากระซิบที่ข้างหูของเทียนฉางเฉิง เจ้าหมอนี่ คำพูดเมื่อครู่นั้นมีความครอบงำอย่างแท้จริง สมาชิกในสมาคมทุกคนไม่สามารถหาคำมาโต้แย้งได้ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมืออย่างซ่างกวนเฮยไป๋ เขาไม่ได้แสดงความขี้ขลาดออกมาแม้แต่น้อย แต่ยังแสดงความห้าวหาญออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหาได้ยากในคนหนุ่มสาวในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ยิ่งเขาเก่งกาจมากเท่าไร เทียนฉางเฉิงก็ยิ่งรู้สึกกังวลใจมากขึ้นเท่านั้น คนแบบนี้ไม่มีทางเป็นพวกไร้ประโยชน์ การแต่งงานเข้าตระกูลซูเป็นเพราะเขามีเรื่องในใจที่พูดยาก หรือว่ามีจุดประสงค์บางอย่างกันแน่
ซ่างกวนเฮยไป๋รู้สึกโกรธจนแทบกระอักเลือด พาโอวหยางซิวเจี๋ยออกไปทันที ในขณะที่สมาชิกของสมาคมต่างตกตะลึงเมื่อเห็นหานซานเฉียน ต่อหน้าซ่างกวนเฮยไป๋ เขาบอกว่าเขาไม่เห็นโอวหยางซิวเจี๋ยอยู่ในสายตา และที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันแข็งแกร่งเช่นนี้ เพียงเพราะว่ามันเป็นงานอดิเรกของเขา! “โอ้พระเจ้า ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ถึงได้จองหองขนาดนี้” “ไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนเลย แม้แต่ซ่างกวนเฮยไป๋ เขาก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา” “เขาไม่ได้จองหอง ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถบังคับให้ซ่างกวนเฮยไปมาถึงจุดจุดนี้ได้” “ให้ตายสิ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนที่เก่งกาจแบบนี้ในเมืองหยุนเฉิง ช่างเป็นหน้าเป็นตาแก่วงการหมากล้อมแห่งเมืองหยุนเฉิงจริง ๆ” หานซานเฉียนมองไปยังคนที่กระตือรือร้นอยากจะคุยผูกสัมพันธ์กับเขา แล้วพูดกับหวางเม่าว่า “คุณปู่หวาง ผมยังมีบางอย่างต้องทำ ขอตัวก่อนนะครับ” เมื่อพูดจบ หานซานเฉียนก็เร่งฝีเท้าออกไปทันที เทียนหลิงเอ๋อร์มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วและวิ่งช้า ๆ ตามหานซานเฉียนไป เทียนฉางเฉิงเดินเข้าไปหาหวางเม่า แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ตาแก่ กล้าดียังไงถึงเอาเปรียบฉัน” “ฉันไปเอาเปรียบนายตอนไ
ชายคนนั้นเห็นท่าทางหลงใหลของหานซานเฉียนก็หัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “คุณดูสิ คนไร้อนาคตทำได้แค่มองดูอยู่ข้างนอก คุณรู้แล้วใช่ไหมว่ามีความสุขมากแค่ไหนที่ได้แฟนแบบผม” หญิงสาวปิดปากหัวเราะคิกคัก มองดูหานซานเฉียนอย่างดูถูก แล้วพูดว่า “คนจนแบบนี้ต่อให้ฉันตาบอดก็ชอบไม่ลงหรอก” เมื่อพูดจบ ทั้งสองคนก็เดินออกไปแล้วเดินมาที่รถ BMW Z4 ที่อยู่บนลานจอดรถริมถนน ใกล้กับรถของพวกเขานั้นมีรถลัมโบร์กินีจอดอยู่คันหนึ่ง “รถคันนี้สวยมาก คุณจะซื้อได้เมื่อไหร่?” หญิงสาวเอ่ยถามชายหนุ่ม ชายหนุ่มมีท่าทีเก้อเขินเล็กน้อยแล้วพูดว่า “รีบขึ้นรถเถอะ พูดอะไรไร้สาระ คนธรรมดาทั่วไปจะซื้อรถนี้ไหวเหรอ?” ขณะเดียวกันนั้นไฟหน้ารถได้กะพริบขึ้น รถลัมโบร์กินีที่ปลดล็อกเรียบร้อยแล้วกำลังรอต้อนรับเจ้าของมัน หญิงสาวนั่งอยู่ในรถแล้วมองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าเจ้าของรถลัมโบร์กินีคือใคร ทันใดนั้นหานซานเฉียนก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน เพราะมีชายชรายืนอยู่ตรงหน้าขวางทางของเขาไว้ “คุณปู่เหยียน” หานซานเฉียนอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ เหยียนจุน อาจารย์ของหานซานเฉียนตั้งแต่เด็กจนโต อาจกล่าวได้ว่าที่หานซานเฉียนมีความสามารถอย่างเช่นตอนนี้เป็นเ
