ซูกั๋วเย่าพยักหน้ารับด้วยใบหน้าซีดเซียวจากอาการตกใจ แม้ว่าหญิงชราจะปฏิบัติต่อเขาไม่ค่อยดี แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเขา ตอนนี้เธอมาเสียชีวิตไปซะแล้ว เป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงความเสียใจซูหยิงเซี่ยก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แม้ว่าเธอจะถูกหญิงชราดูถูกสารพัด แต่ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เธอทำใจยอมรับไม่ไหวจริง ๆ“ทำไมถึงได้กะทันหันขนาดนี้ อยู่ดี ๆ ทำไมท่านถึงเสียชีวิตได้คะ?” ซูหยิงเซี่ยถามอย่างไม่เชื่อ“พ่อก็ไม่ค่อยเข้าใจ ไป ไปกันเถอะ กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลซูกัน” ซูกั๋วเย่าพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนทั้งครอบครัวออกเดินทางอย่างรีบเร่ง อาหารที่อยู่บนโต๊ะยังไม่ได้แตะต้องสักคำก่อนที่จะออกไป เจี่ยงหลานพูดกับเหอถิงว่า “วันนี้อาหารพวกนี้คงคุ้มค่าสำหรับเธอแล้วล่ะ”เมื่อมาถึงที่คฤหาสน์ตระกูลซู กลุ่มบรรดาญาติ ๆ ของตระกูลซูก็มาถึงครบแล้วในห้องของหญิงชรา ซูไห่เฉาและซูอี้หานกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ที่ข้างเตียง พร้อมกับร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก การแสดงออกด้วยน้ำตาที่ไหลรินจากความเสียใจอย่างสุดซึ้งของซูไห่เฉา ทำให้ผู้คนมองเห็นถึงความผิดปกติในการกระทำเล็กน้อยนี้ซูหย
คำพูดของซูไห่เฉาเห็นได้ชัดว่าเป็นมุมมองของตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท แต่ภายในห้องก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านออกมา เพราะพวกเขาต่างรู้ดีกันอยู่ว่า สุดท้ายหญิงชราจะมอบตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทให้กับซูไห่เฉา ตอนนี้หญิงชราได้เสียชีวิตแล้ว โดยปกติก็คงจะเป็นเขาที่ต้องมาสืบทอดตำแหน่งนี้แทน“ไห่เฉา ลูกหมายความว่า พวกเราได้แค่ต้องจำใจกล้ำกลืนความเจ็บปวดนี้ไว้เหรอ?” ซูกั๋วหลินกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางกล้ำกลืนฝืนทนซูไห่เฉาถอนหายใจและพูดว่า “คุณพ่อคิดว่าตอนนี้ตระกูลซูมีคุณสมบัติที่จะจัดการกับตระกูลเทียนอย่างนั้นเหรอครับ? ถ้าทำให้ตระกูลเทียนอับอาย พวกเราทั้งหมดได้เจอกับหายนะแน่นอน พวกเราอดทนกันชั่วคราวไปก่อน หวังว่าคงไม่มากเท่าไหร่หรอกครับ ตราบใดที่ยังมีโอกาสแก้แค้นในอนาคตก็เพียงพอแล้ว”เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยหญิงชราเสียชีวิตแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ทุกคนในตระกูลจะต้องถูกฝังตามไปกับเธอด้วยช่วงนี้การไปสร้างปัญหากับตระกูลเทียนนั้นก็เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งการตายของหญิงชราก็ไม่สามารถกล่าวอ้างกับสังคมภายนอกได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเทียน ไม่อย่างนั้นแล้วตระ