คืนนั้นที่โต๊ะอาหารค่ำ หานซานเฉียนบอกเรื่องที่ต้องจากไประยะเวลาหนึ่งกับซูหยิงเซี่ย ภายนอกซูหยิงเซี่ยดูเฉยเมยและพยักหน้ารับรู้อย่างเย็นชา แต่เจี่ยงหลานไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะไปทำเรื่องที่ดี เธอพูดอย่างเย็นชาว่า “หานซานเฉียน ถ้าแกเลี้ยงดูผู้หญิงอื่นไว้นอกบ้าน ก็อย่าให้พวกเรารู้แล้วกัน ไม่งั้นฉันจะไล่แกออกจากตระกูลซู” สิ่งที่เจี่ยงหลานพูด หานซานเฉียนไม่เก็บเอามาใส่ใจ ผู้หญิงคนนี้มองเขาด้วยความเกลียดชัง เธอจึงพูดอะไรดี ๆ ออกมาไม่ได้ “อ้อ ก่อนที่แกจะไป ทิ้งเงินทั้งหมดของแกไว้ด้วย ฉันจะไม่ยอมให้แกเอาเงินของตระกูลซูไปใช้เลี้ยงดูผู้หญิงคนอื่น” เจี่ยงหลานกล่าว หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมมีเงินหลายหมื่นล้าน คุณจะเอาไหม?” เจี่ยงหลานยิ้มเยาะ คนไร้ค่าคนนี้กล้าดีอย่างไรมาบอกเธอว่ามีเงินหลายหมื่นล้าน ขี้โม้หรือเปล่า? “ถ้าแกมีเงินหลายหมื่นล้าน ฉันก็เป็นเจ้าของสี่อุตสาหกรรมหลักแล้ว อย่ามาขี้โม้” เจี่ยงหลานพูดอย่างดูถูก หานซานเฉียนยักไหล่ “ในเมื่อไม่เชื่อผม แล้วจะให้ผมเอาเงินที่ไหนออกมาล่ะ?” “หานซานเฉียน อย่ามาเสแสร้งต่อหน้าฉัน ฉันรู้ว่าแกยังมีเงินอยู่ วันนี้ต้องเอาออกมาให้หมด นี่เป็
เจี่ยงหลานลูบคลำใบหน้าของเธอ แล้วมองหานซานเฉียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ เจ้า...เจ้าคนไร้ประโยชน์คนนี้ กล้าตบเธอ! “ความอดทนของผม ไม่ใช่เหตุผลที่คุณจะมาเหยียบจมูกผมได้ ผมขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ายังพูดจากเหลวไหลต่อไป ผมจะไม่เกรงใจคุณแล้ว” สีหน้าของหานซานเฉียนเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เยือกเย็นไปถึงกระดูก แววตาของเจี่ยงหลานเป็นตื่นตระหนกด้วยความหวาดกลัว แม้แต่ซูกั๋วเย่าเองก็ยังตกตะลึง เหมือนเขาจะมองเห็นพลังของหานซานเฉียนที่ใช้กำลังกับซูไห่เฉาคราวก่อนซึ่งน่าสะพรึงกลัวมาก “หานซานเฉียน คุณทำอะไรน่ะ!” ซูหยิงเซี่ยได้สติกลับมาแล้วจึงตวาดใส่หานซานเฉียนด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ถึงอย่างไรเจี่ยงหลานก็เป็นแม่ของเธอ หานซานเฉียนอยู่ในฐานะคนรุ่นหลังจะมาทำร้ายผู้อาวุโสกว่าได้อย่างไร? หานซานเฉียนยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมกับส่ายหน้า แล้วกลับไปที่ห้องของตัวเอง ได้ยินเสียงเจี่ยงหลานโวยวายอยู่ข้างนอก หานซานเฉียนกลับรู้สึกสงบนิ่ง คนแบบนี้เขาควรจะสอนบทเรียนให้เธอมานานแล้ว แม้ว่าบทเรียนนี้จะยังไม่เพียงพอ แต่หานซานเฉียนจะทำให้เธอสำนึกตัวเองได้ในวันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว! ซูหยิงเซี่ยนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นเหม
เมื่อได้ยินแบบนี้ ซ่างกวนเฮยไป๋ก็ตกใจและเข้าใจผิดว่าเหยียนจุนกำลังตำหนิเขา จึงรีบอธิบายว่า “ผมประมาทเกินไป ชนะแค่สิบจุดครับ” เหยียนจุนหัวเราะแล้วพูดว่า “ถ้าให้เวลาเขาอีกห้าปี คุณจะยังเอาชนะเขาได้ไหม? พูดมาตามตรง” เวลาห้าปี สีหน้าของซ่างกวนเฮยไป๋เริ่มย่ำแย่ลงอย่างถึงที่สุด ตอนนี้เขาอายุมากแล้ว สมองของเขาก็แย่ลงเรื่อย ๆ ในช่วงเวลาห้าปี ทักษะการเล่นหมากล้อมของเขาจะถดถอยลง แต่ชายหนุ่มคนนั้นจะพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ อีกห้าปีข้างหน้า ตาชั่งของผู้ชนะจะต้องเอนเอียงไปหาชายหนุ่มคนนั้นอย่างแน่นอน แต่การยอมรับความล้มเหลวของตัวเอง ไม่ใช่สิ่งที่ซ่างกวนเฮยไป๋จะพูดออกมาได้ ในฐานะผู้นำ สิ่งสำคัญที่สุดคือภาพลักษณ์ แล้วจะยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าคนหนุ่มคนหนึ่งได้อย่างไร? “คุณเหยียน อีกห้าปีข้างหน้า ลูกศิษย์ของผมจะต้องชนะเขาอย่างแน่นอน” ซ่างกวนเฮยไป๋กล่าว เหยียนจุนยิ้มเล็กน้อย ชายคนนี้คิดว่าเขาไม่พอใจที่พ่ายแพ้ แต่ในความเป็นจริง เหยียนจุนกลับมีความสุขกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม หานซานเฉียนเป็นคนที่เขาฝึกฝนอบรมมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็เป็นเรื่องดีที่ซ่างกวนเฮยไป๋เป็นศัตรูกับหานซานเฉียน การเติบโตขึ้นของคนเรา