ความจริงแล้วภายในใจของซูหยิงเซี่ยไม่ได้คิดว่าหานซานเฉียนเป็นคนทำเรื่องนี้ แต่เธอไม่ได้พูดและไม่ได้ส่ายหน้า หรือพยักหน้ารับใด ๆ ทุกคนในตระกูลซูมาที่ห้องนั่งเล่นและกำลังปรึกษาหารือเกี่ยวกับงานศพของหญิงชรา เมื่อหานซานเฉียนรู้ว่าซูอี้หานจะเอาสินสอดเหล่านั้นไป เขาจึงพูดกับซูอี้หานว่า “เงินพวกนี้ เธอก็ใช้จ่ายอย่างประหยัดอดออมด้วยนะ ไม่งั้นในอนาคตเธอจะต้องจ่ายคืน ซึ่งเธอไม่สามารถจ่ายคืนมันได้”ซูอี้หานมองไปที่หานซานเฉียนอย่างรังเกียจ และพูดว่า “แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ฉันใช้เงินของตัวเองแล้วเกี่ยวอะไรกับแกด้วย แกอย่าลืมว่าแกเป็นแค่คนนอก แกมีสิทธิ์อะไรที่จะชี้แนะฉัน?”“คุณมั่นใจมากว่าสินสอดนั่นเป็นของคุณใช่ไหม?” หานซานเฉียนเอ่ยถามอย่างเย็นชา“แน่นอนสิ” ซูอี้หานกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “นอกจากฉันแล้วจะยังมีใครที่มีสิทธิ์ในสินสอดนั่นอีก?”“ผมแค่แนะนำด้วยความหวังดี คนที่สามารถส่งสินสอดมากมายขนาดนี้มาให้ได้ อีกฝ่ายต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ถ้าคุณจ่ายเงินคืนไม่ได้ อาจจะนำไปสู่จุดจบที่ทำให้ครอบครัวของคุณต้องพังพินาศ” หานซานเฉียนกล่าว“เจ้าโง่ นี่แกสาปแช่งฉันใช่ไหม?” ซูอี้หานจ้องไปที่หานซานเฉียนอย่าง
วันรุ่งขึ้น ห้องโถงไว้ทุกข์ของหญิงชราถูกสร้างขึ้นภายในคฤหาสน์ตระกูลซู หลายคนที่ได้ยินข่าวนี้ต่างรีบมาที่คฤหาสน์ตระกูลซูทีละคน เพื่อส่งหญิงชราเป็นครั้งสุดท้ายถึงแม้หลังจากที่ตระกูลซูได้เป็นผู้ดำเนินการโครงการเฉิงซีอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการร่วมมือกับบุคคลอื่นอีก แต่มิตรภาพก่อนหน้านี้ยังคงอยู่ ดังนั้นคนที่มาถึงคฤหาสน์ตระกูลซูจึงมีจำนวนไม่น้อยเช่นกันเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน การแสดงละครของซูไห่เฉายังทำได้ยอดเยี่ยมเหมือนเมื่อวาน ดวงตาทั้งสองของเขาบวมและแดงช้ำราวกับว่าโศกเศร้าเสียใจมาก พูดถึงสาเหตุการเสียชีวิตของหญิงชรากับบุคคลภายนอกว่าเป็นเพราะโรคประจำตัวกำเริบแม้บุคคลภายนอกจะรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกระทันหันมาก แต่หญิงชราก็อายุมากแล้ว การเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นถือเป็นเรื่องปกติได้เช่นกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในตระกูลซู บุคคลภายนอกจึงไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดหานซานเฉียนยืนอยู่ข้างนอกคฤหาสน์ในชุดสีดำและไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะสวมเสื้อผ้าไว้ทุกข์สำหรับลูกหลานคนจีนของตระกูลด้วย เพราะคฤหาสน์หลังนี้เป็นของซูไห่เฉาเรียบร้อยแล้ว แม้แต่ประตูซูไห่เฉาก็ไม่ยอมให้เขาเข้าไปในช่ว
เทียนฉางเฉิงยิ้มบาง ๆ และพูดว่า “หลานขู่เขาขนาดนี้ ครั้งหน้าเขาคงไม่กล้ามาอีกแล้วล่ะ”เทียนหลิงเอ๋อร์บุ้ยปากและพูดด้วยสีหน้าท่าทางไม่พอใจ “แล้วใครบังคับให้คุณปู่ท่านพูดแบบนี้ทุกครั้งล่ะคะ? เริ่มตั้งแต่แรกที่หนูเจอท่าน ท่านก็บอกว่าจะให้ของขวัญกับหนู นี่กี่ปีแล้ว หนูยังไม่เคยเห็นของขวัญนั่นเลยว่ามันเป็นอะไร?"“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เทียนฉางเฉิงหัวเราะเสียงดัง แม้หวางเม่าจะมีตำแหน่งค่อนข้างสูงในเมืองหยุนเฉิง แต่เขาก็เป็นคนตรงไปตรงมา แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยได้รับผลประโยชน์จากผู้อื่น ดังนั้นชีวิตของเขาจึงยืดเยื้อชักหน้าไม่ถึงหลัง แล้วจะยังมีเงินสำรองที่ไหนมาซื้อของขวัญให้เทียนหลิงเอ๋อร์ได้ล่ะ?แต่ชายชราคนนี้ต้องการรักษาภาพลักษณ์เหมือนกัน เขาจึงพูดถึงเรื่องนี้ทุกครั้ง“คุณปู่คะ คุณปู่หวางมาหาคุณปู่ทำไมกันคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างสงสัย“เขามาขอความช่วยเหลือจากปู่น่ะ” เทียนฉางเฉิงนั่งลงบนโซฟาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ขอความช่วยเหลืออย่างนั้นเหรอคะ? คุณปู่หวางก็ไม่ใช่คนของกลุ่มธุรกิจ แล้วมาหาคุณปู่ให้ช่วยเหลือเรื่องอะไรคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างงุนงง สำหรับคุณปู่หวางเม่าที่ไม่ได้ให้ของขวั
ในวันเผาศพของหญิงชรา หานซานเฉียนยังคงไม่สามารถติดตามขบวนขนาดใหญ่ไปด้วยได้ นั่นเป็นเพราะท่าทีของซูไห่เฉา ตอนนี้ทุกคนจึงถือว่าหานซานเฉียนเป็นคนนอกโดยสมบูรณ์ แต่เมื่อมาถึงเมรุเผาศพ ซูไห่เฉากลับพบเรื่องบางอย่างเตาเผาศพของเมรุแบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ ด้วยตำแหน่งของหญิงชรา ย่อมต้องเลือกคุณภาพระดับสูงสุด แต่เนื่องจากความผิดพลาดของซูไห่เฉาที่ไม่มีการจองล่วงหน้าไว้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่นำศพของหญิงชราไปวางไว้ที่ด้านข้างพร้อมกับกลุ่มคนที่รออย่างกระวนวาย“ทำยังไงกันดี ถ้าวันนี้ไม่สามารถเผาศพได้ก็จะพลาดฤกษ์ดีแล้วนะ ไห่เฉา นายรีบคิดหาวิธีเร็ว”“ใช่แล้ว ฉันปล่อยให้แม่รออยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้หรอกนะ”“ไห่เฉ่า ตอนนี้นายเป็นประธานกรรมการบริษัทของตระกูลซู ศักดิ์ศรีเล็กน้อยแค่นี้ก็ยังให้ไม่ได้เลยเหรอไง?”ซู่ไห่เฉาเจรจากับคนที่อยู่บริเวณเมรุ แต่วันนี้เตาเผาศพคุณภาพสูงที่สุดล้วนไม่ใช่บุคคลธรรมดาที่จะนำมาเผาได้ เขาจึงเสนอเรื่องนี้ไปว่าต้องการลัดคิว แต่ถูกหัวหน้าผู้ดูแลเมรุดุด่าเข้าเต็ม ๆ ซึ่งสีหน้าชายคนนั้นไม่ให้เกียรติเขาเลยแม้แต่น้อย“ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเข้าไปในเมรุแล้ว ถ้าขืนออกไปทั้งแบบนี้ ฉันได้ยิน
เมื่อซูไห่เฉาเดินกลับมา บรรดาญาติพี่น้องตระกูลซูต่างพากันชื่นชมซูไห่เฉาอย่างมาก “ไห่เฉา ฉันบอกแล้ว เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณ เมื่อสักครู่นี้ผู้จัดการของเมรุเผาศพออกมาบอกว่า เขาจะจัดการแก้ไขปัญหาให้เราในไม่ช้า” “สมกับที่เป็นประธานของเรา ไห่เฉา คุณเก่งจริง ๆ” “บริษัทอยู่ในมือคุณ จะต้องก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไปอย่างแน่นอน” แม้ว่าเรื่องนี้ซูไห่เฉาจะไม่ได้เป็นคนจัดการ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าหานซานเฉียนเป็นคนทำเช่นกัน ซูไห่เฉาจึงยอมรับคำเยินยอเอาไว้ทั้งหมด เขายิ้มแล้วพูดว่า “ตอนแรกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยังไงตอนนี้ผมก็เป็นประธานบริษัท เขาต้องให้เกียรติผมอยู่แล้ว” “แน่นอน ใครจะกล้าไม่ให้เกียรติประธานแห่งตระกูลซูล่ะ?” ในขณะที่บรรดาญาติพี่น้องตระกูลซูกำลังภาคภูมิใจอยู่นั้น ก็มีน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามดังขึ้นมาว่า “ประธานบ้าบออะไร ไม่อยู่ในสายตาผมสักนิด” เมื่อซูไห่เฉาเห็นชัดเจนแล้วว่าเจ้าของเสียงคือใคร สีหน้าก็เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว เขาเป็นผู้จัดการที่อยู่ในสำนักงานเมื่อครู่นี้ ญาติตระกูลซูไม่รู้ว่าเขาให้เกียรติใคร แต่ตัวเขาเองนั้นรู้ดี “คุณ...ทำไมคุณพูดแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เ
ด้วยความช่วยเหลือจากหานซานเฉียน การฌาปนกิจและฝังศพไม่ได้ทำให้ฤกษ์มงคลล่าช้าไป สามารถจัดขึ้นได้ในวันเดียวกัน แต่น่าเสียดายที่ตระกูลซูไม่ได้รู้สึกขอบคุณหานซานเฉียนในเรื่องนี้ กลับกลายเป็นเกลียดชังเขามากเป็นพิเศษด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูไห่เฉา เขารู้สึกว่าตนเองต้องรู้สึกอับอายเพราะหานซานเฉียน ดังนั้นเขาจึงจดจำความเคียดแค้นที่มีต่อหานซานเฉียนเอาไว้อีกครั้ง ไม่กี่วันต่อมา เรื่องของตระกูลซูก็เงียบลง และมันก็ไม่ได้เป็นที่โจษจันมากมายนักในเมืองหยุนเฉิง ถึงอย่างไรหญิงชราก็ไม่ได้ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญอะไรในตระกูลซู เช้าวันนี้ ในขณะที่หานซานเฉียนยังไม่ตื่นนอนก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมาหลายครั้งอย่างเอาเป็นเอาตาย “ทำไมคุณยังไม่ตื่นนอนอีก คุณลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง?” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดอย่างรีบร้อนตามคาด หานซานเฉียนลืมตาสะลึมสะลือขึ้นมองดูเวลา แล้วกดวางสายไปซะ บ้าไปแล้ว นี่ยังไม่ถึงเวลาหกโมงเช้าเลย! เทียนหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์ไม่ได้เห็นหน้าหานซานเฉียนมาหลายวันแล้ว ดังนั้นเธอจึงอดใจรอแทบไม่ไหว แม้ว่าจะยังเป็นเวลาเช้าตรู่ แต่ในความคิดของเธอ วันนี้หานซานเฉียนต้องเผชิญก